สถาบันวิจัย Fraunhofer IIS ที่ถือครองสิทธิบัตรเกี่ยวกับ MP3 ไว้ได้ออกประกาศยุติการออกไลเซนส์การใช้งานสิทธิบัตรที่เกี่ยวข้องกับ MP3 รวมทั้ง ขอบคุณทุกคนที่ช่วยกันทำให้ MP3 กลายเป็นรูปแบบการเข้ารหัสไฟล์เสียงที่ได้รับความนิยมตลอดยี่สิบปีที่ผ่านมา พร้อมกับแนะนำให้ทุกคนไปใช้การเข้ารหัสแบบ AAC ที่ให้คุณภาพเสียงดีกว่าโดยใช้เนื้อที่น้อยกว่า MP3 ด้วย หลายสำนักข่าวเรียกประกาศนี้ว่าเป็นการประกาศว่า MP3 นั้นตายไปแล้วอย่างเป็นทางการ (1, 2)
แต่ช้าก่อน! เราไม่จำเป็นต้องไปอาลัยอาวรณ์กับไฟล์ MP3 แต่อย่างใด เพราะถึงแม้ว่าทางสถาบัน Fraunhofer จะยุติการอนุญาตใช้งานสิทธิบัตรไปแล้ว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าต่อไปนี้เราจะไม่สามารถใช้ไฟล์ MP3 ได้แต่อย่างใด กลับกันก็คือเราสามารถใช้งานมันได้อย่างอิสระกว่าเดิมเสียอีก
เหตุผลที่ไม่ได้ระบุไว้ในประกาศจากสถาบัน Fraunhofer ก็คือสิทธิบัตรใบสุดท้ายที่เกี่ยวกับ MP3 นั้นหมดอายุไปในเดือนเมษายนที่ผ่านมา ซึ่งนั่นก็ทำให้ทุกคนใช้งาน MP3 ได้อย่างอิสระโดยไม่จำเป็นต้องไปขออนุญาตจากสถาบันก่อน และด้วยเหตุนี้เองทำให้นักพัฒนาบางกลุ่มเริ่มดำเนินการทำให้ลินุกส์บางดิสโทรรองรับ MP3 แบบดีฟอลต์แล้ว แน่นอนว่าเมื่อไม่จำเป็นต้องขออนุญาต ทางสถาบันก็ไม่จำเป็นต้องออกไลเซนส์ให้ใครอีกต่อไป
รูปแบบการเข้ารหัสที่ใช้ในไฟล์ MP3 ถูกพัฒนาขึ้นที่สถาบันวิจัย Fraunhofer ตั้งแต่ในช่วงยุค 80 และได้รับรองให้เป็นส่วนหนึ่งของมาตรฐาน MPEG ที่ประกาศใช้ในปี 1993 รูปแบบการเข้ารหัสนี้ได้รับความนิยมมากในยุคนั้นเนื่องจากสามารถให้คุณภาพเสียงใกล้เคียงกับซีดีแต่ใช้เนื้อที่แค่เพียงประมาณ 1 ใน 10 ของไฟล์ต้นฉบับเท่านั้น สำหรับในเมืองไทยคิดว่าหลายๆ คนในที่นี้น่าจะทันยุค "แผ่นประเทือง" ที่รวบรวมเพลงต่างๆ ไว้ในแผ่นซีดีแผ่นเดียวกันอยู่ ใครมีความทรงจำอะไรดีๆ เกี่ยวกับแผ่นนี้ก็มาแลกเปลี่ยนกันได้นะครับ
ที่มา - The Next Web, NPR, CNET
Comments
มือถือผมเมื่อก่อนมีแต่ MP3 เดี๋ยวนี้เป็น M4A WAV กับ Flac ซะส่วนใหญ่ (M4Aคือไฟล์เพลงที่ซื้อจาก iTunes WAV คือเพลงที่ Rip จาก CD ส่วน Flac คือไฟล์เพลงที่เสียงดีกว่า MP3)
ถ้าให้อธิบายคงยาว แต่เข้าใจไปแบบนั้นก็คงไม่มีปัญหาเกิดขึ้นในระดับ end user
555
+1
จะว่าไปผมไม่เคยเช็คเหมือนกันว่าเพลงที่ขายบน itunes ที่เป็น m4a ข้างในมันเป็นอะไร aac(lossy) หรือ alac(lossless) ?
