การเปิดตัว MacBook Pro รุ่นใหม่ล่าสุด ถือเป็นการยุติช่วงเวลาอันยาวนานที่แอปเปิลไม่ได้อัพเดตฮาร์แวร์มานาน 4 ปี 4 เดือน คำถามที่หลายคนสงสัยคือทำไมแอปเปิลถึงทิ้งระยะนานขนาดนี้ ซึ่งเรื่องนี้ Phil Schiller ผู้บริหารด้านการตลาดของแอปเปิล อธิบายไว้ในบทสัมภาษณ์กับ CNET
Schiller บอกว่าแอปเปิลไม่ได้มีเป้าหมายเรื่องกรอบเวลา แนวทางของแอปเปิลคือกระตุ้นให้ทีมสร้างสรรค์ผลงานอันยอดเยี่ยม (do great work) ซึ่งบางครั้งอาจต้องใช้เวลานานถึง 3 ปีด้วยซ้ำ สิ่งที่แอปเปิลแคร์คือสร้างนวัตกรรมให้เครื่องแมค และก็เป็นสิ่งที่แอปเปิลทำมาโดยตลอด
ส่วน Jonathan Ive ก็ให้ข้อมูลว่าทีมของเขาใช้เวลาพัฒนา Touch Bar อยู่นาน 2 ปี และเขายังยืนยันว่าแอปเปิลเลือกจะไม่ทำเครื่องแมคจอสัมผัส เพราะไม่มีประโยชน์มากพอกับผู้ใช้
ที่มา - CNET
Comments
นวัตกรรม ¯\_(ツ)_/¯
เห็นด้วยเรื่อง Laptop จอสัมผัส การเอื้อมมือไปจิ้มจอความรู้สึกดูไม่คุ้นเคยเลย หรือผมไม่ปรับพฤติกรรมเองมากกว่า
แต่ถ้ากรณีพับเป็น Tablet Windows ในหลายๆรุ่น แบบนั้นถือว่าโออยู่.
ไม่ถนัดจริงครับ ไม่เข้าใจว่าทำไมยัดมาให้กันจัง
+1 แถมคนอื่นมาดูมาชี้บนจอกลายเป็นจิ้มไปซะงั้น
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
จากประสบการณ์ที่ใช้ nb จอสัมผัส ผมขอยืนยันอีกเสียงว่า ควรมี ครับ ยิ่งตอนเล่นบนที่นอน ดูอะไรเพลินๆ เราใช้นิ้วโป้เราไปเลื่อนแทน Scroll bar ได้เลย สะดวกมากๆ
แต่ถ้า Apple ทำจอสัมผัส(ซึ่งวันนึงอาจจะทำ)มาบางคนจะบอกว่าว้าวมากๆครับ
แต่ถ้าอีกค่ายทำมาจะบอกว่ายัดเยียดมาให้ทำไมแพงก็แพงไม่อยากได้
ของอย่างนี้ขึ้นอยู่กับการใช้งานมากน้อยและเวลาที่เหมาะสม
คือคนคนนั้นยึดติดกับแบรนด์มากเกินไป
ผมว่าคนที่คิดแบบนี้ อคติมากเกินไป
+1 ครับ ผมใช้เขียนโค้ด ผมก็รู้สึกไม่สะดวกถ้าจะมาจิ้มอะไรหน้าจอ แถมเลอะเปรอะเปื้อนหลังจิ้มอีก ต้องมาตามเช็ดตามล้างครับทุกครั้งที่จับแตะ ผมรู้สึกว่าถ้าคนไม่ได้ใช้ลักษณะแบบโปรควรจะไปใช้พวกอย่าง surface หรือพวก tablet เอาดีกว่า
