วันนี้เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ผ่านมาเส้นตายของกสทช. ที่สั่งให้เฟซบุ๊กปิดกั้นเว็บอีก 131 URL จากที่ยอมปิดกั้นตามคำสั่งไปแล้ว 178 URL กสทช. ไม่ได้ระบุโดยตรงว่าจะทำอย่างไรแต่บอกเพียงว่าจะดำเนินการตามกฎหมาย คำถามที่อยากให้สมาชิกทุกท่านมาแบ่งปันคือคือ หากมีการใช้กฎหมายเพื่อปิดกั้นเฟซบุ๊กไปทั้งหมด จะกระทบแค่ไหน และจะแก้ผลกระทบนั้นอย่างไรกัน ได้เตรียมทางออกไว้หรือไม่
ผู้ใช้บล็อกนันส่วนมากคงใช้เฟซบุ๊กเพื่อติดต่อกับเพื่อน พูดคุย หรือแชร์เรื่องราวกับคนรอบข้างเท่านั้น แต่เฟซบุ๊กเองก็เป็นเครื่องมือสื่อสารสำหรับการทำงาน, เป็นแพลตฟอร์มสำหรับขายสินค้า, และเป็นช่องทางประชาสัมพันธ์หลักขององค์กรจำนวนมาก แม้แต่การรับฟังความคิดเห็นประกาศประกอบพรบ.คอมพิวเตอร์ ก็หาประกาศบนเว็บกระทรวง DE ได้ยากเย็น ต้องไปตามหาเอาจากหน้าเฟซบุ๊ก
รัฐบาลนี้เองมีประวัติการบล็อคเฟซบุ๊กเมื่อผ่านทางกสทช. โดยไม่เคยยอมรับโดยตรง ส่วนการบล็อคเว็บขนาดใหญ่เป็นเวลานานๆ รอบล่าสุดคือการบล็อค YouTube ในรัฐบาลสุรยุทธ์ จุลานนท์โดยยอมรับหนึ่งเดือนหลังรายงานการบล็อคครั้งแรก
Comments
เสรีภาพ??ประชาชน??
ส่วนตัวก็กระทบสันทนาการบ้าง แต่ส่วนตัวแล้วชอบยุคไม่มี social network มากกว่า
เว็บจักรยาน เว็บขายของมันใช้ง่ายกว่า Facebook เยอะมาก ตอนนี้เว็บก็ยังอยู่ แต่เหมือนคนหนีมา Facebook เยอะจนรู้สึกได้
ใช้ social network จะสิบค้นอะไรก็ลำบาก
เสรีภาพประชานอยู่ไหนครับ แต่ถ้าเขาblock Facebook จริง ก็ใช้ VPN เอาก็ครับ แต่ส่วนตัวก็ไม่เท่าไหร่กับ Facebook อยู่แล้ว แต่เพื่อนที่ติดต่อมาหาผมนี่สิ เขาลำบาก
คงไม่มีอะไร ใช้ต่อไป อาจลำบากสำหรับหลาย ๆ คนที่ไม่รู้วิธีเข้า
แต่อาจเป็นเรื่องดีในระยะยาว
ไม่ ที่บอกว่าดีไม่ใช่การเซ็นเซอร์...