เป็น AAC แบบ variable bit rate ครับ เฉลี่ย 256 kbps
รู้จัก Mastered for iTunes การคุมกระบวนการทำเพลงเพื่อเสียงดีที่สุดสำหรับ iTunes
ตอนนี้ถ้าจะเปลี่ยน แนะนำ opus ครับ :)
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
เคยเจอ m4p ไหมครับ
ติด drm มาให้ด้วย
แบบซื้อยังไม่เคยเจอนะครับ แต่เคยเก็บ Apple Music ลงเครื่องแล้วก็เห็นเป็นไฟล์ M4P คือเปิดเล่นตรงๆไม่ได้ แต่เล่นใน iTunes ได้
ผมเคยเจอ m4p จากบางเพลงในอัลบั้ม (จำไม่ได้ว่าอันไหน) ตอนแรกนึกสงสัยว่ายังมี drm ด้วยเหรอ แต่พอแก้นามสกุลเป็น m4a ก็สามารถเล่นในโปรแกรมอื่นได้ปกติโยนใส่มือถือ android ก็เล่นได้ปกติ งงจริง ๆ
อ๊ะ เดี๋ยวลองมั่ง
Apple music ถ้า save เพื่อเล่น offline จะเป็น m4p ครับ
เคยพยายามจะแงะเพื่อไปเล่นที่เครื่องอื่น ติด DRM แน่นหนึบเลย
ช่างมันเถอะยังไงเดี๋ยวนี้ก็ฟัง online มากกว่า offline อยู่ละ
คนให้บริการออนไลน์ต้องไปซื้อไลเซนส์พวกนี้มาล่ะครับ
lewcpe.com, @wasonliw
ปัจจุบันผมฟังเพลงบน Youtube กับ Jook เป็นส่วนใหญ่ครับ
การเก็บไฟล์ไว้ฟังแบบออฟไลน์น้อมาก
Flac vlc
นานจนนึกไม่ออกว่าโหลดไฟล์ MP3 ครั้งล่าสุดเมื่อไหร่ แต่ถ้าพูดถึง MP3 คงนึกไปถึงยุค ประเทือง แวมไพร์
ของแท้ต้องเป็นแผ่นปั๊ม
ถถถถ+ งงจริงครับครั้งแรกๆที่ได้อ่าน
ยุคนั้นต้อง WinAmp สินะ แล้วก็ต้องโหลด skin ไว้เยอะๆ เพลิดเพลินไปกับการฟังเพลงใน play list ที่มีเป็นพัน ๆ เพลง
ลง Plugin ให้ชื่อเพลงที่ฟังอยู่ไปขึ้นที่ Status MSN ด้วยครับ
เป็นเทรนด์ต้องโชว์ว่าฟังเลพงอะไรอยู่
แต่บางทีก็พลาด เปิด Windows media player อยู่แล้วไปขึ้นว่ากำลังดูอะไรแทน = ="
แต่ง สกินกันมันเลย
แผ่นประเทืองของแท้ต้องสรีนแผ่นเรืองแสง และระวังของเลียนแบบชื่อแวมไพร์
ปกป้อง | เฟสบุ๊ก | ทวิตเตอร์
ชอบ FLAC แต่พวก Android Box ชอบมีปัญหา Decode ไม่ได้ ดูหนังใบ้กันไป = =
สุดท้ายก็ NeroAACEnc เหมือนเดิม
Kodi
กราบ
ตั้งแต่ใช้ Apple Music ก็ไม่ได้โหลด mp3 อีกเลย
ลาก่อน ประเทือง บุษบา แวมไพร์
ทำไมมันถึงชื่อประเทืองครับ?
Pitawat's Blog :: บล็อกผมเองครับ
ซื้อเพลงสมัยนั้นมั้ง ...
