สาเหตุหนึ่งของการสนับสนุนให้มีคนนำรถส่วนบุคคลออกมารับผู้โดยสารคือแท็กซี่ในระบบเดิมมีอัตราการปฏิเสธผู้โดยสารค่อนข้างสูง กลุ่มแท็กซี่ที่มีการเรียกร้องให้จัดการกับแอปเช่นอูเบอร์อย่างเด็ดขาด ก็มีการเสนอแนวทางแก้ปัญหาของตัวเองไปพร้อมกัน โดยระบุว่าหากแท็กซี่สามารถรู้ปลายทางของผู้โดยสารผ่านแอป และกดรับก็จะไม่มีการปฏิเสธผู้โดยสาร (แล้วมันต่างกันตรงไหน? งงเหมือนกันครับ)
ข้อเสนอนี้ระบุโดยนายวิฑูรย์ แนวพานิชประธานเครือข่ายสหกรณ์แท็กซี่ในเขตกรุงเทพมหานคร ที่ระบุว่าจะร่วมมือกับแอปพลิเคชั่น Smart Taxi เพื่อจัดการปัญหานี้ เนื่องจากผู้ขับขี่สามารถรู้ปลายทางล่วงหน้าทำให้ปัญหาการปฏิเสธผู้โดยสารเป็นศูนย์
เมื่อวานนี้ทางแอป Smart Taxi ก็ระบุถึงข้อเสนอของแอปเพิ่มเติม โดยเสนอเก็บเงินเพิ่มใน 3 กรณี ได้แก่ 1) เดินทางไปสนามบิน เพิ่ม 50 บาท 2) ชั่วโมงเร่งด่วน เพิ่ม 50 บาท 3) จองรถล่วงหน้า เพิ่ม 50 บาท รวมๆ หากใครต้องการไปสนามบินในชั่วโมงเร่งด่วนโดยจองล่วงหน้าอาจจะต้องเพิ่มค่าบริการเป็น 150 บาท
Comments
เอิ่ม......
ฮื้มมมม????
ไปสุวรรณภูมิตอน 6 โมง ต้องจ่ายเพิ่ม 150 บาท ผมเข้าใจถูกไหมครับ?
หากใครต้องการไปสนามบินในชั่วโมงเร่งด่วนโดยจองล่วงหน้าอาจจะต้องเพิ่มค่าบริการเป็น 150 บาท
ถูกต้องตามนั้นครับ #มันใช่เหรอ
Taxi หรือเทวดา ต้องกราบขอร้อง
หากมีการจองล่วงหน้า ทางศูนย์ Taxi น่าจะบริหารจัดการตัวเองได้ดีขึ้นนะครับ มีเหตุอันสมควรแบบไหนถึงต้องเรียกร้องค่าจ้างเพิ่มครับ ???
มันก็แนวเดียวกับ Grab Taxi แหละ คือ matching ความต้องการของทั้งสองฝ่าย ปัญหาเดิมก็ยังไม่ได้รับการแก้ไขคือ เรียกแล้วไม่ยอมไปอยู่ดี
ผมขอเสนอทางแก้การปฎิเสธผู้โดยสารของ Taxi บ้าง ทำระบบร้องเรียนที่ง่ายต่อการแจ้ง และเป็นนิรนาม มีรางวัลนำจับ ข้อมูลรับแจ้งที่ช่วยเพิ่มน้ำหนักอาจเป็นรูปถ่ายหรือวิดีโอ (ติดกล้อง gopro ออกเป็นทีมไล่ล่าเลย)
เห็นด้วย ครับ
เอาไปจับพวก รถตู้ รถทัวร์ ด้วยก็ดีครับ
one stop service แจ้งจับครบครันในแอปเดียว
ปฏิเสธโดยที่ลูกค้าไม่รู้ตัวไม่ถือเป็นการปฏิเสธผู้โดยสารสินะ...
¯\_(ツ)_/¯
เอาแต่ใจไปไหมจ๊ะ
...เขียนหรือเปล่าให้ถูกด้วยนะ
รักนะคะคนดีของฉัน
จะว่า ค่าใช้จ่ายทางนี้ แพงเกิน
หรือ ทางนั้น ถูกเกิน
ดีนะ ......
สิ่งที่ ST เสนอมา ผิดกฎหมายครับ
อย่าเสียเวลา เสียสมอง มาคิดเรื่องแบบนี้เลย
เขาเสนอขอให้เปิดทางให้ถูกกฎหมายครับ
แบบเดียวกับที่มีการเสนอ Uber/GrabCar นั่นล่ะ ผู้ตัดสินใจ (กระทรวงคมนาคม) ก็ต้องเอาไปคิดว่าสมเหตุสมผลไหม แล้วแก้กฎกันต่อไป
คงไม่ใช่ว่ากฎล็อกไว้อย่างไรแล้วแก้ไม่ได้กันตลอดกาล
lewcpe.com, @wasonliw
ข่าวนี้ เขาเสนอผู้ใช้บริการ หรือ คมนาคมครับ
แอปนี้ จะช่วยอะไรได้ กับการ โบกซึ่งซึ่งหน้า แต่ ไม่ยอมไปอยู่ดี
เขาเสนอให้ผู้ใช้บริการแสดงความเห็นด้วย (หรือไม่เห็นด้วย) ครับ แต่คนตัดสินใจก็ต้องเป็นคมนาคม
ในแง่นี้ก็ไม่ต่างจาก Uber ที่เปิดให้ลงชื่อ
lewcpe.com, @wasonliw
ดังนั้น ก็ ไม่ใช่ วิธีแก้ปัญหา
มัน เข้าลักษณะ การรวมหัว เพื่อหาผลประโยชน์ จากระบบที่ดีอยู่แล้ว แต่ คนในระบบชำรุด
อะไรของคุณ (ระบบที่ดีอยู่แล้วคืออะไร?) มันก็ปกติที่แต่ละฝ่ายจะแสดงความต้องการของตัวเองออกมาเพื่อขอให้มีการปรับเปลี่ยน
lewcpe.com, @wasonliw
ระบบดี อยู่แล้ว คือ
คุณเรียกTAXI ขึ้นไปได้เลย
ขึ้นไปแล้ว บอกเขาไปไหน เขาต้องไป
แล้วไปด้วยการ กดมิเตอร์มาตรฐาน
ระบบ มันดีอยู่แล้ว เขาออกแบบแบบนี้
แต่ คนในระบบมันชำรุด มันไม่ไป มันอ้างมั่ว
แค่นี้ คุณไม่เข้าใจเหรอ
ส่วนแอป แบบ grab taxi คือ การอำนวยความสะดวกเพิ่มขึ้น
มีค่าใช้จ่าย อันนี้ รับได้
หรือคุณคิดว่า สิ่งที่ผมว่า เหมาะสมดีอยู่แล้ว เป็น สิ่งผิด
ระบบที่ออกแบบมาแล้วทำไม่ได้จริง คุณเรียกมันว่า "ระบบดีอยู่แล้ว" ????
