เราเห็นไมโครซอฟท์ผลักดันแว่น Windows Mixed Reality สำหรับพีซีอย่างจริงจัง แต่กลับไม่เห็นท่าทีใดๆ ต่อการใช้งาน VR/AR บนเครื่องเล่นเกม Xbox One แม้แต่น้อย ทั้งที่คู่แข่ง PS4 ก็นำหน้าไปไกลกับ PlayStation VR
เรื่องนี้ Albert Penello ผู้บริหารของไมโครซอฟท์อธิบายไว้ในบทสัมภาษณ์กับ Wired ว่าบริษัทยังไม่รีบร้อนในเรื่องนี้ เพราะมองว่าเทคโนโลยี VR เพิ่งเริ่มต้น และยังต้องลองผิดลองถูกอีกมาก ไมโครซอฟท์มีบทเรียนจาก Kinect และ Wii ที่เป็นระบบอินพุตแบบใหม่ๆ ว่าเราไม่สามารถแปลงเกมแบบเดิมๆ เป็น VR แล้วหวังว่ามันจะเวิร์คในทันที แต่จำเป็นว่าเราต้องสร้างเนื้อหาเฉพาะสำหรับ VR ขึ้นมาต่างหาก ซึ่งไมโครซอฟท์ยังไม่อยากเบี่ยงเบนสมาธิของนักพัฒนาเกมในปีนี้ด้วยการออกผลิตภัณฑ์ VR ออกมา
ส่วน Alex Kipman หัวหน้าทีม Windows Mixed Reality ก็ให้สัมภาษณ์กับ VentureBeat ตอบคำถามไปในทางเดียวกัน เขาบอกว่าไมโครซอฟท์เปิดกว้างสำหรับ VR บน Xbox แต่บริษัทมองว่าเทคโนโลยี VR ในปัจจุบันยังไม่พร้อมสำหรับการใช้งานในห้องนั่งเล่น การใส่แว่นแบบมีสายไฟตลอดเวลา ยังไม่น่าจะใช่ทางเลือกที่ดีนักในปัจจุบัน ไมโครซอฟท์จึงเลือกทำลงพีซีที่เหมาะสำหรับการเชื่อมต่อแบบมีสายก่อน แล้วค่อยขยับขยายไปยัง Xbox ในอนาคตต่อไป
ที่มา - Wired, VentureBeat
Comments
ปัญหาคงไม่ได้อยู่ที่ไม่มีคนทำคอนเท้น เพราะ ps4 เองก็มีื แถมเกมรองรับก็เพิ่มขึ้นมาก เกมใหม่ๆรองรับทั้งนั้น ซึ่งหลายๆเกมส์เป็นแบบหลายแพทฟอร์ม
ถ้าเดาไม่ผิดปัญหาน่าจะมาจากสเปกของ xbox อาจจะไม่ได้ถูกวางไว้บนความสามารถในการใช้งาน VR ได้อยางพอสมควรแบบ ps4 เพราะขนาด Ps4 เองก็ภาพก็อยู่ในระดับพอไช้ได้ เมื่อเทียบกับ pc สเปกสูง และmsคงกลัวว่าเมื่อเทียบเกมส์ vr บน xbox และ ps4 อาจจะทำให้เห็นความต่างค่อนข้างเยอะ เทคโนโลยีวีอา เกิดมามากกว่า20ปีแล้วและก็ยังขายได้อยู่จนถึงปัจจุบัน เพียงแค่ปัจจุบันคนเข้าถึงง่าย ถ้าก้าวช้าคงจะจบไม่สวยแบบ windows phoneแน่เลย x
Xbox One X ก็มีนิครับ
แต่มันทำให้คนที่ซื้อไปแล้วต้องซื้อใหม่ ถ้าทำออกมา คงมีคำถามว่าแล้วรุ่นธรรมดาละ แต่ก็ทั้งหมดเป็นแค่การคาดเดา เท่าที่เห็นราคาหาโปรเด็ดๆได้ ps4 +vr ราคาถูกมากเมื่อเทียบกับ vr แบรนของผั่ง pc ที่ต้องซื้อ pc ราคาแพงมาอีกที
สเปคเครื่องกับแว่นยังไม่น่าทำให้ผู้เล่นประทับใจจนซื้อได้เมื่อเทียบกับราคา แต่รีบๆเข็นมาก็ดีนะจะได้ไม่ตกขบวน
เฮอะรอตลาดวาย เหมือนwindows phone อีกตามเคยเจ็บไม่จำสินะอิอิ
ยังไม่เข็ดกับ windows phone ??
ผมว่ารอบนี้ต่างกับ windows phone นะครับ
"ไมโครซอฟท์จึงเลือกทำลงพีซีที่เหมาะสำหรับการเชื่อมต่อแบบมีสายก่อน แล้วค่อยขยับขยายไปยัง Xbox ในอนาคตต่อไป"
คือไม่ใช่เค้าไม่ทำนะครับ แต่ focus ที่ PC ซึ่งก็ไม่ผิดอะไรเพราะ XBOX กับ PC ก็เป็นอะไรที่คล้ายๆกันอยู่แล้ว
จะบอกว่าตกขบวนก็ไม่เชิงคงไปเล่นบน PC ในมันลงตัวก่อนมากกว่า
ผมก็ว่างั้นนะครับ
Coder | Designer | Thinker | Blogger
เดาว่าคงหันหัวเรือไปทาง AR มากกว่า
จริง ๆ มีอีกหนึ่งปัจจัยที่ไม่มีใครกล่าวถึงเลย คือ ecosystem ครับ
อย่าลืมนะครับว่าตอนนี้ ในตลาด VR มีเต้ยในท้องตลาดอยู่ถึง 3 เจ้าคือ Oculus, SteamVR และ PSVR และอย่าลืมว่าการที่ไมโครซอฟท์ไปจับมือกับ SteamVR มันเหมือนเป็นสัญญาณกลาย ๆ ไปแล้วว่าคอนเทนต์ใน Microsoft Store ยังเยอะไม่พอ (และมันจำเป็นมากกับการที่จะลงบน Xbox ที่ไม่มีการเปิดให้ลงนอก Store ได้ถ้าหากไม่ใช่นักพัฒนา)
การที่จับมือกับ Steam เหมือนเป็นการพยายามหาทางชั่วคราวให้มีคอนเทนต์ในคลังที่เยอะมากพอ และพอคอนเทนต์ที่เยอะมากพอ คนก็สนใจมากขึ้น พอคนสนใจมากขึ้น ก็ดึงนักพัฒนามา Mixed Reality มากขึ้น และเมื่อ Mixed Reality มันอยู่ในแพลตฟอร์ม UWP ก็หมายความว่าจะได้นักพัฒนาสาย UWP เพิ่มขึ้นเอง
นักพัฒนา UWP มากขึ้น = แอปมากขึ้น = แพลตฟอร์มแข็งแกร่งในระยะยาว ซึ่งผมว่าตรงนี้เนี่ยแหละที่น่าจะเป็นสิ่งที่ไมโครซอฟท์แกพยายามทำอยู่
Coder | Designer | Thinker | Blogger
ความเห็นที่แท้ true +1
ສະບາຍດີ :)
มีหลายท่านเห็นตรงกับผม
จ๊ะ ยังไม่ต้องเข้ามา
รอคู่แข่งกินตลาดให้หมดก่อน
จริง ผมอยากให้ทาง MS เข้ามาเร่ิมวงเพื่อพลักดันวงการ vr มากกว่า
ถ้าพี่ไม่นำแล้วใครจะนำล่ะครับ