หน่วยงานด้านความปลอดภัยทางจราจรบนทางหลวงแห่งชาติของสหรัฐฯ (NHTSA) ได้ออกคำแนะนำ (guidelines) สำหรับกลุ่มผู้ผลิตซอฟต์แวร์และอุปกรณ์ที่ทำงานเชื่อมต่อกับรถยนต์ ซึ่งรวมถึงสมาร์ทโฟน ให้ตั้งค่าการเชื่อมต่อกับระบบ infotainment บนรถเป็นดีฟอลต์ รวมถึงมีโหมดขับรถ (Driver Mode) เพื่อปรับอินเทอร์เฟสให้เรียบขึ้นขณะขับรถ
NHTSA ให้รายละเอียดว่าในโหมดขับรถ จะต้องไม่มีอินเทอร์เฟสหรือการแสดงผลอะไรก็ตามที่ดึงความสนใจของคนขับออกจากถนน อย่างเช่นวิดีโอ รูป ตัวหนังสือ ซึ่งหน่วยงานจราจรสหรัฐแนะนำด้วยว่า ผู้ผลิตเทคโนโลยี infotainment ควรจะพัฒนาระบบที่สามารถแยกแยะการใช้งานระหว่างคนขับและผู้โดยสารด้วย
NHTSA ได้นิยาม "การทำให้เสียสมาธิระหว่างขับรถ" ออกเป็น 3 แบบด้วยคือการละสายตาออกจากถนน (visual), การปล่อยมือออกจากพวงมาลัย (manual) และการหันเหความสนใจจากถนน (cognitive)
อย่างไรก็ตามข้อแนะนำนี้ไม่ได้เป็นข้อบังคับตามกฎหมาย ซึ่งทาง NHTSA ออกข้อแนะนำนี้โดยอิงจากงานตัวเลขสถิติที่ชี้ว่า ตัวเลขผู้เสียชีวิตบนท้องถนนที่เกิดจากการเสียสมาธิของคนขับเพิ่มขึ้นเป็น 10% ในปี 2015 จากเพียง 8.8% ในปี 2014
ที่มา - TechCrunch
Comments
ทำไมหน่วยงาน ตปท ถึงมีความเป็นห่วงประชาชนและคิดเรื่องดีๆแบบนี้ได้ดีกว่าประเทศเรานะ
ของเราก็มีครับแต่ไม่ค่อยเป็นข่าว จะเป็นข่าวก็ตอนเป็นข่าวแย่ๆ
ตัวอย่างข่าวด้านดีๆ ของหน่วยงานของเราเช่น กรมควบคุมโรค ที่ช่วยควบคุมการแพร่กระจายโรคร้ายแรงอย่าง ไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ใหม่ ซิกา ซึ่งถือว่าทำได้รวดเร็วและทำได้ดีมากครับ
จริงๆ หน่วยงานไทยหลายๆ ส่วนดีขึ้นเยอะครับ เพียงแต่ข่าวดีมันไม่ดังเท่าข่าวคาวครับ จึงอาจทำให้ข้อมูลไม่ถึงประชาชน และได้รับการจดจำครับ
+1024 PB
เท่าที่ผมสังเกตุนะข่าวดีๆ ส่วนใหญ่มักจะเป็นผู้บริหารตัดริบบิ้น เลยกลายเป็นมองว่าข่าวดีเป็นข่าวสร้างภาพครับ เราไม่ค่อยได้เห็นความลำบากฝ่ายปฏิบัติงานเท่าไหร่
เห็นด้วยครับ
ใช้ GPS ตรวจได้มั้ยครับว่าถ้าเคลื่อนที่เร็วเกินกว่าที่กำหนดจะถือว่าขับรถอยู่ แล้วจะเปลี่ยนเข้าโหมดขับรถอัตโนมัติ สามารถเลือกกดปิดได้ในกรณีที่เป็นผู้โดยสาร
ข้อเสียของวิธีที่ว่าคือ
- กินแบตมากเพราะมือถือจะต้องเปืด Gps ตลอดเวลา
- ไม่ได้ผลในทางปฏิบัติเพราะเชื่อว่าคนขับจะกดปุ่ม "ฉันเป็นผู้โดยสาร" เกือบทุกคน
นึกถึงเกม pokemon go เลย ;-)