วงการบิตคอยด์ถูกกุมอำนาจโดยนักขุดบิตคอยน์ในจีนมากขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงหลัง หนังสือพิมพ์ People's Daily รายงานถึงสูตรสำเร็จของบริษัทเหล่านี้ว่าอาศัยการย้ายบริษัทเข้าไปในโซนที่ค่าไฟถูก คือ มณทลเสฉวนที่เป็นแหล่งไฟฟ้าพลังงานน้ำของจีน
เฉพาะเขตปกครองตัวเอง Garze Tibetan ทางตะวันตกของเสฉวนก็มีบริษัทขุดบิตคอยน์ 20 บริษัทในเขตเดียว ส่วนในเมือง Mabian Yi ทางตะวันตกเฉียงใต้ของมณฑลเป็นที่ตั้งบริษัท Tianjia บริษัทเดียวมีเครื่องขุดบิตคอยน์ 1,500 เครื่อง มีกำลังผลิตวันละ 10 BTC มีช่างดูแลเครื่องตลอด 24 ชั่วโมง
เพื่อลดต้นทุนค่าไฟ บริษัทขุดบิตคอยน์เหล่านี้มักไปตั้งเครื่องขุดกันถึงภายในโรงงานไฟฟ้า และพร้อมจะย้ายออกในหน้าแล้ง เพราะค่าไฟอาจจะขึ้นราคาถึงสองเท่าตัว
ที่มา - People's Daily
Comments
คือผมมองว่า Bitcoin ไม่ได้ สร้าง Product ที่แท้จริงอะไรเลย
ไม่ได้อิงกับ ทรัพย์สินที่แท้จริง
แต่มันใช้ไฟฟ้าจริงๆๆก็เลยยย.......
ตลาดหุ้น, ธนาคาร, datacenter ไม่มีอะไรจริงทั้งนั้นครับ
lewcpe.com, @wasonliw
ถ้าว่ากันขนาดนั้น จริงๆ เปลือกหอย เกลือ เมล็ดโกโก้ ก้อนโลหะแวววาว ก็ไม่ได้สร้างผลิตภัณฑ์ที่แท้จริงอะไรเลย แต่มันก็ใช้แรงงานจริงๆๆๆไปหากันมาทำไม เสียเวลา เอามาทำไรทำนา หาปลาดีกว่าเอย
เอาใช้ตรรกะแบบนั้น ระบบเงินตรา ตัวเลขเงินในบัญชีของคุณทุกวันนี้ก็ไม่จริงครับ
ลองหลับตานึกภาพว่า พรุ่งนี้ประเทศประกาศยุบระบบเงินตรา เลิกใช้ 'ตัวเลข' (เครดิต) ยกเลิกธนาคาร/สำนักฝากเงิน ไม่การออกตั๋วสัญญาใช้เงิน เพราะสิ่งเหล่านั้นล้วนไม่จริงทั้งสิ้น แล้วมาให้ทุกคนพกเงินเป็นก้อนๆ รับรองระบบเศรษฐกิจที่เรารู้จักทุกวันนี้จะหายวับ หดตัววูบเหลือไม่ถึง 0.1% นอกนั้นหายหมด
ประเด็นมันไม่ได้อยู่ที่วัตถุที่จับต้องได้ แต่หลักการสำคัญที่ปฎิวัติเศรษฐกิจ จาก barter คือ 'เครดิต' ไม่ว่าจะก้อนเงินพดด้วง ตั๋วสัญญาแลกเงิน ธนบัตร มันก็อิงบน ความเชื่อ/สัญญาร่วมกันทั้งสิ้นครับ
หลักการสำคัญของ 'เงิน' คือ ปลอมแปลงไม่ได้ ธนบัตรเองก็คือสัญญาจากผู้ปกครอง สมัยก่อนใครปลอมเงินก็มีโทษเท่ากับหลบหลู่เบื้องสูง โทษคือประหารทั้งสิ้น, ต้องมีการไว้ใจได้เชื่อถือได้ ไม่ด้อยค่าเร็วเกินไป ไม่งั้นคนก็จะไม่ใช้สกุลเงินดังกล่าว หนีไปใช้ระบบอื่นแทน, มีคนเชื่อในระบบเงินตรานั้นมาพอจนเกิดความคล่องตัวในการใช้จ่าย และสะดวกในการใช้งาน หน่วยเล็กหน่วยใหญ่ มีให้ใช้ชำระได้หมด
ซึ่งเท่าที่เห็น bitcoin มันก็ตอบครบนี่ครับ
ทองก็ไม่ได้อิงกับอะไรเลยทำไมถึงมีค่าครับ?
