We Are Social และ Meltwater ออกรายงานข้อมูลการใช้อินเทอร์เน็ตทั่วโลกประจำปี 2024 ซึ่งมีรายงานแยกสำหรับข้อมูลการใช้อินเทอร์เน็ตประเทศไทยโดยเฉพาะ Digital 2024: Thailand เหมือนเช่นเคย ซึ่งรายงานนี้ช่วยสะท้อนภาพรวมและพฤติกรรมของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในประเทศไทย
รายงานมีทั้งหมด 132 หน้า โดยมีส่วนสรุปที่เป็นไฮไลท์หลายอย่างดังนี้
ประชากรอินเทอร์เน็ตไทยมี 63.21 ล้านคน คิดเป็น 88.0% ของประชากรทั้งประเทศ (71.85 ล้านคน) ตัวเลขนี้เพิ่มขึ้น 0.1% จากข้อมูลในปี 2023 มีการใช้งานโซเชียลมีเดีย 49.10 ล้านคน (68.3% ของประชากรทั้งหมด) และมีการใช้โทรศัพท์มือถือ 97.81 ล้านเลขหมาย คิดเป็น 136.1% ของจำนวนประชากร
We Are Social ดิจิทัลเอเจนซี่ ออกรายงานเพิ่มเติมต่อจาก Digital 2023 โดยรายงานนี้โฟกัสเฉพาะข้อมูลการใช้อินเทอร์เน็ตในประเทศไทย Digital 2023: Thailand ซึ่งสะท้อนภาพรวมและรูปแบบพฤติกรรมการใช้งานในประเทศ
รายงานฉบับเต็มมี 125 หน้า ซึ่ง We Are Social เองก็ได้ทำสรุปประเด็นสำคัญที่น่าสนใจไว้ดังนี้
ประชากรอินเทอร์เน็ตของไทยมี 61.21 ล้านคน คิดเป็น 85.3% ของประชากรทั้งประเทศ (71.75 ล้านคน) เป็นข้อมูล ณ เดือนมกราคม 2023 เพิ่มขึ้น 0.2% จากตัวเลขในปี 2022
We Are Social ดิจิทัลเอเจนซี่ เผยแพร่รายงานประจำปี Digital 2023 รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการใช้อินเทอร์เน็ตทั่วโลก โซเชียลมีเดีย สื่อโฆษณาออนไลน์ ตลอดจนประเด็นอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งจากการรวบรวมของ We Are Social เอง และผ่านพาร์ตเนอร์ต่าง ๆ
รายงานฉบับเต็มมี 465 หน้า และเป็นการนำเสนอภาพรวมทั่วโลก ซึ่ง We Are Social ได้สรุปประเด็นที่น่าสนใจมาบางส่วนดังนี้
รายงานประจำปี Digital 2020 โดย We Are Social ดิจิทัลเอเจนซี่ และ Hootsuite แพลตฟอร์มจัดการโซเชียลมีเดีย ได้เผยแพร่มาประมาณหนึ่งเดือนแล้ว โดยมีประเด็นน่าสนใจเกี่ยวกับแนวโน้มของอินเทอร์เน็ต โซเชียลมีเดีย การใช้มือถือ ตลอดจนทิศทางอีคอมเมิร์ซ
ในภาพรวมของโลกนั้น มีคนใช้อินเทอร์เน็ตแล้ว 4.54 พันล้านคน เพิ่มขึ้น 7% จากปี 2019 และมีการใช้งานโซเชียลมีเดีย 3.80 พันล้านคน
ฟิลิปปินส์ยังครองแชมป์ใช้งานอินเทอร์เน็ตต่อวันนานที่สุดในโลก ปีนี้อยู่ที่ 9 ชั่วโมง 45 นาที ส่วนไทยอยู่ที่ 9 ชั่วโมง 1 นาที (ค่าเฉลี่ยโลก 6 ชั่วโมง 43 นาที)
