ปัญหาสินค้าปลอมยังคงเป็นปัญหาใหญ่ของบริษัทอีคอมเมิร์ซต่างๆ อย่างล่าสุดแอปเปิลออกมาเปิดเผยว่า อุปกรณ์เสริมและหัวชาร์จของแอปเปิลบนเว็บไซต์ Amazon ส่วนใหญ่ที่ระบุว่าเป็นของแท้ (Genuine/Official) เป็นของปลอมทั้งสิ้น พร้อมยื่นฟ้อง Mobile Star LLC บริษัทซัพพลายเออร์ที่วางจำหน่ายบน Amazon ฐานละเมิดสิทธิบัตร
แอปเปิลได้ซื้ออุปกรณ์เสริม สายชาร์จ หัวชาร์จจาก Mobile Star บน Amazon กว่า 100 ชิ้นที่มีการระบุว่าเป็นของแท้ ก่อนจะพบว่ากว่า 90% เป็นของปลอม โดยเฉพาะหัวชาร์จที่ไม่ได้มาตรฐาน มีฉนวนไม่เพียงพอ ชิ้นส่วนด้อยคุณภาพ รวมถึงถูกประกอบอย่างลวกๆ ซึ่งสุ่มเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจรหรือลุกไหม้ และสินค้าปลอมเหล่านี้ส่วนใหญ่มาพร้อมกับ Amazon Standard Identification Number พร้อมระบุว่าขายโดย Amazon.com
ด้าน Amazon ที่ไม่โดนหากเลขไปด้วย ได้ลบหน้าที่ขายสินค้าเหล่านั้นออกไปแล้ว พร้อมยืนยันนโยบายไม่อดทนต่อการขายสินค้าปลอม และจะดำเนินการกับผู้กระทำผิดอย่างเด็ดขาด
ที่มา - Forbes
Comments
ที่ไม่โดนหางเลขไปด้วย
แสดงว่าหางชาร์จนี่ไม่ปลอมสินะครับ
อุปกรณ์เสริมที่น่ากลัวสุดคือ อุปกรณ์ USB type-C นี่แหล่ะ ทั้งหม้อแปลงทั้งสาย และแถมไม่มีหน่วยงานไหนออกมาไล่ตรวจสอบอย่างเป็นทางการ มีแค่พนักงานกูเกิลหนึ่งคนที่คอยซื้อมารีวิวว่าตรงตามมาตรฐานรึเปล่า
USB type-C ไฟแรงซะด้วยสิครับ
Type-C นี่มันแย่ตรงเปิดสเปคให้จ่ายกระแสได้หลายระดับนี่แหละ แต่ดันไม่มีมาตรฐานควบคุมการใช้กระแสของตัวจ่าย/ตัวนำ หรือมีมาตรฐานเซฟตี้ไว้ที่ตัวรับก็ยังดี ทำเอาต้องไปวัดดวงกันเลย
มาตรฐานมันมีนะครับ รายที่ทำถูกตามมาตรฐานก็จะได้รับรองโดย USB-IF อยู่แล้ว
แต่ผู้ผลิต(โดยเฉพาะรายที่ทำถูกๆ) มักไม่สนใจมาตรฐานกันเอง รวมถึงคนซื้อก็ไม่ค่อยใส่ใจด้วยเพราะได้ของถูก
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
มันน่ากลัวขนาดที่ apple บอกไหมครับ ปกติใช้ micro usb ชอบซื้อจากร้าน 20 บาทมาใช้ก็ไม่เคยเจอปัญหา พอเปลี่ยนมาใช้ apple เลยว่าจะซื้อจากร้าน 20 บาทใช้อีก
ผมแนะนำหาซื้อตัววัดไฟของ USB มาใช้สักตัวนึงนะครับ เสียบแล้วเห็นชัดมากว่าสายถูกๆ นี่รองรับการจ่ายไฟได้ห่วยมาก ที่ได้ดีก็มีแต่หายากหน่อย แล้วใช้นานๆ ไปนี่ก็มักจะกระแสตกแบบเห็นชัดๆ เลยครับ
จากคนที่โยนสายที่มีทิ้งหมดหนีไปพึ่งสาย Intel Compute Stick จนเพิ่งกัดฟันซื้อสาย Belkin มาทดแทนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
อันนี้ก็วัดได้แบบคร่าวๆ ได้แค่ว่ากระแสเท่าไหร่ แรงดันเกินไหม
