เมื่อวันที่ 10 มกราคม ที่ผ่านมา ทาง Microsoft ประกาศยกเลิกโปรเจคเกม Scalebound ที่พัฒนาโดย Platinum Games เป็นการปิดฉากของโปรเจค Scalebound โดยสมบูรณ์ ตอนนั้น Phil Spencer หัวหน้าของ Xbox กล่าวแสดงความเสียใจว่า “แม้จะเป็นการตัดสินใจที่ยากลำบาก แต่การตัดสินใจเช่นนี้ จะส่งผลดีต่อชาวเกมเมอร์ Xbox มากกว่า”
ล่าสุด Phil Spencer ออกความเห็นเพิ่มเติมต่อการยกเลิกโปรเจค Scalebound ว่า Microsoft จะไม่ยอมย่อท้อง่าย ๆ และยังคงกล้าที่จะเผชิญหน้ากับความเสี่ยงในการลงทุนเช่นนี้ต่อไป
@LeoCasablancas @aarongreenberg @Xbox Good feedback, I know we have to take risks, I realize right now probably sounds hollow but I agree
— Phil Spencer (@XboxP3) January 11, 2017
ในอีกทวิตหนึ่ง Spencer กล่าวว่า ความล้มเหลวของโปรเจค Scalebound จะไม่ส่งผลให้ Microsoft เลิกทำสัญญากับสตูดิโอนอกอย่างแน่นอน แต่ก็เห็นด้วยกับที่ว่าความสำคัญของสตูดิโอภายในต้องมาก่อน
@DevinKyleO I won't abandon signing independent studio projects but I agree 1st party internal studios are critical.
— Phil Spencer (@XboxP3) January 11, 2017
สุดท้าย Spencer กล่าวขอโทษต่อทุกคน และรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ตัว Spencer เองก็อยากให้ทุกอย่างที่พวกเขาเป็นคนเริ่มขึ้น จบลงได้ด้วยดีเช่นกัน
@XboxPY15 It hurt me as well and to the community I apologize. I want everything we start to turn out great, to take risks, create diversity
— Phil Spencer (@XboxP3) 11 มกราคม 2560
ที่มา – GameSpot
Comments
เงินก็สูญ เวลาก็เสีย โดนด่าด้วย
ในขณะที่คามิยะลอยตัว
ลอยตัวยังไงครับ
งานไม่จบ เก็บเงินไม่ได้ แแต่ต้องจ่ายเงินเดือนพนักงาน มันลอยตัวยังไงอ่ะครับ
ตั้งแต่เปิดโปรเจคScaleboundมานี่ Platinumทำเกมมาแล้ว9เกมนะครับ จะให้รอถึงชาติหน้ารึไง เลื่อนตลอด ไม่ได้ตามเป้า ผมว่ายกเลิกช้าไปด้วยซ้ำ
ส่วนที่บ่นว่าต้องจ่ายเงินเดือน ระหว่างงานนี่ไม่ได้งบเลย? แล้วPlatniumไม่มีรายได้อื่น?
ทำงานแบบนี้ ผมว่าคนยังเข้าข้างนี่แปลก
ปกติงาน outsourcing เกมมันเบิกเงินได้เรื่อยๆ เหรอครับ
เพราะงาน outsource ปกติที่ผมเคยเจอ เค้าก็ทำสัญญาไปเลยว่าจะคิดทั้งโปรเจคกี่บาท แบ่งจ่ายยังไง
ยิ่งโปรเจคดีเลย์ ตัว outsource รายจ่ายก็มากขึ้น เพราะยังจ่ายเงินเดือนพนักงานอยู่ ในขณะที่ทำโปรเจคอื่นไม่ได้ ซึ่งพูดถึงกรณีที่ dedicate ทีมกับโปรเจคนะ แต่ถ้าโยกคนไปทำอย่างอื่นแล้วดองโปรเจคไว้ก็อีกเรื่องนึง ที่อ่านมาคือ scalebound ใช้ทีมที่ใหญ่ที่สุดในบริษัทด้วย
ส่วนตัวผมไม่ได้เข้าข้างคามิยะ แต่ที่บอกว่าคามิยะลอยตัวชิลๆ ก็คงไม่ถูก
งานนี้ platinum เจ็บหนักแน่นอน รายได้ที่ประเมินไว้หายไปเลยนะครับ
เสริมให้นิดว่าขึ้นกับสัญญา และสัญญาบางเจ้าก็โหดแบบ ถ้า publisher ไม่ approve ว่างานดีพอตามที่ต้องการเงินงวดนั้นจะหายไปเลยครับ (อันนี้ฟังจาก game dev unchained มาอีกที) ลองหาข่าวเสีย ๆ หาย ๆ ของ Microsoft ในมุมของ Publisher มาอ่านดูครับ น่าจะเจออะไรที่น่าสนใจ (แต่ออกตัวก่อนว่าผมลืมหมดแล้ว)