โอเคครับ
lewcpe.com, @wasonliw
ทำไม จึงคิดว่า มันทำงานไม่ได้
คุณขึ้นTAXI โดนปฏิเสธทุกครั้งเลยรึ
หรือ แค่บางครั้ง บางเวลา บางสถานที่ บางคน บางวัน
ถ้าคนในระบบยังพยายามโกงระบบ ต่อให้รื้อระบบใหม่ ก็ไม่แก้ปัญหาเดิมหรอก
ถนนมีเท่าเดิม รถเท่าเดิม คนขับเดิมเดิม
ผมเห็นว่า วิธีแก้ไขคือ ส่วนfeedback ที่ทำให้ ระบบทำงานได้สมบูรณ์ตามที่ตั้งใจ
ทำให้ มันครบลูป ก่อนดีกว่า
คุณอาจรู้สึกเคืองผมบ้าง เหมือนที่ผมรู้สึกเคืองคุณ ..... เพราะผมรู้สึกกับคำที่คุณใช้ในเชิงตำหนิผม
ผมก็สวนคุณด้วยคำที่ผมแน่ใจว่า คุณก็คงรู้สึกเช่นกัน แฟร์แฟร์
มันไม่มีระบบอะไรที่ไม่มีคนพยายามโกงครับ เราไม่ได้อยู่บนสวรรค์ ระบบที่ดี (ในความหมายของผม) จะให้ผลตอบแทนคนที่ทำตามระบบดีกว่าคนโกง สิ่งที่ Smart Taxi เสนอมามีเหตุผลพอเข้าใจได้ ว่าหากแท็กซี่ได้รับผลตอบแทนตามระบบในเวลาเร่งด่วนสูงกว่าปกติแล้ว พวกเขาก็อาจไม่ต้องปฏิเสธไม่คิดค่าโดยสารตามมิเตอร์ หรือเลือกเส้นทางที่ได้กำไรสูง
ขณะที่ระบบปัจจุบัน (ที่คุณบอกว่าเป็นระบบที่ดี) มันล็อกตายตัว ชั่วโมงเร่งด่วนแท็กซี่มีเท่าเดิม ผู้โดยสารมีจำนวนมากแท็กซี่ที่ไม่เลือกจะเสียเปรียบเพราะได้กำไรน้อย ขณะที่ความสามารถในการจัดการกับแท็กซี่ที่ฝ่าระบบมีจำกัด (กว่าจะสอบสวน ต้องรอให้คนมีแรงโทรแจ้ง แถมคนโทรแจ้งเอาเข้าจริงก็ไม่ได้อะไร คนอยากกลับบ้านโดนแท็กซี่ปฎิเสธทุกวันจะต้องให้เขาจดทะเบียนทุกคัน?)
คุณก็มีแนวทางแก้ไของคุณได้ครับ เสนอความเห็นได้อยู่แล้ว คุณอยากรอให้ระบบตามกฎหมายปัจจุบันมันดีขึ้นมาเองก็บอกได้ แต่การบอกว่าแนวทางคนอื่นผิดกฎหมายแล้วหยุดคิด แบบนั้นคงไม่ต้องมีใครแสดงความเห็นอะไรต่างจากคุณอีก
lewcpe.com, @wasonliw
เอาเป็นว่าเรียกสิบครั้งจะถูกปฎิเสธแปดถึงเก้าครั้ง ไม่เข้าใจว่าทำไมเรียกแล้วไม่ไป แทนที่จะประหยัดเวลาดันทำให้เสียเวลาอีก ไม่บางวันโดนทุกวัน จนทุกวันนี้มีธุระจะรีบเผื่อเวลาโดนแท๊กซี่ปฏิเสธด้วยสักครึ่งชม.
คือเคยลองไม้อ่อนไปแล้ว ลองไม่แข็งบ้างก็ดีนะครับ
ครั้งโน้นยอมให้ปรับราคาขึ้น
ครั้งนี้เพิ่มค่าปรับ 10 เท่า เพิ่มรางวัลนำจับ 1/3 ของค่าปรับใหม่เพียงถ่ายคลิปมา
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
แบบนี้เวลาที่ประชาชนร่วมกันลงชื่อแก้ไขกฎหมาย หรือสนช.ในอดีตนู้นนน ที่แก้ไขกฎหมายก็เป็นไปตามที่คุณว่ารึเปล่าครับ?
ใครๆ เค้าก็ต้องเสนอแนวทางที่เอื้อประโยชน์ให้ตนเองอยู่แล้วครับ มันอยู่ที่รัฐซึ่งเป็นผู้ตัดสินว่าจะผ่านกฎหมายให้หรือไม่ อีกส่วนคือประชาชนเป็นผู้ตัดสินว่าจะอยู่รอดในตลาดหรือไม่
ทุกคนก็ต้องเสนอแนวทางที่พวกของตนคิดว่าเป็นธรรมกับตัวเองอยู่แล้วครับ
ไม่มีการปฏิเสธ เพราะไม่มีคนกดรับตั้งแต่แรก 555
iPAtS
ผมก็ว่างั้น
ฟังแล้วมันก็ไม่ต่างกับ ศูนย์เรียกรถที่มีอยู่เลย แถมกรณีใช้งานสำหรับผู้โดยสารมันเหมือนกับ Grab แต่แพงกว่า แถมน่าเชื่อถือน้อยกว่า Grab เยอะมากกกกก
ประเด็นเพราะเปลี่ยนชื่อ ยังไม่แก้ปัญหาครับ ผมสมมติกรณีไว้สองแบบ พวกพี่อาจจะไม่รับกันเลย หรือสอง กดรับแล้ว ทิ้ง(ว่าที่)ลูกค้า
มันไม่แก้ปัญหาจริงๆ ถ้าเรียกแล้วคนขับไม่มา พวกพี่จะมีบทลงโทษจริงๆไหม? พี่จากแท็กซี่เดิมมาฟอร์มทีมใหม่ ตอนนี้อาจจะดี แต่ในอนาคตอาจจะทำเงียบเสีย เหมือนอย่างอู่และศูนย์แท็กซี่ที่ต้องคุมกันเอง แล้วไง เหลวตลอดดด