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
ตอนนั้นมีเพลงชื่อ ประเทือง ที่ฮิตมากครับ
ค่ายเถื่อนเลยเอามาใช้เป็นชื่อซีรีย์แผ่นเถื่อนซะเลย (- -')
ไท ธนาวุฒ ไงครับ ตอนนั้นดังจากเพลง "ใช่เลย" กับเพลง "ประเทือง" ไปที่ไหนๆ ก็ต้องได้ยินสองเพลงนี้ ฟังกันทั่วบ้านทั่วเมืองอยู่เป็นเดือนๆ เลย 555 เพราะมันดังมากเขาก็เลยเอาไปตั้งชื่อแผ่นรวม MP3 เหมือนจะบอกให้รู้ว่าแผ่นนี้มีเพลง "ประเทือง" ด้วยนะ จัดไปไม่ผิดหวัง
หลังๆ มีแผ่นออกมาแข่งชื่อแผ่น บุษบา ที่มาก็เหมือนกันคือเป็นเพลงที่นิโคล เทริโอ ร้องแล้วฮิตกันไปทั่ว
น่าจะมีพร้อมยุคที่ ไท ธนาวุธ ออก album ที่มีเพลงประเทืองหรือป่าวครับ 555+
https://www.youtube.com/watch?v=722X7wonNqk
📸
เพลงประเทืองกำลังฮิตครับ
ขอบคุณผู้คิดค้น mp3
สำหรับผมยังเป็น format ที่เก็บไว้เยอะสุดใน HDD
คนที่บอกว่า MP3 คุณภาพใกล้เคียงกับ CD นี่หูต้องเพี้ยน level ไหนกัน
MP3 จัดอยู่ในรูปแบบการจัดเก็บข้อมูลแบบ lossy นั่นหมายถึงมีการสูญเสียรายละเอียดไปมากเพื่อจัดเก็บเฉพาะรายละเอียดที่จำเป็นเท่านั้น นั่นหมายความว่าในสายหูของคนที่แยกแยะคุณภาพของเสียงได้ดี(จะใช้คำว่าสายตาก็แปลกๆ) MP3 ถือเป็นหนึ่งในประเภทการจัดเก็บข้อมูลที่เป็นเหมือนเศษกระดาษเมื่อเทียบกับการจัดเก็บแบบ Lossless ที่เปรียบได้กับหนังสือเป็นเล่มๆ
เหมือนคุณดูหนัง 4K 2K FullHD 720P มันยังมีความต่างด้านรายละเอียด ไฟล์เสียงก็เช่นกัน ย่านที่หูไม่ได้ยินไม่ได้หมายความว่ามันจะไม่ส่งผลต่อคุณภาพของย่านที่ได้ยิน เพราะมันคือธรรมชาติของเสียง ยิ่งการจัดเก็บสามารถอ้างอิงการสั่นของเสียงได้ใกล้เคียงธรรมชาติเท่าไหร่ คุณภาพก็ยิ่งสูงมากเท่านั้น แต่ต้องแลกด้วยขนาดที่มหาศาลเช่นกัน
สรุปท่อนท้ายคือ MP3 ไม่สามารถมาแทน CD ได้ในเรื่องของคุณภาพครับ ต่างกันถึง 5 เท่าเช่นกัน
ใจเย็นๆ นะ
ต่อให้ฟัง lossless ลำโพงบ้านผมก็ขับได้เท่า mp3 แหละครับใจเย็นๆ
ใจร่ม ๆ ครับ
ใบ้ให้อีกนิดว่า ความละเอียดไม่เกี่ยวกับ lossy vs lossless ครับ (ถ้ายกความละเอียดมาเทียบ ผมก็ต้องบอกว่าไฟล์เสียงก็มีความละเอียดเช่นกันนะ)
อื้อหือระดับพระกาฬ โชคดีที่หูผมมันยังไม่ระดับหูทองงั้นแย่แน่ๆ
สกุลเสียงมันไม่ค่อยมีประโยชน์หรอกถ้าตอนบันทึกเสียงมันทำมาห่วย
ถ้าบันทึกมาดีๆ ฟังlossyก็เพราะกว่าlosslessที่บันทึกมาห่วยๆ
ทุกครั้งที่ผมได้อ่านความเห็นทำนองนี้ ผมตื้นตันใจมากครับที่เกิดมาหูห่วย ไม่ต้องไปปวดหัวว่าจะเก็บเพลงเป็นสกุลอะไร ใช้การบีบอัดแบบไหน ลำโพงยี่ห้ออะไร 5.1 หรือ 7.1 ดี หรือล่อไปสิบตัวเลย หูฟังอะไร สายแจ็คที่เสียบดีมั้ย ฯลฯ
ขอบคุณนะครับ
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!
อ่าว ผมคิดว่าลำโพงหรือ output สำคัญกว่า
คือลองเอา เพลง flac ไปแปลงเป็น mp3 128,320 แล้วเปิดมือถือไม่รุ้สึกต่างสักเล็กน้อย
The Last Wizard Of Century.