ผมก็มีปัญหามากเวลาเจอคนใช้เครื่องแบบนี้ เวลาจะชี้ให้ดูกลายเป็นไปจิ้มโดนจอ แล้วบางอย่างมันก็เล็กจะชี้ห่างๆก็ไม่ได้
ถ้าไม่ใช่จอสัมผัสนี่ผมไม่เคยจิ้มแตะจอคนอื่นโดยตั้งใจนะครับ แล้วเวลาคนอื่นจิ้มโดนจอนี่ผมก็เซ็งมากถึงบางทีจะไม่ใช่เครื่องผมก็เถอะ
เหมือนกันครับ
เวลาผมชี้จอคนอื่นนี่พยายามเลี่ยงๆโดยใช้ปากกา (ถ้าถืออยู่) หรือไม่ก็ชี้แบบหงายมือเผื่อโดนจะได้เป็นหลังเล็บที่โดนแทน
หลังเล็บโดนมันก็ทัชนะครับ ถ้าปลายเล็บ (กรณีเล็บยาว) ถึงจะไม่นับ จอพวกนี้ชี้ใกล้ๆ เผลอนิดเดียวมันก็ไปแตะโดนแล้ว
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
ผมพิมพ์ไม่เคลียร์เอง
ผมตอบต่อจากคุณ hisoft กรณีนิ้วคนอื่นจิ้มจอ (ไม่ทัชสกรีน) ทำให้จอเปื้อนน่ะครับ
ไม่ได้หมายถึงจอทัชสกรีน
ใช้ mouse ชี้ครับ
จอธรรมดาผมก็ไม่ชอบให้จิ้มจอผมนะ หวง
ผมเคยจิ้มๆ จอให้ลูกพี่ดูเหมือนกันเวลาคุยงาน ปรากฏโดนลูกพี่ด่า
พอบอกแกว่า ก็มันเล็กพี่ เลยจิ้มให้ดู แกถามว่า ใช้ซูมไม่เป็นเหรอ
... เออ ก็จริงของแก ^ ^"
ธรรมชาติปกติก็ไม่จิ้มให้โดนหรอกครับ แต่ไปชี้ใกล้ๆบางทีมันก็มีพลาดไปโดนเบาๆมั่ง พอเป็นจอสัมผัสนิดเดียวก็คลิกเลย ห้ามชี้เลยนี่ไม่ไหวอะเสียเวลาเป็นอุปสรรคในการทำงาน ไปจับคอมพ์คนอื่นก็ใช่จะควบคุมถนัดทันที ถ้าจะโคโปรเจคกันถ้าหวงขนาดห้ามชี้นิดๆหน่อยๆนี่คงต้องไล่ไปทำอย่างอื่นละ
ผมจิ้มจอตอนนั่งชิวๆ นอนเล่น แค่นั้นครับ
ตอนทำงานก็ใช้ทัชแพดไป
เดี๋ยว iPad Pro จะขายไม่ออกครับ :p
4ปีใช้สเปคเดิมนิคือรอนวัตกรรมและตอนนี้เราได้เห็นนวัตกรรมการเอานิ้วปาดขอบจอ:P นี่คือการแถให้สาวกฟัง? สาวกยังไม่เชื่อเลย...
พูดเรื่องสเปค เห็นอัพสเปคมาเรื่อยๆนะครับ
เรื่องบอดี้ เอาตรงๆ สำหรับผมผมว่ามันก็ดูดีนะ คลาสสิค เรียบๆในแบบของมัน ตั้งสามสีปี nb ฝั่ง pc ก็เห็นทยอยออกแบบตามแนวทางตามมาหมด
เอา cd/dvd ออก เอย หรือตัดโน่นนี่ เพื่อเน้นบาง พกพา คียบอร์ดชิคเคล็ท เครื่องอลู ยูนิบอดี้ มัลติทัชแทร็คแพด ฯลฯ (ถ้าจำผิดพลาดบ้าง ขออภัย)
นี่มาใส่ touch bar. อีก นี่เดี๊ยว pc win คงทยอยตามมา แน่นอน โอเค pc บางรุ่นอาจจะเคยมี มีแล้ว แต่ผมว่าน่าจะต่างกันอยู่นะ เห็นว่ามีชิพควบคุม สวย กะน่าจะทำอะไรได้หลากหลายกว่า (เอาตรงๆ ผมก็เฉยๆกะมันนะ ใช้แทร็คแพดสไลด์ ย่อ ขยาย น่าจะคล่องกว่าด้วยซ้ำ)