คนที่รับงาน outsource แล้วติดต่อกันช่องทางนี้ ก็ลำบากนะครับ
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
งั้นก็แสดงว่ารัฐบาลกลัวว่า ปชช. จะมีพื้นที่แสดงความคิดเห็นแบบสุดๆเลยนะครับเนี้ย
รอยูเซอร์ท่านนึง เข้ามาเมนท์เห็นด้วยกับการบล็อค
+1 มาแล้วครับ อยู่ด้านล่าง
ด้วยตรรกะงงเหมือนเดิม 555
ควรรออีกท่านนึงด้วยครับ สมาชิกท่านใดไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลทหาร เค้าก็จะขอให้ผู้ดูแลบล็อกนันแบนสมาชิกท่านนั้นตลอด
กสทช จะบล็อค Justin Beiber ออกจาก facebook ให้หมดคงยาก
เม้นได้โหดสัส
ขำแรง
แม่ค้าพ่อค้าออนไลน์ลำบากครับ รองมาคือ บ. ใหญ่ๆที่เน้นโฆษณาบนโซเชี่ยล แต่ข้อดีที่ผมชอบคือ ถ้าปิดกั้นพ่อค้าแม่ค้าจะสร้างความน่าเชื่อถือกับตัวเองมากขึ้น โดยการทำเว็บตัวเอง มีข้อมูลผู้ขายชัดเจน มี กม. ในการขายของออนไลน์ได้ชัดเจนขึ้น
ส่วนเรื่องลดวัยรุ่นติดโซเชี่ยลผมว่าไม่มีประโยชน์ สักพักก็มีเว็บใหม่ให้เด็กไปติดอยู่ดี เผลอๆไปแห่รวมกันที่พันทิพมากขึ้นกว่าเดิมอีก
ถ้าเกมส์แคนดี้ ยังใช้เวลของเฟซได้ จะไม่บ่นค่ะ 5555 ส่วนเรื่องอื่นๆนี่เฉยๆ
สร้างโซเซียลมีเดียมาใช้เองแบบจีนดีกว่าครับ ถ้าจะมาแทน Facebook ก็เอาเป็นชื่อไทยๆหน่อย "หน้าหนัง"น่าจะเข้าท่านะครับ
ไม่เห็นด้วย แบบล้าน% เพราะฝั่งญี่ปุ่นใช้ Social Network ได้ทุกตัว และนิยมหลากหลายตัว รวมถึง Facebook ด้วยครับ
ประเทศไทยUniqueมากๆครับ เอามาตรฐานประเทศอื่นๆมาเทียบไม่ได้เลย สังเกตุได้จากกลุ่มผู้นำเราจะชอบใช้คำว่า"ความเป็นไทย"ครับ มันแปลว่าเรานั้นUniqueหนึ่งเดียวในโลกครับ
ปล.แต่อนุญาตให้เหมือนจีนกับเกาหลีเหนือได้นิดๆนะครับ
จริงๆ แล้ว ไม่แนะนำให้เหมือนจีนกับเกาหลีเหนือ แม้แต่นิดเดียว เพราะอย่าลืมว่า ฝั่งรัสเซีย บล็อค WeChat แล้วฝั่งเขาก็ใช้ LINE Facebook Google Yandex และ VK ได้ครับ
ญี่ปุ่นขนาดรัฐธรรมนูญยังใช้ที่ USA เขียนให้เลยครับ :V
แต่รู้รึปล่าวว่าระบบการทำธุรกรรมทุกอย่างของญี่ปุ่นรองรับเฉพาะ windows JP เท่านั้น การป้องกันของฝั่งนั้นแน่นหนามาก
หน้าหนัง คำนี้ไม่เคยได้ยินเลยครับ ลืมพยางค์สุดท้ายป่าว ฉายาของรัฐบาลนี้อ่ะ
ใช่ครับ ใช่ครับ มันตกไปคำหนึ่งอ่ะครับ
สวัสดีครับ พี่โจวป่ะครับ
ไม่ใช่ครับ ไม่ใช่ครับ แค่เป็นน๊องหม๊อยพี่โจวเลยติดสำเนียงมาเฉยๆอ่ะครับ
ผมนี่รอคนคิดเหมอืนผม มา ตอบ
คนทำรายได้จากแฟนเพจต่างๆ
บริษัทหรือหน่วยงานที่ทำประชาสัมพันธ์ หรือโฆษณาผ่านเฟซนี่กระอัก
แล้วที่รัฐต้องการจะทำจริงๆ คือบล๊อกบางเพจ ที่ไม่อยากให้คนเห็น
ถ้าไปบล็อคทั้งเว้บจริงๆ คนจะยิ่งอยากรู้ว่าสาเหตุคืออะไรแล้ว 131 เพจนั่นมันมีอะไร
จะกลายเป็นไวรัลโปรโมทเพจพวกนี้ไปซะเปล่าๆ
เหมือนที่มาประกาศห้ามติดตาม 3 คนก่อนหน้านี่แหละ สุดท้ายคนรู้จักมากกว่าเดิมอีก รัฐช่วยโปรโมทแท้ๆ