เพราะมนุษย์ให้ค่ามันด้วยเหตุผล
- ปลอมแปลงยาก
- หายาก/มีวันหมด
- แบ่งเป็นส่วนย่อยๆได้
ซึงบิทคอยน์ทำได้อย่างที่ว่ามาครับ
ทองคำคุณสมบัติทนทานต่อการกัดกร่อน
สามารถเอามาสร้างอุปกรณ์ต่าง ๆได้ทำให้ทองคำมีค่าในตัวเอง
เมื่อรวมกับจำนวนที่มีอยู่น้อยในโลกจึงทำให้มีค่ามาก
ซึ่งบิตคอยน์ด้วยตัวของมันเองทำอะไรไม่ได้เลย
lewcpe.com, @wasonliw
"ข้อหลังนี่เงินไม่จำเป็นต้องอิงกับทองครับ ทุกวันนี้ไม่มีเงินสกุลหลักใดอิงกับทอง เดินไปธนาคารแลกทองไม่ได้ แลกกระดาษธนบัตรได้อย่างมาก (ต่อให้เหรียญก็ไม่มีการกำหนดน้ำหนัก)"
ผมพูดถึงการเอาค่าเงินไปอิงกับทองคำ?
ถามว่าด้วย Demand ของทองสำหรับนำไปใช้งานจริงๆ เช่น ในชิ้นส่วนอิเล็คทรอนิกส์ ไปทำเป็นเครื่องประดับ ฯลฯ มันทำให้ทองมีมูลค่ามากขนาดนั้นจริงๆ เหรอครับ? หรือมันมีมูลค่ามากเพราะคนให้ค่ามันในฐานะสื่อกลางการแลกเปลี่ยน?
ผมมองที่คุณสมบัติเรื่องการคงทนและมีจำนวนน้อยของมัน
รวมกันทำให้เหมาะกับการใช้เพื่อการแลกเปลี่ยน
สมมติว่าโลกเรามีเหล็กที่มีปริมาณเท่ากับทองคำ
คุณมีเหล็กหนึ่งกิโลกับทองคำหนึ่งกิโล
ตกลงกันว่า ข้าวหนึ่งกระสอบมีค่าเท่ากับ เหล็ก/ทองคำหนึ่งกิโล
คุณต้องเอาเหล็กมาชะโลมน้ำมันเป็นประจำเพื่อคงขนาดและน้ำหนัก
ไม่งั้นสนิมกินหมดเสียคุณค่าในตัวเองไปเรื่อย ๆ
ส่วนทองคำปล่อยไว้เฉย ๆถ้าไม่ไปแบ่งมันมันก็เท่าเดิม
ถ้าคุณมองเรื่อง"การคงทน"และ"มีจำนวนน้อย"
ผมบอกได้เลยว่า "ณ ปัจจุบัน" Bitcoin มีคุณสมบัติทั้งสองข้อครบถ้วนครับ เหมาะแก่การเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนตามนิยามของคุณเลย
บิตคอยคุณลืมพาสทำอย่างไร
ทองคำใส่เซฟลืมพาสคุณพังเซฟเอาทองกลับมาใช้ได้
ผมยอมรับเรื่องการเอาบิตคอยน์มาใช้เป็นสื่อการแลกเปลี่ยนแทนเงินได้
ทั้งเรื่องความสะดวกและการที่ไม่มีกลุ่มคนที่คอยควบคุมเพียงกลุ่มเดียว
แต่ดูเหมือนหลายคนจะคิดว่ามันเป็นซูเปอร์เซ็ตของทองคำตรงนี้ที่ผมไม่เห็นด้วย
คุณเปรียบเทียบไม่ถูกครับ ในกรณีนี้ถ้าจะเทียบกับเก็บทองใส่เซฟ คุณต้องปริ้น key หรือ seed ใส่เซฟเก็บไว้ ถ้าหายก็พังเซฟออกมา...
