Tags:
Node Thumbnail

ปัญหากลิ่นอุจจาระในพื้นที่ชนบทและด้อยพัฒนาหลายแห่งในหลายประเทศ กำลังเป็นหนึ่งในปัญหาด้านสุขภาวะที่คุกคามคนในพื้นที่ ด้วยเหตุนี้มูลนิธิ Bill & Melinda Gates ได้ร่วมกับนักวิทยาศาสตร์ของ Firmenich บริษัทผลิตน้ำหอม (ที่ทำน้ำหอม Romance by Ralph Lauren) ทำน้ำหอมดับกลิ่นอุจจาระ สำหรับผู้คนในพื้นที่ห่างไกลเหล่านั้น

กลไกการดับกลิ่นที่ Firmenich ใช้จะอาศัยการหลอกประสาทสัมผัสรับกลิ่นในจมูก ที่ส่งสัญญาณตรงไปยังสมอง ไม่ให้สมองรับรู้ว่ากลิ่นได้ที่รับนั้นเป็นกลิ่นเหม็น ซึ่ง Bill Gates เล่าไว้บนเว็บไซต์ของเขาว่า หลังจากที่ดมน้ำหอมดับกลิ่นอุจจาระเข้าไป ตัวเขาไม่ได้กลิ่นอุจจาระ (ซึ่งเป็นกลิ่นสังเคราะห์ เพื่อใช้ในการทดลอง) เลย แต่ได้กลิ่นเป็นดอกไม้แทน

Bill Gates เล่าด้วยว่าปัจจุบันมีเด็กราว 8 แสนคนในแต่ละปี เสียชีวิตจากการขาดสุขลักษณะ ซึ่งโครงการนี้จะเริ่มทดลองในอินเดียและแอฟริกาก่อน และทีมงานจะพยายามหาทางให้น้ำหอมดับกลิ่น มีราคาที่จับต้องได้และใช้ง่าย ซึ่งอดีตซีอีโอไมโครซอฟท์ระบุว่ากลิ่นเดียวที่เขารู้สึกได้จากโครงการนี้ คือ "กลิ่นของความสำเร็จ"

ที่มา - CNET, Quartz

Get latest news from Blognone

Comments

By: john dick
iPhone
on 25 November 2016 - 14:52 #955702
john dick's picture

แบบนี้ก็ไม่ต้องไปกลบฝัง ปล่อยให้สลายตัวไปเองตามธรรมชาติ ทั้งๆ ที่ยังกองอยู่ข้างโต๊ะ

By: badboyz08
AndroidWindows
on 25 November 2016 - 14:59 #955704
badboyz08's picture

เจตนาดีน่าชื่นชม แต่ส่วนตัวไม่ชอบเทคโนโลยีหลอกตัวเองเลย

By: illuminator
ContributorAndroidUbuntuWindows
on 25 November 2016 - 15:27 #955710 Reply to:955704
illuminator's picture

+1 ยังไงขี้ก็ยังเป็นขี้ ยังสกปรกมีเชื้อโรคอยู่ดี

By: azzendix
iPhoneWindows PhoneAndroidWindows
on 25 November 2016 - 18:35 #955740 Reply to:955704

ดูในคลิปแล้วเหมือนจะมองปัญหากันคนละเรื่องนะ
เมื่อห้องน้ำสกปรกเหม็นเน่ามากจนทำให้คนไม่ยอมใช้ แล้วออกมาปล่อยกันในที่สาธารณะแทน
ซึ่งเทียบกันระหว่าง "ใช้ห้องน้ำสกปรก" กับ "ปล่อยให้ทุกคนอุจจาระกันตามข้างถนนหรือแม่น้ำ"
ใช้ห้องน้ำสกปรกน่าจะเป็นตัวเลือกดีกว่า โปรเจคนี้ก็มองปัญหาในลักษณะนี้

ส่วนประเด็นการแก้ปัญหาตรงๆอย่าง "ทำความสะอาดห้องน้ำ"
คิดว่าอาจจะมีปัจจัยอะไรมากกว่านี้ที่ทำให้ทำไม่ได้ ไม่งั้นก็จบเรื่องไปนานแล้ว ไม่ต้องมีโปรเจคนี้