สาเหตุบล็อค 3 เพจนั่นละครับ ผมถึงตามไปดู ^_^
ไม่มีใครเดือดร้อนหรอกครับ เพราะคนเดือดร้อนก็ไปนอนคุกกันเยอะมากแล้ว
เก็บค่าปรับเพิ่มเยอะๆจาก ผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตที่ยังให้เปิดurlนั้นอยู่ แทนก็ไม่กระทบfb และประชาชน
ISP จะไปปิดแบบนั้นไม่ได้ครับ (ถ้า facebook ไม่ปิดให้) เพราะมันวิ่งผ่าน SSL
Web กับ App ที่ใช้ Facebook Login ตายเกลี้ยงครับ
เห็น comment นี้ทำให้ผมนึกได้ว่าผลกระทบมันมากกว่าตัว web Facebook เองเยอะเลย
พวก OpenID ที่โยงจาก FB นี่เดี้ยงหนักเลย เยอะด้วย
ลืมคิดอันนี้ไปเลยครับ และเว็บกับแอพในไทยนี่ link กับ facebook api เยอะมหาศาล
ถ้าทำจริงกระทบเยอะ เพราะเพจร้านค้าจำนวนมากไปอยู่บน FB มีเงินไทยหมุนเวียนซื้อขายและโฆษณานับร้อยนับพันล้าน และคนจำนวนมากใช้ FB messenger ในการติดต่อสื่อสารประจำ รองจาก LINE
้ตอนปีก่อนนั้นที่เพิ่งรปห.ใหม่ๆยังไม่มีคนกล้าหือ ยังปิดกั้นfbทำได้ไม่นาน เพราะเสียงตอบโต้รุนแรงจนต้องอ้อมแอ้มว่าแค่อุบัติเหตุ ตอนนี้ที่เรียกว่าเป็นขาลง ถ้ากล้าทำจริง ไม่ต่างจากประกาศปิดประเทศ ประเทศเราไม่ใหญ่ขนาดจีนที่จะลงทุนปิดกั้นแล้วสั่งให้ใช้ของตัวเองทดแทนได้ ก็คงวุ่นวายเลยทีเดียว
และเวบพวกนี้ แม้จะใช้สันทนาการเป็นเรื่องหลัก แต่มันก็แทรกอยู่ในชีวิตประจำวันไปแล้ว ลองนึกถึงเคสที่ 3BB เข้าเวบเครือgoogle ไม่ได้แค่วันเดียว คนยังแตกตื่นกันขนาดนั้น มันไม่เหมือนสิบปีทีแ่ล้วที่จะปิดกั้นเวบขนาดใหญ่แบบyoutubeได้เป็นเดือนๆ โดยที่ผลตอบโต้ไม่ดังได้อีกแล้ว
ถูกต้องนะครับบบบบ แบบล้าน^ล้าน% ครับ
ไม่กระทบ เพราะอ่านบล็อคนั้นมากกว่า แพล่บๆ..
ก็ต้องมีคนทำเว็บขึ้นมาแทนเหมือนเมืองจีน ไม่น่ามีปัญหาอะไร แต่ต้องทำให้ใช้งานได้ก่อนที่บล็อก
แต่เฟซบุ๊คก็ใช่ว่าจะเสรีไปทุกอย่าง มีการรีพอร์ตและลบคอมเมนต์ที่อ้างว่าผิดกฏของเฟซบุ๊คเองอยู่แล้ว ดังนั้นเฟซบุ๊คไม่น่าจะโดนบล็อก
จริงๆ แล้ว การทำเว็บทดแทนนั้น คิดว่าไม่เห็นด้วย เพราะฝั่งญี่ปุ่น ก็นิยม Social Network หลากหลายตัว รวมถึง Facebook ครับ
ญี่ปุ่นเขามีเสรีภาพนี้
ที่นี้ประเทศไทย ไล่บล็อคเว็บแล้วโชว์ยอดบล็อคได้เยอะ เสรีภาพสุดๆ
ถามว่ากระทบกับไทยแค่ไหน ชาวบ้านทั่วไปก็เฉยๆแหละ
ญี่ปุ่นเสรีภาพ ? ผมขำกับคำพูดนี้มากๆครับ
แค่แสกนมังงะส่งให้เพื่อนตำรวจตามมาใส่กุญแจมือคาบ้านแล้วครับผม :V
แสกนรวมเล่มเลยออกช้าถึงไม่ออกเลยครับ ล่าสุดแมวก็ปิดไปแล้ว
แค่โพสขู่ทำร้ายดาราตำรวจปรี่ไปถึงห้องเลยครับ :V
เฟสบุคมันเป็นแค่อุปกรณ์สื่อสาร ไม่ใช่พื้นที่ ไม่ใช่โลก มันเป็นแค่กระดานเขียนข้อความ ไม่ได้มีอะไรมากน้อยไปกว่านั้น
แต่คนเรามัวเมาและยึดติด จนลืมไปว่าก่อนสมัยตัวเองจะใช้มัน เราเคยอยู่อย่างมีความสุข "มากกว่า" เสียอีก
ไม่ต้องคอยแข่งขันเรื่องหน้าตา ไม่เกิดสภาวะแข่งขันทางภาพลักษณ์