ทวิตเตอร์เผยเทรนด์ในไทยตลอดปี 2018 หรือ #YearOnTwitter เผยให้เห็นว่าทวิตเตอร์สำหรับคนไทยคือพื้นที่ที่คนพูดถึงความบันเทิงอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นวงเคป๊อบชื่อดังอย่าง Got7, BTS, Blackpink, Wannaone และละครดังแห่งปีอย่างบุพเพสันนิวาส และเลือดข้นคนจาง
ทวิตเตอร์แบ่งหมวดหมู่เทรนด์ในไทยออกเป็นหลายหมวด ดังนี้
Tik Tok แอพลิปซิงค์ยอดนิยมเผยเทรนด์ประจำปีกับเขาบ้าง โดยเป็นเทรนด์ประจำปี 2018 แยกเป็นเทรนด์โลกกับเทรนด์ประเทศไทย โดยดาราสาวเก้า สุภัสสรา ติดเทรนด์โลกกับเขาด้วย โดยเป็นเซเลบริตี้ที่มีคนติดตามมากเป็นอันดับ 6 ของโลก
Priceza ผู้ให้บริการเว็บไซต์และแอพพลิเคชั่นค้นหาสินค้าและเปรียบเทียบราคา จัดงาน Priceza E-Commerce Award ภายในงานมีสัมมนาโดยผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องกับอีคอมเมิร์ซโดยแบ่งเป็นสามช่วงคือ เทรนด์อีคอมเมิร์ซในปี 2018, โลจิสติกส์ และ E-Payment
อุปกรณ์ไอทีใหม่ๆ มีแนวโน้มออกแบบด้วยการใช้ผ้ามากขึ้น ตัวอย่างคือ Surface Pro laptop ปูพื้นแป้นพิมพ์ด้วยผ้า Alcantara เนื้อนิ่มคล้ายกำมะหยี่ เป็นวัสดุเดียวกับที่ใช้ในรถยนต์และกระเป๋าหรู ต่อมา Google เปิดตัว Google Home Mini และ Max ที่มาพร้อมกับผ้าบุห่อรอบตัว ทางบริษัทบอกว่าเป็นผ้าไนลอนและโพลีเอสเตอร์
เมื่อเรานึกถึงอุปกรณ์ไอที เราจะคิดถึงวัสดุเหล็ก อลูมิเนียม แต่เริ่มมีวิธึคิดแบบใหม่เกิดขึ้นคือ ผู้ใช้ควรรู้สึกสบายผ่อนคลายเมื่อได้จับอุปกรณ์ของตน เหมือนเวลาอยู่บ้านบนโต๊ะอาหารที่มีผ้าปูรองโต๊ะ
ต้อนรับปีใหม่ 2017 ด้วยการพยากรณ์แวดวงเทคโนโลยีปี 2017 โดยนิตยสาร Fortune ว่ามีสิ่งที่ควรจับตา 5 เรื่องดังนี้
เว็บไซต์ Data Center Knowledge สรุปภาพรวมของตลาดศูนย์ข้อมูล-คลาวด์ ประจำปี 2016 ดังนี้
คุณสมบัติหนึ่งของ Twitter ที่ถูกอ้างอิงถึงบ่อยๆ อย่าง Trends ซึ่งใช้เป็นตัวชี้วัดประเด็นร้อนแรงในช่วงเวลานั้นๆ โดย Twitter ก็ได้มีการแบ่งหมวดย่อยเป็น Trends ตามพื้นที่ เรียกว่า Local Trends ซึ่งล่าสุด Twitter ได้ประกาศเพิ่มเมืองใน Local Trends อีกกว่า 70 เมืองทั่วโลก
ประเทศที่เพิ่มเข้ามาใหม่นั้นก็มีทั้ง ญี่ปุ่น มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ แอฟริกาใต้ สวีเดน โดมินิกัน เอกวาดอร์ นิวซีแลนด์ ไนจีเรีย เปรู อาหรับเอมิเรตส์ ฯลฯ ข่าวดีคือเราก็จะดู Trends ตามเมืองใหญ่ๆ ได้ละเอียดมากขึ้น ส่วนข่าวร้ายก็ตามพาดหัวครับ ประเทศไทยก็ใช้ @thaitrend ต่อไป
บทวิเคราะห์จากเว็บไซต์ Informationweek พูดถึงแนวโน้ม 5 ประการของโลกซอฟต์แวร์ Business Intelligence (BI - ซอฟต์แวร์ที่ช่วยประเมินข้อมูลสำคัญๆ จากสารสนเทศทั้งหมดขององค์กร ใช้กันในองค์กรขนาดใหญ่)