By: nrml
ContributorIn Love
on 25 November 2016 - 18:55 #955742 Reply to:955740
nrml's picture

น่าสนใจดีเหมือนกันครับในประเด็นนี้ ตรงที่ว่าคนที่ทำโปรเจ็คนี้เข้าใจความต้องการที่แท้จริงของชาวบ้านจริงหรือเปล่า

By: nrml
ContributorIn Love
on 25 November 2016 - 15:05 #955705
nrml's picture

ปกติร่างกายถูกสร้างมาให้รับรู้กลิ่นเบื้องต้นว่ากลิ่นแบบไหนดีหรือไม่ดีกับร่างกาย ผมไม่แน่ใจว่าการทำแบบนี้มันจะส่งผลดีหรือผลเสียกันแน่

By: osmiumwo1f
ContributorWindows PhoneWindows
on 25 November 2016 - 15:12 #955707 Reply to:955705
osmiumwo1f's picture

ไม่ดีอยู่แล้ว แต่ปัญหาคือเมื่อไม่มีใครคิดที่จะจัดการไม่ให้กลิ่นมันออกมาก็ต้องทำแบบนี้ไปก่อนครับ

By: TheYoonuchs
Windows PhoneWindows
on 25 November 2016 - 15:16 #955708 Reply to:955705
TheYoonuchs's picture

บางกลิ่นไม่น่าดึงดูด แต่ก็มีประโยชน์ ปลาร้า สะตอ หัวหอม 555

By: luna777
AndroidWindows
on 25 November 2016 - 17:48 #955735 Reply to:955708

กระเทียมว่าเหม็นแล้วบางคนยังชอบกิน ทุเรียนบางคนบอกเหม็นเราไม่เห็นเหม็นเลย

By: nzing82
AndroidWindows
on 25 November 2016 - 15:19 #955709

ความเหม็นคงมีผลต่อสุขภาพจิตอย่างมาก อย่างน้อยก็ทำให้สภาพจิตใจดีขึ้นบ้างก็ยังดี

By: Jaddngow
AndroidUbuntuWindows
on 25 November 2016 - 15:33 #955711
Jaddngow's picture

ผมว่าปีหน้าได้ Ignoble Price แน่ๆ

By: panurat2000
ContributorSymbianUbuntuIn Love
on 25 November 2016 - 15:43 #955714
panurat2000's picture

จะอาศัยการหลอกปราสาทสัมผัสรับกลิ่นในจมูก

หลอกปราสาท ?

หลังจากที่ดมน้ำหอมดับกลิ่นอุจจาเข้าไป

กลิ่นอุจจา ?

By: GoblinKing
Windows PhoneWindows
on 25 November 2016 - 15:45 #955715
GoblinKing's picture

กำตังรอแล้ว

By: Holy
ContributorAndroidWindowsIn Love
on 25 November 2016 - 16:25 #955723
Holy's picture

เมื่อก่อนดื่มโชว์ ตอนนี้ดมโชว์ ต่อไปทำอะไรดีครับ

By: 100dej
AndroidWindows
on 25 November 2016 - 16:40 #955726

ต่อไปก็จะมีคนเสียชีวิตเพราะรับแก๊สมีเทนเกินขนาด

By: BlackMiracle
WriterAndroidUbuntuWindows
on 25 November 2016 - 16:43 #955727

พอได้กลิ่นดอกไม้ ก็จะรู้ว่าดมอึอยู่สินะ


Pitawat's Blog :: บล็อกผมเองครับ

By: at1987
ContributorAndroidWindows
on 25 November 2016 - 17:03 #955730
at1987's picture

ตามไปอ่านข่าวต้นฉบับในที่มา สาเหตุที่ต้องทำน้ำหอมตัวนี้ออกมา เพราะว่าห้องน้ำมีกลิ่น คนเลยไปปลดทุกข์ข้างนอกที่มีอากาศปลอดโปร่งมากกว่า แต่การทำแบบนี้ทำให้เกิดการแพร่เชื้อโรคได้ง่ายขึ้น เลยต้องทำน้ำหอมตัวนี้ออกมาไว้ดับกลิ่นห้องน้ำ จะได้จูงใจให้คนกลับมาใช้ห้องน้ำ


My life and hobbies blog!

