ต้อนรับปีใหม่ 2017 ด้วยการพยากรณ์แวดวงเทคโนโลยีปี 2017 โดยนิตยสาร Fortune ว่ามีสิ่งที่ควรจับตา 5 เรื่องดังนี้
- อำนาจของ Facebook และ Google ในฐานะ "สื่อ" แม้ทั้งสองบริษัทจะอ้างว่าตัวเองเป็นบริษัทเทคโนโลยี แต่ก็ทรงอิทธิพลในแง่สื่อมากทั้งในแง่บวกและลบ ปี 2016 เราเห็นปัญหา "ข่าวปลอม" กลายเป็นเรื่องใหญ่มาแล้ว และจะเป็นปัญหาใหญ่ต่อไปในปี 2017
- ปัญหาเรื่องการเข้ารหัส (encryption) จะยิ่งเป็นเรื่องใหญ่ ปี 2016 เราเห็นข่าว FBI ขอให้แอปเปิลถอดรหัส iPhone จะเป็นเรื่องเป็นราว การถกเถียงเรื่องการเข้ารหัสว่าสมควรหรือไม่ บริษัทเจ้าของแพลตฟอร์มควรยอมถอดรหัสให้รัฐหรือไม่ จะยิ่งเกิดการถกเถียงกันมากขึ้น
- AI หมดช่วงโม้ เข้าสู่ช่วงพิสูจน์ตัวเอง ปีที่แล้วการตื่นตัวเรื่อง AI เพิ่มขึ้นมาก ปี 2017 เป็นปีที่ AI ต้องพิสูจน์ตัวเองว่าทำได้จริง มีประโยชน์จริง ซึ่งดูแนวโน้มแล้วก็น่าจะเป็นไปได้สูง และเราคงได้เห็นข่าวใหญ่ๆ เกี่ยวกับ AI อีกมากในปีนี้
- Snapchat รุ่ง Apple ร่วง บริษัทที่น่าจับตาที่สุดในปี 2017 คือ Snapchat ที่กำลังจะขายหุ้น IPO ในขณะที่ Apple เริ่มสูญเสียโมเมนตัมของตัวเองไป ทั้งในแง่ไอเดียและผลิตภัณฑ์
- ประธานาธิบดี Trump เป็นที่รู้กันว่าวงการไอทีไม่ชอบ Trump แต่ก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องอยู่กับ Trump ดังนั้นสายสัมพันธ์ระหว่างแวดวงไอทีกับ Trump ก็จะเป็นตัวกำหนดทิศทางของวงการในระยะยาว
ที่มา - Fortune
Comments
ถ้า 1-2 ปีนี้ไม่มี iPhone SE ออกใหม่ เราคงต้องลาจากกัน
Apple
Appleeeee....
อีกเรื่องหนึ่งคือ samsung มีแนวโน้มจะสูญเสียความยิ่ใหญ่ลง ตาม LG Sony HTC หากยังหาความแตกต่างจากบริษัทมือถือจีนที่ยัดสเปคมาเต็มที่ในราคาที่ถูกลงเกือบครึ่ง
มือถือจีนค่ายที่ทำราคาต่ำมาก ๆ เรื่อง OS มันจะค่อนข้างมีลักษณะเฉพาะในแง่ของความเสถียร ความซับซ้อนในการใช้ง่าย กลายเป็นความเคยชินของผู้ใช้ด้วยนะครับ ซึ่ง Samsung ทำได้ดีกว่ามากในจุดนี้ แถมฐานลูกค้าก็ใหญ่ จนหลายคนก็รู้สึกชินในความเป็น Samsung
แต่ Samsung ก็ต้องพัฒนาไปเรื่อย ๆ มีเรื่องแย่ ๆ เกิดขึ้น ถ้าบ่อย ๆ ก็คงเสียฐานลูกค้าไปจนได้
เพจตัวอย่างผลงานถ่ายภาพ / วีดีโอ
+1 สมัยก่อนผมก็ไม่เคยชอบซัมซุงเลย โดยเฉพาะ touchwiz ที่รกและไม่เสถียร แต่ผมก็ติดตามดูพัฒนาการมาตลอด ซัมซุงเริ่มใส่ใจเรื่อง UX มาตั้งแต่ S3 เป็นต้นมา แม้จะหลงทิศหลงทางไปบ้าง ล้นไปบ้างใน S4 แต่ก็ปรับจนเริ่มเข้าที่เข้าทางใน S5 และก็ทำให้ดีขึ้นเรื่อยๆ จนตอนนี้ซัมซุงมี UX ที่ดีเหนือ android ยี่ห้ออื่นชัดเจน ใช้สะดวก แถมยังเสถียร และหน้าตาสวยงาม ไม่รกแล้วด้วย