โอ้โหได้เห็นคนหูพระกาฬตัวเป็นๆ เค้าเทพแบบนี้นี่เอง
รักนะคะคนดีของฉัน
คือผมเห็นด้วยนะ MP3 มันเทียบ CD ไม่ได้จริงๆ แต่ต้องเข้าใจว่าคนส่วนใหญ่ไม่ได้ฟังกับเครื่องเสียงเทพๆที่จะขับไฟล์ Lossless ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย
ที่ตลกคือเคยคุยกับคนขายลำโพงพกพา(ของจีน)คนนึง ไอ้เราก็ลองเสียงด้วยการต่อบลูทูธแล้วเปิด Spotify ลองฟังดู พี่คนขายแกบอกว่าฟังออนไลน์เสียงมันไม่ค่อยดี ถ้ามีไฟล์ MP3 ในเครื่องเนี่ยเสียงจะดีเลย เบสแน่นตึ้บ น้องอีกคนก็ลองเลยเพราะมีไฟล์ในเครื่อง เปิดมาเสียงแบนเป็นแผ่นมาเลย ไฟล์น้องเค้า 64Kbps
ฮาอันนี้เลยครับ 555
ถ้าฟังจริงๆ จะรู้สึกครับว่าแตกต่าง ต่อให้เป็น MP3 คุณภาพสูงก็แตกต่างอยู่ดี (เหมือน JPG ที่เซฟละเอียดยังไง ถ้านั่งจ้องก็เห็นข้อแตกต่างแน่ๆเทียบกะพวกภาพบีบอัดน้อยๆ)
แต่ถ้าฟังสบายๆ ก็ไม่อะไรครับ อย่างผม ถ้าไม่ฟังเพลงเดียวกัน เทียบกันเลย ก็แยกไม่ออกนะ รู้ตัวตอนฟังเทียบกัน
สมัยแผ่นประเทืองพี่แกเล่น bitrate 128kbps ตอนนั้นใช้หูฟังห่วยๆ แยกออกบ้างไม่ออกบ้าง หลังๆมาเป็นแบบ 192kbps หมดแล้ว แต่ผมก็ไม่ได้สนใจเพราะแก่ละ(ประสาทหูแยกไม่ออก และก็ฟังจาก deezer)
พูดตรงๆนะ ใช้หูฟังตัวเดียวกันแต่พอเจอ DAC ถูกๆ(ออนบอร์ด)สมัยนี้ทำไมมันห่วยจริงอะไรจริง
หูอาจไม่เพี้ยนหรอกครับ แต่ผมก็เห็นเหมือนท่านบนๆนะว่า ตัวขับเสียงสำคัญกว่าไฟล์เพลง เดี๋ยวนี้คนฟังเพลงผ่านบนอุปกรณ์พกพาเยอะ แต่มีซักกี่คนที่ใช้มือถือที่มี dac หรือต่อ dac แยกดีๆ ยังไม่นับตัวขับเสียงจริงๆอย่างลำโพงหรือหูฟังที่ต่อไว้ฟังอีก คือจะได้เสียงที่ดีนี่มันต้องมาหมดเลยนะยังไม่นับพวกสายสัญญาณอีก โดยเฉพาะตัวปล่อยเสียงขั้นสุดท้ายอย่างลำโพงหรือหูฟังเนี่ยถ้ามันเป็นหูฟังแถมมือถือหรือลำโพงมือถือนี่ ไฟล์ดีแค่ไหนก็เป็นเศษกระดาษแบบที่คุณว่านั่นแหละ แค่อาจจะยับน้อยกว่าเดิมแต่ก็เป็นเศษกระดาษอยู่ดีซึ่งผมว่าแทบไม่ต่างกัน ดังนั้นคนฟังทั่วไปเขาจะว่า lossy กับ lossless เสียงใกล้เคียงหรือเหมือนกันก็ไม่แปลกเลย
ไม่ว่าจะหูดีอย่างไร lossy ก็มีจุดที่ฟังแล้วไม่เจอความแตกต่างครับ ไม่ว่าจะเครื่องเสียง, ระบบไม่ถึง หรือ หูไม่ถึงก็ตาม bitrate ที่ pro แนะนำคือ 320kbps
สำหรับบคนที่ต้องพื้นที่บนมือถือแนะนำให้ทำ blind test โดยแปลงไฟลจากต้นฉบับแล้วหา bitrate (cbr) / คุณภาพ (vbr) ที่ฟังด้วยอุปกรณ์ปลายทางแล้วแยกไม่ออก
แต่ถ้าต้องการเก็บให้เหมือนต้นฉบับ (Archive) ป้องกันการเปลี่ยนแปลงจากการแปลงไฟลหลายๆครั้ง (Generation loss) แนะนำให้ไช้ flac ที่เป็น Lossless (เหมือนต้นฉบับ) แทน
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
คนที่บอกว่าเสียงเหมือนกันคือคนธรรมดาครับ
ถ้ามีความสามารถด้านการฟังจริง จะสามารถ
ฟังเสียงกลองแต๊ก ที่ตีเบาๆ ในเพลงได้ และ
รู้ว่าใน mp3 เสียงมันหายไป
แต่..