ถ้าผู้ผลิตรายอื่นใส่ตามมาบ้าง จะเรียกว่าสาวกด้วยได้ใหม
pc windows นี่มี touch screen อยู่แล้ว จะเอา touch bar ไปทำไมครับ ถ้าเจ้าไหนเลียนแบบงี่เง่างี้ ผมแช่งให้เจ๊งอ่ะ
Lenovo X1 Carbon Gen 2 (2014) ทำมาแล้วไงครับก่อนหน้า Apple อีก จนทนกระแสคนด่าไม่ไหวเลยต้องเอาคีย์ Fn และ Esc กลับมาในรุ่น Gen 3 (2015) ... ผมรู้สึกว่า Apple ดูจะไม่เรียนรู้บทเรียน X1 และ Win8 เอาซะเลย
ผมว่ายากครับ เพราะ Apple มีแฟนและคนติดตามอยู่เยอะมากที่จะตามผลิตภัณฑ์ใหม่อยู่ตลอด รวมถึงภาพลักษณ์ตัวแบรนด์ที่ดีกว่า Lenovo เยอะ และตัว MacBook เองก็เป็น Proprietary ของ Apple เพียงผู้เดียวด้วยเช่นกัน จึงได้กล้าเปลี่ยนอะไรแบบนี้ขึ้นมา
แต่ก็ต้องรอดูผลตอบรับระยะยาวที่จะมาถึงครับว่าจะเป็นไปในทิศทางไหน
Get ready to work from now on.
ไม่มีสีนี่ต่างกันเยอะนะครับ ใช้เลือกแถบสีเวลาทำ photoshop หรือเวลามองจอแล้วคนโทรมาจะรับสายแค่เห็นสีที่ขอบสายตาก็กดถูกอันแล้ว
แต่ไม่มี F ที่คลำได้นี่ผมใช้ Dev ก็คิดหนักเหมือนกัน
ผมว่าต่างกันเยอะนะ อย่าง Lenovo นี่คือ คนใช้ต้องกดเลือกเอง ว่าจะให้เป็น F1-F12 หรือปรับเสียงปรับแสง ความยุ่งยากบังเกิด และ software ก็ไม่ได้ทำมา support
แต่ของ MacBook Pro นี่มันจะเปลี่ยนเองตาม software ที่ใช้
มันใช้งานไม่ได้จริงไงครับ ทำนองที่ไม่มีใครเล่นด้วยนั่นแหล่ะ เรื่องอะไร Adobe หรือโปรแกรมอื่นๆจะออกฟังก์ชั่นเรียกใช้เจ้าพวกนี้ให้ ถ้าฐานผู้ใช้ไม่มากพอ แต่พอเป็น Apple ถึงมันจะเป็นเทคโนโลยีเก่า แต่มันใช้ได้จริงไงครับ ผู้ผลิตต่างก็ขานรับและพร้อมที่จะเล่นด้วย เพราะฐานผู้ใช้ทำนองหัวก้าวหน้ามันก็มีอยู่ในกลุ่มลูกค้าเหล่านี้อยู่แล้ว และอีกอย่าง เทคโนโลยีมันต้องถึงจุดที่พร้อมจะใช้ได้จริง ถึงจะเอามาใส่ครับ ไม่ใช่ขาดๆเกินๆแล้วใส่มาเหมือนเป็นส่วนเกินให้ผู้ใช้
Appleทำ = ใช้ได้จริงแน่นอน
เจ้าอื่นทำ = ขาดๆ เกินๆ เหมือนเป็นส่วนเกิน ???