ถ้าแกะหรือเอาสโคปจิ้มจะรู้ว่ามันมีอะไรมากกว่านั้นอีกเยอะที่มองไม่เห็น แต่มีผลต่อความปลอดภัยและตัวเครื่องในระยะยาว
ใช้ของแท้หรือพวกยี่ห้อดีๆเถอะ จะได้ไม่เป็นภาระลูกหลาน
ขายเรา 20 บาท ทุนโรงงานไม่เกิน 2-3 บาท ราคานี้คิดว่าเขาเอาของคุณภาพมาให้เราหรือครับ ต่อให้ที่ขายกัน 100 นึงก็เหอะ ทุนไม่ถึง 10-20 บาท
ตัววัดไฟ usb ที่แนะนำหน้าตายังไงครับ ลอง search หาดูเห็นแต่เป็นหัว usb ที่ต่อกับฝั่ง adaptor เลยงงอยู่ว่ามันจะวัดความสามารถของสายด้วยได้ไง
มันวัดกระแสที่ไหลออกจากที่ชาร์จมาผ่านตัวมัน ซึ่งต้องไปผ่านสายไปเข้าโทรศัพท์หรือคอมครับ ถ้าสายรองรับพลังงานได้ไม่สูงพอ (ความต้านทานสูงหรืออะไรก็แล้วแต่) กระแสก็ไหลได้น้อยครับ
สายที่ผมใช้ไม่เคยใช้สายถูกๆ ครับ (แต่ก็ไม่เคยใช้สายแพงๆ ด้วยครับ เพิ่งตัดใจซื้อ Belkin ไปตามที่บอก สรุปคือก่อนหน้านี้ใช้สายแถมของแท้ล้วนๆ 555) เอาสายแถม Amazon Kindle เสียบนี่กระแสเหลือแค่ ~0.9A เลยทีเดียว (สายยาวก็มีผล แต่หลักๆ คือ Kindle มันไม่ได้ใช้กระแสมากอยู่แล้วเค้าก็เลยทำมาแค่นั้น) แต่พอใช้สายที่แถม Intel Compute Stick นี่กระแสวิ่งไปเกิน 2A เลยครับ
แต่ก็ใช่ครับมันวัดอะไรมากไม่ได้ แรงดันปลายทางก็ไม่รู้ ความนิ่งกระแสก็ไม่เห็น ฯลฯ แต่อย่างน้อยก็บอกได้ว่าสายเส้นไหนชาร์จได้เร็วหรือช้าในระดับนึง
มีสายusb ของKindle3 คนที่ยืมไปใช้ชาร์จโทรศัพท์บอกว่า ชาร์จไวกว่าสายอื่นๆที่เคยใช้มา ใช้กันจนถลอก ต้องหาเทปมาพันก็ยังใช้ได้ดีอยู่จนทุกวันนี้
ผมมีอยู่หลายเส้นครับ แต่ตอนนั้นลองวัดแค่สองเส้นที่ใช้บ่อยๆ หรือบางทีสองเส้นนั้นมันอาจจะเสื่อมแล้วก็ได้
แต่ผมชอบนะครับ มันยาวดี วัสดุตรงหัวก็โอเคด้วยแต่ดันแตกง่ายไปนิด เดี๋ยวงัดเส้นที่ไม่เคยใช้มาลองอีกทีละกันครับ รู้สึกเหลือใหม่ๆ อีกสองสามเส้น
ถ้าวัดความสามารถของสายใช้ oscilloscopes ครับ
สายห่วยๆ กระแสจะผ่านน้อยครับ ตัววัดไฟ usb จะบอกทั้ง V และกระแสที่ผ่าน เปลี่ยนสาย แต่ adapter ตัวเดิมกระแสต่างกันชัดเลยครับ
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
อ่อ ครับ ขอบคุณทั้งสามท่านครับ
เป็นแค่สายหรือมีหม้อแปลงมาด้วยครับ ไอ้ที่อันตรายหน่ะ หม้อแปลงนะ น่าจะเคยเห็นแอร์สาวชาวจีนโดนไฟดูดตายมาอล้วนะครับ อุปกรณ์ไฟฟ้าถ้าซื้อมาวัสดุไม่ดีต้องคอยระวังชีวิตและทรัพย์สิน(ไฟไหม้)เอาเองหน่ะครับ ซื้อมาลองแกะดูข้างในสิครับแล้วจะกรี๊ด กับของที่อยู่ข้างใน แล้วมันมีอีกอย่างอาจทำให้ระบบชาร์ตของตัวเครื่องที่เอามาชาร์ตพังซะเองด้วย
สรุปต้องเสี่ยงเอาครับ
แค่สายครับ หม้อแปลงถูกๆ ก็ไม่ค่อยกล้า ถ้าใช้แค่สายถูกๆ จะมีโอกาสไหม้หรือทำให้หม้อแปลงแท้หรือตัวเครื่องเสียหายไหมครับ
