ในช่วงที่กระแส อย่าเรียกว่า VR Spatial Computing กลับมาได้รับความสนใจอีกครั้งจากการวางขายแว่น Apple Vision Pro
ฝั่งของไมโครซอฟท์ผู้มาก่อน ก็เริ่มถอดฟีเจอร์ด้าน VR ออกจาก Windows 11 ตามที่เคยประกาศไว้ โดย Windows 11 Insider ตัวใหม่ Build 26052 (ขึ้นหลัก 26XXX) ไม่รองรับแว่น Windows Mixed Reality ของผู้ผลิต OEM รายอื่นแล้ว (ไม่นับรวมแว่น HoloLens ของไมโครซอฟท์เอง ที่ยังใช้งานได้)
ไมโครซอฟท์ประกาศปรับสถานะฟีเจอร์ Windows Mixed Reality เข้าเป็นสถานะ "ล้าสมัย" (deprecated) และเตรียมถอดออกจากระบบปฏิบัติการ Windows ในอนาคต
ไมโครซอฟท์โชว์เทคนิค Mixed Reality ใช้กล้องถ่ายภาพ สร้างโฮโลแกรมของมนุษย์ที่เหมือนจริงทั้งหน้าตาและเสื้อผ้า ผนวกกับเทคโนโลยีแปลภาษาและสร้างเสียงพูด (text to speech) แบบเรียลไทม์ ทำให้สามารถสร้างโฮโลแกรมของตัวเราเองที่เหมือนจริงทุกประการ แต่พูดภาษาอื่นได้ด้วย
ในคลิปสาธิตของไมโครซอฟท์ โชว์โฮโลแกรมของผู้สาธิตบนเวทีขึ้นมาอีกตัวหนึ่ง (มองเห็นได้ผ่านแว่น Hololens) และกล่าวเปิดงานเป็นภาษาญี่ปุ่นได้ โดยที่เจ้าตัวยังยืนอยู่ข้างๆ กัน
ปีที่แล้ว ซัมซุงออกตัวแว่น Samsung HMD Odyssey ใช้เทคโนโลยี Windows Mixed Reality วางขายในราคา 499.99 ดอลลาร์
เวลาผ่านไปหนึ่งปี ซัมซุงออกแว่นรุ่นอัพเกรด HMD Odyssey+ (ชื่อรุ่นมี +) ที่ปรับปรุงเรื่องการแสดงผลให้ดียิ่งขึ้น หน้าจอของแว่นรุ่นนี้มีความละเอียด 1,233 PPI (ความละเอียด 1440x1600 พิกเซล ขนาดจอข้างละ 3.5") มุมมอง 110 องศา เท่ากับรุ่นก่อน แต่เพิ่มเทคนิค Anti-Screen Door Effect (Anti-SDE) ช่วยลดปัญหาการเห็นเม็ดพิกเซลบนหน้าจอชัดเจนเกินไป และช่วยลดปัญหาการเวียนหัวขณะสวมแว่น
แว่น Odyssey+ ยังมีระบบเสียงของ AKG แบบ 360 องศา spatial sound ได้ยินเสียงจากทุกด้าน ตัวแว่นมีปุ่มปรับระดับเสียงเพื่อความสะดวกของผู้ใช้
ไมโครซอฟท์มีแพลตฟอร์มเกม Xbox และแพลตฟอร์มแว่น VR/AR อย่าง Mixed Reality แยกจากกัน คำถามที่แฟนเกมสงสัยมาตลอดคือ เราจะได้เห็นแว่น VR มาเชื่อมต่อกับ Xbox เหมือนอย่าง PlayStation VR หรือไม่
ก่อนหน้านี้คำตอบของไมโครซอฟท์คือ ยังไม่ทำ รอให้เทคโนโลยีพร้อมก่อน แต่คำตอบล่าสุดคือยังไม่มีแผนใดๆ ในตอนนี้
แว่น HoloLens ของไมโครซอฟท์มีจุดอ่อนสำคัญคือ ราคาแพงมากถึงชุดละ 5,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.6 แสนบาท) จึงอาจเป็นอุปสรรคสำหรับภาคธุรกิจที่สนใจเทคโนโลยีนี้ แต่กำลังจ่ายไม่เยอะพอ
ทางออกที่น่าสนใจของไมโครซอฟท์ จึงเป็นการจับมือกับพาร์ทเนอร์ เพื่อให้เช่าแว่น HoloLens เป็นรายเดือนแทน