Technology and Gadget blog!

By: atheist
AndroidUbuntuWindows
on 25 November 2016 - 17:42 #955734 Reply to:955730

+1000

By: sp on 25 November 2016 - 22:05 #955753 Reply to:955730

ติดเชื้อกันเป็นแถว เพราะไม่ทันระวังว่า มันสกปรก

By: atheist
AndroidUbuntuWindows
on 25 November 2016 - 22:07 #955754 Reply to:955753

เห็นสีห้องน้ำก็รู้แล้วครับ ลองดูในคลิป

By: Fugaca
iPhoneAndroid
on 25 November 2016 - 17:49 #955736
Fugaca's picture

อ่าาาาาา ประเทศไทยมีขายอยู่แล้วป่าวครับ
ถึงจะคนละวิธีการ (ของเราเอากลิ่นหอมแรงเข้าสู้ ของเค้าหลอกจมูกซะเลย)
แต่ก็น่าจะสำฤทธิ์ผลคล้ายกัน

(อ่านแล้ว ผมนึกถึง เรื่องเล่ากรณีที่ usa วิจัยสร้างปากกาที่เขียนได้ในอวกาศ
แต่รัสเซียใช้ดินสอ แทน)

By: pongmile
ContributorAndroidSymbianWindows
on 25 November 2016 - 20:29 #955745 Reply to:955736
pongmile's picture

ดินสอใช้ในอวกาศไม่ได้อยู่แล้วครับ หักง่าย ติดไฟได้

By: movement41
Windows PhoneAndroidWindows
on 25 November 2016 - 21:31 #955751 Reply to:955736

การใช้ดินสอบนอวกาศมันอันตรายครับถ้าดินสอหักใส่จะกระจ่ายไปทั่วเลย อีกอย่างหลังๆมารัสเซียก็ใช้ปากากอันนี้เหมือนกันครับ

By: Iamz
AndroidWindows
on 28 November 2016 - 15:25 #955765 Reply to:955736

เรื่องปากกาไม่จริงครับ มีคนควักกระเป๋าตัวเองคิดค้นขึ้นมาแล้วเอาไปให้ NASA ดู หลังจากทดสอบดูแล้วว่าใช้ได้ดีเลยตกลงซื้อมาใช้

http://www.snopes.com/business/genius/spacepen.asp

By: aeksael
ContributoriPhoneWindows PhoneAndroid
on 26 November 2016 - 05:33 #955769 Reply to:955736
aeksael's picture

เรื่องโกหกครับ การเดินทางไปอวกาศเลี่ยงของที่ติดไฟได้อยุ่แล้ว


The Last Wizard Of Century.

By: Fugaca
iPhoneAndroid
on 27 November 2016 - 09:33 #955855 Reply to:955736
Fugaca's picture

