ทุกวันนี้ถ้าเราต้องการซื้อ Microsoft Office แบบดาวน์โหลด วิธีการคือซื้อผ่านเว็บไซต์ Office.com เมื่อจ่ายเงินแล้วดาวน์โหลดตัวติดตั้งของ Office มาลงในเครื่องอีกที
แต่หลังการมาถึงของ Microsoft Office บน Windows Store ไมโครซอฟท์ก็แสดงท่าทีชัดเจนว่าในอนาคตอันใกล้ วิธีการซื้อ Office จะต้องซื้อผ่าน Store แทน
ตอนนี้แอพในชุด Office ที่จะอยู่บน Store ยังมีแค่ Word, Excel, PowerPoint แต่ในงาน Build 2017 ไมโครซอฟท์ก็ยืนยันแล้วว่าแอพทุกตัวจะตามมาอยู่บน Store ด้วย เพียงแต่ยังไม่ระบุช่วงเวลาว่าเป็นเมื่อไร
ที่มา - Neowin
Comments
กระบวนการย้ายทุกอย่างขึ้น Store จะใช้เวลาถึง 10 ปีมั้ย
เรื่องขึ้น Store ไม่ค่อยห่วงเท่าไหร่ แต่กังวลเรื่องราคาอย่างเดียว...
เพราะทุกๆ วันนี้เห็นราคาหน้าเว็บไมโครซอฟท์ แล้วไปดูบน jib หรือ IT City แล้วเหมือนโลกกลับด้านยังไงก็ไม่รู้ เหมือนไม่ได้คุยกันมาก่อน ราคาขายออนไลน์ของไมโครซอฟท์ แพงกว่า ราคาขายหน้าร้าน ทั้งๆ ที่ความจริงบนหน้าเว็บไมโครซอฟท์ควรจะถูกกว่า เพราะ ค่าใช้จ่ายพวกแพ็คเกจจิ้ง ค่าขนส่ง ค่าชั้นวางของ ไหนค่าหน้านายส่วนต่างกำไรให้คนขายอีก...จิปาถะ แต่ราคากลับถูกกว่า
ถ้าขายราคาไมโครซอฟท์แบบนี้บน Windows Store ก็คงไม่มีใครเล่นด้วย และกลับไปซื้อกล่องที่หน้าร้านเหมือนเดิม
ผมมองว่ามันจะทำลายคู่ค้าหมดนะครับ ถ้าตัวเองขายถูกกว่า
Store มัน redeem code ได้อยู่นะครับ ก็หวังว่า office จะทำได้เช่นกัน
ถ้า Microsoft ขายตรงถูกกว่า พวกหน้าร้านตายหมดแน่ครับ ธุรกิจก็ช่วยเหลือกันไปมั้งนะครับ บริษัทแม่ก็ marketing เอย อะไรแบบนี้ เสริม ร้านย่อยๆ ร้านย่อยช่วยขาย เข้าถึงพื้นที่
คือก็ไม่ได้ต้องการให้ถูกกว่ากันมากครับ แต่อย่างน้อยๆ ขอให้ราคาเท่ากันให้ดูเหมือนได้คุยตกลงกันมาบ้างเท่านั้นเองครับ
ถ้าราคาเท่ากันหรือถูกกว่า อะไรคือแรงจูงใจที่จะต้องขับรถไปซื้อที่ดีลเลอล่ะครับ กดที่บ้านจ่ายผ่านบัตรเร็วกว่าใช้งานได้เลย
ทีนี้ดีเลอขายไม่ได้ก็ไม่เอามาขายก็ตัดช่องทางไปอีก สุดท้ายก็จะเหลือแต่ Online ตลาดก็จะยิ่งแคบลงไปอีก ไม่มีคนช่วยโปรโมท
แล้วอะไรคือแรงจูงใจของลูกค้าในปัจจุบันที่ซื้ออนไลน์? ถ้าไม่ใช่เพราะ ลูกค้าต้องการถูกกว่า สะดวกกว่า ง่ายกว่า รวดเร็วกว่า?