เรื่องที่ทำให้ผมคิดเห็นว่าโลกไม่ควรมีเฟสบุคอีกต่อไป
1 ) เฟสบุคทำลายการก่อเกิดความสัมพันธ์ของสังคมจริง
เพราะทุกคนพก "เพื่อนกระเป๋า" ติดตัว แม้จะไม่ได้พูดคุยพบเจอกัน ก็กลับถือสภาวะความสัมพันธ์จำลอง เป็นเสมือนของจริง
ผลคือไม่เกิดการปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมจริง
2) เพื่อนปลอม ยิ่งหลอกตัวเองว่ามีก็ยิ่งเหงา
ตรงนี้เป็นเทคนิคของยิวเลยครับ "น้ำที่ยิ่งดื่ม กลับยิ่งหิวน้ำมากกว่าเดิม "
คนจำนวนมากเพ้อฝันว่าตัวเองมีเพื่อน 1000 คน และไม่สร้างปฎิสัมพันธ์ที่มั่นคงกับคนจริงๆ ผลคือเกิด endless thirst
(ทำให้ต้องคลิกเข้ามาดู "โฆษณา" มอบเงินให้เฟสบุคอยู่ร่ำไป)
3) เมื่อทุกคนหลอกตัวเองว่ามีเพื่อนปลอมๆในอินเตอร์เนต ทุกคนก็เอาแต่เล่นมือถือ
ผลคือไม่รู้จักแม้กระทั่งคนที่อยู่ห้องข้างๆ
4) ธรรมชาติของมนุษย์ ออกแบบมาให้ปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อม ทำให้เกิดความอยู่รอด
หรือเกิดการพัฒนาองกรณ์ขึ้น
แต่จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อมนุษย์ตอบสนองกับ "สภาพแวดล้อมเทียม" อยู่ตลอดเวลา ?
ผลคือมนุษย์ทำสิ่งที่ไม่สอดคล้องกับ ความอยู่รอด
5) สมมุติเฟสบุคคนเล่น 1000 ล้านคนต่อวัน แค่ค่า admobs ธรรมดาๆ ก็เท่ากับ
35ล้านบาท ต่อ 1 วินาทีที่ admobs ปรากฎ. ลองนึกดูละกันว่าหนึ่งวันค่าโฆษณาที่เฟสบุคทำได้จากประเทศไทยเป็นเท่าใหร่
6) และมันเป็นเหตุผลอะไรที่เราจะไม่ทำให้เงินมหาศาลเหล่านั้น กลับมา หมุนเวียนในวงการ IT ไทย ??? ให้มีเด็ก IT เงินเดือนครึ่งล้านกันซักที
ละเมิดลิขสิทธิครับ
อันนี้ก็เป็นการข่มขู่ผู้อื่นครับ
สิทธิเสรีภาพ มาพร้อมกับหน้าที่และข้อตกลงครับ
คุณสับสนระหว่างคำว่าเสรีภาพ กับสภาวะไร้กฎหมายครับ
ส่วนที่วิจารณ์ Facebook ผมขอไม่พูดถึงแล้วกันนะ เพราะเป็นทัศนคติส่วนตัว แต่เรื่องช่วงแรกที่บ่นเกี่ยวกับญี่ปุ่นนี่ผมเพลียมาก
ไม่เข้าใจตรรกะจริง ๆ ผมไม่รู้ว่า comment นี้ต้องการเรียกร้องความสนใจ หน้ามืดตามัว หรือความคิดมีปัญหานะ
That is the way things are.
เคยอ่านงานวิจัยหรือเปล่าครับว่า Facebook เป็น Public Space? (อ้างอิง) มันไม่ใช่แค่พื้นที่ แต่มันเป็นพื้นที่สาธารณะด้วยซ้ำ
ในทางตรงกันข้าม โลกจริงก็มีผลกับชีวิตทางอินเทอร์เน็ตด้วย (อ้างอิงความเห็นของ Ferguson ในบทความนี้)
แค่นี้ผมก็คงไม่ต้องบอกต่อแล้วว่า assumption ที่เหลือ (ซึ่งไม่เคยพิสูจน์ (testify) เลย) มันผิดยังไง เพราะสองข้อแรกพาอย่างอื่นล้มครืนไปหมด
ป.ล. ถ้าอ่านภาษาอังกฤษไม่ได้เอาแล้วมาบอกว่าผมอ้างอะไรใหญ่โต อันนี้ก็ช่วยไม่ได้นะครับ เพราะนั่นแปลว่าอยู่ที่ตัวคุณเองที่มีข้อจำกัดด้านภาษา
I'm ordinary man; who desires nothing more than just an ordinary chance to live exactly what he likes and do precisely what he wants.