อันนี้ก็มีส่วนจริงอยู่นะครับ Touch screen / Touch ID เป็นตัวอย่างในเรื่องนี้ แต่ทั้งนี้ก็ไม่ใช่ว่าที่ทำออกมาจะประสบความสำเร็จไปซะทั้งหมด
Appleเค้าก็มาแนวๆนี้อยู่แล้วนะครับ
จริงๆAppleเค้าก็ไม่ได้เป็นเจ้าของนวัตกรรมอะไรมากมาย แค่เอาของเก่ามาปรับปรุง"รูปแแบบการใช้งาน"ใหม่ซะส่วนใหญ่
Touchpad ก็โดนใส่Gestureต่างๆเข้าไปให้มันใช้งานได้หลากหลายขึ้น และพัฒนาให้ตอบสนองดีขึ้น จนมันกลายเป็นTrackpadสามารถมาชดเชยเมาส์ได้จริงๆ ไม่ใช่แค่ของกันตายเวลาไม่มีเมาส์
Magsafe ก็เอามาจากกระติกน้ำร้อน ใช้ประโยชน์ในด้านเดียวกันคือ กันตก
จอสัมผัส ก็เอามาจากสารพัดอุปกรณ์จอสัมผัสในอดีต แต่เปลี่ยนUIให้มันเข้ากับนิ้วมือ ไม่ใช่ออกแบบมาให้ใช้กับCursorหรือStylusเหมือนเมื่อก่อน ทุกคนในโลกจึงต้องการมีมันในมือ
Click Wheel ก็เทคโนโลยีเดียวกับจอสัมผัส เอามาปรับปรุงการใช้งานเพื่อลดการกดปุ่มเวลาที่ต้องการเลือนไฮไลต์
และอื่นๆอีกมากมาย
จริงๆAppleไม่ค่อยมีนวัตกรรมด้านHardwareอะไรเท่าไหร่หรอก แต่นวัตกรรมเรื่องการออกแบบUIและพฤติกรรมการใช้งานของUserของเค้านี่เจ๋งจริงๆครับ
Apple ทำ = ผู้ใช้ macOS จำนวนมากจะได้ใช้ด้วย
ถ้าจะตอบว่าใช่ ก็คงไม่ผิดนักครับ
แต่อนาคตก็ไม่แน่นะกลัวใจ Jony Ive เหมือนกัน
+1
Retinaบอดี้เดิม แต่อัพเดทสเป็คทุกปีครับ ยกเว้นปีนี้
สองปีกับ touchbar.......
อยากรู้เลยว่า Lenovo ใช้เวลาพัฒนากี่ปีกับการพัฒนาของแบบที่คล้ายๆกันนี้ (แต่ทำออกมาก่อน Apple)
น่าจะเป็นที่การออกแบบ software มั้งครับ ให้ ผู้ผลิต software อื่นทำให้ app ตัวเองใช้ความสามารถนี้ได้ด้วย แบบไม่ตายตัวนะ
ผมเชื่อนะว่าเขาคิดนานอยู่เหมือนกัน
คือ Apple ถ้าตัดสินใจทำอะไรแล้ว จะดันจนสุดตัวเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้นักพัฒนาซอฟท์แวร์ และผู้ใช้ ว่าจะไม่โดนทิ้งแน่นอน ต่างจากค่ายอื่นหลายๆค่ายที่สุ่มทำไปเรื่อยๆ อันไหนไปรอดก็ทำต่อ อันไหนไม่รอดก็ตัดจบที่รุ่นนั้น
อย่างทัชบาร์เนี่ย ถ้าอันของ Lenovo (ไม่แน่ใจว่าเขาเรียกว่าอะไรนะ) ทำออกมารุ่นเดียว แล้วก็เลิกทำ ไม่มีซอฟท์แวร์ที่ใช้ประโยชน์จากมันด้วยซ้ำ แต่ของ Apple มีซอฟท์แวร์สนับสนุนบ้างแล้ว เพราะเขามั่นใจว่า Apple จะพยายามดันเท่าที่จะดันได้ ไม่ปล่อยให้ทำเก้อแน่นอน