แล้วมันเกี่ยวกับ "การมีมูลค่า" ยังไงล่ะครับนั่น?
ทองคำเอาใส่เซฟไว้ก็ถูกขโมยได้ ขนาดใส่เซฟที่ธนาคารไว้ก็ใช่จะรอดนะครับ บิตคอยน์นี่โอกาสถูกขโมยต่ำกว่ากันเยอะ
ผมจะลองพยายามทำความเข้าใจตามคุณนะครับ
ประเด็นแรกที่คุณเริ่มพูดมา ผมสรุปได้ว่าทองคำมี Intrinsic Value ในตัวเอง สามารถนำไปใช้ประโยชน์อื่นๆ ได้นอกจากการเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนอย่างเดียว ในขณะที่ Bitcoin ไม่มี ก็มีหลายท่านรวมถึงผมบอกว่ามูลค่าในปัจจุบันของทองคำมันสะท้อนถึงคุณค่าในฐานะสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน มากกว่ามูลค่าในการใช้ประโยชน์ของมันเยอะ และมันมีคุณสมบัติครบถ้วนในฐานะสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน (มีจำกัด คงทน)
ถัดมาคุณเบี่ยงไปว่าทองมันมีตัวตนทางกายภาพ สามารถ Override Access ได้ในกรณีฉุกเฉิน ต่างจาก Bitcoin ที่ไม่สามารถเข้าถึงได้หากลืม Password กรณีนี้อย่างที่ข้างบนว่าไว้ว่าคุณจะเขียนรหัสใส่กระดาษ หรือเอาเลเซอร์สลักลงบนทองที่ไม่สึกหรอของคุณก็ได้ แล้วใส่เซฟฝังดินไว้ก็ค่าเท่ากันครับ แต่อาจจะต่างกับทองตรงที่ถึงจะฝังดินไว้ คุณก็ยัง Access ถึงมันได้ตลอด ในขณะที่ทองถ้าต้องการเปลียนมือก็ต้องมีการส่งมอบกันจริงๆ ซึ่งทำให้ผมนึกขึ้นมาอีกประเด็นได้ว่า ทุกวันนี้มูลค่าการซื้อขายทองคำกันส่วนใหญ่น่าจะเป็น "ทองกระดาษ" คือเป็นพวกสัญญา Derivative ที่อ้างอิงกับราคาทองด้วยซ้ำ ยิ่งเป็นของไม่มีหลักมีฐานอะไรเข้าไปใหญ่
ลงท้ายนี้คือ ผมไม่ได้บอกว่า Bitcoin ดีกว่า หรือทองคำไม่มีค่านะครับ แต่ทั้งสองอย่างก็มีข้อจำกัดเฉพาะตัว การจะบอกว่าลงทุนอันนี้ดีกว่าอันนั้นมันต้องดูบริบทการลงทุนด้วย
ปล. ถ้าผมจะลงทุนในโลหะมีค่า ผมลงใน Platinum ดีกว่าครับ
ขอตอบแยกแค่ละประเด็นนะครับ
"ประเด็นแรกที่คุณเริ่มพูดมา ผมสรุปได้ว่าทองคำมี Intrinsic Value ในตัวเอง สามารถนำไปใช้ประโยชน์อื่นๆ ได้นอกจากการเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนอย่างเดียว ในขณะที่ Bitcoin ไม่มี ก็มีหลายท่านรวมถึงผมบอกว่ามูลค่าในปัจจุบันของทองคำมันสะท้อนถึงคุณค่าในฐานะสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน มากกว่ามูลค่าในการใช้ประโยชน์ของมันเยอะ และมันมีคุณสมบัติครบถ้วนในฐานะสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน (มีจำกัด คงทน)"
