ประเด็นหนึ่งที่ถกเถียงกันมานานในโลกของ Bitcoin คือขนาดของบล็อคที่ใช้ประมวลผล ถูกจำกัดไว้ที่ 1MB แต่เมื่อจำนวนธุรกรรมในระบบเพิ่มมากขึ้น ขนาดของบล็อค (ตามแนวคิด blockchain) จึงกลายเป็นข้อจำกัด ว่าในชั่วเวลาหนึ่ง เครือข่าย Bitcoin สามารถประมวลผลธุรกรรมได้ไม่เยอะนัก ธุรกรรมที่เกินโควต้าจึงต้อง "รอคิว" ส่งผลให้การจ่ายเงินด้วย Bitcoin ต้องรอกันนานเป็นหลักหลายชั่วโมงเพื่อยืนยัน (verify) ว่าธุรกรรมเสร็จสมบูรณ์จริง
การถกเถียงเรื่องนี้ไม่ได้ข้อยุติง่ายๆ และมีความพยายามแยก (hard fork) โครงการ Bitcoin ออกไปใช้ซอฟต์แวร์ตัวใหม่ที่ขยายขนาดบล็อคให้ใหญ่ขึ้น ก่อนหน้านี้เคยมี Bitcoin XT พยายามทำเรื่องนี้ แต่ก็ยังไม่ถูกยอมรับในวงกว้างมากนัก
ล่าสุดมีอีกโครงการหนึ่งคือ Bitcoin Unlimited ที่มีแนวคิดว่าให้ผู้ประมวลผล Bitcoin เลือกขนาดของบล็อคกันเอง และปล่อยให้ "ตลาดเสรี" เป็นตัวกำหนดว่าขนาดที่เหาะสมควรจะเป็นเท่าไร
Bitcoin Unlimited ได้รับการสนับสนุนจาก Antpool เครือข่ายนักขุดที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่มีสัดส่วนการขุดประมาณ 15% และ Bitcoin Jesus ที่มีสัดส่วนประมาณ 3% อย่างไรก็ตาม ด้วยสถาปัตยกรรมแบบเครือข่ายของ Bitcoin ส่งผลให้การเปลี่ยนแปลงใดๆ จำเป็นต้องให้ผู้ใช้ประมาณ 60-70% ยอมรับก่อน ซึ่งตอนนี้ทางกลุ่ม Bitcoin Unlimited คาดว่ารวมเสียงมาได้ประมาณครึ่งทางของที่ต้องการแล้ว
ในอีกด้านก็มีนักพัฒนา Bitcoin ที่มองว่าไม่ควรขยายขนาดบล็อค เพราะจะเอื้อประโยชน์ต่อนักขุดรายใหญ่มากกว่ารายเล็ก แต่เสนอทางแก้ด้วยอัลกอริทึมการยืนยันธุรกรรมที่รวดเร็วกว่าเดิม โครงการนี้ใช้ชื่อว่า SegWit ซึ่งก็ไม่ได้รับการยอมรับจากผู้สนับสนุน Bitcoin Unlimited
นอกจาก Bitcoin XT และ Bitcoin Unlimited แล้ว ยังมีความพยายามอีกโครงการหนึ่งชื่อ Bitcoin Classic
ที่มา - Bloomberg
Comments
เป็นสถาปัตยกรรมที่ founder ออกแบบมาไว้ดีมาก เปลี่ยนแปลงได้ตามสถานการณ์ความต้องการการใช้งานในอนาคตที่คนในยุคนั้นๆยอมรับเป็นเสียงส่วนใหญ่ว่าเหมาะสม
แล้วที่มันส์คือ founder ไม่ยอมเปิดเผยตัว
ที่มันส์กว่าคือ founder อาจมีปิกาจูอยู่บนไหล่
ออกแบบมาได้ไงไม่รู้ ทั้งรัดกุม และมีหลักการที่ชัดเจน
ในอีกด้านก็มีนักพัฒนา Bitcoin ที่มองว่าไม่ควรขยายขนาดบล็อค เพราะจะเอื้อประโยชน์ต่อนักขุดรายใหญ่มากกว่ารายเล็ก
อยากรู้ความเห็นของ founder ที่ออกแบบ Bitcion จริง ๆ ว่าเห็นด้วยกับประโยคนี้หรือไม่
ตามย่อหน้าสุดท้ายข่าวนี้ครับ (ถ้าจริง)
ถ้าขยายบล๊อกจริง อัตราการขุดเจอจะเพิ่มขึ้น ทำให้นักขุดทั้งเล็กและใหญ่ ได้ผลประโยชน์มากขึั้น แต่คนทั่วไปก็มีแค่ทำธุรกรรมดีขึ้น แต่เอาจริงๆ ถ้าจะคิดคัดค้านแบบนั้นมันก็ค่อนข้างดูเป็นพวกขี้อิจฉาคนที่มีเครื่องมือพร้อมและที่เขาลงทุนกับการขุดไปเยอะแล้วเหมือนกัน
The Dream hacker..
ทำไมขยายบล็อคแล้วถึงจะทำให้อัตราการขุดเจอจะเพิ่มขึ้นครับ?
ถ้ามันยังใช้หลักการเดิมนี่บล็อคจะมีขนาดแค่ไหนก็ไม่ทำให้อัตราการขุดเจอเปลี่ยนไปหรอกครับ ไม่ว่ายังไงอัลกอริทึมมันก็จะบีบให้อยู่ที่ประมาณ 10 นาทีต่อบล็อคอยู่ดี
จริงๆ นักขุดอาจจะชอบบล็อคเล็กมากกว่าด้วยซ้ำมั้งครับ มันบีบให้คนทำธุรกรรมใส่ค่าธรรมเนียมสูงแลกกับการได้ทำธุรกรรมที่เร็วขึ้น แต่ก็แลกกับจำนวนธุรกรรมที่ลดลง (ยอดรวมค่าธรรมเนียมอาจจะเท่าเดิม?) และทำให้แพร่หลายยากขึ้นเพราะค่าธรรมเนียมสูง