ครับ งั้นก็ทำเว็บทดแทนหลากหลายตัว แต่จริงๆเอาแค่ 1 ก็น่าจะเพียงพอแล้ว
ไม่น่าปิด กสทช คงทำอะไรไม่ได้ คนใน กสทช ก็น่าจะเล่น Facebook หลายคนคงไม่คิดจะปิดหรอก
ดูจากจำนวน Active user ของ FB ในบ้านเรา ผมว่าเรื่องนี้น่าจะมีการคุยกันอีกหลายรอบ อยู่ที่รัฐบาลหรือเฟสบุ๊คจะได้ผลประโยชน์มากกว่ากัน แต่คิดว่าสุดท้ายไม่คิดว่าจะมีการบล็อคทั้งหมดเกิดขึ้นนะ
..: เรื่อยไป
หากมีการปิดกั้นจริงต้องดู 2 ประเด็นคือ
1. รัฐบาลประกาศว่าปิดกั้นอย่างเป็นทางการและมีแผนรับมือเอาไว้โดยมีการตั้งเว็บใหม่ หรือเซฟเวอร์ใหม่ขึ้นมาหรือไม่
2. เมื่อปิดกั้นแล้ว ตลาดที่จู่ก็โผล่ขึ้นมาและมีขนาดใหญ่ขนาดนี้ จะมีใครคว้าพุงปลาไปหรือไม่
สิ่งหนึ่งที่ทำให้ Facebook เกิดคือการเปิดเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและการรับฟังของผู้มีปฏิสัมพันธ์ร่วมกัน สิ่งที่ทำให้ Facebook มีผู้ใช้มากกว่าทวิตเตอร์โดยเฉพาะในประเทศไทยคือศักยภาพในการแสดงผลตอบรับ ซึ่งเป็นเหตุให้กลุ่มการตลาดการโฆษณา และการค้าออนไลน์หลั่งไหลเข้ามาใน Facebook
แต่อีกประเด็นที่ต้องสนใจ คือ การแสดงออกโดยปฏิเสธการรับผิดชอบ กับการตอบรับการแสดงความคิดเห็น
โดยความคิดเห็นส่วนตัว
คิดว่า 2 ภาคส่วนที่ควรเข้ามารับมือหลังยุคปิดกั้นจริงๆ ก็คือกระทรวงมหาดไทย กับ คณะกรรมการการเลือกตั้ง กกต. เพราะถ้าหากต้องการให้เกิดยุค 4.0 ขึ้นมาจริงๆ สิ่งแรกที่มีความสำคัญการยืนยันตัวบุคคลซึ่งเป็นความรับผิดชอบของมหาดไทย และอีกส่วนคือการเลือกตั้งซึ่งแต่ละครั้งมีค่าใช้จ่ายต่อหัวที่ประมาณ 100 บาทต่อคน ซึ่งหากเปลี่ยนมาใช้ระบบอินเตอร์เน็ทแทนระบบขนส่งแบบไปรษณีย์จะเป็นการประหยัดค่าใช้จ่าย ส่งเสริมระบบสังคมไร้เงินสด ร่วมถึงการสงเสริมระบบประชาธิปไตยโดยเป็นช่องทางแสดงความคิดเห็นของประชาชนได้ดีที่สุด
กระทบแน่ๆกับแม่ค้าที่เน้นค้าขาย facebook มากกว่ามีเว็บของตัวเอง และพวกบริษัททำโฆษณาที่เน้นทำบน facebook มากกว่าใดๆ ส่วนตัวคงไม่กระทบมากมีเพจทำอยู่ก็คงย้ายไป tumblr ไม่ก็ Twitter เลยโดยประกาศผ่านหน้าเว็บบล็อก
ถ้าใช้แบบส่วนตัวก็ไม่กระทบ เพราะอย่างน้อย Instagram กับ Twitter ยังมีให้ใช้งานได้อยู่(ถ้าไม่บ้าจี้บล็อก Instagram ไปด้วยนะ)
Mekokung's Story บล็อกส่วนตัวที่ย้ายไป Blogger แล้วนะ
เดี๋ยวแก๊งค์ F5 กลับมาก่อหวอดอีกรอบไม่เป็นอันทำอะไรพอดี
เหตุการณ์สมมติ
รัฐบอก จากนี้ให้ทุกคนย้ายไปใช้ weibo ภายใน 30วัน จากนั้นจะปิด facebook อย่างเป็นทางการ .....