พาร์ทเนอร์ของไมโครซอฟท์คือบริษัท JTRS ในเครือ Econocom ในอังกฤษ ที่เปิดบริการ Mixed Reality as-a-Service ให้เช่าแว่นในราคาจ่ายเป็นรายเดือน ราคาเริ่มต้นที่เดือนละ 260 ปอนด์ (ประมาณ 1.1 หมื่นบาท) มาพร้อมบริการส่งถึงที่ และเปลี่ยนอุปกรณ์ใหม่ให้ถ้ามีปัญหา
ไมโครซอฟท์เผยสถิติผู้ใช้งาน SharePoint ว่ามีจำนวนมากกว่า 4 แสนองค์กรแล้ว เติบโตมากขึ้นกว่า 100% ในรอบหนึ่งปีที่ผ่านมา
ไมโครซอฟท์ยังโชว์ฟีเจอร์ใหม่ SharePoint spaces เป็นการนำแว่น Mixed Reality มาใช้ร่วมกับ Sharepoint ให้การทำงานร่วมกันในองค์กรมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย ตัวอย่างของ spaces มีทั้งการเทรนพนักงานใหม่ในสภาพแวดล้อมเหมือนการทำงานจริง, การเรียนรู้ทักษะเพื่อพัฒนาพนักงาน และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ร่วมกัน โดยดูตัวอย่างผลิตภัณฑ์เป็น 3D
นอกจากฟีเจอร์ด้าน AR ก็ยังมีฟีเจอร์ด้าน AI ที่นำมาปรับปรุงแอพ SharePoint บนอุปกรณ์พกพา ให้นำเสนอเนื้อหาให้ตรงความต้องการของผู้ใช้แต่ละคน, ช่วยปรับปรุงรูปภาพของเอกสารที่มาจากกล้องมือถือ (เช่น ใช้มือถือถ่ายบิลมาเบิกกับบริษัท) เป็นต้น
เมื่อต้นเดือนนี้ ไมโครซอฟท์ได้ปล่อยรุ่นจริงของ Windows Mixed Reality for SteamVR ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ที่จะช่วยให้แว่น Windows Mixed Reality (WMR) สามารถใช้งานกับแพลตฟอร์ม SteamVR ได้ หลังจากเปิดให้ทดสอบแบบ early access มาได้ระยะหนึ่ง
ทำให้ผู้ที่มีแว่น WMR อยู่ในตอนนี้ สามารถติดตั้งซอฟต์แวร์ดังกล่าวเพื่อเล่นเกม VR ที่อยู่บน Steam ได้ จากเดิมที่ต้องดาวน์โหลดเกมจาก Microsoft Store มาเล่นเท่านั้น โดยจำนวนเกมบน Steam ที่รองรับแว่น WMR อย่างเป็นทางการในตอนนี้มีมากถึง 422 เกมเลยทีเดียว
หลังจาก HoloLens เงียบหายไปพักใหญ่ๆ ไมโครซอฟท์ก็กลับมาประกาศข่าวเกี่ยวกับ HoloLens ใหม่ด้วยแอพ 2 ตัวที่เน้นตลาดภาคธุรกิจ-อุตสาหกรรม
แอพตัวแรกคือ Microsoft Remote Assist สำหรับการประชุมทางไกลแบบเห็นภาพของจริง มันถูกออกแบบมาสำหรับพนักงานหน้างาน (เช่น อยู่หน้าเครื่องจักรอุตสาหกรรม) และต้องการความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ ก็สามารถประชุมผ่านแว่น HoloLens โดยที่อีกฝั่งจะเห็นภาพสถานการณ์หน้างานจากกล้องของ HoloLens และวาดหรือไฮไลท์จุดที่สำคัญกลับมาให้ผู้สวมใส่แว่นได้เห็นด้วย
เราเริ่มเห็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในบ้านเรานำเทคโนโลยีมาใช้งานแพร่หลายมากขึ้น และ “แสนสิริ” เป็นหนึ่งในบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แถวหน้าของไทย ที่นำเทคโนโลยีมาใช้อย่างโดดเด่น ตามยุทธศาสตร์ Siri LifeTech ที่บริษัทเคยประกาศไว้