เพราะอะไร เพราะมันเล็กเกินไป อย่างว่าแหล่ะ ดังแล้วแยกวง มันตั้งกันง่ายเกินไป จนแต่ละอู่/ศูนย์มันไม่เหลืออำนาจไปบังคับใครได้ แท็กซี่ทำตัวไม่ดีพอเจ้าของจะเล่นบทลงโทษ ก็พากันลาออกจากชมรมที่เค้าเอาจริงเอาจังไปวิ่งรอกไปศูนย์/อู่ใหม่ที่เหลวแหลกกว่า ไม่คุมเข้ม ไอ้พวกที่จะเข้มก็เข้มไม่ได้ เพราะพวกคนขับก็พากันลาออก สุดก็เหลวเละทะกันอยู่อย่างทุกวันนี้
ไม่มีทาง เพราะยังไงถึงเพิ่มเงินให้ คนขับมันจะไม่ไปก็ไม่ไปอยู่ดี เดียวก็หาอะไรมาอ้างเหมือนเดิม
แน่จริงถ้าใครโดนปฏิเสธ smart taxi จ่ายให้คนละ 100 ไหมละ ถ้ามั่นใจขนาดนั้นว่าแก้ปัญหาได้
มันคือข้ออ้างขอขึ้นราคา
ข้อเสนอจากกลุ่มผู้โดยสาร ถ้าเรียกแล้วแทกซี่ไม่ยอมไป แทกซี่จ่ายผู้โดยสาร 50 บาทครับ
ไม่แปลกใจ ทำไมรถบนถนนมันเยอะขึ้น * - *
สรุปขอขึ้นราคาอีกแล้ว
ไม่เอา Uber แต่ทำตัวจะเก็บตังเหมือน Uber อยากจะเป็นแบบเขาซะเอง ... อะนะ
ก็ทำแบบเดียวกันกับ Uber ก็ได้ แต่คนจะเฮไปใช้ Uber / Grab กันหมด เพราะคงไม่มีใครใช้ Taxi แบบเดิมหรอก จ่ายเพิ่ม 50 บาท แถมต้องบอกปลายทางก่อน Taxi ที่ไม่อยากไปมันก็ไม่กดรับงานหรอก
เงื่อนไขเยอะไปในเมื่อปกติก็ห้ามปฏิเสธอยู่แล้ว นี่ขอเพิ่มอีก 50 บาท ก็เอาแบบเดิมละ ถ้าปฏิเสธก็แจ้งขนส่งเอาละกัน
จะขึ้นค่าบริการจะ 50 จะ 100 ก็ได้
แต่.. UBER / Grab หรือบริการรถส่งผู้โดยสารทั้งหมดต้องรับรองว่าถูกกฎหมายสามารถดำเนินกิจการได้อย่างเสรี และสามารถกำหนดราคาของตัวเองได้ ส่วนการควบคุมบริการเหล่านี้ให้นำเรื่องจากข้อติ/Complain ของผู้โดยสาร มาตรวจสอบในการออกกฎหมายควบคุมกำกับต่อไป
ยังอ่านไม่เจอ ว่าอันไหนคือประโยชน์ของผู้บริโภค
ไม่เห็นไม่ต่างกับ Grab Taxi แต่ Grab Taxi เสียเพิ่มแค่ 20 บาทเอง
เพราะกฎหมายมันล็อกครับ และ Grab Taxi เองก็มีปัญหาเปิดแอปเจอรถแต่ไม่มีคนรับ
ผมว่าถ้า Smart Taxi มีข้อเสนอเช่นว่าถ้าเพิ่ม 50 บาทแล้วแอปสามารถบังคับรถว่างที่ใกล้ที่สุดให้ไปรับผู้โดยสารได้ แบบนั้นน่าจะโอเคนะ
lewcpe.com, @wasonliw
นั่นหนะสิครับ ถ้าบังคับว่าต้องรับหากสถานะเป็นว่างอยู่ ไม่ว่าจะช่วงเวลาไหนก็ตาม ถึงจะโอเค แต่ก็แพงกว่าแกร้บอะครับ ช่วงเวลาเร่งด่วนแกร้บคิดเพิ่มแค่สูงสุด 45 บาทจากราคามิเตอร์ ต่ำสุด 20 บาท
"โดยระบุว่าหากแท็กซี่สามารถรู้ปลายทางของผู้โดยสารผ่านแอป และกดรับก็จะไม่มีการปฎิเสธผู้โดยสาร"
เข้าใจว่าคนขับก็เลือกกดรับหรือไม่รับได้เหมือน Grab Taxi นะครับ
ถัดจาก #deleteUber ก็ #deteleTaxiThai
ประเด็นสำคัญที่หลายคนมองข้าม คือเรื่องของ "ต้นทุนแฝง" ที่ต้องยอมรับว่า ทุกวันนีั้ Taxi ถูกกฎหมาย มีต้นทุนแฝงมากกว่า
ถ้าอยากให้ทำแบบ Uber ได้ ก็ต้องยอมรับการลดสวัสดิภาพบางอย่างลง เช่นไม่บังคับให้ทำประกันภัยรถสาธารณะ ไม่บังคับให้ต้องมีใบขับขี่สาธารณะ เอารถขนาด"เล็ก"มาวิ่งก็ได้ ไม่บังคับเรื่องขนาดรถ ขนาดเครื่องยนต์ ฯลฯ (เคยเห็นเอารถ eco car บางรุ่นมารับ เอ่อคนตัวใหญ่นี่นั่งหลังไม่ได้นะครับ ติดเข่าหมด)
ที่Uber ทำราคาได้ เพราะลดต้นทุนตรงนี้ไปด้วย แต่คุณต้องยอมรับเช่นกัน ว่าวันใดเกิดเหตุร้ายแรง ชนกันตายเป็นสิบๆคน ประกันชั้นหนึ่่งที่ติดมากับรถส่วนบุคคลอาจจะปฎิเสธการชดใช้ เพราะการใช้รถผิดประเภท (ยังไม่อยากยกบริการคล้ายๆกันเช่น AirBnx ที่ไม่ได้จดทะเบียนโรงแรม ถ้าเกิดไฟไหม้ คุณตายฟรีนะครับ ไม่มีการเยียวยาอะไรทั้งนั้น)
ก
เคยติดตามเรื่องเล่าจากกลุ่มคนขับ Uber ก็เห็นว่ามีการเข้าๆออกๆกันเยอะ เพราะบางช่วงรายได้น้อยก็ไม่คุ้มค่าที่จะวิ่ง ซึ่งพอคนออกเยอะๆ ทางบริษัทก็จะเอางบโฆษณา มาทุ่มจ่ายค่าintensive ทำให้คนขับหันมาขับมากขึ้น(แล้วเงินนั้นมาจากไหน?) ฉะนั้นแล้ว ถ้าสุดท้ายต้นทุนในการวิ่งมันสูงจนคนขับคิดว่าไม่คุ้ม ก็ไม่มีรถจะบริการอยู่ดี
