บรรดาผู้นำโลกไอทีสหรัฐต่างออกมาคัดค้านนโยบายผู้อพยพของ Donald Trump ที่ดูเป็นเอกภาพ แต่กรณีของ Uber กลับแตกต่างออกไป
Travis Kalanick ซีอีโอของ Uber เคยเข้าร่วมเป็นที่ปรึกษาให้กับ Trump มาก่อน (คนอื่นที่เข้าร่วมคือ Elon Musk และซีอีโอของบริษัทใหญ่อื่นๆ เช่น Disney, IBM, Wal-Mart, GM, PepiCo รวม 19 คน) ทำให้เขาถูกวิจารณ์มาก่อนแล้วว่าเข้าไปช่วย Trump และในแถลงการณ์ของเขาเรื่องผู้อพยพ ก็ไม่ได้แสดงท่าทีชัดเจน (เท่ากับซีอีโอคนอื่นๆ) ในการคัดค้าน Trump
ความไม่พอใจแต่เดิม มาบวกกับเหตุการณ์ประท้วง Trump ที่สนามบิน JFK ในนิวยอร์ก โดยกลุ่มคนขับรถแท็กซี่นิวยอร์ก รวมตัวหยุดงาน 1 ชั่วโมงเพื่อประท้วง Trump ส่งผลให้ผู้โดยสารไม่มีรถแท็กซี่ให้เรียก เหตุการณ์นี้ทำให้ Uber New York ประกาศลดราคา surge pricing ที่สนามบิน JFK ชั่วคราว
Surge pricing has been turned off at #JFK Airport. This may result in longer wait times. Please be patient.
— Uber NYC (@Uber_NYC) January 29, 2017
การลดราคาของ Uber มองได้ทั้งสองแง่คือ ช่วยให้ผู้โดยสารไม่ต้องเสียค่ารถแพง ในช่วงที่แท็กซี่หายาก (แม้จะต้องรอรถกันนานขึ้น) แต่ในมุมของผู้คัดค้าน Trump มองว่า Uber มาฉวยจังหวะทำกำไรจากโอกาสนี้ และบวกกับประวัติเก่าของ Uber ที่ไม่ค่อยรักษาผลประโยชน์ของคนขับรถ (ข่าวเก่า) และการที่ซีอีโอเข้าร่วมเป็นที่ปรึกษาให้ Trump เลยเกิดแคมเปญ #DeleteUber ขึ้นมา
คนที่ไม่พอใจ Uber จำนวนหนึ่ง ร่วมติดแท็ก #DeleteUber โดยปิดบัญชี Uber ของตัวเอง แล้วให้เหตุผลที่ปิดบัญชีว่า "ไม่ต้องการสนับสนุนผู้นำเผด็จการ"
In all this excitement, I didn't post my own personal #deleteUber screencap! Rest assured, it's been dormant. pic.twitter.com/cIK2tLj6Eq
— HUNTER S. FAILSON (@Bro_Pair) January 29, 2017
หลังแคมเปญนี้แพร่หลายออกไป ฝั่งของ Uber ต้องออกมาแก้ข่าว โดยบอกว่าเหตุผลที่ยกเลิก surge pricing เป็นเพราะต้องการช่วยให้คนเดินทางไป-กลับสนามบิน JFK ในราคาปกติ
Last tweet not meant to break strike. Our CEO’s statement opposing travel ban and compensating those impacted: https://t.co/joWvPvux9J
— Uber NYC (@Uber_NYC) January 29, 2017
ส่วนซีอีโอ Travis Kalanick ออกมาโพสต์เฟซบุ๊กอีกรอบ ยืนยันว่าบริษัทจะช่วยเหลือคนขับรถที่ถูกแบนเข้าประเทศ โดยส่งทีมกฎหมายไปช่วยเหลือ และชดเชยรายได้ที่สูญเสียไปในช่วงที่ถูกแบน และ Kalanick ยังประกาศตั้งกองทุน 3 ล้านดอลลาร์ ช่วยเหลือคนขับรถในปัญหาเรื่องการเข้าเมือง และการแปลภาษาอีกด้วย
ก่อนที่ Kalanick จะออกมาแถลง คู่แข่ง Lyft ออกมาแสดงท่าทีคัดค้าน Trump อย่างหนัก และประกาศบริจาคเงิน 1 ล้านดอลลาร์ให้องค์กร ACLU (American Civil Liberties Union) ที่เป็นจุดศูนย์กลางในการประท้วง Trump รอบนี้ ส่งผลให้การออกมาตั้งกองทุน 3 ล้านดอลลาร์ของ Uber ถูกมองว่าเป็นการเกทับ Lyft อีกด้วย
2/ Trump’s immigration ban is antithetical to both Lyft's and our nation's core values.
— logangreen (@logangreen) January 29, 2017
3/ We are donating $1,000,000 over the next four years to the ACLU to defend our constitution. https://t.co/0umGOlkhSx
— logangreen (@logangreen) January 29, 2017
Comments
ผมว่าคนที่ต่อต้าน Trump อีกไม่เกิน2 ปีเปลี่ยนความคิดแน่นอน
ส่วนผู้สนับสนุนใช้ 2 วันครับ
ตอบได้คมคาย
เหมือนขบวนการแถวนี้เลย
น่าจะเหมือนแค่ฝั่งเดียว เพราะใช้แค่พลังประชาชน
ล่าสุด Apple ลบแอพที่มาจาก 7 ประเทศ ที่โดนทรัมป์แบน แล้วนะครับ น่าจะมี #DeleteApple ตามมา
ทำไมผมรู้สึกเหมือนแคมเปญของประเทศแถบเอเซียตะวันออกเฉียงใต้บางประเทศ
Uber มีข้อเสียตรงถอดบัตรเครดิตออกไม่ได้ รู้สึกไม่ค่อยแฟร์เท่าไร พึ่งเห็นเจ้าแรกที่ใส่บัตรเครดิตเข้าไปแล้ว ลบทิ้งไม่ได้เจ้าแรกนี่แหละ
ก็ลบได้นี่ครับ
บนมือถือ Android:
กดเมนู (hamburger icon) > Payment > เลือกบัตรเครดิตที่จะลบ > กดเมนู (stacked dot) ที่มุมขวาบน > Delete
ลบไม่ได้ครับผม มีปุ่มให้ลบก็จริง แต่ถ้ายังไม่ Add บัตรเพิ่มเข้าไปก่อนจะลบไม่ได้ครับ ;) ลองกด Delete มันจะขึ้นว่า Fail to delete card. ครับ
PS. ข้อเสียอีกข้อคือ ระบบมันจ้องจับผิด user มากไป ผมเขียน blog เอารหัส uber ไปแจก มีคนเข้ามาเอาไปใช้หลาย 40-50 คน มั้ง อยู่ๆ uber ก็ bann user ผมไม่ให้ใช้ Promotion Code ได้อีกเลย งงมาก ไปอ่านดูคือ ถ้าเราได้รับ promotion มากเกินไป ระบบจะ bann เรา
จบ ใช้ Grab ต่อไปสบายใจ