ล่าสุดแสนสิริจับมือเป็นพันธมิตรกับไมโครซอฟท์และ AIS เพื่อนำเทคโนโลยี Mixed Reality มาให้ผู้ที่สนใจซื้อคอนโดหรือบ้านจากแสนสิริ สามารถมองเห็นตัวอย่างบรรยากาศภายในและภายนอกห้อง รวมถึงลองปรับแต่งส่วนต่างๆ ของห้องได้ตามต้องการและเห็นผลทันที
เมื่อประมาณต้นเดือนที่เพิ่งผ่านมา อินเทลได้ออกอัพเดตไดรเวอร์กราฟิกเวอร์ชัน 15.60 โดยได้เพิ่มการรองรับ Windows Mixed Reality และ HDR10 ให้กับจีพียู Intel HD Graphics 620 ซึ่งมาพร้อมกับซีพียู Core i5 รุ่นที่ 7 รวมถึงจีพียูรุ่นที่สูงกว่านั้นด้วย
การติดตั้งไดรเวอร์ดังกล่าวแน่นอนว่าจะทำให้เครื่องที่ผ่านสเปกสามารถใช้งานแว่น Mixed Reality ที่เริ่มทยอยวางขายแล้วได้ ส่วนการรองรับการแสดงผลภาพมาตรฐาน HDR10 นั้นจะช่วยให้สามารถเล่นเนื้อหาที่มีภาพแบบ HDR (High Dynamic Range) บนจอที่รองรับไม่ว่าจะเป็นเกม วิดีโอ ไปจนถึงบริการสตรีมมิ่งอย่าง Netflix และ Youtube ที่ให้บริการวิดีโอแบบ HDR มาซักพักแล้ว
ในขณะที่ตลาดล่าง ไมโครซอฟท์จับมือกับพาร์ทเนอร์เริ่มวางขายแว่น Mixed Reality ราคาค่อนข้างถูกไปแล้ว ล่าสุดไมโครซอฟท์ก็ขยายตลาดบนของ HoloLens โดยเน้นที่ลูกค้าธุรกิจ โดยวางขายแว่นในยุโรปเพิ่มอีก 29 ประเทศ รวมตอนนี้เป็น 39 ประเทศแล้ว
แว่น HoloLens ยังวางตัวเป็นอุปกรณ์เฉพาะทาง โดยแว่นสำหรับนักพัฒนาขายตัวละ 3,000 ดอลลาร์ และชุดที่ใช้ในธุรกิจ (เพิ่มประกันและระบบรักษาความปลอดภัย) ราคา 5,000 ดอลลาร์
ตัวอย่างพาร์ทเนอร์ของไมโครซอฟท์ที่นำ HoloLens ไปใช้ในทางธุรกิจ ได้แก่ Ford นำไปช่วยในกระบวนการออกแบบรถยนต์ และบริษัทผลิตลิฟต์ thyssenkrupp ใช้ฝึกซ้อมการอบรมซ่อมแซมลิฟต์
Windows Mixed Reality เป็นฟีเจอร์ใหม่ที่มาพร้อมกับ Windows 10 Fall Creators Update แม้ว่าฟีเจอร์นี้ยังไม่น่าจะมีใครได้ลองใช้งานจริง เพราะแว่นเพิ่งเริ่มวางขายในต่างประเทศ แต่ท่าทีของไมโครซอฟท์ก็ชัดเจนว่าต้องการดันเรื่องนี้แบบสุดตัว
คำถามที่น่าสนใจคือตกลงแล้วคำว่า "Mixed Reality" คืออะไรกันแน่ มันต่างจาก AR/VR ในปัจจุบันอย่างไร โชคดีว่าในเอกสารสำหรับนักพัฒนาของไมโครซอฟท์มีอธิบายเรื่องนี้ไว้ค่อนข้างละเอียด ควรค่าแก่การนำมาถ่ายทอดบอกต่อกัน
เราเห็นไมโครซอฟท์ผลักดันแว่น Windows Mixed Reality สำหรับพีซีอย่างจริงจัง แต่กลับไม่เห็นท่าทีใดๆ ต่อการใช้งาน VR/AR บนเครื่องเล่นเกม Xbox One แม้แต่น้อย ทั้งที่คู่แข่ง PS4 ก็นำหน้าไปไกลกับ PlayStation VR