The Dream hacker..
ไม่แปลกใจเลยเพราะตอนนี้เราปกครองด้วยระบอบเผด็จการเราต้องเจอกับการปิดกันเสรีภาพเรื่อยๆ จนกว่าจะมีการเลือกตั้งได้รัฐบาลใหม่
แต่สิ่งผมสังหรใจว่า ไม่ว่าฝ่ายไหนจะได้เป็นรัฐบาล อีกฝ่ายจะต้องหาเรื่องประท้วงใหญ่ก่อความวุ่นวายที่กรุงเทพอีกแน่ๆ แล้วทหารก็จะต้องออกมาจัดการอีกตามเคย
ปัญหาแท้จริงมันคืออะไรกันแน่ ???
เลยเส้นตายแล้วครับ
บ่ายสามโมงแล้ว ถึง เวลาราชการ จะหมดตอนสี่โมงเย็น
แต่โดยปรกติ ต้องคิดทดเวลาบาดเจ็บ เก็บของ ทานน้ำ-ปัสสาวะ ให้เรียบร้อย
เลยไม่ทราบเหมือนกัน ว่า ตกลง กสทช. จะทำอะไรกับ Facebook เหลอครับ ?
เชียร์ให้ปิดครับ คนจะได้คิดบ้าง ว่ามันมีอะไรนักหนาถึงต้องปิด
แนะนำให้รัฐบาลตั้งหน่วยงานที่มีหน้าที่ แก้ไข ชี้แจ้ง ข้อมูลเท็จต่างๆ ที่โพสผ่านเฟซบุ๊ค
หากเจอข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง ก็แถลงออกมาเป็นข้อมูลจริง
เชื่อว่า เพจเหล่านั้นจะไม่มีคนสนับสนุนอย่างแน่นอน เพราะสิ่งที่เพจเหล่านั้นพูดไม่ใช่ความจริง คนทั่วๆ ไปจะตระหนักได้เอง
แต่การไปปิด โดยไม่มีเหตุผลอะไรรองรับ หรือเหตุผลสั้นๆ แค่ว่า "เพื่อความมั่นคง" จะไม่ทำให้อะไรดีขึ้นเลย ภาพลักษณ์ของรัฐบาลก็จะแย่ ประชาชนจะไม่มีทางเลือกให้สื่อสาร จนนำไปสู่การใช้ช่องทางการสื่อสารที่รัฐตามไปควบคุมยากยิ่งขึ้น
ดูๆแล้วผมคิดว่าไม่น่า block ทั้ง domain นะ
คงจะ block ไม่ให้อ่านแค่บางคน บาง page มากกว่า
ถ้าทำได้จะเป็นข่าวทั่วโลกครับ เพราะแปลว่ารัฐบาลเจาะ https สำเร็จ
lewcpe.com, @wasonliw
ผมกลัวว่าจะไปบีบ facebook สาขาประเทศไทยให้ทำเองแบบลับๆน่ะสิครับ
ยิ่งเป็นข่าวหนักกว่าอีกครับ กลายเป็นรายงานความโปร่งใสไม่น่าเชื่อถือไปทั้งหมด
lewcpe.com, @wasonliw
อยากรู้ว่า 131 URL ที่ต้องการ block นั้นมีอะไรบ้าง เกี่ยวข้องกับบีเบอร์มากน้อยแค่ไหน
That is the way things are.