ทำแบบ Uber ครับ คนขับแย่งกันกดรับ โดยไม่รู้เส้นทางผู้โดยสาร พอขึ้นรถถึงจะรู้
ถ้าคนขับปฏิเสธ ก็ปรับไป ถ้าปฏิเสธเยอะๆ ก็ห้ามใช้ระบบ
oxygen2.me, panithi's blog
Device: ThinkPad T480s, iPad Pro, iPhone 11 Pro Max, Pixel 6
Uber ไม่ได้กดรับนี่ครับ? ถ้าออนไลน์อยู่ระบบมัน match ให้เลย ทำให้ก่อนผู้โดยสารกดเลยเห็นว่ารถที่ใกล้ที่สุดนานกี่นาที พอกดเรียกรถก็จะได้ประมาณนั้นจริงๆ
lewcpe.com, @wasonliw
Uber ต้อง"กดรับ" ครับ ผู้โดยสารถึงจะได้รถคันนั้น
และจะมีเปอร์เซ็นต์การกดรับและไม่รับรวมอยู่ในสถิติในการคิดโบนัสด้วย
ถ้าไม่กดรับระบบก็จะแมทช์รถที่ใกล้เคียงลำดับต่อไปครับ
อ่อ ขอบคุณครับ
lewcpe.com, @wasonliw
ขอเสริมครับ จากการใช้บริการมาอย่างต่อเนื่องทั้ง อูเบอร์ และ แกร๊บ (ขอใช้คำว่าแกร๊บ เพราะจะพูดถึงทั้ง แกร๊บคาร์และแท็กซี่ครับ) อูเบอร์คนขับจะไม่รุ้เลยว่าปลายทางคือที่ไหน หลังกดรับงานจะรู้แค่คนเรียกอยู่จุดไหน และ จะรู้ปลายทางเมื่อกดรับผู้โดยสารแล้วเท่านั้น ส่วนฝั่งแกร๊บ ทั้งสองระบบรู้ จุดรับ และ จุดส่ง ก่อนกดรับงาน
เวลาเร่งด่วน อูเบอร์ ได้เปรียบกว่ามากครับ เพราะอันนี้ไม่เลือกของจริง จุดตัดสินใจในการใช้บริการของผมตอนนี้อยู่ที่ โปรโมชั่น 100% ค่ายไหนลดเยอะกว่า ณ เวลานั้น ก็กดค่ายนั้น หากกดแล้วไม่มีคนรับงาน (ซึ่งมักจะเป็นฝั่งแกร๊บเสมอ)ค่อยย้ายไปอีกค่าย ซึ่งอูเบอร์โปรน้อยมากช่วงนี้ แต่รักษามาตรฐานได้ดี หลายครั้งพบว่ามี อูเบอร์แบล็ก วิ่งมารับแทน เนื่องจากไม่มีอูเบอร์เอ็กซ์ ตอนแรกก็ตกใจ แต่ก็ลองดูเพราะมั่นใจว่ากดถูกประเภท ถึงที่หมาย บัตรถูกตัดในราคาอูเบอร์เอ็กซ์ครับ
เสริมรายละเอียดปลีกย่อย
สำหรับทางด่วน แกร๊บเราจ่ายเอง อูเบอร์ระบบตัดรวมไปกับค่าโดยสาร อูเบอร์ค่อนข้างสะดวกแต่ต้องรีเช็คทุกครั้ง หากระบบรวน เผื่อเพิ่มด่านทางด่วนมาให้เกินจากที่ใช้งานจริง แต่โต้แย้งง่าย และ คืนเงินไว
อันนี้เคยคุยคนขับเขาบอกว่าแอปฝั่งคนขับมันเลือกได้ว่าจะรับงานระดับต่ำกว่าไหมนะครับ ฝากใครเคยขับจริงมายืนยันที
lewcpe.com, @wasonliw
คนขับเล่าให้ผมฟังว่า Uber Black ที่สมัครภายหลังช่วงระยะเวลานึงมานี่จะถูกบังคับให้รับ Uber X ด้วยทุกคันทุกคนครับ เป็นสัญญาใหม่ของเค้า คาดว่าเพื่อเพิ่มจำนวนรถในระบบ
@lew
เคยฟังคนขับเล่ามาเหมือนกันครับ ว่าถ้าปฎิเสธ หรือ รับงานช้า งานที่ส่งมาหลุดบ่อย (ดังแล้วไม่รับจนหลุด) จะส่งผลให้ระบบส่งงานให้น้อยลง ซึ่งถ้าจริงผมว่าเป็นเรื่องดีนะครับ / เพิ่มเติมฝั่งแกร๊บ ตอนนี้มีจัดอันดับลูกค้าด้วยใช้เยอะได้เลื่อนขั้น คนขับฝั่งแกร๊บแจ้งว่ายิ่งเราลำดับสูงขึ้นเท่าไรส่งผลให้หารถง่ายขึ้น มโนเองว่า ระบบอาจจะส่งงานเรียกของเราออกไปในวงกว้างกว่าเดิม แต่ในเวลาเร่งด่วนก็ไม่มีใครรับผมอยู่ดี 55
@hisoft
ผมเจอสองครั้ง ทั้งสองครั้งผมอยู่ที่สุขุมวิท นับว่าประทับใจและลุ้นไปในตัวครับ ว่าต้องจ่ายแพงรึเปล่า อูเบอร์ไม่มีแจ้งใดๆ นะครับ เล่นเอาเหวอเหมือนกัน ถ้าเจอเรตแบล็กน่าจะ 6-700B จาก 300B
ตามข้างบน Uber มีระบบโบนัส intensive เพื่อจูงใจให้คนขับกดรับลูกค้าครับ
นั่นคือ คนขับมีรายได้"เพิ่ม"เป็นพิเศษถ้ากดรับสม่ำเสมอ และได้เรทติ้งดีๆ โดยมีเงินสนับสนุนการกระทำ(จากงบโฆษณา?)
แต่ taxi ธรรมดาไม่มีการจูงใจตรงนี้ พอจะขอเพิ่มบ้าง คนเลยหาว่าเห็นแก่ตัว?