การซื้อผ่านดีลเลอร์ก็มีข้อดีอยู่นะครับ เช่น เงินสดที่เราจ่ายไปมันยังหมุนในประเทศ ยังสนับสนุนให้คนไทยมีงานทำ แถมบริษัทซื้อซอฟต์แวร์ก็ยังหักภาษี ณ ที่จ่ายได้ด้วย และผมว่า ดีลเลอร์เขาจะรู้ดีครับ ถ้าส่วนต่างกำไรมันสูงพอจูงใจให้เขาเล่นต่อ เขาก็เล่น เหมือนอย่างกรณี Zest(MOL) และ Origin/Steam ที่ตอนหลังก็ผันตัวเองจากขายเกมเป็นแผ่นมาเป็นเติมเงินเข้าสโตร์แทน ดีลเลอร์นะครับ เขามีช่องทางของเขา เขาต้องหาสินค้ามาและขายไปให้ได้เพราะ ดีลเลอร์มันอยู่ได้ด้วยส่วนต่างของกำไร
คงไม่มีดีลเลอร์ไหนอยากฆ่าตัวตายโดยการตั้งตนเป็นศัตรูกับบริษัทคู่ค้าหรอกนะครับ และบริษัทคู่ค้าคงไม่คิดฆ่าดีลเลอร์ ถ้ามันยังมีผลประโยชน์ด้วยกันอยู่ ดังนั้นเรื่อง ดีลเลอร์ไม่ต้องห่วงครับ ห่วงว่า เราจะได้ผลประโยชน์อะไรจากไมโครซอฟท์ที่ตั้งราคาในออนไลน์แพงกว่าดีลเลอร์ดีกว่าครับ... ไมโครซอฟท์ให้สิทธิประโยชน์อะไรกับเราสำหรับการที่เราจ่ายแพงกว่าบน Microsoft Store ดังนั้นเรื่องไอ้ที่คุณอ้างว่า "ดีเลอขายไม่ได้ก็ไม่เอามาขายก็ตัดช่องทางไปอีก" มันขึ้นอยู่กับผลประโยชน์ภายในทั้งสองฝ่ายที่เขาตกลงกัน
ตามข่าวไมโครซอฟท์กำลังจะเอา Office ลง Windows Store ผมเลยให้ความเห็นว่า ถ้าราคามันแพงกว่าราคาดีลเลอร์ แล้วลูกค้ามีแรงจูงใจอะไรที่ต้องเสียเงินเยอะกว่าเพื่อซื้อบน Windows Store? แล้วไมโครซอฟท์ได้ประโยชน์จากการทำ Windows Store ครับ? ถ้าใช่เพราะเป็นการเพิ่มช่องทางการขายให้กับตัวเอง ดังนั้นการทำให้ราคาเท่ากันหรือถูกกว่า ก็เพื่อเป็นแรงจูงใจให้ลูกค้าลองเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภค ถ้าหากคุณไม่พร้อม ไม่มีบัตรเครดิต บัตรเดบิต คุณก็ไปกลับซื้อกับดีลเลอร์ก็นี่ครับ ดีลเลอร์ยังขายได้ ไม่ใช่ว่าขายไม่ได้เลย และไมโครซอฟท์ก็คงไม่ห้าม ไม่ได้บังคับเหมือนคราว Xbox One ที่ปิดประตูเลยบอกว่า ต้องต่ออินเทอร์เน็ตขณะใช้เท่านั้น สุดท้ายเขาก็คงทำระบบ Redeem เหมือน iTune Store ออกมา และดีลเลอร์เองก็ยังมีกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่เป็นกลุ่ม Offline ให้ขายนะครับ ไม่ใช่ว่าไม่มีอะไรให้ขายต่อ
ส่วนเรื่องขายแพงบนออนไลน์ บางคนที่เคยพัฒนาซอฟต์แวร์มาก่อน(สมัยไรท์แผ่นขาย) กับขายออนไลน์บนสโตร์ต่างๆ มันคือผีเห็นผีครับ คุณจะรู้ดีว่ามันลดต้นทุนได้เยอะแค่ไหน? ปริมาณน้อยๆ ส่วนแตกต่างอาจจะไม่เยอะเท่าไหร่ แต่ถ้าปริมาณมากๆ แบบไมโครซอฟท์สิครับ
เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องของการตลาด การบริหารงาน อยู่ที่ว่าใครจะฉลาดในการทำตลาดแบบไหนครับ และลูกค้าสมัยนี้ไม่ได้โง่นะครับ
ข้อ1 นี่ติดตลกหรือเปล่าครับ? = ="
ทุกวันนี้ผมก็ซื้อกล่องมารีดีมแบบข้อ2 นี่แหละครับ ชีวิตก็ไม่ได้ยุ่งยากอะไร...