เรื่องนี้ Albert Penello ผู้บริหารของไมโครซอฟท์อธิบายไว้ในบทสัมภาษณ์กับ Wired ว่าบริษัทยังไม่รีบร้อนในเรื่องนี้ เพราะมองว่าเทคโนโลยี VR เพิ่งเริ่มต้น และยังต้องลองผิดลองถูกอีกมาก ไมโครซอฟท์มีบทเรียนจาก Kinect และ Wii ที่เป็นระบบอินพุตแบบใหม่ๆ ว่าเราไม่สามารถแปลงเกมแบบเดิมๆ เป็น VR แล้วหวังว่ามันจะเวิร์คในทันที แต่จำเป็นว่าเราต้องสร้างเนื้อหาเฉพาะสำหรับ VR ขึ้นมาต่างหาก ซึ่งไมโครซอฟท์ยังไม่อยากเบี่ยงเบนสมาธิของนักพัฒนาเกมในปีนี้ด้วยการออกผลิตภัณฑ์ VR ออกมา
Satya Nadella เล่าข้อมูลเบื้องหลังในหนังสือ Hit Refresh ของเขา ถึงที่มาของโครงการ HoloLens ว่ามาจากความล้มเหลวของ Windows Vista
Nadella เล่าถึง Alexa Kipman วิศวกรชาวบราซิลของไมโครซอฟท์ ซึ่งมีผลงานโดดเด่นในฐานะผู้สร้างทั้ง Kinect และ HoloLens ว่าเดิมที Kipman อยู่ในทีมออกแบบ Windows Vista ที่มีฟีเจอร์ใหม่หลายอย่าง แต่ผลตอบรับกลับออกมาแย่ ส่งผลให้ Kipman เสียใจอย่างหนักจนต้องกลับไปพักใจที่บราซิลบ้านเกิด
ไมโครซอฟท์เคยประกาศไว้ไม่นานนี้ว่า แว่น Mixed Reality จะรองรับการเล่นเกมบนแพลตฟอร์ม SteamVR ล่าสุดนักพัฒนาสามารถใช้งาน Windows Mixed Reality SteamVR รุ่นพรีวิวเพื่อทดสอบเกมของตัวเองได้แล้ว ส่วนผู้ใช้ทั่วไปจะเริ่มใช้งานได้ช่วงปลายปีนี้
สำหรับเกมที่ไม่อยู่บน SteamVR จะยังมีให้บริการบน Microsoft Store (ชื่อใหม่ของ Windows Store) อีกช่องทางหนึ่ง โดยจะเปิดบริการพร้อม Windows 10 Fall Creators Update ในวันที่ 17 ตุลาคมนี้ พร้อมกับแว่น Mixed Reality ของแบรนด์ต่างๆ ที่จะเริ่มส่งสินค้าในวันเดียวกัน
เราเห็นแว่น Gear VR ของซัมซุงที่ใช้เทคโนโลยีของ Oculus กันมานาน แต่ล่าสุดซัมซุงกระโดดเข้ามาสู่โลก Windows Mixed Reality ของไมโครซอฟท์ โดยเปิดตัวแว่น Samsung HMD Odyssey ออกมาอีกหนึ่งรุ่น
Samsung HMD Odyssey ใช้หน้าจอ AMOLED ขนาด 3.5" ความละเอียด 1440x1600 มุมมอง 110 องศา, ระบบเสียงรอบทิศทาง 360° spatial sound พร้อมหูฟังจาก AKG, ระบบตรวจจับการเคลื่อนไหวของศีรษะในตัว ไม่ต้องใช้เซ็นเซอร์แยก, มีกล้องด้านหน้า 2 ตัว, น้ำหนัก 645 กรัม
ซัมซุงคุยว่าแว่น Odyssey จะเป็นแว่น Windows Mixed Reality ที่ให้ประสบการณ์ดีที่สุดในท้องตลาด ทั้งในแง่ภาพและเสียงที่เหนือกว่าคู่แข่ง
Odyssey ราคาตัวละ 499.99 ดอลลาร์ มีคอนโทรลเลอร์ 2 อันมาให้ในชุด เริ่มขาย 10 พฤศจิกายน
ไมโครซอฟท์ประกาศข้อมูลเพิ่มเติมของแว่น Windows Mixed Reality ที่จะนำมาโชว์ในงาน IFA สัปดาห์นี้ และวางขายจริงช่วงปลายปี
เราเห็นแว่นสามมิติ Windows Mixed Reality ของ Acer และ HP กันไปแล้ว ในงาน Computex 2017 ที่ไต้หวัน ไมโครซอฟท์ก็โชว์แว่น Mixed Reality ของพาร์ทเนอร์ที่เหลืออีก 3 รายคือ Dell, ASUS, Lenovo
แว่นเหล่านี้จะเริ่มวางขายจริงในช่วงปลายปีนี้ ส่วนนักพัฒนาในสหรัฐและแคนาดา สามารถพรีออเดอร์แว่นของ Acer และ HP ได้แล้วจาก Microsoft Store