อ้อ ปกติสายพวกนี้ผมเอาไว้ใข้กับ powerbank กับ car charger เพราะหัวมันหักบ่อยน่ะครับ ถ้าชาร์จข้ามคืนใช้ของแท้ที่ติดมากับเครื่องอยู่
หัวอแดปเตอร์แนะนำใช้ของAppleก็ได้ครับ มันไม่พังง่ายๆเหมือนตัวสาย
แต่ตัวสายนี่แนะนำของBelkin หนา ทน ถึก กว่าของแท้ซะอีก ทั้งๆที่ราคาเท่ากัน
Belkin นี่กระแสใช้ได้ใช่มั้ยครับ เคยใช้แล้วชาร์จ iPad ตอนเปิดแผนที่ในรถแล้วแบตมันลด แต่ของ Apple ไม่ลด
อาจจะแล้วแต่รุ่นด้วยครับ ผมเพิ่งได้ Belkin 1.2m Micro USB มา (ก็ สายคนละอย่างกันด้วย) เสียบชาร์จ tablet แล้วได้กระแสสูงสุดเทียบกับทุกสายที่ผมเคยมีเลยครับ
แต่ใช้ไปนานๆ ไม่แน่ใจว่าจะยังได้ขนาดนี้อยู่รึเปล่า
ของBelkinมันได้MFIจากAppleนะครับ เรื่องการใช้งานน่าจะหายห่วงครับ
ส่วนที่iPadแบตลดนี่ iPadเป็นรุ่นไหนครับ บางรุ่นมันต้องใช้ไฟ 12W บางรุ่น 10W ต้องตรวจสอบช่องชาร์จในรถด้วยว่าจ่าไฟถึงรึปล่าว
ส่วนมากรถมันจะจ่ายไฟแค่ 5V 1A = 5W ซึ่งมันไม่พอสำหรับiPad ถ้าสเปคถึงแล้วแบตยังลดอยู่ผมว่าส่งเคลมโลดครับ
ส่วนที่ของAppleมันชาร์จเข้า อาจจะเพราะความต้านทานมันอาจจะต่ำกว่าของBelkinกระแสมันเลยวิ่งได้พอดีกับการใช้ไฟของiPadครับ
ตั้งแต่สมัย iPad 4 ครับ ไม่ได้ใช้ iPad ต่อดูแผนที่ในรถนานแล้ว คือมีสาย 2 เส้นอะครับ ทุกอย่างเหมือนกันเปลี่ยนแค่สาย ผมเข้าใจว่าถ้ามันจ่ายได้ตามมาตรฐานมันน่าจะ 12W แบตมันไม่ควรจะลดนะเพราะปัจจุบันสาย Apple เสียบที่ชาร์จทีมันบอกกระแสก็ประมาณ 2.4A ถ้าสาย Apple เส้นบางๆมันได้ตามนี้แล้วสายเส้นหนาๆไม่ได้ตามนี้ก็บอกคุณภาพตัวนำไฟฟ้าได้เลย
เข้าใจว่าสายหนาระดับนึงมันต้นทุนถูกกว่าเอาเงินมาแทนทองแดงเพื่อให้สายบางๆนะ ไม่แน่ใจเคยเห็นสายคนอื่นขาดดูจากสีข้างในมันเป็นเงินหรือเปล่า
สายไลนิ่งผมว่า ถ้าไม่ระดับ 20-50 บาท นี่ถ้าเสียบชาร์จเข้ามันก็พอใช้ได้นะครับ แค่อาจชาร์จช้าเร็วต่างกันจากการนำไฟฟ้าของคุณภาพตัวนำ เพราะมันจำกัดกระแสตามตัวจ่ายไฟอยู่แล้วเครื่องไม่พังแน่นอนถ้าใช้อแดปเตอร์แท้ และของที่ไม่ได้ผ่าน MFI จริงอายุการใช้งานอาจสั้นเพราะตัวนำเสื่อมและอาจจะโดน FW ใหม่ที่ตรวจสายได้มาทำให้ใช้ไม่ได้เมื่อไหร่ก็ได้
ผมว่าไลท์นิ่งนี่หา OEM ที่ได้รับ MFI แท้ดีกว่าซื้อสายแท้จากแอปเปิลนะครับ ของแอปเปิลนี่อายุการใช้งานต่ำมากแป๊บเดียวก็เหลืองแป๊บเดียวก็เปื่อย ใช้ถนอมยังไงก็ไป เห็นมีคนอ้างว่าเพราะใช้วัสดุที่ย่อยสลายได้ตามธรรมชาติมาหุ้มตัวนำเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม ... รักษาสิ่งแวดล้อมโดยให้ซื้อใหม่ถี่ๆสินะ
เรื่องสิ่งแวดล้อมนี่เป็นข้ออ้างในการทำธุรกิจที่ดูดีครับ แต่ว่าจะจริงใจต่อลูกค้าแค่ไหนตรงนี้ไม่อาจจะทราบได้
?