ประเด็นที่ผมต้องการสื่อสารคือ ทำไม... ไมโครซอฟท์เหตุผลอะไรในการตั้งราคาขายบนหน้าเว็บให้แพงกว่าราคาดีลเลอร์? ทั้งๆ ที่มันน่าจะเท่ากันหรือถูกกว่า...เพราะเป็นการจูงใจ ตรงนี้ที่ผมกำลังหาและอยากได้คำตอบครับ ไม่ได้ต้องการจะขัดแย้งกับใคร ส่วนดีลเลอร์ปล่อยขายไป
ข้อหนึ่งผมสื่อในกรณีที่ว่า ถ้ามันซื้อแบบกล่องไม่ได้ซื้อได้แต่บนสโตร์น่ะครับ ผู้ใช้ Windows 10S ก็จำต้องซื้อแบบนั้นไป
ง่ายๆครับเพราะดีเลอร์หาลูกค้าให้ แต่ลูกค้าอย่างกับผมไม่ได้หาลูกค้า ก็เหมือนซื้อของราคาส่งครับ ถ้าคุณซื้อร้อยคีย์มันก็ต้องถูกกว่าซื้อคีย์เดียวอยู่ไม่น่าเข้าใจยากนะครับ?
ปกติครับเป็นทุกค่ายครับ AutoCAD หน้าเว็บหมื่นกว่าบาท แต่ถ้าซื้อดีลเลอร์ในประเทศฃเหลือ 9,900 บาท ถ้าเจ้าของเล่นมาขายตัดราคากับดีลเลอร์ แล้วดีเลอร์ที่ไหนจะช่วยขายของละครับ???
ผมเข้าใจประเด็นแพคเกจจิ้ง ประเด็นขนส่งนะ มันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ
แต่ประเด็นหลักๆ คงเป็นเรื่องของดีลเลอร์นั่นแหละ
ตัวเองต้องยืนพื้นราคาตลาดไว้ แล้วที่เหลือก็อยู่ที่ Dealer ว่าจะขายเอากำไรกันเท่าไหร่ ไม่งั้นก็จะเหมือน Steam ครับ เพราะขายออนไลน์จริงๆ ต้นทุนมันประหยัดมาก แต่ Steam ไม่ได้แคร์เกมกล่องเท่าไหร่ เดี๋ยวนี้เลยแทบจะผูกขาดการจำหน่ายเกมไปแล้ว
steam แกไม่ได้ผลิตเกมเองนี่ครับ เป็นแค่ช่องทางการจัดจำหน่ายนึงเท่านั้น เค้าจะเล่นราคายังไงก็ได้ในเงื่อนไขของเจ้าของเกม เป็นเหมือนร้านดีลเลอร์ร้านนึงเท่านั้น
อันนี้เราควรจะพูดถึงบริษัทขายเองกับปล่อยให้ดีลเลอร์ขาย ไม่ใช่ขายออนไลน์กับขายออฟไลน์ครับ
windows update ตัวต่อๆไปอาจจะไม่สามารถติดตั้ง software แบบปัจจุบันได้เลยนะ ถูกบีบให้ขึ้นไปขาย store ทั้งหมดเหมือน ios
ใช้ Office 365 อยู่ค่ะ ต่ออายุอัตโนมัติ จะโดน 2099 ถ้าซื้อผ่านดีลเลอร์ เหลือ 15xx คำถามคือ ถ้าเราไม่ต่ออายุ แล้วซื้อผ่านดีลเลอร์แทน ไฟล์ทั้งหมดบน One Drive จะโดนลบทิ้งมั๊ยคะ ราคาถูกกว่าเกือบๆห้าร้อย ใครจะไม่เอา
คุณ porple เข้าไปที่ My Account ใน Office.com นะครับ จิ้มที่ Manage Account สามารถยกเลิกการต่ออายุอัตโนมัติได้เลยครับ
แล้วถ้าหากซื้อแบบกล่องมาแล้ว ก็ทำตามขั้นตอนนี้ได้เลยครับ Renew with an Office product key
คำถามถามบ่อยลิ้งนี้ได้เลยครับ
ไม่ต้องรอหมดอายุก็ได้ครับ ซื้อคีย์ใหม่มาใส่ก่อนได้เลย
ขอบพระคุณทั้งสองท่านค่ะ
ให้ลูกค้าเป็นหนูทดลอง แทนสินะ ทั้ง App & Windows 10