ระยะเวลาสองปี ผมว่าส่วนใหญ่หมดไปกับการสำรวจพฤติกรรมผู้ใช้งานหลายๆกลุ่มหลายๆอาชีพนั่นแหละ ว่าใช้ฟังก์ชั่นคีย์บ่อยไหม แล้วถ้าเปลี่ยนเป็นแบบนี้จะรับได้ไหม ผมเดานะ
ผมว่าไอ้ที่คุณว่า แอปเปิ้ลดันจนสุด มันเพราะเขาเป็นเจ้าของทั้งแพลทฟอร์มและระบบที่ควบคุม ecosystem เองไว้ทั้งหมดมากกว่านะครับ
ถ้าไม่ทำเองแล้วใครจะทำ มันไม่เหมือนแพลทฟอร์มเปิดแบบ PC ที่ต่างคนต่างทำออกแบบ Hardware เอง ถ้ามันคลิ๊กหรือปังก็ทำต่อไม่ใช่ก็ทิ้งไป แต่ถ้าคุณเป็นเจ้าของระบบOS เป็นเจ้าของHardware แล้วทำออกขายเองต่อให้มันไม่ปังหรือไม่คลิ๊กมันก็ต้องดันอะครับยกเว้นว่า user ไม่เอาด้วยเลย นักพัฒนาก็ไม่เล่นด้วย นั่นแหละถึงจะถอดออก ซึ่งไอ้ที่มันไม่เวิร์คแล้วต้องทิ้งของแอปเปิ้ลมันก็มีนะครับ
ก็นั่นแหละครับ คุณพูดถูกแล้ว มันคือข้อดีของการคุม ecosystem เอง
คือสามารถจับอะไรมาใส่ก็ได้ ไม่ต้องกลัวว่าเจ้าของ OS หรือค่ายอื่นจะไม่เล่นด้วย (ถ้าไม่มีใครเล่นด้วยก็แป้ก) เพราะทำเองอยู่เจ้าเดียวทุกอย่าง
แต่จะเวิกมั้ยนี่อีกเรื่องนึง แต่เขาดันเท่าที่จะดันได้แน่นอน
สองสิ่งที่เพิ่มขึ้นมาคือ ราคากับโลโก้ MacBook Pro
(แล้วก่อนหน้านี้ตัดออกไปทำไม)
เสียดายไฟตรงโลโก้แฮะ
คิดไม่ออกก็ minor change เพิ่มแรมกับ cpu ไปก่อนก็ได้
+1 เรื่องนวัตกรรมก็พอเข้าใจนะ แต่อย่างน้อย 2-3 ปี (รอบ cpu tick-tock/PAO) ก็ควรอัพเกรดไส้เครื่องเดิมให้ทันโลกบ้าง
กรณี minor change ของ Retina MacBook Pro โทษตัวการ Intel อย่างเดียวเลยครับ
ถ้างั้นก็ทำรุ่น upgrade spec ดีกว่ามั้ย
body เหมือนเดิม fn เหมือนเดิม เปลี่ยน spec ด้านใน
เท่านี้สาวกก็ดีใจแล้ว
นิยามนวัตกรรมได้แปลกดีนะครับ (ಠ_ಠ)
ฝั่งไมโครซอฟท์ก็เหมือนจะตามไปแล้วนะครับ SB, SP4 ก็..
แต่ก็นั่นแหละ Surface ไม่ออกก็ซื้อเจ้าอื่นได้
สาบานสิ ว่าไม่รอ Surface >_<
คนขี้ลืม | คนบ้าเกม | คนเหงาๆ
ไม่กล้าครับ 555
คือเขาจะบอกว่าทุกอย่างที่ทำออกมา(แม้หลายๆอย่างจะลอกเขามาก็ตาม) คือนวัตกรรม? ราคานี่ใช่เลยครับ นวัตกรรมสุดๆ แต่สาวกคงซื้อเหมือนเดิมล่ะนะ
นวัตกรรม แต่ว่ามีรุ่นที่ไม่มีนวัตกรรมขายด้วย ฮา