เมื่อก่อนผมชอบแนวทาง pure google นะ และยังชื่นชม Sony ที่ยึดตามแนวทางของ google มาตลอดเลย แต่พอได้ใช้จริงๆ (ยืม Z5 เพื่อนมาเล่น) แล้วบอกตรงๆ ว่าผมกลับคิดถึงซัมซุงนะ มันรู้สึกว่าซัมซุง "ใส่ใจในรายละเอียด" ของ UX มากกว่า pure android มากๆ
เคยจับมือถือจีนมาเล่น กลายเป็นว่ามือถือจีนเนี่ยแหละเหมือนยุคก่อนๆ ของซัมซุงเลย คือยัดอะไรมามากจนล้น จนรก แต่ไม่มีประโยชน์ และใช้งานได้ไม่ดี หน้าตาก็ไม่สวย ใช้ยากด้วย ผมว่าซัมซุงทำมานาน เรียนรู้มาเยอะ ปรับมาเยอะ ก็เลยเห็นผลดีในยุคนี้ แต่เมื่อเวลาผ่านไป ผมเชื่อนะว่าเดี๋ยวมือถือจีนก็คงจะไล่ตามทันในเรื่องน่้
+1
มือถือจีนที่ว่าถูกมากๆ ไม่มีปัญหาเรื่องลิขสิทธิหรือสิทธิบัตรหรอครับ ?
ไม่มีข้อมูลอ้างอิงนะครับ แต่เดาว่า มีปัญหาหมดแหละครับ แต่เขาเลือกขายเฉพาะในจีน หรือในประเทศที่การฟ้องรองสิทธิบัตรไม่รุนแรง
เพจตัวอย่างผลงานถ่ายภาพ / วีดีโอ
Comment แบบนี้นี่ผมปักหลักรอ Samsung ใหญ่แค่ไหน เลย
ตอนแรกผมก็คิดว่าเป็นเฉพาะบ้านเราที่ฮิต แต่มีโอกาสได้ไปเที่ยวทางฝั่งยุโรป ฝรั่งเดินถนนใช้ ss แทบกันทั้งนั้น ร้านมือถือก็โปรโมทของ ss ทั้งนั้น ถึงกับอึ้งเลย ตลาดมือถือของ ss มันกว้างกว่าที่เราคิดน่ะครัย
Apple ไม่ใช่แค่แย่ แค่ไอเดีย แต่ QC การผลิตก็เริ่มต ต่ำลงด้วย
ปีของ Opensource
apple ขอหน้าจอขนาด se คงมีไว้ตลอดนะครับ
Apple อย่าทิ้ง Router สิ เป็ยบริษัทคอมพิวเตอร์ไม่ใช่เหรอ
ผมว่า ที่ตัว Express ไม่มี AC และไม่ทำตัวใหม่ออกมาให้มีนี่ ในความคิดผมเหมือนตั้งใจทิ้งไปนานล่ะ
ตอนที่อ่านหนังสือประวัติ steve jobs ของ isacson
จำได้ว่าชอบกับไอเดียหลายอย่างของ jobs
ทั้งการยกเลิกหลายผลิตภัณฑ์...หันมาโฟกัสเพียงไม่กี่อย่าง...ที่คิดว่าดีที่สุดต่อ user
แต่ปัจจุบัน เล่นออกรุ่นประปรายไปหมด ขนาด macbook ยังมีรุ่น touch bar & no touch bar
การพัฒนาผลิตภัณฑ์ PC จากที่ไม่มีสีสัน ก็เติมสีสัน imac ลงไป...ก่อนจะมาเป็น aluminium ล้วน
แต่ตอนนี้...เหมือนจะย้อนกลับไปเล่นสีสันเหมือนก่อน
จากที่มือถือออกรุ่นใหม่กันแทบทุกเดือน...กลายเป็น iphone ที่ออกรุ่นใหม่ปีละครั้ง
การประกันขั้นเทพ...ไม่ต้องซ่อมแต่เปลี่ยนเครื่องใหม่
OSX ที่ทำ version เดียวราคาเดียว...ตอนดู jobs นำเสนอ...เป็นการนำเสนอ
ที่มีเสน่ห์มาก...มีการเล่นมุขที่แน่นอนว่าต้องการประชดคนที่คุณก็รู้ว่าใคร
และสุดท้ายกลายเป็นการอัพเกรด OSX ฟรี...ไม่ต้องจ่ายรายปี
iwork ที่ผมได้ใช้ตอน iwork09 (ซื้อตัวเต็มก่อนจะเปลี่ยนเป็นฟรี) มันมี concept การใช้งานที่เยี่ยมมาก