ผลกระทบจริง ๆ ผมว่ามันไม่ใช่แค่ FB เพราะว่าตอนนี้เองก็มีบริการจำนวนนึงที่เกาะ FB อยู่ (เช่นการทำ Single Sign-On ด้วย user ของ FB) ถ้า FB โดนบล็อกไปบริการพวกนี้จะเดี้ยงตามกันไปหมด
สิ่งที่จะเกิดคือ คนก็จะมุดท่อไปเล่น FB และเรื่องที่สองที่ตามมาก็คือการประกาศว่าการใช้ VPN ต้องได้รับอนุญาตจากหน่วยงานราชการ (ประเทศจีนทำไปแล้ว) ซึ่งจะกระทบกับธุรกิจระหว่างประเทศอีกจำนวนหนึ่ง
เรื่องนึงที่ต้องตระหนักไว้คือ การเข้าถึงบริการระหว่างประเทศนั้นมีข้อดีกับทั้งผู้ประกอบการและผู้บริโภค ผู้ประกอบการสามารถที่จะขยายตลาดไปต่างประเทศได้ง่ายขึ้นโดยไม่ต้องอาศัยบุคคลที่สาม ส่วนผู้บริโภคก็สามารถเข้าถึงสินค้าที่มีคุณภาพจากต่างประเทศได้ การปิดกั้นการเข้าถึงนั้นจะทำให้การแข่งขันลดลง และทำให้เสียประโยชน์กันทั้งผู้ประกอบการและผู้บริโภค (แต่เอ ผู้ประกอบการที่ไม่ชอบการแข่งขันอาจจะชอบก็ได้) อันนี้ รัฐบาลก็ต้องชั่งใจดูว่ามันคุ้มกันหรือเปล่าน่ะนะครับ
Edit: แก้เรื่อง VPN ในประเทศจีน
ผมคิดว่าคงไม่กล้านะแค่ขู่อ่ะ ผลกระทบเยอะจนเกิดกว่ารัฐบาลห่วยๆ ชุดนี้จะรับไหว
ลองดูว่าการขีดเส้นครั้งนี้ ใครกันแน่ที่จะตาย
หลังจากที่อ่าน อีกกระทู้หนึ่งด้านบน ผมว่า OK เลยนะ
คือ การ Block ครั้งแรกๆ ที่สั่ง IPS ให้ปิดมันทั้ง Domain เลยนั่น "ขาดความเข้าใจ"
และมีผลกระทบเยอะเกินไป ถ้า กสทช. รู้ว่าต้องส่งเอกสารอะไร ช่องทางใหน ให้ Facebook
ปิดไปเฉพาะจุดที่ต้องการไม่ให้เข้าถึง จริงๆ
ก็จบแบบ Win-Win งานนี้คงต้องให้ เครดิต คุณฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช. เค้านะครับ
เพราะ ประเด็นที่ ขอความร่วมมมือให้ปิดในครั้งสนร้ นั้นสมควรแล้ว
คือ การพนัน ยาเสพติด และ ... ที่เป็นประเด็นส่วนตัว
(ถึงได้บอกว่าอย่าเล่นประเด็นนี้ แม่นกฏหมาย ท้วงเรื่องกฏหมายเถอะครับ)
ถ้าโดนบล็อกทีนี่กระทบมากเลย เพราะที่มหาวิทยาลัยก็ใช้กลุ่มกับเพจ Facebook ในการติดต่อหรือแจ้งข่าวต่างๆ ทั้งภาควิชา คณะ ไปจนถึงระดับมหาวิทยาลัยเลย แล้วก็มีกลุ่มเฟสสำหรับติดต่องานกลุ่มกับเพื่อนและอีกสารพัด
เค้าไม่กล้าหรอกเชื่อผม
ถ้าบล็อกก็ VPN เท่านั้นครับ ทำอะไรไม่ได้ เรียกร้องอะไรไม่ได้ เพราะเป็นแค่ไพร่ฟ้าหน้าใส เจ้าของประเทศเขาจะทำอะไรก็คงได้แค่ยอม
แม้ไม่มีFBกับเขา แต่ก็มีผลกระทบเช่นกัน
จะไปสอดส่องลูกสาวยังไงละทีนี้ ไหนจะไปส่องข่าวอีก ไวกว่าTVอีก
ไม่มี FB เรื่องน่าเป็นห่วงอาจน้อยลงก็ได้นะครับ
อารมณ์เหมือนแอนตี้ไวรัสที่ตรวจจับอะไรไม่ค่อยจะเจอ เจ้าของเครื่องก็หลงคิดว่าสบายใจ
Yes ถ้าไม่มีก็เหมือนถูกปิดหู ปิดตา ยิ่งห่วงหนักเข้าไปอีก
เฝ้าห่างๆ แบบนี้ดีแล้ว
ถ้าเราไม่ไปหาหมอวินิจฉัยโรค เราก็จะไม่เป็นโรค ... เฮ่!