ปัจจุบันเรายังไม่สามารถหาสิ่งที่มีคุณสมบัติเทียบเท่าทองคำแต่มีปริมาณมากกว่าได้ ดังนั้นถึงคนทั้งโลกเอาทองคำมาโยนทิ้ง
ด้วยคุณสมบัติที่มันมีอยู่ก็จะยังทำให้มีคนเอาไปใช้มันมีค่ามากอยู่ดี จะมากจะน้อยก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
ซึ่งต่างจากบิตคอยน์ถ้าคนทุกคนรวมหัวกันไม่ยอมรับมันจะไม่มีค่าทันทีนั่นเป็นประเด็นหลักที่ผมจะสื่อ
"ถัดมาคุณเบี่ยงไปว่าทองมันมีตัวตนทางกายภาพ สามารถ Override Access ได้ในกรณีฉุกเฉิน ต่างจาก Bitcoin ที่ไม่สามารถเข้าถึงได้หากลืม Password กรณีนี้อย่างที่ข้างบนว่าไว้ว่าคุณจะเขียนรหัสใส่กระดาษ หรือเอาเลเซอร์สลักลงบนทองที่ไม่สึกหรอของคุณก็ได้ แล้วใส่เซฟฝังดินไว้ก็ค่าเท่ากันครับ แต่อาจจะต่างกับทองตรงที่ถึงจะฝังดินไว้ คุณก็ยัง Access ถึงมันได้ตลอด ในขณะที่ทองถ้าต้องการเปลียนมือก็ต้องมีการส่งมอบกันจริงๆ ซึ่งทำให้ผมนึกขึ้นมาอีกประเด็นได้ว่า ทุกวันนี้มูลค่าการซื้อขายทองคำกันส่วนใหญ่น่าจะเป็น "ทองกระดาษ" คือเป็นพวกสัญญา Derivative ที่อ้างอิงกับราคาทองด้วยซ้ำ ยิ่งเป็นของไม่มีหลักมีฐานอะไรเข้าไปใหญ่"
ผมไม่ได้เบื่ยงเบนอะไรเลย ผมพูดเรื่องการ"มีตัวตน" ที่สามารถเอาไปใช้ประโยชน์ได้นอกจากเอาไว้แลกเปลี่นนเพียงอย่างเดียว
ของบิตคอยน์ตั้งแต่ความคิดเห็นแรกเลยขอย้ำประเด็นผมอีกครั้ง "ทองคำมีค่าในตัวเองซึ่งบิตคอยน์ไม่มี" สื่งที่คุณพูดมาก็เป็นการยืนยันได้ว่า
ทองคำมันไม่สนใจว่าใครเป็นเจ้าของไม่ได้สนใจการเข้าถึง เอาไปไว้ที่ไหนมันก็มีค่า
ใครก็ตามที่มีทองคำในมือ(แสดงความเป็นเจ้าของได้)มันจะมีค่าเสมอ
สุดท้ายผมก็เห็นด้วยที่ว่าทองคำกับบิตคอยน์ต่างก็มีข้อดีข้อเสียในตัวเอง มีจุดที่ทับซ้อนหลักในเรื่องใช้เป็นตัวกลางในการแลกเปลี่ยน
ปล. ผมไม่ใช่นักลงทุนครับทั้งทองคำและบิตคอยน์ ที่โต้แย้งเพราะเห็นการเปรียบเทียบที่ไม่สมเหตุสมผลเท่านั่น