ช่วงที่ใช้บริการ Uber บ่อยๆ
ได้คุยกับคนขับบ้าง
บางทีขับ camry มาบอกว่า blackไม่ค่อยมีงานเลยลดมารับ x เพราะ Uber ให้ black รับ x ด้วย แต่ก็ด้วยความยินยอมไงไม่งั้นจะขับรถเปล่าเปลืองเวลาก็ช่วยไม่ได้
และ Uber เวลาเปิด app แล้วมันจะนับเวลาด้วยว่าเราเปิด available นานเท่าไหร่ ถ้าเปิดว่ารับงาน แต่ไม่ยอมรับคนซะที เวลาก็จะหมดไปเรื่อยๆ พอถึงเวลาหมดโควต้า ก็จะไม่มีการส่งงานให้คนขับ Uber
ทำให้เป็นเงื่อนไขไปในตัวว่า ถ้าไม่รับ ก็ไม่ต้องกดเปิด ถ้ากดเปิดแต่ไม่รับคนก็เปลืองเวลาตัวเองไปเลย
และจะมีนับรอบการขับรับหรือส่งเข้าเขตธุรกิจด้วยว่าต้องกี่ครั้งต่อสัปดาห์
ถ้าทำได้ ก็ได้เงินพิเศษด้วย
มีพนักงานofficeทั่วไปที่ผมรู้จัก ใช้เทคนิคปิดappเมื่อขับเปล่าๆไม่สนใจรับ แล้วเปิดเมื่อตั้งใจหา
ขนาดว่าขับแค่หลังเลิกงานยังเดือนละเกิน4หมื่นเหนาะๆเลย
เป็นข้อเสนอที่ รู้สึกว่าประชาชนเป็นผู้เสียผลประโยชน์
50 บาท การันตีว่าไม่ปฏิเสธ สินะ...
ปรกติแล้วทาง Smart Taxi ต้องเป็นคิดโปรโมชั่นเพื่อแข่งกับ Grab หรือ Uber สิ
แต่นี่คิดโปรเพื่อไล่ลูกค้าไปหา Grab กับ Uber ชัดๆ
การไปสุวรรณภูมิจะมีการคิดเพิ่ม อย่างนี้ไม่ต่างอะไรกับการฆ่าประเทศตัวเองทางอ้อมชัดๆ
เอาง่าย ๆ คือตั้งใจจะมีแอปไปแข่งกับเขานั่นล่ะ
ถ้าจะให้เห็นด้วยกับข้อตกลงนี้ ก็ต้องทำ Uber กับ Grab ให้ถูกกฎหมายด้วยจะแก้ไขยังไงก็ได้เอาให้มันลงตัว จะได้แข่งขันกัน 3 เจ้าไปเลย ผู้ใช้ก็เลือกเอาเองว่าอยากขึ้นของใคร แบบนี้มันก็น่าจะดีกับทุกฝ่าย ซึ่งถ้าได้แบบนี้ พี่ SmartTaxi จะขึ้นสัก 100 บาทก็ตามสบายเลยครับ แล้วผู้ใช้บริการจะเป็นคนตัดสินเองว่าราคาที่ขึ้นมามันคุ้มค่ากับบริการที่ได้รับหรือเปล่า แต่ต้องไม่ใช่แบบว่าตัวเองจะขอขึ้น 50 บาทและขอทำเป็นแอปแต่ไม่เปิดให้เจ้าอื่นอย่าง Uber หรือ Grab มาแข่งขันด้วย แบบนี้ผมไม่โอเคและถ้าเกิดมันเกิดขึ้นจริง(ขึ้น 50 บาทและทำเป็นแอปแต่ Uber กับ Grab ไม่มีสิทธิ์แข่งขัน) ผมสัญญาเลยว่าจะไม่มีวันเรียกแท็กซี่ที่อยู่ในระบบของ SmartTaxi แน่นอน
ปล.อย่าลืมทำให้มันร้องเรียนได้สะดวก ๆ เวลาเรียกด้วยนะ จะได้ไม่ต้องมานั่งจดทะเบียนจำทะเบียนกันอีก
ผมขอเสนอวิธีที่ง่ายกว่า
ทุกวันนี้แท๊กซี่ปฏิเสธผู้โดยสารมันเยอะเหลือเกินเพราะ โทษมันน้อยมาก
แค่ปรับ 1000 บาท และอบรมเพิ่มเติมแค่นั้นเอง
ถ้าเพิ่มโทษมากขึ้นเป็น ถ้าทำผิดครั้งแรก ปรับหนึ่งหมื่นบาทและห้ามขับรถ 30 วัน ครั้งที่สอง ยกเลิกใบอนุญาตถาวร
แบบนี้ลองดูมันกล้าปฏิเสธไหม
และอีกอย่างคือ ผู้โดยสารขี้เกียจโทรร้องเรียน ถ้าโทรจริง วันนึงต้องโทรกันหลายสิบรอบ และต้องให้ข้อมูลซ้ำๆ เสียเวลา
ถ้าเพิ่มรางวัลนำจับเป็น 50% ของค่าปรับ แบบนี้น่าจะช่วยให้ผู้โดยสารช่วยโทรแจ้งมากขึ้น
ถ้าชั่วโมงเร่งด่วนขับรถแล้วไม่คุ้มทุน อาจจะต้องควรปรับอัตรามิเตอร์ใหม่ช่วงรถติดให้ราคาแพงขึ้นครับ ส่วนเรื่องอื่น ๆ ผมว่าถ้าวิ่งแล้วไม่คุ้มก็ขึ้นราคาเริ่มต้นให้แพงขึ้นก็น่าจะพอแก้ไขได้ เท่าที่สังเกตเหมือนราคาเริ่มต้น 35 บาทมานานหลายปีแล้วนี่ครับ อาจจะไม่สะท้อนกับค่าเงินเฟ้อ ณ ปัจจุบัน
That is the way things are.