จุดเด่นแตกต่างจาก ms office ชัดเจน...ทั้ง keynote numbers pages
มันเหมือนจับจุดความน่าเบื่อของ ms และนำเสนอสิ่งที่ดีและง่ายกว่า
หากพัฒนาตามแนวทางเดิมเรื่อย ๆ เพิ่มประสิทธิภาพ...มันคงจะสมบูรณ์กว่านี้
แต่หลังจาก iwork13 เป็นต้นมา...มันแย่จนใช้งานจริงแทบไม่ได้ (ยกเว้น keynote)
จนสุดท้ายก็ต้องยอมจ่ายเพื่อใช้ office ต่อไป...และพัฒนาการก็ต่ำเตี้ยเรี่ยดิน
จนผมอดคิดไม่ได้ว่า...กำเนิดของ iwork คือการแทนที่ MS office
แต่ตอนนี้เหมือน iwork จะเป็นเพียงเครื่องมือที่แค่"มี"...เพื่อให้ MS ทำ office ดี ๆ บน mac แค่นั้น
(เหมือนจะฮั้วกัน...จนไม่พัฒนา iwork ในแนวทางเดิมให้ดีขึ้น...ตอนนี้เป็นแค่ software ง่อย ๆ ที่ใช้ในระดับ basic แค่นั้น)
จากในหนังสือ...ตอนที่เล่าว่า jobs เมื่อกลับมาใหม่ ๆ ได้พยายามเข้าไปจับเข่าคุยกับบริษัทต่าง ๆ
ว่าการใช้งานในระดับ pro ต้องการอะไร...และนำแนวทางนั้นมาพัฒนาผลิตภัณฑ์
แต่ปัจจุบัน รู้สึกว่า macbook pro ที่ออกมาจะได้รับคำวิจารณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่
แม้แต่ช่อง youtube ที่ผมดูประจำ ก็ชมนะว่าใช้งานได้ดี...แต่ถามว่าแนะนำให้ซื้อหรือไม่
คำตอบคือ...ไม่
และคำที่ผมชอบมากเวลา jobs โน้มน้าวเพื่อจะขายของคือ reasonable price
ตอนที่ติดตามการนำเสนอของ jobs เวลาจะขายไอพอด ไอโฟน ไอแพด
จะต้องแสดงให้เห็นว่ามันคุ้มค่าอย่างไรกับราคาที่จ่าย
ซึ่งจุดเด่นตรงนี้ เป็นสิ่งที่ผมไม่ค่อยเห็นในผลิตภัณฑ์รุ่นหลัง ๆ ของ apple
แม้แต่ macbook pro ตัวล่าสุด
ส่วนตัวผมไม่มีปัญหากับการตั้งราคาของ apple ... หากมันเป็นราคาที่ reasonable price
เงินไม่พอก็เล่นรุ่นล่าง เงินพอก็เล่นรุ่นสูง ... ทำงานเก็บเงินกันไป
แต่ตัว macbook pro ล่าสุด กับราคาที่สูงแบบยังหาเหตุผลหรือเหตุจูงใจไม่ได้
ทำให้เกิดความลังเลว่า...แท้จริงแล้วเรากำลังจ่ายเพื่ออะไร
กับคำกล่าวว่า
Once you go mac, you never go back.
กับแนวทางการพัฒนาในปัจจุบัน...ผมเริ่มกังวลว่ามันจะเป็น
Once you go back, you never go mac.
ผมว่าSoftwareรุ่นใหม่ๆนี่ ยิ่งพัฒนา ยิ่งถอยหลังลงคลอง
iTune นับวันยิ่งใช้ยาก ไม่รู้จะไปเดินตามApple Music อะไรนักหนา UXห่วยลงเรื่อยๆ
Photos(iPhoto) เครื่องมือหายเยอะ ลูกเล่นบางอย่างสมัยก่อนใช้ฟรี ปัจจุบันเสียเงิน
Disk Utility เปลี่ยนUI/UX ใหม่ แต่ประสบการณ์การใช้งานอยู่ในระดับหายนะ
iWork ทำให้สะอาดขึ้น เพราะเอาเครื่องมือต่างๆไปซ่อนหมด ซึ่งไม่รู้จะเอาไปซ่อนอีกทำไมทั้งๆที่เดิมมันก็ไม่ได้เกะกะอะไรมากมายอยู่แล้ว
+1
That is the way things are.