ระหว่างรอ นวัตกรรม(่ว่าจะหากินกับอุปกรณ์เสริมอย่างไรดี) ระหว่างนี้พี่ก็ปรับสเป็คกันบ้าง ปรับปรุงซีพียูกับแรมตามวงรอบก่อนก็ได้ นี่พี่เล่นปล่อยเกียร์ว่างกันเลย มีขายแต่สเป็คย่ำอยู่กับที่แต่ราคายังคงเดิมเป็นปีๆ
เดี๋ยวรุ่นหน้า iPhone เกิดทิ้งสาย Lightning Port มาใช้สาย USB Type-C ขึ้นมา พี่ก็จะหากินกับสายแปลงกันต่อไป
จริงๆ อยากให้คงแถว Fn ไว้แล้วเพิ่ม Touchbar อีกแถวนึง คนติดใช้ Fn ก็คงไม่ด่า คนอยากใช้ของใหม่ก็ได้ใช้
จริงครับ 55555
ลดแทร็คแพด ลงสัก หน่อย เอาไปเพิ่ม touchbar ก็น่าจะโอเคนะ
คุณก็ไปโฟกัสที่เครื่องกัน จริงๆ นวัตกรรมที่บอกคือ adapter ต่างหาก 555
คาดว่าไฟโลโก้มันทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้นครับ แล้วเขามองว่าไม่มีประโยชน์ในการใช้งาน แต่จริงๆมันเป็นเอกลักษณ์ของแมคบุคเลยนะนั่น
ต้นทุนคงไม่ต่างเท่าไหร่ (ต่อเครื่อง แต่รวมแล้วมันก็เยอะได้) แต่มันเสียพลังงานแสงไปออกทางด้านหลังด้วยครับ ถ้าไม่ทำให้แสงออกด้านหลังแล้วจัดการดีๆ มันก็เพิ่มความสว่างให้ตัวหน้าจอได้อีกนิดนึง
เห็นตัดไฟออกแบบนี้แล้ว ผมสังหรณ์ใจว่าปีหน้า Mac จะเปลี่ยนไปใช้จอ OLED
ผมเดาว่าที่ตัดออกแล้วเปลี่ยนเป็นโลโกนั้น น่าจะเรื่องของการรับสัญญาณ wifi BT ครับ เพราะiMac โลโก้หลังเครื่องไม่ดีมีไว้สวยๆ จริงๆแล้วในต่อกับสายสัญญาณไว้อยู่
ไม่มีประโยชน์ในการใช้งาน แต่ว่ามีประโยชน์ด้านโฆษนาแน่นอน
ลองคิดดูล่าสุดงานเปิดตัว Surface มีไฟเป็นโลโกแอปเปิ้ลอยู่เต็มไปหมดที่นั่งคนดู 555
ในยุค jobs ดูเหมือนพยายามจะทำให้ชีวิตง่ายขึ้น มายุคแกนี่เหมือนจะทำให้ชีวิตยุ่งยากขึ้น ตัดนั่นตัดนี่เต็มไปหมด แถมยังไม่พอสายอะไรต่อมาอะไรมาเต็มจ้าาาาาาาาาา
+1
ผมถูกจริตกับยุค jobs มากกว่า ... ผมว่ามันง่ายในการตัดสินใจจะซื้ออะไร ตัวไหน
มีไม่กี่รุ่น ไม่กี่สี ไม่วุ่นวาย
ตอนนี้สายผลิตภัณฑ์มันยุ่งเหยิงไปหมด...
ไม่ focus อะไรซักอย่าง
ถ้า touch bar มีประโยชน์ชัดเจน...ก็ไม่ควรวางขายรุ่นไม่มี touch bar
มันเหมือนไปไม่สุด...บอกว่าเป็นนวัตกรรม...แต่ไม่เอาก็ได้นะ...งง ๆ
+1 ถูกต้องที่สุด จ็อปส์เน้นให้ประสบการณ์ผู้ใช้ ไม่ใช่เน้นเทคโนโลยีมาก่อนผู้ใช้งาน ความจำเป็นมาพร้อมความพอดี แต่มายุคทิม ในความคิดส่วนตัว ทิม จะเน้นเทคโนโลยีนำหน้า จนขาดความเรียบง่ายและจำเป็น ตัดก็เกิน เพิ่มก็เกินความต้องการใช้งาน ดูเหมือนแอปเปิล ไม่ใช่แอปเปิลที่จะเป็นเลยครับ