อะไรคือเกินเยียวยาละท่าน ?
อ้าวอีดิทไปแล้ว ถ้าเป็นเว็บรุ่นเก่าข้อความโควทโดนอีดิทจะเซฟไม่ติดนะเนี่ย
เข้ามางงคำว่าเกินเยียวยาครับ 555
สายชาร์ตจากแอปเปิล ผมใช้อย่างถนอม เต็มที่ก็ 1 ปีครึ่งไปแล้ว
สาย iPhone 4 ผมยังใช้ได้ดีกับ iPad iPhone ยันปัจจุบันเลยนะครับ แต่สายเหลืองมากเป็นรอยนิดนึงโดนแมวแทะ
ของแท้มันก็บาง เผลอแป๊ปเดียวไม่ฉนวนขาดก็สายขาดใน
อย่างงี้ครับ เวลาใช้ ถ้าชาร์จไปเล่นไป อย่าให้สายตรงขั้วมันงอ อาจเอาสปริงปากกามาใส่ช่วยได้ระดับนึงครับ ชาร์ทเสร็จถอดตัวสายชาร์จออกจากอะแดปเตอร์เลย อย่าคาไว้ เพราะตอนเก็บบางทีมันจะพับงอ
(ผมทำแบบนี้ สายแท้อยู่กับผมมาจะครบสี่ปีแล้ว)
ผมใช้สายชาร์ตของ remax ตอนนี้ปกดี ไม่มีงอแง ราคาไม่แพง วัสดุดีไซต์โอเคครับ
สายค่ายนี้ผมเจอ "บางรุ่น" โดนฟ้องว่าเป็นของปลอมประจำ
ถ้าใช้ Type C จะพบว่ามันมีปัญหามากครับ แต่ถ้าใช้หัวแปลงเป็น Type A แล้วชาร์จไฟอย่าไปหวัง เพราะดีแค่ไหนก็ชาร์จแทบไม่ขึ้นครับยกเว้นจะส่งไฟออกมากระแสสูงสุดที่ 2.1 ถึงจะชาร์จได้บางแต่ช้า (ส่วนใหญ่เป็นแบตสำรอง)
Remax อยู่ในระดับคาดหวังได้นะครับ Macbook 12 นิ้วผมใช้กับ Sony Powerbank 15,000 mAh อยู่เวลาพกเที่ยวถ้าไม่เปิด Parallel ไฟก็ขึ้นใช้ได้อยู่ บางทีแบกกระเป๋าเสื้อผ้าไปใบเดียวต้องประหยัดที่ก็พกกับตัวชาร์จของ Remax ที่มันมีหลายๆรูก็พอแก้ขัดได้ สู้ Adapter มันไม่ได้ก็จริงแต่อยู่ในระดับใช้งานในชีวิตจริงไม่ติดขัดได้เลย
คาดหวังในการชาร์จไฟอย่างเดียวเลยครับเอามาใช้ดาต้านิปวดใจมากจนส่งไร้สายก็ได้...
อ๋อลืมเรื่องเลยปกติใช้แต่ชาร์จแบตเรื่องนี้ไม่เคยใช้เลยครับ เอา Macbook ไปต่อดูดไฟ desktop แล้วมันไม่มีอะไรให้ส่ง ^_^
remax เมื่อก่อนโอเค หลัง ๆ เริ่มห่วยครับ ชาร์จไม่เข้า ขึ้นแจ้งเตือนที่หน้าจอเลย
ของไทยใน LAZADA นี่ก็ของปลอมเพียบครับ
ทั้งๆที่บอกว่าเป็นของแท้ เคยมีผู้ใช้ไปโพสท์ใน pantip อ่านเจออยู่หลายครั้ง
"ของปลอมแบบแท้ๆ"
vs "ของแท้แบบปลอม ๆ"