ผมว่าค่าบริการแท็กซี่ในปัจจุบันมันไม่เป็นธรรมต่อคนขับแล้ว ควรจะปรับราคาให้เป็นจริงเป็นจังซะที
อันนี้ไม่ได้แก้ตัวแทนแท็กซี่ เพราะมันคนละปัญหากับแท็กซี่ปฏิเสธผู้โดยสาร สหกรณ์ฯ ในข่าวนี่พูดถึงแท็กซี่ที่ปฏิเสธเพราะราคาไม่คุ้มกับบริการ แต่มันมีคนขับอีกหลายแบบ
บางคนถ้าให้ไปหมอชิตจากสุขุมวิท ให้ตายก็ไม่ไป จ่ายเหมาก็ยังไม่ไป เหตุการณ์แบบนี้จะเจอช่วยคนกลับต่างจังหวัดเยอะ(ปีใหม่ สงกรานต์) คิดเพิ่ม 100 บาทยังไม่ยอมไป ไปแล้วกลับมาส่งรถไม่ทัน เสียค่าปรับเยอะกว่าอีก ตีรถเปล่ากลับยิ่งแล้วใหญ่
ส่วนว่าถ้าจะขอขึ้นราคา แถมบอกว่าถ้าขึ้นแล้วยังไงก็รับผู้โดยสารแน่ๆ ผมว่าถ้ามันเป็นธรรมต่อผู้ให้บริการ และผู้รับบริการ ก็แก้ไปเถอะครับ บางคนนึกแต่ว่าลูกค้าคือพระเจ้า กฎหมายต้องปกป้องลูกค้าเท่านั้น อันนี้ผมก็ว่าเห็นแก่ได้เกินไป
แต่เสนอเพิ่ม ให้ระบุในกฎหมายไปเลยว่าแท็กซี่คันได้ที่ใช้อัตราใหม่ ถ้าไม่รับผู้โดยสารต้องได้รับโทษตั้งแต่คนขับ ยันสหกรณ์ มันถึงจะครบถ้วนกระบวนความ ไม่ใช่เสนอแค่ "จะรับชอบ" อย่างเดียว มันต้องเสนอว่า "จะรับผิด" ด้วย
ปล. แท็กซี่เก็บต่างชาติราคาแพง แท็กซี่ผิด อุทยานต่างๆ เก็บต่างชาติราคาแพง ถูก มันมีเงินเฟ้อ มันมีคาเงินแข็ง มันมีบลาๆๆๆๆ เหตุผลรองรับเพียบ
บางคนก็พูดถึง Uber ดีเกินไปครับ ถ้าเขาทำให้ Taxi เดิมไม่มีที่ยืนได้สิ่งทำต่อไปคือถอนทุนคืนครับ ตอนนี้เขาขาดทุนกันอยู่นะครับ จะเกิดอะไรขึ้น และอีกอย่างต้นทุน Uber กับ Taxi ต่างกันมากนะครับ เหมือนนั่งสายการบินต้นทุนต่ำแต่ดันแพงกว่า
อยากให้มี App แต่ไม่ใช่ App เรียกแท็กซี่ เท่านั้น
แต่อยากให้เป็นแอปจัดการระบบแท็กซี่สาธารณะครบวงจร
ให้ป้ายหน้ารถและข้างรถ มี QRCode ที่แสดงตัวตนของคนชับ
-Home Point จุดส่งรถ
-เวลาส่งรถ
ถ้าสแกนผ่าน App ของขนส่่ง จะขึ้นหน้าคนขับ พร้อมรถที่ลงทะเบียนวันนั้น
ถ้าแสกนแล้วไม่ตรงกับหน้าคนขับปรับเลย 5,000 ครั้งแรก
ครั้งสองห้ามขับ 7 วัน ,15 ,30 วันตามลำดับ ครั้ง 4 ยึดบัตรตลอดชีพ
เว้นแต่พิสูจน์ได้ว่าเป็นความผิดของ Server
Taxi จะไม่สามารถ ปฎฺิเสธโดยอ้างเวลาส่งรถได้อีก
แต่ถ้าระบบคำนวนแล้วว่าใกล้เวลาส่งรถจริง สามารถปฏิเสธได้
หรือผู้โดยสารเลือกจ่ายค่าปรับส่งรถช้าแทนคนขับได้กรณีรีบจริง
กรณีเรียกให้ไปรับ หากเป็นที่ที่ต้องมีค่าธรรมเนียมพื้นที่
เช่นในสนามบิน ให้ผู้โดยสารเลือกปฏิเสธไม่เดินทางได้
กรณีจอง หรือเรียกผ่าน App ให้ถือว่ามีการกดมิเตอร์ ตั้งแต่ Taxi คันนั้นกดรับ
โดยมีระยะเวลาสัก 5 นาที ที่ Taxi จะสามารถกดรับพร้อมกันได้หลายคัน
และผู้โดยสารเลือกได้ว่าจะให้คันไหนมารับ
เพราะไม่ใช่คันใกล้กว่าจะมาเร็วกว่า
หากพื้นที่นั้นติด OneWay รถติดมาก หรือติดขบวนแห่ เทศกาล หรืออื่น ๆ
คันที่ใกล้เวลาส่งรถเทียบกับจุดปลายทาง ให้ขึ้นสีเหลือง
คันที่ระบบคำนวนว่า ส่งรถไม่ทันแน่ ๆ ขึ้นสีแดง
(หมายถึงหากรีบมาก ยอมจ่ายเพิ่มก็ไปได้)
แต่ Uber ก็ต้องยอมทำตามกฏหมายเรื่อง
ประกันความปลอดภัย ใบขับขี่ อายุรถ เช่นเดียวกับรถ Taxi ปกติ
รวมถึงต้องมี QRcode ของขนส่ง ติดหน้ารถเช่นกัน
รวมถึงต้องเสียภาษีให้ถูกต้องกับประเทศไทยด้วย
อาจบังคับจ่ายผ่าน Prompt Pay เลยก็ยังได้
ผู้โดยสารต่างชาติก็ให้ลงทะเบียน Prompt Pay ตั้งแต่ ตม.เลย
ต่อไปก่อนบอกปลายทาง ส่งแรกที่ต้องทำ
ก็คือ ยืนยันตัวตนของทั้งสองผ่าย
ขึ้นราคาร้อยบาทเลยครับ แต่ว่าต้องให้ uber แข่งด้วยนะครับ
ในอนาคตต่อไปคงเดาได้ไม่ยาก ถ้าอยากขึ้นราคาอีกก็งดรับผู้โดยสาร ปล่อยให้บริการอื่นเข้ามาแซก แล้วก็ทำเป็นเดือดร้อนซะ
ไปโบกแทกซี่ พอแทกซี่จอดแล้วบอกว่าไม่ไป แล้วถามต่อว่ารู้สึกไงบ้างเรียกแล้วไม่ไป
5555
เข้าท่า
ผมเห็นใจฝั่งแทกซี่นะ
คิดง่ายๆ กรุงเทพเนี่ย
คุณขึ้น รถไฟฟ้า ราคา เท่าฮ่องกง ซึ่งเป็นเมืองที่ค่าครองชีพสูงเป็นอันดับต้นๆของโลก รายได้ผู้คนมากกว่าคนกรุงเทพมากกว่า 5 เท่า
รถเมลล์ ก็ราคาเกือบๆฮ่องกง
ซื้อรถยนต์ 1 คัน ราคาแพงกว่าชาวโลก
แต่แทกซี่ ราคาต่ำเตี้ยเรี่ยดิน ทั้งๆที่กรุงเทพเป็นเมืองระดับโลกเมืองหนึ่ง แต่ราคาแทกซี่ เท่าๆกับเมืองบ้านนอกของประเทศจีน
แต่ทั้งหลายทั้งปวง ไม่ขึ้นก็ไม่ได้เพราะขนส่งมวลชนมันไม่ครอบคลุมเพียงพอ
กฏหมายที่มี ก็มีไว้เพื่อสร้างอำนาจให้รัฐ ไม่ได้มีไว้เพื่ออำนวยความยุติธรรมต่อปวงประชาชน