ลองมองข้ามช็อตเลย
ถ้าเข้า FB ไม่ได้ จะใช้อะไรแทน
Google plus+ ?
ถ้ากลับคืนสู่สามัญก็ Hi5....
ถ้าปัจจุบันก็อาจเป็น Google plus+ ไม่ก็ Twitter นั้นละ
Mekokung's Story บล็อกส่วนตัวที่ย้ายไป Blogger แล้วนะ
ถ้า block ขึ้นมา ประชาชนคนไทยทุกคนน่าจะรู้จักและสามารถใช้ VPN ได้ครับ
บางทีก็อยากให้บล็อคนะ ผู้คนจะได้แห่มาใช้ G+ 5555
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!
ไม่น่าเหมือนนะ เพราะจีนมี social แล้วก็ search engine ที่ยืนได้ด้วยตัวเอง
แม้ไม่มี google facebook พี่แกก็ไม่ได้แคร์
ใช่เลย ถูกบังคับให้ลง WeChat เพราะง่ายที่สุด ที่จะติดต่อน้องที่จีน
จะสร้างเว็บสังคมออนไลน์เอง?
ผมไ่ม่เล่นface หลายปีแล้วครับ
ปิดเฟสไม่เป็นไร แต่อย่าปิดไลน์นะ ทั้งเพื่อนทั้งงานไลน์ล้วนๆ
คิดว่าสำหรับบางคนคือถึงแก่ชีวิตเลยถ้าเน้นขายของหน้าเฟสนะ
กระทบการท่องเที่ยวแน่ๆ ครับ
ทุกวันนี้รายได้จากการท่องเที่ยวบ้านเราสูงมาก
นักท่องเที่ยวทั่วโลกโดยเฉพาะจากฝั่งยุโรป ส่วนใหญ่เคยมาบ้านเรากันหมดแล้ว เค้ามาพักผ่อน และพวก social media ก็เป็นสิ่งที่นักท่องเที่ยวใช้กันปกติ เช่นอัพภาพสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ (ดาราที่มาเมืองไทยก็อัพภาพที่ท่องเที่ยวไทยกันบ่อยๆ) ก็ถือว่าเป็นการโปรโมทที่ท่องเที่ยวบ้านเราทางหนึ่งด้วย
ถ้าบล็อก FB กระทบการท่องเที่ยวแน่นอนครับ เพราะคนที่ติดโซเชียล ถ้าเค้าเลือกจะมาพักผ่อน เค้าไปประเทศอื่นที่ไม่ปิดกั้นเค้าดีกว่า (เช่นจีน บางคนเลี่ยงเพราะการปิดกั้นก็มี) ไหนจะเรื่องประชาสัมพันธ์อีก
กระทบเยอะและกระทบหลายด้านมาก และผลกระทบจะกลายเป็นลูกโซ่ (เช่นการท่องเที่ยวตกต่ำลง คนตกงาน มีปัญหาปากท้องไปกระทบเรื่องอื่นๆ อีก) ต้องคิดให้ละเอียดถี่ถ้วนมากๆ ครับ
ถ้าทำจริงนี่ ต้องถือว่าเป็นรัฐบาลที่แก้ปัญหาโดยการซุกทุกอย่างใต้พรม แม้แต่เรื่องการปรองดองนี่ผมก็มองว่าเขาก็ทำแบบซุกๆไปเหมือนกัน
ส่วนตัวผมไม่ค่อยกระทบอะไร ใช้แต่ Google+, Twitter, Instagram, LINE
Facebook ใช้ไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ครับ ออกจะรำคาญด้วยซ้ำ โพสต์น่ารำคาญน่าเบื่อเยอะ บางทีก็โฆษณาของ Facebook เอง เยอะจนรำคาญ
ไม่ได้พังแค่คนใช้ facebook แต่มันพังไปถึง app ที่เกาะ facebook ด้วย
รัฐบาลคงอยากให้เราไปใช้ pantip แทน
อยากให้ปิดไลน์แทนครับ ผมเกลียดไลน์ น่ารำคาญ
มันเอาออกไม่ได้?
lewcpe.com, @wasonliw
กรณีนี้ คิดว่าไม่เห็นด้วย เนื่องจาก LINE รวมถึง Facebook มีจุดเด่นในด้าน Function ที่มาใหม่แบบลุ้นทุกวินาทีว่า จะมี Function อะไร ที่เปลี่ยนวิถีชีวิตบ้างครับ
กดที่ไอคอนค้าง กดกากบาทบนไอคอน