แอปเปิลเจอคดีต่อต้านการผูกขาดในชั้นศาล โดยมีผู้ใช้ฟ้องแอปเปิลที่ไม่เปิดโอกาสให้ผู้ใช้ ซื้อแอพจากที่อื่น ให้ซื้อที่ App Store เท่านั้น และถ้าแอปเปิลแพ้คดีนี้ ต้องจ่ายหลายร้อยล้านดอลลาร์เลยทีเดียว เพราะเป็นการฟ้องแบบกลุ่ม ครอบคลุมระยะเวลาตั้งแต่ 2007-2013
คดีนี้ย้อนกลับไปตั้งแต่ปี 2011 ผู้ใช้ไม่พอใจที่จะต้องซื้อแอพบน App Store ในราคาแพงกว่า โดยแอปเปิลให้คำแก้ต่างว่าทางบริษัทไม่ได้จะขายซอฟต์แวร์ให้ลูกค้าโดยตรง แต่ลูกค้าซื้อแอพจากนักพัฒนาต่างหาก ที่แอปเปิลทำก็คือให้นักพัฒนาเช่าพื้นที่ App Store โดยพวกเขาจ่าย 30% ให้แอปเปิลเป็นค่าพื้นที่ (บางบริษัทถึงกับขึ้นราคาแอพ ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้โดยตรง)
คดีนี้คงจะยังไม่มีข้อสรุปในเร็วๆนี้ แม้จะฟ้องกันมานาน แต่ถ้าศาลตัดสินให้ลูกค้าแอปเปิลชนะ ผลที่ตามมาคือ ผู้ใช้จะซื้อแอพได้ในราคาถูกลง และซื้อแอพจาก third party ได้
ที่มาภาพ Facebook App Store
ที่มา - Engadget
Get latest news from Blognone
Follow @twitterapi
Blognone Jobs Premium
Cloudnone
- NVIDIA จะไปหยุดที่ตรงไหน ทำไมครองโลกดาต้าเซ็นเตอร์ | Cloudnone EP.22
- ถึงคลาวด์เคราะห์: ทำอย่างไรเมื่อบริการคลาวด์ที่ใช้ถูกยกเลิก | Cloudnone EP. 21
- รู้จักอาชีพ Site Reliability Engineer สำคัญยังไง? | Cloudnone EP. 20
- อธิบาย CrowdStrike ทางเทคนิค ทำไมถึงทำพีซีจอฟ้าเป็นล้านๆ เครื่อง | Cloudnone EP.19
- Kubernetes [Part 2] ยี่ห้อไหนดี งานไหนต้องใช้ แล้วเลือกยังไง? | Cloudnone EP.18
Comments
ถ้าลูกค้าชนะ ต่อไปคงจะฟ้องต่อว่า "ผูกขาด MacOS".
เพราะเหตุผลนี้ คังโคเระ ถึงไม่ลง iOS ซะทีไง !
คิดค่าบริการวางแอปบน iTunes ด้วยอัตรา 30% ของราคาแอปนี่โหดมากเลยนะ (1-2% นี่ก็เยอะแล้วถ้าเอาจริงๆ) แต่ด้วยภาวะจำยอม นักพัฒนาก็มีแค่ทางเลือกแค่ยอมๆ ไป กับขึ้นราคาส่วนต่างตรงนี้เอา เพราะต้นทุนมันเพิ่มขึ้น 30%
(ลองคิดดูว่าราคาค่าบริการ 30% นี่มันราคาเกือบๆ 1 ใน 3 ของราคาขายเลยนะ)
google play ก็คิด 30% เหมือนกันนิครับ
ก็เข้าใจว่ามันเป็นค่าใช้จ่ายหลายอย่างของแอปเปิ้ล ตั้งแต่ server เก็บแอป แอปลบไปแล้วก็ต้องเก็บไฟล์ให้ผู้ซื้อเดิมโหลดได้ ค่าทีมงานตรวจสอบดูแลแอป ไหนจะมีค่าหัวคิวต่างๆ ที่แอปเปิ้ลจ่ายเพื่อโปรโมทแอปอีก (เช่นซื้อแอปผ่านลิงค์นายหน้า คนโปรโมทก็ได้ส่วนแบ่งค่าโหลดไปด้วย) มันก็ต้องได้กำไรหน่อย จะทำให้พอดีตัวก็คงไม่ใช่ธุรกิจ
เอาจริงๆ google play ผมก็ด่านะ แต่พอดีว่ามันมีทางเลือกในการไม่ต้องผ่าน google play ก็เลยรู้สึกว่า เออ เรามีีทางเลือก แต่ถ้าคิดว่าแนวทางนี้โอเค ก็แล้วแต่แหละครับ ส่วนตัวผมมองว่ามันเยอะเกินไป
นอกเรื่อง
ตอนนี้ need ธีมดาร์กโหมดมาก แอบเห็นแว๊บๆ ใน Cydia อยากให้แอพเพิลนำมาใช้จริงจังเลย คงลดความแสบตาตอนเล่นเวลากลางคืนได้ดี
เล่นตอนกลางคืนใช้ Night Shift ก็เพียงพอแล้วมั้งครับ ผมว่า dark mode มันทำให้เสียสายตามากกว่าหรือเปล่า
ส่วนสาย Android ก็มีพวก Twilight ส่วน PC มี f.lux ครับ
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
คิดว่าตามcontextในลิงค์หมายถึงเวลามีแสงปกติ จริงๆเราไม่ควรอ่านตอนปิดไฟหรอกครับ (ผมเข้าใจว่าที่คหบนพูดคือเล่นตอนปิดไฟ) " In a dark room, white text on a black ground is not much stressful on the eyes. This is because no light is reflecting off it in a dark room. " ส่วนหนึ่งในนั้น ก็บอกว่าในห้องมืดก็โอเคครับ
ผมเข้าใจว่าประโยค" In a dark room, white text on a black ground is not much stressful on the eyes. This is because no light is reflecting off it in a dark room. " เค้าเอาไปเปรียบเทียบกับข้อเดียวกัน(grey tints)หรือเปล่าครับ
ผมคิดว่า dark mode มันเหมาะสมที่สุดกับจอภาพที่ไม่เปล่งแสงผ่านสีดำ(เช่น OLED หรือ E-Ink) ครับ ผมเคยลอง Dark Mode บน S3 นี่อ่านสบายตามาก แต่พอมาใช้กับ N5, Mi4, i6 นี่อ่านปกติแล้วใช้ blue filter สบายตากว่าเยอะเลยครับ
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
ขอบคุณมากครับที่แชร์ลิงค์ ผมว่าผมอ่าน quora มาก็เยอะมากแล้วนะ ยังไม่เคยอ่านเจอเรื่องนี้เลย top comment นั้นไขความกระจ่างหลายๆ เรื่องที่สงสัยมานานเลย (แปลกใจตัวเองทำไมไม่เคยคิดที่จะค้นคว้าเรื่องนี้)
อ้าวที่ผ่านมาผมเข้าใจว่าการมาของ App Store ทำให้ราคา app หรือ software โดยรวมลดลงมาจนคนทั่วไปสามารถเอื้อมถึงได้นะ
ถึงฟ้องชนะแล้วก็จะมีผลเฉพาะบางประเทศหรือเปล่า
อ้าวบัญชี Dev แบบ Enterprise มันก็ปล่อย App แบบไม่ต้องขายใน iTune ได้อยู่แล้วนิ = =)?