นายทุน มาเฟีย ที่ทำมาหากินกับระบบขนส่งก็ทำมาหากินเป็นแค่จากระบบผูกขาดสีเทาๆ ไม่ต้องการแข่งขันกับใคร
คือมันเละ มันบิดเบี้ยวกันไปหมดทั้งโครงสร้าง
ข้อดีของแท็กซีคือไม่ต้องกดแอพ เดินออกไปที่ถนนก็โบกได้เลย แต่เอาจริง ๆ ถ้าแท็กซีเรียกร้องแบบนี้ผมว่าก็โอเคนะครับ ก็แฟร์ ๆ ดีอยากให้ออกเป็นกฎหมายมาเลย รวมถึงให้ UBER และ Grab ถูกกฎหมายด้วย ทีนี้มาดูกันครับ ว่าแบบไหนดี ซึ่งผู้บริโภคคงเป็นคนตัดสินจริง ๆ สักที
อีกอย่างการโดยสารแท็กซีนี่ก็สบายใจกว่าเพราะมีพรบ.คุ้มครอง กรณีเกิดอุบัติเหตุ
ส่วน UBER และ Grab นี่ ไม่มีพรบ.คุ้มครองเหมือนแท็กซี่ แต่ก็ไม่ค่อยเกิดอุบัติเหตุบ่อยเท่าแท็กซี่
อ่านประกาศแล้วแบบ
สาบานว่านี่คือสำนวนของผู้ให้บริการ
เหมือนมาเฟียหรือโจรเรียกค่าไถ่มากกว่า
Taxi บางคันดีนะ หากเป็นสาวสวยมีบริการข่มขืนเพิ่มโดยไม่คิดเงิน
อ่านข่าวนี้แล้ว เห็นแต่คำว่า "จ่ายเพิ่มๆๆ"
ปกป้อง | เฟสบุ๊ก | ทวิตเตอร์
โดนพวก taxi จอดไม่รับมาเป็นสิบๆปี อยู่ดีๆ taxi จะมาเรียกร้องความเป็นธรรม ทำงานด้านบริการต้องปรับปรุงเพื่อตอบสนองลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ไม่ใช่รอให้ uber มาแทงหลังหรอกน่ะ จงดื่มด่ำกับความผิดพลาดที่ตัวเองก่อไว้ละกัน
รอบก่อนที่ปรับราคาขึ้นก็พูดกันประมาณนี้ และผลที่ตามมาก็ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นเลย
ผมจึงไม่เชื่อว่าการขึ้นราคาจะเป็นการแก้ปัญหาที่ตรงจุด
ผมว่าค่าบริการเสริมมันก็ไม่เลวนะครับ
แต่ควรจะปรับนิดหน่อย ไม่ใช่ว่ากดรับปุ๊ปได้50บาทปั๊บ
อยากให้มียอดต่อเดือนเป็นรายหัวไปเลย พอครบเป้าแล้วค่อยได้ 50 บาท
เป้าที่ว่านี้ อาจจะเป็นการสะสมระยะทาง(คนขับจะได้ขยันไปที่ไกลๆบ้าง) หรือความถี่ในการกดรับผู้โดยสาร อะไรแบบนี้
เพื่อเป็นการป้องกันพวก หวังฟันแต่ค่าพิเศษ50 (ไม่ไปสนามบินไม่ไป ไม่จองล่วงหน้าไม่ไป ไม่ไปชั่วโมงเร่งด่วนไม่ไป)
เอาจริง ๆ ผมว่าสุดท้ายปัญหาก็อยู่ที่จิตสำนึกของคนขับแท็กซี่ และการอบรมสั่งสอนวิธีการทำงานบริการของตัวคนขับ
แต่ถ้าอยากจะแก้ด้วยเทคโนโลยี ผมว่า ก็คงต้องเริ่มจาก ทำยังไงให้ระบบรู้ว่าแท็กซี่จอดรับส่งผู้โดยสาร เช่น ถ้าคนขับรถลดกระจกบานอื่นลงนอกจากฝั่งตัวเอง หรือมีการเปิดประตูเกิดขึ้นนอกจากฝั่งคนขับ ถ้าสมมติว่าจับได้แล้วว่ามีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น แล้วไม่มีการกดมิเตอร์หลังจากนั้น ระบบจะทำการรายงานไปที่ส่วนกลางแจ้งเตือนว่ามีการทำผิดเกิดขึ้น
เมื่อมีเหตุการณ์เกิดขึ้นจะทำการตัดแต้มที่ตัวคนขับแท็กซี่ และเจ้าของรถแท็กซี่ (= อู่ต้องรับผิดชอบในฐานะผู้ให้บริการ) สิ้นเดือนก็ทำการปรับตามกฎหมายปรกติ นับเป็นจำนวนครัั้ง
และที่สำคัญคือต้องมีการพัก/ถอนใบอนุญาตขับรถสาธารณะ
ใบอนุญาตขับรถสาธารณะควรจะเป็นแบบ RFID สามารถตรวจสอบได้ด้วยเซ็นเซอร์ลักษณะเดียวกับ EasyPass ถ้าหากว่ามีการใช้ใบอนุญาตปลอมขึ้น จะมีการแจ้งไปยังสำนักงานตำรวจ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ออกสกัดในฐานะอาชญากรต่อไป
... แต่พูดก็พูดนะ มันก็ไม่ช่วยอะไรมากมายหรอก ถ้าเกิดว่าเราไม่สามารถสร้างจิตสำนึกของงานบริการ และการกำกับดูแลภายในองค์กรได้ เทคโนโลยีอะไรก็ไม่ช่วยให้การบริการดีขึ้นหรอกครับ
อ่านแล้วเหมือนประชาชนเป็นตัวประกันส่วนระบอบแท็กซี่เป็นมาเฟียที่รัฐบาลไหนแม้กระทั่งรัฐบาลนี้ก็ยังแตะต้องปรับปรุงแก้ไขอะไรไม่ได้ ตกลงเราเป็นไทยแลนด์ 4.0 หรือ 0.4
อูเบอร์นี่แหละครับ มาเฟียระดับโลกของจริง ทั้งขโมยเทคโนโลยีบริษัทอื่น ทำผิดกฎหมายประเทศอื่นแบบหน้าด้านๆ จนคนประท้วงกันทั่วโลก มีทั้งเรื่องผู้บริหารด่าคนขับอูเบอร์บ่นเรื่องรายได้น้อยลง แล้วคลิปหลุด มีทั้งผู้บริหารลาออกเป็นขโยง มีทั้งคดีคนขับข่มขืนผู้โดยสาร . แถมพอมาประเทศใหนก็หน้าด้านไม่ทำตาม กฎหมาย เรียกว่าเป็นสิทธิสภาพนอกอาณาเขตโดยปริยายไปเลย ผมมองว่าเข้าข่ายการแทรกแซงกิจการประเทศอื่นโดยผิดกฎหมายด้วยซ้ำไป . แต่ทำไมคนถึงกลับกล่าวหาว่าแทกซี่ไทยทีทำถูกกฎหมายทุกอย่าง ขยันหาเช้ากินค่ำ ถูกกลบด้วยวาทกรรม เกลียดชังกัน ? ผมมองว่ากรณีนี้มันเป็นสภาวะที่คนไทยถูกล้างสมองด้วยอินเตอร์เนต ตามกลยุทธ์ธุรกิจสกปรกๆ ผมอยากให้คำนึงไว้เรื่องหนึ่ง อะไรที่โหมในอินเตอร์เนตมากมักจะตรงข้ามกับความจริงเสมอ
.