เป็นฉะนี้นี่เอง ... ขอบคุณครับ

ดินสอนั้นก็ยังไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุด เนื่องจากปลายของมันจะแตกเป็นขุยและหักออก และเมื่อมันลอยคว้างไปมาอยู่ในยานอวกาศอาจจะไปทิ่มเอานักบินอวกาศหรือเครื่องไม้เครื่องมือในยานก่อให้เกิดความเสียหายได้ นอกจากนี้ดินสอยังเป็นวัสดุที่ติดไฟ (flammable) ซึ่งนาซ่าไม่ต้องการให้มีการนำเอาขึ้นไปบนยานหลังจากที่ ยาน Apollo 1 ได้เกิดเพลิงไหม้ ปากกาลูกลื่นอวกาศ ในขณะเดียวกัน นาย Paul C. Fisher เจ้าของบริษัท Fisher Pen Company ได้ลงทุนจำนวน 1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในการพัฒนาและผลิตปากกาอวกาศ (โดยไม่ได้รับทุนจากนาซ่าแต่อย่างใด) และได้จดลิขสิทธิ์ในปี 1965 ปากกาไม่ธรรมดานี้สามารถเขียนกลับหัว เขียนได้ในพื้นที่ไม่ว่าจะหนาวจัดหรือร้อนจัด ตั้งแต่ -50 ถึง 400 องศาฟาเรนไฮน์ หรือแม้แต่เขียนใต้น้ำหรือจุ่มในของเหลวชนิดอื่นๆ แต่มีข้อแม้ว่าถ้าร้อนเกินไปแล้ว น้ำหมึกจะเปลี่ยนจากสีน้ำเงินเป็นสีเขียวก็เท่านั้นเอง หลังจากนั้น Paul Fisher ได้นำเสนอแนวคิดปากกาตัวใหม่นี้แก่นาซ่า แม้จะไม่ได้รับการยอมรับมากนักในระยะแรก แต่เมื่อได้ผ่านการทดสอบเป็นที่ประจักษ์แล้ว ปากกาดังกล่าวถูกเรียกว่า AG-7 ?Anti - Gravity? Space Pen หลังจากนั้นสหรัฐฯได้ตัดสินใจในปี 1967 ว่าจะใช้ปากกาอวกาศนี้ในอนาคต ปากกาอวกาศของ Fisher นั้น ทำงานโดยไม่ใช้แรงโน้มถ่วงของโลก โดยเก็บหมึกไว้ในตลับหมึกกับความกดดันของไนโตรเจนที่ 35 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว มากกว่าความกดดันอากาศที่ระดับผิวน้ำทะเลบนพื้นผิวโลกสองเท่าตัว และความกดดันนี้จะผลักหมึกให้ออกมาผ่านลูกลื่น (หรือลูกบอลทังสเตนคาร์ไบด์) ที่ปลายปากกา ส่วนน้ำหมึกก็เป็นน้ำหมึกที่ไม่ธรรมดาเช่นเดียวกัน มันมีสภาพคล้ายเจล และเมื่อลูกลื่นขยับมันก็จะเปลี่ยนเจลเป็นของเหลว (น้ำหมึก) นอกจากนี้ไนโตรเจนที่อัดอยู่ภายในปากกายังป้องกันมิให้อากาศเข้าไปปะปนกับน้ำหมึก เพื่อป้องกันการระเหย (evaporate) และทำปฏิกิริยากับออกซิเจน (Oxidize) จากรายงานของ Associated Press เปิดเผยว่าในปี 1968 นั้นนาซ่าได้สั่งซื้อปากกาอวกาศจากบริษัทของ Fisher จำนวน 400 ด้าม สำหรับโครงการเยือนดวงจันทร์โดยยานอะพอลโล่ ในปีต่อมาสหภาพโซเวียตได้สั่งซื้อปากกาอวกาศจำนวน 100 ด้ามและตลับหมึกจำนวน 1,000 ตลับ (สำหรับเปลี่ยนเมื่อหมึกหมด) เพื่อใช้ในโครงการ Soyuz space mission ทั้งประเทศสหรัฐเมริกาและสหภาพโซเวียตได้รับส่วนลด 40% ทำให้ราคาลดจาก 3.98 เหรียญสหรัฐฯมาอยู่ที่ 2.39 เหรียญสหรัฐฯ ฉะนั้น ข้อเท็จจริงก็คือ นาซาซื้อปากกาจริงแต่ไม่ได้ใช้เงินเป็นล้านเหรียญในการซื้อหรือพัฒนาปากกาอวกาศ เพราะนาย Paul C. Fisher ได้ทุ่มทุนจำนวนดังกล่าวในการพัฒนา และจดลิขสิทธิ์เป็นเจ้าของไปแล้ว

By: toekubpom
iPhoneWindows
on 25 November 2016 - 20:37 #955746
toekubpom's picture

แล้วถ้าเปลี่ยนเป็นวิจัยนวัตกรรมอะไรที่ทำให้คนอยากเข้าห้องน้ำมากกว่านี้หล่ะ จะดีกว่าไหม เช่นห้องน้ำอัจฉริยะ หรืออะไรแบบนี้ มันมีอะไรที่ดึงดูดให้คนเข้าห้องน้ำอีกไหมหว่า

By: Hadakung
iPhoneWindows PhoneAndroidWindows
on 25 November 2016 - 22:08 #955755 Reply to:955746