ผมมองว่าแบบนี้แหละ จ้อบสุดๆ แล้วคำว่า Hello again คือชัดเลย
UI ยังไม่รอบรับการ touch เท่าไหร่ เลยยังไม่ทำไง
ทำออกมาได้แค่นี้..... ถถถถถถ
ลด touchpad ให้เล็กลงอีกนิดนึง ก็มีพื้นที่ใส่ทั้ง esc พร้อมปุ่ม f1-12 พร้อมๆ กับ touch bar แล้ว
นวัตกรรมจริงๆ ของ Apple คือการทำให้ของที่ควรมีหายสาญสูญแล้วหาเงินกับ adapter ถ้า Apple แน่จริงอย่าขาย adapter ดิ
ทิ้งช่วงสี่ปี ทำให้ Macbook Pro ไม่ใช่ของที่ "โปร" จะใช้อะเหรอ? กลายเป็น Consumer grade แต่ยังใส่คำว่า "Pro" เข้ามา เพื่อจะได้บวกราคาได้
ฮาร์แวร์ --> ฮาร์ดแวร์
วลี "นวัตกรรมสำคัญกว่ากรอบเวลา" นี่อ่านแล้วจี๊ดตะหงิดๆ เพราะพอเป็นแมคแล้วพูดงี้ แต่พอทีโทรศัพท์นี่ต้องมีออกทุกปีได้สิน่า
ช่างไฟสมัครเล่น (- -")
ทำไม ใช้ CPU Skylake กับ LPDDR3 ล่ะ ในเมื่อต้องวางขายอย่างน้อยก็อีกหนึ่งปี
Skylake มันไม่รองรับ LPDDR4 น่ะสิ แต่ถึงใส่ได้ราคาคงพุ่งสูงกว่านี้แยอะ
ถึงไม่รองรับ LPDDR4 แต่ Skylake รองรับ DDR4 ใช้ voltage 1.2V ซึ่งหากดู LPDDR3 ที่รองรับ voltage 1.2V เหมือนกัน เอาจริงๆ คงไม่ต่างกันมาก สรุปอยากได้ DDR4 หรือไม่ก็เลือกเอา
ส่วนตัวผมผมใช้ Skylake + DDR4 อยู่ก็ปรกติสุขดี
เดาว่า LPDDR3 ในสต็อกคงมีเยอะ 555+
อาจจะดีก็ได้ ถ้าโปรแกรมรองรับเยอะ ลองคลำดูที่เครื่องผมเอง แล้วลองมโนเอื้อมนิ้วดูก็ใช้ได้นะ ย้ายปุ่มใช้งานบ่อยมาไว้บนจอ Touch Screen อาจ Work ก็ได้เมื่อใช้ไปแล้วเริ่มชิน แล้วถ้า Customize ปุ่มเองได้ก็จะเยี่ยมเลย เพราะเห็นว่ามี OS ใน Touch Bar ด้วยนะจะขยายได้อีกเยอะ ทั้ง Notification, Customize ฯลฯ ไม่ OK อย่างเดียวคือ ราคานี้โครตนวัตกรรมเลย
มันน่าตลกตรงที่อุปกรณ์ยี่ห้อเดียวกับ Gen เดียวกัน แต่ใช้ด้วยกันไม่ได้
ip7 เสียบกับ Mac ไม่ได้ หูฟังก็ใช้ด้วยกันไม่ได้
Magsafe ของดี ก็เอาออก ไม่เห็นหัวลูกค้าเก่าเล๊ยยย
3.5mm ในมือถือบอกเอาออกเพื่ออนาคต แล้วใส่มาใน Laptop เพื่อให้ระลึกถึงอดีตหรือไง พ่อคุ๊ณณณณ
+1
สินค้า gen เดียวกัน แต่ใช้งานร่วมกันไม่ได้
คิดได้ไง? แถมหัวแปลงมาให้ก็ยังดี ...