ถ้าคิดแบบนั้นก็ดูจะเป็นการมองแบบด้านเดียวจนเกินไปครับ เพราะสิ่งที่ Uber นำเสนอส่วนที่เป็นประโยชน์กับผู้บริโภคก็มีเช่นกัน และมันจับต้องได้ด้วยครับ ไม่ใช่สิ่งที่มโนกันขึ้นมาเอง เช่นเดียวกันกับเรื่องของแท็กซี่ไทย นี่ก็ไม่ได้มโนเช่นกันครับ
แท๊กซี่ปกติไม่มีเหรอครับ นี่ล่าสุดก็ลวนลามผู้โดยสารชายอีก อูเบอร์ผิดกฏหมายไม่เถียงครับ แต่ที่ถูกกฏหมายนี่ดีจนชาวบ้านสรรเสริญจริงๆ ถ้าดีจริงป่านนี้อูเบอร์ไม่ได้เกิดหรอก ที่เกิดเพราะที่ถูกกฏหมายทำตัวเอง
ถึงไม่ชอบแท๊กซี่ไทย แต่ก็เห็นด้วยกับความเห็นนี้ครับ วิธีทางธุรกิจของ Uber นั้นไม่สวยเลย ถึงจะบอกในแง่ผู้บริโภคว่า Uber ดีกว่า สะดวกกว่า แต่ความเป็นจริงต้องยอมรับว่าระบบมันมีรูโหว่มากมาย
ทุกคนเคยมีสถิติ ที่ไม่ดีกับแท๊กซี่ ในหัวทั้งนั้นแหล่ะครับ ผมคนนึงละ 3 ชั่วโมง ไม่ใช่ไม่ให้โอกาสแท๊กซี่ไทยก่อนนะครับ แต่ 3 ชั่วโมงละ มันเกินความอดทน กดอูเบอร์ปุ๊บ ไม่เกิน 15 นาทีครับ
ทุกวันนี้ กด grabtaxi ยังไม่มีคนรับเลยครับ
คิดว่าแอพนี้จะมีจุดเด่นแตกต่างจาก grabtaxi ยังไง?
Taxi แบบนี้หรอไม่ใช้อ่ะ "แพง" จะหาทางโกงด้วยวิธีอื่นต่อไป
ผมอยากเสนออีกมุม ที่อาจลดปริมาณรถติดลงครับ ต่างประเทศจะมีจุดที่แท็กซี่ต้องไปหยุดรอ (หากไม่มีผู้โดยสารครับ ไม่ใช่จุดรอแท๊กซี่อัจฉริยะที่คนโดยสารต้องรอนะครับ) ไม่ต้องมาวิ่ง "ว่าง" แดงๆ เต็มถนนไปหมด ทำให้รถติด พอมีคนเรียกก็ให้ขึ้น "ถูกเรียกแล้ว" หรือ "่รับแล้ว" คือกำลังไปรับ ผู้โดยสาร จะได้ไม่ต้องมีคนมาโบกซ้ำซ้อน แถมรถน่าจะติดกันน้อยลง ต้ามป้ายรถเมล์ ก็จะแออัดน้อยลงด้วยครับ
เป็นไอเดียที่ดี จริงๆก็คล้ายๆวินมอเตอร์ไซด์ แต่ผมสงสัยว่าวินัยแบบไทยๆจะทำมันได้แค่ไหน เพราะตอนไปเมืองนอกผมต้องเดินไปจุดแบบที่ว่าบางทีก็ไกล ซึ่งคนไทยทั่วๆไปดูท่าไม่เอาแน่ (ขนาดบ้านเราจุดกลับรถอยู่ไกล ยังทำทางกลับกันเองหรือวิ่งย้อนศรกันซะดื้อๆ)
แถวบ้านผมตรงแยกไทรน้อยจุดกลับรถใต้สะพานห่างไปแค่ร้อยเมตรเองมั้งครับ ไม่อ่ะ ขี้เกียจอ้อม มาดักกลับรถทางขึ้นสะพานดีกว่า (สะพานไม่มีอะไรคั่นตรงกลาง รอจังหวะแล้วปาดสองเลนเลย) เห็นกี่ทีผมก็เซ็ง
ขนาดผมปั่นจักรยาน ต้องปั่นเพิ่มเกือบกิโลฯ ผมยังไปขึ้นสะพานกลับรถเลยนะ มอไซค์บิดเฉยๆ ก็ไปค่าน้ำมันแทบไม่กระดิกนี่แบบ... !@#$%
เห็นหน้าห้างเซ็นทรัลแจ้งวัฒนะจะมีจุดแท๊กซี่จอดอยู่ครับ ก็โอเคเลยนะ ไม่มีคนก็จอดรอ คนออกจากห้างมาก็ขึ้นรถได้เลย รถหมดก็มีพี่รปภ.คอยเรียกรถให้ ไม่กวนกับป้ายรถเมล์ด้วย (แต่โดนรถตู้กวนแทน)
แหม แสดงความคิดเห็นกันเต็มที่เลยทีเดียว สุดท้ายแล้วเค้าฟังพวกคุณเหรอ? ไปโน่นเลยครับ change.org เด๋วตามไปโหวต
จริงๆ ออกแนวด่าระบายกันมากกว่าครับ เพราะต่อให้ไป change.org หรือพูดใส่หน้าเค้าก็ไม่ฟังอยู่ดี
ง่ะ เป็นงั้นไป จริงๆด่าในนี้มันก็ไม่เกิดผลหรอกครับ อันนี้มันสังคมพวกไอที กับพวกสิงบอร์ด สังคมไทยตอนนี้ไปทาง FB น่าจะมีผลมากกว่าอีก ทางนั้นน่าจะทำให้พวกนั้นเกรงๆได้มากกว่าอีก
ผมไม่คิดว่าจะมีใครหวังให้บ่นในนี้แล้ว เสียงมันจะดังไปถึงรัฐบาล หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอะไรใดๆ นะครับ
คุยกันนี้เหมือนแลกเปลี่ยนความคิดกับคนในนี้มากกว่า แล้วก็ไปแลกเปลี่ยนกันต่อกับพื้นที่ส่วนตัว / สาธารณะอื่นๆ ต่อไป
ปล. นี่เว็บข่าว เผื่อจะไม่เข้าใจจุดประสงค์ของเว็บ
ชาวกรุงใส่กันยับ