เป็นปกติเมื่อเริ่มต้นปีที่สำนักข่าวต่างๆ จะพยากรณ์เทคโนโลยีหรือบริษัทที่น่าจับตามองในปีนั้นๆ สำหรับของปี 2011 ก็มีออกมาแล้วหลายเจ้า ผมคัดเลือกมาเฉพาะบางเจ้าละกันนะครับ รอบนี้เป็นของเว็บไซต์ TechCrunch เลือกมา 7 อย่าง
เป็นบทวิเคราะห์จาก IDC ว่าแนวโน้มเทคโนโลยีของปีหน้าจะเป็นอย่างไร มีด้วยกัน 5 ข้อดังนี้
ที่มา - ReadWriteWeb
Alexa เลิกใช้ Alexa toolbar เป็นแหล่งข้อมูลแหล่งเดียวสำหรับการประเมินเข้าถึงเว็บต่างๆ แต่หันไปใช้ข้อมูลจากหลายๆแหล่ง มาประเมิน traffic ของเว็บแทน
การเปลี่ยนแปลงนี้ จะทำให้อันดับของเว็บเปลี่ยนแปลงไปบ้าง (ในขณะนี้)สถิติเก่าคงเหลืออยู่เพียง 9 เดือน แต่บริษัทแจ้งว่าจะค่อยๆเพิ่มสถิติเก่าๆลงไปในการการจัดอันดับแบบใหม่
เกี่ยวกับ Alexa: Alexa จัดอันดับและแสดงสถิติการเข้าถึงเว็บไซต์ต่างๆทั่วโลกโดยใช้ click stream ที่ตรวจจับโดย Alexa toolbar บริษัทถูก Amazon ซื้อไปในปี 1999 สถิติของ Alexa ถูกบริษัทวิจัยตลาดนำไปอ้างบ่อยๆเนื่องจากเป็นการสุ่มตรวจเว็บจากทั่วโลก (แม้ว่าจะเคยมีกรณีแปลกเช่น YouTube ได้รับความนิยมกว่า Google)
นิตยสาร The Economist ได้พยากรณ์แนวโน้มเทคโนโลยีปี 2008 โดยเฉพาะเกี่ยวกับอินเทอร์เน็ต 3 ข้อดังนี้
iSuppli เผยผลการสำรวจตลาดในไตรมาสสุดท้ายของปีที่แล้วพบว่าผู้ผลิตในเอเชียอย่าง เอเซอร์และเลโนโวนั้นกำลังกินส่วนแบ่งตลาดของแบรนด์ตะวันตกเช่น เอชพีและเดลล์อย่างต่อเนื่อง โดยไตรมาสที่สี่นั้น เอเซอร์มียอดการส่งมอบโน้ตบุ๊กสูงขึ้นถึงร้อยละ 45.6 ขณะที่แบรนด์อันดับหนึ่งอย่างเอชพีนั้นมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ร้อยละ 32.8 เท่านั้น แต่โดยยอดตัวเลขการส่งมอบรวมนั้นทางเอชพียังคงครองอันดับหนึ่งได้อย่างไม่ลำบาก ด้วยยอดกว่าห้าล้านเครื่องเทียบกับ 3.4 ล้านเครื่องของเอเซอร์
ยอดรวมของตลาดพีซีทั้งหมดนั้น เอเซอร์และเลโนโวสามารถสร้างยอดรวมทั้งตลาดมาอยู่ที่ร้อยละ 12.5 ได้ในปี 2006 ขณะที่ในปี 2005 นั้นทั้งสองแบรนด์มียอดรวมเพียงร้อยละ 10.8 เท่านั้น
COMPUTERWORLD ได้ศึกษาถึงเทคโนโลยีที่จะส่งผลกระทบให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อวงการคอมพิวเตอร์ในอีกหนึ่งปีข้างหน้า โดยเขาให้ความสำคัญถึงโอกาสที่เทคโนโลยีเหล่านี้จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการทำงานของยูสเซอร์ทั่วไป ทั้งในระดับองค์กร และระดับส่วนบุคคลในระยะเวลาอันใกล้นี้ ซึ่งในที่สุดก็สรุปออกมาได้เทคโนโลยี 5 ตัว ที่จะเป็น hot เทคโนโลยีสำหรับปี 2007 ดังนี้ 1. Ruby on Rails