คือ ทอง ปลอมยาก และ มีวันหมดไปจากโลกจริง แต่ Bitcoin ถ้าเกิดวันนึงผู้คิดระบบอยากเพิ่มประมาณเงินเข้าไปอีก 100 เท่า 1000 เท่าละครับ มันไม่มีอะไรที่เป็น สิ่งของให้จับต้องเลย
แล้วธนบัตรล่ะครับ? ก็ไม่ต่างจาก Bitcoin รึเปล่า? ถ้าสมมติว่าอยู่ๆ ผู้คิดระบบเกิดเพิ่มเงินเข้าไปในระบบ (ถ้าสมมติว่าทำได้จริงๆ ซึ่งเท่าที่เห็นกันในปัจจุบันคือมันเป็นไปไม่ได้) สักสิบเท่า สภาพมันก็จะเหมือนตอน Zimbabwe hyperinflation ที่อยู่ๆ รัฐก็พิมพ์เงินอัดเข้าไปในระบบนั่นแหละครับ ไม่ได้ต่างกันเลย (หรือจริงๆ คือต่างตรงที่ว่า มันควบคุมอยู่ ไม่สามารถที่จะอยู่ๆ ก็เพิ่มเงินอัดเข้าไปในระบบได้)
Product ที่ bitcoin อ้างอิงมันก็คือ mathematics นั้นแหละครับ
แต่สิ่งที่ bitcoin ไม่มีคือ reliability ซึ่งการไม่มี reliability = การไม่มี value
ดังนั้น BTC เป็นได้แค่ตัวแทนของ US dollar (หรือ euro,yuan) ในช่วงเวลาสั้นๆเท่านั้น ตัวมันเองไม่เคยมีค่าจริงๆ
reliability ที่ว่ามานี่คืออะไรล่ะครับ
ธนบัตร, ตั๋วสัญญาแลกเงิน, เช็คก็ไม่มี reliability แต่คนก็ให้คุณค่ากับมันไม่ต่างกับก้อนโลหะมีค่าครับ
ผมเข้าใจว่าคำว่า "ไม่มี Reliability" หมายถึง ไม่มีคนรับรองมูลค่า (แบบที่ธนบัตรมีรัฐบาลของประเทศรับรอง, เงินในบัญชีมีธนาคารรับรอง) ถูกไหมครับ?
การที่คุณบอกว่า "Product ที่ bitcoin อ้างอิงมันก็คือ mathematics นั้นแหละครับ" ก็ไม่ต่างอะไรกับการที่ธนบัตรอ้างอิงกับความเชื่อถือในประเทศ เงินในบัญชีอ้างอิงกับความเชื่อถือในธนาคาร (และ DPA) นั่นแหละครับ
ถ้า reliability หมายถึงแบบนั้นจริง ตอนฮังการีกับซิมบับเว hyperinflation นี่ก็ธนบัตร/พันธบัตรที่ธนาคารที่มีรัฐบาลของประเทศรับรองครับ :p
คงยังไม่ใช่เร็วๆ นี้เท่าไหร่ แต่สักวัน Bitcoin ก็คงต้องไปอยู่สภาพในรูปนี้เช่นกัน
แล้วต่างอะไรกับบัตรเครดิตหละครับ เงินทั่วไปเป็นตัวกลางสำหรับแลกเปลี่ยน ไม่ได้สร้างอะไรอยู่แล้ว
Bitcoin เป็น ตัวกลางอีกตัวเท่านั้น ข้อดีของมันคือค่าทำเนียมการโอนถูกกว่าธนาคารบางแห่ง และความเป็นส่วนตัว
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
แล้วราคา BTC ตอนนี้นะ ทำรายได้ตกวันละ 400000บาท
มณทล -> มณฑล?