ความอัจฉริยะมาพร้อมต้นทุนที่แพง แถมมีคนคิดอยู่เสมอครับ เช่น ญี่ปุ่น แต่ประเทศที่ยังอาบน้ำในคลองอย่าง "อินเดียและแอฟริกา" ห้องน้ำอัจฉริยะอาจไม่ตอบโจทย์คนที่ไม่มีตังสร้างห้องน้ำธรรมดาๆ ด้วยซ้ำ ก็เป็นได้ครับ

By: toekubpom
iPhoneWindows
on 25 November 2016 - 23:32 #955760 Reply to:955755
toekubpom's picture

เรื่องต้นทุน ยอมรับเลยว่าเป็นเรื่องที่ยาก แต่ผมว่าดูจากคลิปแล้ว ต่อให้กลิ่นหอม มันก็ยังไม่น่านั่ง "อึต่อยอด คนก่อนหน้าแน่นอน"

***ว่าแต่ที่อินเดียกับจีนห้องน้ำที่ไหนแย่กว่ากันครับ

By: namon2345
AndroidUbuntuWindows
on 25 November 2016 - 20:48 #955749

เขามีแต่กำขี้ดีกว่าตด บิล เกตต์เปลี่ยนเป็น ดมขี้ดีกว่าดมตด

By: zyzzyva
Blackberry
on 25 November 2016 - 22:52 #955758

กะเจาะตลาดอินเดียแอฟริกา แต่ผมว่าเจาะตลาดญี่ปุ่นจะกำไรกว่า (แม้ว่าความจำเป็นจะน้อยกว่าก็ตาม)

By: platezero on 25 November 2016 - 23:34 #955761

ที่ต้องทำแบบนี้เพราะต้นทุนในแง่การทำความสะอาดทั้งน้ำและน้ำยาขัดห้องน้ำมันสูงมากหรือปล่าวครับ หรือเป็นที่นิสัยคนที่ไม่ชอบทำความสะอาดห้องน้ำ หรือยังไง แต่จะว่าไปน้ำหอมมันก็มีต้นทุนนี่นะ

By: Sephanov
iPhoneUbuntu
on 26 November 2016 - 07:19 #955771
Sephanov's picture

มันเหมือนเป็นการหลอกเซนเซอร์ของร่างกายตนเอง
การมีอยู่ของกลิ่นมันเป็นการเตือนอันตรายได้อย่างนึง
งานวิจัยตรงส่วนนี้ควรได้รับการต่อยอด แต่ไม่น่าใช่แบบนี้

By: akira on 26 November 2016 - 11:35 #955784

ร่างกายมนุษย์ถูกสร้างมาเพื่อป้องกันตัวเองระดับนึงอยู่แล้ว คือ เมื่อเราได้พบของเสียมีพิษ หรืออาหารบูดเน่า ร่างกายจะรู้ว่าของนั้นมีพิษ โดยการรู้สึกเหม็น หรือปิดจมูก เพื่อลดภาวะเป็นพิษ และป้องกันตนเอง แต่ถ้าเราไปหลอกสมอง ผมว่าอาจเกิดการพัฒนาการของยีนไปในทางที่ไม่ควรจะเป็น อาจยอมรับของมีพิษให้เข้าสู่ร่างกายได้ง่ายขึ้นในอนาคตสำหรับมนุษย์รุ่นถัดไป

By: Witt N. Vest
Windows PhoneWindows
on 26 November 2016 - 13:02 #955789

น้ำหอมที่ว่านี่คือ เค้าวิจัยเพื่อใช้เป็นส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดรึเปล่าครับ ผมว่าเค้าคงไม่คิดค้นอะไรแบบนี้เพียงเพื่อแก้ปัญหาแบบหลอกตัวเอง หรือแบบขอไปทีหรอก เรื่องการทำความสะอาดเพื่อสุขอนามัยยังไงๆ ก็จำเป็นอยู่แล้ว

By: Jonathan_Job
WriteriPhoneUbuntuWindows
on 26 November 2016 - 14:31 #955803
Jonathan_Job's picture

นึกถึง Poo Pourri