สิ่งที่ผมอยากได้จากการฟังเพลง คือ
ผมต้องการฟังเพลงที่ผมชอบ ด้วยความสะดวก
ไม่ใช่ต้องวิ่งหาซื้อ cd เพลงที่ผมไม่ชอบฟัง
แต่มันอัดมาด้วย เครื่องอัดเสียงเทพ 24bit
ที่ mix ลง cd เหลือ 16bit 44kh ด้วยความร้อนรน
มานั่งหน้าเครื่องที่จัดวางเหมือน โต๊ะหมู่บูชา ที่ตั้ง
เล่น cd เรือนหมื่น รวมราคา amp ลำโพง
อีกเหยียบแสน สายสัญญาณห้ามห้อยติดดิน เสียบ
ตัวกลองไฟ ผ่านปลักเกรดยานกระสวยอวกาศ
เพื่ออะไร ?
ผมเคยผ่านมันมาแล้ว
ถ้าคุณผ่านมันไปได้
มองย้อนกลับไป คุณจะหัวเราะตัวเอง
อยากบอกแค่นี้แหละ
ก่อนอื่นต้องมานิยามคำว่า "ใกล้เคียง" ก่อนครับ สำหรับคนทั่วไป mp3 ที่บิทเรตสุงๆ ใช้คำว่าใกล้เคียงก็ไม่น่าจะผิดนัก แต่สำหรับคนที่จริงจังมากๆ การที่จะเอาไปเทียบเป็นเศษกระดาษก็อาจจะใช่ในมุมมองของคนเหล่านั้น
In a parallel universe
PNG น่าจะแทนด้วย BMP, TIFF มากกว่ามั้งครับ :D
พูดถึง Lossless ผมก็นึกถึง PNG ก่อนอ่ะครับ ทำใจเก็บไฟล์เป็น BMP ไม่ได้จริงๆ (แต่มาอ่านอีกทีก็น่าจะตรงมากกว่า)
พระกาฬมาเยือน
ใจเย็นๆครับอย่าเพิ่งหัวร้อน
เอาเป็นว่าด้านของ Fact ผมเห็นด้วยกับคุณนะครับ
ผมไม่ใช่ Audiophile แต่ผมเล่น Home Theater/AVR ซึ่งมันก็ไม่ต่างกันมาก
ประโยคที่คุณว่า
"คนที่บอกว่า MP3 คุณภาพใกล้เคียงกับ CD นี่หูต้องเพี้ยน level ไหนกัน"
ก็ต้องเรียนว่า บทความต้นเรื่องพูดถึงในยุคเมื่อ "15-20 ปีที่แล้ว" นะครับ
ไฟล์เสียงถ้าไม่ใช่ WAV มันก็กระโดดมาเป็น MP3 เลย ซึ่งตอนนั้น FLAC, AAC ยังไม่เกิดครับ
และความนิยมในการใช้ system ดีๆเพื่อฟังเพลง ต้องต่อ DAC ผ่านแอมป์ เพื่อรีดเสียงให้ดีที่สุดเนี่ยมันยังไม่เกิดในวงการคอมเช่นกันครับ
อุปกรณ์ทั้ง DAC, แอมป์, ลำโพง, หูฟัง ระดับพระกาฬมันหาซื้อแทบไม่ได้
ลำโพงคอม 90% เป็นลำโพงกระป๋อง ดีขึ้นมาหน่อยก็ Creative/Boston Acoustic สัก 2.1/4.1/5.1 ราคาก็แค่หลักพัน ซึ่งมันยังรีดเสียงของ CD ออกมาได้ไม่สุดหรอกครับ
ไหนจะ Sound Card ที่ยังตั้งไข่กันอยู่เลย เครื่องเก่าๆต้องซื้อ Sound card มาติดเพิ่มด้วยซ้ำ จะไปคาดหวังวงจร DAC ที่ดีเลิศย่อมไม่ใช่ครับ
ฉะนั้นการกล่าวว่า ในยุค 15-20 ปีที่ mp3 เพิ่งเกิด คุณภาพเสียงของ MP3 ใกล้เคียงกับ CD นั้นก็ไม่ผิดครับ