นอกเรื่องนิดนึง คือสงสัยมานานแล้วทำไมราคา BTC ในไทยนี่เหมือนเงินเถื่อนยังไงชอบกล
อัตราซื้อกับขายคืนส่วนต่างโหดมาก = ="
คำตอบง่ายๆ ตลาดเล็กครับ ปริมาณซื้อขายยังน้อย ก็ต้องถ่างราคาแบบนี้ (แบบเดียวกับสกุลเงินแปลกๆ ที่แลกไปแลกกลับก็ขาดทุนหนัก)
lewcpe.com, @wasonliw
มีเวป เทรดBitcoin แบบ forex เปล่าครับ
bx.in.th
BitCoin ตอน เริ่มต้นในไทย มีคนส่งเรื่องไปให้ธนาคารแห่งประเทศไทย
ตีความว่า มันคือเงินหรือไม่ ? คำตอบคือ "ไม่ใช่" แต่ไม่ได้ตีความต่อ เหมือนสหรัฐ หรือ ยุโรป
ที่ตีความว่า BitCoin คือ "ทรัพย์สิน หรือ asset แบบหนึ่ง" พอคาอยู๋แบบนั้น
เลยกลายเป็นว่า BitCoin ในไทย อาจจะไม่มีกฎหมายรองรับ โดนโกง แลกเงินคืนไม่ได้
จะฟ้องร้องก็ไม่ได้ เพราะมไม่เข้าข่าย อะไรเลยในกฏหมาย
ถ้าใช้ความรู้สึก ผมมองว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย ในสมัยนั้นไม่รู้อะไรเลย แล้ว
อาจจะมองว่า BitCoin = Forex ไปเลยก็ได้ครับ
แสดงว่าก็ไม่ต้องเสียภาษีด้วยสิครับ อย่างภาษีมรดก
bot เค้าก็รู้แหละครับ ว่า bitcoin คืออะไร ไม่ใช่มีแต่ geek ที่รู้จัก
แต่การจะให้ตีความว่ามันเป็นเงิน (ณ ตอนนั้น) bot ก็ตัองเข้าไปควบคุมตามกฎหมาย พอเข้าไป regulate มาก ๆ (ด้วยกฎหมายเก่า ๆ) geek ก็จะโวยวายอีกว่า อะไรก็ห้าม อะไรก็ควบคุมไปหมด
วิธีที่ดีกว่า คือ รอให้ ประเทศอื่น ๆ เขายอมรับ ให้คนอื่นลองผิดลองถูก แล้วค่อยลอก กฎหมายเขามาใช้ทีเดียวสบายใจกว่า
ใช่ครับ ประเทศเราในเรื่องมาตราฐานการบัญชีก็ไปลอกเขามา มีเขียนเองก็นิดหน่อย
เพิ่มให้ว่า ถ้า BOT ออกมารับรอง มันจะกลายเป็นข่าวใหญ่ คนทั่วไปที่ไม่ใช่ geek จะหันมารู้จัก (แต่อาจจะไม่เข้าใจ) ยิ่งเพิ่มความสนใจในตัว bitcoin โดยไม่จำเป็นครับ ทุกวันนี้รู้จักในวงแคบๆ + ไม่ได้ห้าม คนเล่นก็เป็นคนที่รู้เรื่องจริงๆ ดีกว่าครับ รอประเทศอื่นนำหน้าแล้วค่อยตาม เพราะขนาดเรื่องง่ายๆ แบบพร้อมเพย์ คนยังเข้าใจผิดแล้วผิดอีก ด่ากันไปถึงไหนต่อไหน
พูดไป แอบรู้สึกว่า
บริษัทผู้ผลิตไฟฟ้า น่าจะสร้างเหมือง Bitcoin/หรือ blockchain-calculator
เองได้ทุกโรงเลย (น่าจะเป็นการ invest ที่คุ้มด้วย)
การขุด bitcoin ต้นทุนหลักของการขุดคือค่าไฟนี่แหล่ะ
จุดคุ้มทุนมันมีอยู่ตรงที่ว่า พอผ่าน startup-cost (การ์ด/ชิพขุด)
หลังจากนั้นจะเข้าสู่พาร์ทของ ค่าไฟ เทียบกับเงินที่ได้จากการขุดแทน
แต่โรงงานไฟฟ้าแทบทุกโรง "ต้องผลิตไฟด้วยค่าคงที่นึงๆอยู่แล้ว"
คือช่วง off-peak ก็ยังต้องผลิตเผื่ออยู่ดี ไม่ใช่หยุดไปเฉยๆได้
เอาไฟที่ต้องผลิตทิ้งมารันเหมืองนี่ เพลินๆเลย นับว่าไม่มีต้นทุนก็ว่าได้
ใช่เลย
มีคนสร้าง bitcoin ปลอมมั๊ย