ที่เขาลดจำนวนรุ่นเพราะตอนนั้นบริษัทกำลังจะล้ม งบไม่มีเลยต้องโฟกัสเฉพาะของที่ถนัด (ขายทำเงินได้ทันที) การออกรุ่นประปรายมันก่อปัญหาทั้ง supply chain และบริการหลังการขาย
ดูจากสถานะการเงินของบริษัทตอนนี้ คงจะยากที่จะโฟกัสละครับ กลับไปออกรุ่นยิบย่อยสร้างความมึนงงกันต่อไป จนกว่าเงินจะหมด
อนาคตของ Apple คือ wireless charging แบบไม่ต้องแปะกับ charging device ปล่อยพลังงานออกมาในระยะ 10ft 30ft อะไรก็ว่ากันไป รับรองกลับมาฮือฮา
แต่ก็นะ… จอมกั๊ก พี่แกก็กั๊กต่อไป ตามสไตล์
Jobs สิ้นแล้วไอเดียต่างๆ เริ่มหมด แถมคุณภาพลดลงอีก ทุกวันนี้ชอบ iOS อยู่อย่างเดียวเลย ขาลงของจริงแล้วล่ะปีนี้
Hardware apple ผมยังโอเคนะ ไม่ได้รู้สึกว่ามันแย่อย่างมีนัยยะสำคัญ ไม่ใช่ว่าสมัยจ๊อบออกมาแล้วจะไม่มีปัญหา พวกรุ่นแรกๆก็มีปัญหาตลอด แต่ software นี่ห่วยลงแบบรู้สึกได้
Ios หลังจาก 7 มาใช้แล้วไม่ประทับใจเลย จะย้อนก็ย้อนไม่ได้
The Last Wizard Of Century.
AI จะครองโลกในยุคถัดไปแล้วสินะ
The Matrix จะกลายเป็นจริง
แล้วแบบนี้ ปี 2017 Apple จะถึงคราวล่มสลายมั้ยครับ
ยากมากไอ้ที่ว่าขายไม่ดี แต่มันก็ทำสถิติไหม่เช่นเคย
IR ครั้งที่แล้วยังอวด เรื่องธรุกิจบริการโต 24% อยู่เลย
ของบางอย่างอาจจะขัดใจแฟนบอย แต่มันก็ขายดีของมันนะครับ
ถึง Apple ไม่ค่อยมีนวัตกรรมว้าวๆๆ แต่ยังขายได้กำไรยังมากกว่าชาวบ้านหลายเท่า รายนี้บอกเลยตายยาก
ถ้าคิดแบบนี้ ซ้ำรอยโนเกียดลยนะครับ
เมื่อ 15 ปีที่แล้วผมก็ไม่เคยคิดว่า Nokia จะมีชะตากรรมแบบนี้เหมือนกันครับ
ผมคิดว่า ดูเผินๆ เหมือน Apple จะตายยาก (ก็เหมือน Nokia ตอนนั้น แบรนด์ทรงพลัง คนใช้กันทั้งบ้านทั้งเมือง รุ่นแพงๆ ก็ขายดี) แต่ทุกวันนี้ Apple พึ่งพาการขาย iPhone/iOS มากเกินไป ไม่กระจายความเสี่ยงหลายทางแบบ Google, Microsoft, Samsung ที่รายได้มาจากหลายผลิตภัณฑ์ แบบนี้ถ้ากระแส iPhone ลงเมื่อไหร่แล้วกู่ไม่กลับขึ้นมา ถังคราวดิ่งนี่บริษัทก็ไปเลยนะครับ เพราะพึ่งพารายได้หลักจากผลิตภัณฑ์ตัวเดียว
ก็ใครจะคิดว่า Nokia จะเป็นแบบนี้ได้
อนาคตเป็นเรื่องไม่แน่นอน
Atari, Kodak, Nokia, BB (ไปแล้ว)
Apple, Microsoft (มีแนวโน้ม)
Google, Samsung (ยัง OK)
Microsoft เห็นมีข่าว นักวิเคราะห์บอกว่าปรับตัวเข้ากับ Cloud ได้ดี
my blog :: sthepakul blog
จากคนที่เคยคิดว่า HTC มันเป็นมือถือระดับสูง เพราะด้วยราคาที่แรงมาก ในตลาดยุโรป อเมริกาพวกนี้ พอเห็นยี่ห้อ nokia ผมนี่ว้าวเลย มือถือต้องเป็นวัสดุรีไซเคิล จับสบาย งานประกอบดี
..อะไรๆก็เปลี่ยนได้ บริษัทจากอเมริกาเองก็คงอึดอัด