+1 ip7 ตอนนี้ชีวิตลำบากมาก TT
คำว่านวัตกรรม ถ้าได้แค่ Touch Bar ไม่เรียกว่านวัตกรรมนะครับ
Razer DeathStalker Ultimate อันนี้ก็เทคโนโลยีคล้ายกัน
ใช้ OLED ทำ Keyboard , อยากได้ภาษาไหน เปลี่ยนภาพบน OLED เอา , ไม่ต้องเจาะรู ,
ปุ่ม Spacebar ให้สามารถทำเป็น Touchbar ได้ด้วย ,
เอ่อ แบบนี้ค่อยนับเป็นนวตกรรม
Optimus
พูดมาได้ ฟังแล้วเวียนหัว
Old tech with future price
FailFish
ดีแล้วครับ ออกมาแบบนี้แหละผมชอบ .. จะได้เก็บตีงค์รอฝั่ง MS 555 อยากได้ Studio แต่ Software ฝั่งแมค .. น่ามีเจ้าไหนเปิดตลาดนี้สักที 3
my blog
ที่เคยบ่นๆ ไปว่างานเปิดตัวของ Apple ในช่วงหลังๆ มานี้ ต้องมาลุ้นว่าจะตัดอะไรออกไปบ้าง รอบนี้รู้สึกเฟลกว่าทุกครั้งเท่าที่เคยมีมา หากข้ออ้างที่ทำให้จำเป็นต้องทิ้งระยะการอัพเดตนานและการเปิดตัวมาพร้อมกับสิ่งที่เรียกว่านวัตกรรมที่ได้เพียงแค่นี้เมื่อเทียบกับราคาที่แพงขึ้นมากๆ หากต่อไปจะพบว่าบริษัทอยู่ในช่วงขาลงก็คงไม่ต้องไปโทษใคร
ผมว่าตัวแปรสำคัญรอบนี้คือ MS ที่มาชิง wow factor ไปก่อน Apple เลยเหลือแค่ meh factor ให้ใช้ครับ
ตรงนั้นผมถือว่าเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาที่สำคัญครับ ซึ่งงานของ Apple ในช่วงนี้เป็นงานที่ผมทำใจไว้ก่อนว่าคงไม่มีอะไรที่น่าตื่นตาตื่นใจอีกแล้ว
โชคดีที่ผมเข้าไม่ถึงและไม่อินกับนวัตกรรมใหม่ของท่านทิม 555
ทำๆ มาเถอะ ถึงรอบเปลี่ยน เดี๋ยวก็ซื้อเอง
"เขายังยืนยันว่าแอปเปิลเลือกจะไม่ทำเครื่องแมคจอสัมผัส เพราะไม่มีประโยชน์มากพอกับผู้ใช้"
เขานี่ใครหว่า ฮาๆ ตอนนี้ยังไม่ทำแต่แสดงว่าอนาคตไม่แน่
เหมือนสมัยที่ job เคยบอกว่า ไม่ทำ iphone ที่จอใหญ่กว่า 3.5 นิ้วตอน iphone 4 เดี๋ยวนี้ความต้องการลูกค้าเปลี่ยนไป รุ่นหลังๆนี่มือเดียวใช้ลำบากละ 55+
Jonathan Ive ครับ ตรงย่อหน้าสุดท้าย
ขอบคุณครับ ชัดเจน อิอิ
เขาใช้เวลาพัฒนา Touch Bar อยู่นาน 2 ปี แล้วผลที่ได้คือ...
วิญญาณจ๊อบตอนนี้คงไปทำงานอยู่กับไมโครซอฟท์
๑ ในนวัตกรรม 'เราอยู่มาได้ยังไงโดยไม่มีมัน' สินะ!!!
ผมซื้อ pro ธรรมดาดีกว่า มันไม่ได้จำเป็นเลย แถมพอร์ตดันเป็น usb c อีก ราคาแพงแต่ดันทำให้ชีวิตยุ่งยากซะงั้น แค่หัวต่อ thunderbolt ก็ยุ่งยากเกินพอละ
เหตุการณ์สมมุติ ในห้องประชุม apple...
Johny Ive กำลังนำเสนอ concept ของ MacBook Pro with Touch Bar ให้ทุกคนฟัง
Steve Jobs ซึ่งนั่งอยู่หัวโต๊ะ บอก เฮ้ย! มึงพูดมากไปละ ไหนเอา ตัวต้นแบบ มาลองเล่นดูซิ!
Jobs ใช้เวลา 6 วินาที กับ Touch Bar ก่อนที่จะ พับหน้าจอลงอย่างแรง แล้วปา MacBook Pro ตัวใหม่ ลงพื้น บอก ไปคิดมาใหม่นะ อันนี้ไม่ work แล้วก็เดินออกนอกห้องประชุมไปทันที!