เพราะอุปกรณ์ ณ เวลานั้นน่ะมันรีดเสียงของ CD ออกมาได้ไม่ครบ มันเลยไม่รู้สึกถึงความแตกต่างระหว่าง MP3 กับ CD มากครับ
กรณีนี้ผมอยากให้มองในบริบทของเวลาด้วยครับว่า ณ ตอนนั้นวงการ Audiophile วงการหูฟังเป็นอย่างไร
ข้อจำกัดด้านเทคโนโลยีเป็นอย่างไร ทำไมคนเขียนจึงสรุปมาเช่นนี้ครับ
พอเห็นคำว่า 15-20ปี ทำให้ผมนึกขึ้นได้ว่าตอนนั้นผมฟังซาวด์อะเบ้าท์เทปเพลงช่อง9การ์ตูนที่ซื้อมา99.-อยู่เลยนี่น่า ออกอาวุธ ออกอาวุธ - -"
The Last Wizard Of Century.
Rip เองนี่เลือก m4a ประจำ ถ้าเครื่องเล่นในรถ m4a lossless ได้ จะเลือกอันนี้ก่อนด้วยซ้ำ
แต่ m4a 320-512 kbps ก็พอใจละ เสียงใสกว่า mp3 320kbps เห็นๆ
ถ้าผม rip เองจะแปลงเป็น FLAC ครับ เพราะว่ามันสะดวกสำหรับผมน่ะนะ อันที่ฟังในรถจะ transcode ไปเป็น aac (lossy) อีกต่อนึง เพราะว่า iPod ผมมีที่แค่ 160GB ครับ
ขอถามหน่อยครับ rip โดยใช้ iTunes นี้จะได้ความละเอียดเท่าในที่เขาขายบน iTunes ไหมครับ
Mekokung's Story บล็อกส่วนตัวที่ย้ายไป Blogger แล้วนะ
ผมไม่ได้ Rip ด้วย iTune เลยให้คำตอบไม่ได้ครับ ปกติใช้แต่ dBpoweramp ครับ
เคย rip สมัยก่อนนานแล้ว เสียง acc แย่มากครับ ไปใช้ opensource rip เอาเสียงยังดีกว่า เลยเลิกใช้ itune rip ไปเลยครับ
ข้อมูลเก่านะครับ (ไม่ได้ rip เพลงนานแล้ว)
ถ้าจำไม่ผิด AAC เลือก bitrate ได้สูงกว่า 256 kbps ครับ
siemens sl45
mini sd card 32MB
เก่ามาก ใครรู้จักบ้าง 555
ตอนนั้นเด็กๆ อยากได้มาก แต่ตังค์ไม่พอ
หัวใจของเสียงคือต้นฉบับที่อัดกับไดร์เวอร์ขั้นเทพของแต่ละเจ้าที่ขายหูฟัง ลำโพงเนี่ยแหละครับ เพื่อนพ่อผมลงทุนติดเครื่องเสียงจอทัช หมดไปหลายหมื่น พ่อผมเปิดเสียงเดิมๆจากซีดีออกลำโพงติดรถ กลับเสียงดีกว่าเยอะเลย พอไปดูรายการ เป็นจอทัชรุ่นโนเนม กับลำโพงงานวัดหกจุด แต่ซับเสียงกับสายไฟใช้อย่างดี
สมัยก่อนตอนมือถือความจำต่ำมากๆ ต้อง convert เพลงเป็น mp3 แล้วปรับ bitrate ต่ำๆ ไฟล์จะได้เล็ก จุเพลงเยอะๆ ความจำ 128mb จุเพลงได้เป็นร้อย
ทำไมคนขายแผ่นที่มันชวนผมซื้อแผ่นอย่างอื่นตลอดไม่ถามว่าซื้อประเทืองมั้ย ไม่มี๊