ไม่มีใครอยากให้โปรเจคล้มหรอกครับ งานแบบนี้เป็นงานครีเอทีฟ คนที่ทำเกมลงมามีส่วนร่วมกันหมด แล้วก็เจ็บกันหมดทุกฝ่ายถ้าโปรเจคล้ม (ถ้าเคยทำเกมมาบ้างน่าจะนึกภาพออกนะ ผมยังนึกสมัยเถียงกับเกมดีไซน์เนอร์เรื่องเกมดีไซน์ได้อยู่เลย)
ถ้าให้เดาก็น่าจะเป็นการประเมินสเกลงานผิด คือ คนเดิม ๆ น่าจะเคยทำ RPG มาบ้าง อย่าง Okami แต่ว่า เกมแบบ RPG ซึ่งสเกลใหญ่ มารวมกับเกมยุคปัจจุบันซึ่งก็สเกลใหญ่ ผลคือกลายเป็นเกมโคตรใหญ่ในเชิงของปริมาณงานที่ต้องทำ (/me ปิดตาชี้ FFXV) ค่ายที่ไม่เชี่ยวเรื่อง RPG มากอย่าง Platinum Game น่าจะมีประสพการณ์ตรงนี้ไม่มากพอมั้ง นี่คือการเดาล้วน ๆ นะครับ
อีกอย่าง รู้สึกว่าเกมนี้จะใช้ Unreal Engine เป็นเกมแรกเลยมั้งของค่ายนี้ (ปรกติใช้ Engine ตัวเอง) เป็นไปได้อีกอย่างว่าอาจจะไม่เชี่ยวชาญ พอเจอเกมสเกลใหญ่จัดก็เลยมีปัญหา เท่าที่เคยศึกษามานิด ๆ หน่อย ๆ ผมว่า ทั้ง UE ทั้ง Unity อาจจะเหมาะกับเกมประเภทเอาเกมเล็ก ๆ มาต่อกันเป็นเลเวล แต่อาจจะไม่เหมาะกับเกมสเกลใหญ่ที่ต้องจัดการ Asset ดี ๆ น่ะครับ (แต่ผมแทบไม่เคยจับสองตัวนี้เลยนะ ผมอาจจะผิดก็ได้)
ไปอ่านข่าวมาเห็นว่าสิ่งที่ Platinum Games ทำกับสิ่งที่ MS ต้องการต่างกันครับ คือ Platinum Games ต้องการทำเป็น Openworld RPG มีเมือง มีเควส มีระบบสกิล แต่สิ่งที่ MS ต้องการมันสเกลแคบกว่านั้นมากๆคือต้องการคล้ายๆกับ DMC ซะมากกว่า
น่าสนใจแฮะ ขอลิ้งค์ได้มั้ยครับ
จริงๆงวดการจ่าย แเงิน ผู้ว่าจ้างต้อง approve ก่อนอยู่แล้วครับไม่โหดหรอก จริงๆคือเป็นทุกวงการด้วยซ้ำ มีแค่งวดแรกที่จะได้ทันทีที่เซ็นสัญญา
ถ้างาน it งวดสุดท้ายน่าจะจบที่ phase uat ถ้างานเกม อาจจะลากยาวไปถึงยอดจำหน่ายหรือเปล่า? (แบบกั๊กบางส่วนไว้ให้ตอนที่ยอดขายถึงเป้า ไม่ก็เป็นการจ่ายส่วนแบ่งตามยอดขายที่ขายได้ แต่ไปกดเงินก้อนตอนพัฒนาเสร็จลง)
ของเกมเป็น revenue sharing ครับ โมเดลทั่วไปคือ 40+40+20 (ถ้าผมจำไม่ผิดนะ) คือ 1st party + publisher+developer ดังนั้น หลาย ๆ เกม publisher ก็ไม่ได้เป็นคนลงทุนทั้งหมด 100% ครับ
แต่ก็แล้วแต่จะตกลงกันด้วยว่าจะเป็นแบบไหน บางครั้งเราก็เห็น publisher ทำมากกว่าแค่ publish ก็ต้องตกลงกันว่าจะจ่ายยังไง บางครั้งบางเกมก็มี publisher หลายเจ้าเหมือนกัน
ส่วนเรื่องการ approve เท่าที่ฟังคืองวดนั้นหายไปเลย ไม่ใช่จ่ายช้านะครับ คือหักเงินไปเลย
ผลงานตัวเองโดนยกเลิกสัญญา
เท่ากับโดนลดเครดิตของตัวเองลง
ครั้งหน้าถ้าไปติดต่อขอเสนอโปรเจคกับที่อื่น มันจะมีผลแน่ๆ ครับ
ทำตัวเองล้วนๆครับ งานนี้
ส่วนตัวเดาว่าคงออกมาไม่ดีพอและออกช้า ฝืนออกมาโดนด่ายับหนักกว่าเดิมว่าไม่สมเป็น exclusive ที่รอคอย
ສະບາຍດີ :)
สารภาพว่ารอเกมนี้ครับ พอได้ข่าวเลื่อนก็กังวลเล็กน้อย แต่กลายเป็นว่าโดนยกเลิกซะงั้น
คนขี้ลืม | คนบ้าเกม | คนเหงาๆ
Phil โน้น courage Phil นี้ take risks
นินเทนโดสนใจไปสอยมาลง switch มั้ย
The Dream hacker..