ที่มา - Microsoft
ใน Fall Creator Update ไมโครซอฟท์ระบุด้วยว่า Windows 10 รองรับทำงานบน Mixed Reality แล้ว พร้อมเปิดตัว Windows Mixed Reality Motion Controller คอนโทรลเลอร์สำหรับทำงานร่วมกับแว่น Mixed Reality ที่มีปุ่มควบคุมแบบกด (Touchstick) และทัชแพดในตัว
ใน Windows 10 S ระบบปฏิบัติการสำหรับภาคการศึกษาที่ไมโครซอฟท์เปิดตัวมาสดๆ ร้อนๆ มีฟีเจอร์เพื่อการศึกษาคือ View Mixed Reality ที่ใช้รูปภาพธรรมดามาสร้างเป็นภาพสามมิติได้บนหน้าจอเลย หรือใช้กล้องบนแล็ปท็อปสร้างภาพสามมิติได้
ฟีเจอร์ใหม่นี้เปิดโอกาสให้ผู้ใช้โดยเฉพาะนักเรียนได้เรียนรู้คอนเทนต์แบบสามมิติบนหน้าจอโดยไม่ต้องสวมอุปกรณ์ แต่ฟีเจอร์
View Mixed Reality ก็รองรับแว่น VR ด้วยเช่นกันผู้เรียนสามารถสำรวจดวงดาวในระบบสุริยะแบบใกล้ชิดสมจริง หรือสำรวจคอนเทนต์เพื่อการศึกษาอื่นๆ
เมื่อต้นปี ไมโครซอฟท์นำต้นแบบของแว่น Windows Holographic (ล่าสุดเปลี่ยนชื่อเป็น Windows Mixed Reality) จากผู้ผลิตฮาร์ดแวร์หลายค่ายมาโชว์ที่งาน CES 2017
วันนี้ ไมโครซอฟท์นำแว่นที่ใช้งานได้จริงจาก Acer มาเปิดตัวที่งาน Game Developers Conference (GDC) ที่ซานฟรานซิสโก ใช้ชื่อยาวเฟื้อยว่า Acer Windows Mixed Reality Development Edition
หลังจากที่ได้มีภาพต้นแบบแว่น VR/AR แพลตฟอร์ม Windows Holographic ออกมาในช่วงงาน CES 2017 ล่าสุด Vlad Kolesnikov จากไมโครซอฟท์ ได้ออกมาเผยผ่านวิดีโอบน Channel 9 ว่า จะมีชุดต้นแบบสำหรับนักพัฒนา (developer kit) ออกมา ในงาน Game Developer Conference ที่จะมีขึ้นในช่วงต้นเดือนมีนาคม
คาดว่ากลุ่มผู้ใช้งานทั่วไป จะได้ใช้งานในช่วงหลังจากการมาของ Windows 10 Creators Update ที่จะออกในช่วงฤดูใบไม้ผลิ
ที่มา - MSPoweruser
นอกจาก Lenovo ที่ได้โชว์ต้นแบบแว่น VR ที่ใช้เทคโนโลยีจาก HoloLens แล้ว ในงาน CES 2017 ยังได้มีแบรนด์อื่นที่ได้นำตัวต้นแบบมาโชว์เหมือนกัน น่าเสียดายที่ยังไม่มีภาพการใช้งานจริงออกมา และอุปกรณ์ทั้งหมดได้ถูกกั้นไว้ด้วยกระจก ทำให้ไม่สามารถถ่ายภาพได้อย่างใกล้ชิด
ภาพทั้งหมดสามารถดูได้ในที่มา
ที่มา - Windows Central
ถ้ายังจำกันได้ เมื่อกลางปีที่แล้ว ไมโครซอฟท์ประกาศเปิดแพลตฟอร์ม Windows Holographic ให้บริษัทอื่นสร้างแว่น VR/AR แบบ HoloLens แต่มีราคาถูกกว่ามาก สัปดาห์นี้ Lenovo ซึ่งเป็นหนึ่งในพันธมิตรของไมโครซอฟท์ก็นำแว่นต้นแบบมาโชว์แล้ว
แว่นของ Lenovo ยังไม่มีชื่อรุ่น ใช้หน้าจอ OLED ความละเอียด 1440x1440 สำหรับตาแต่ละข้าง (ละเอียดกว่าทั้ง Oculur Rift/HTC Vive) และมีน้ำหนักเบากว่าคือประมาณ 350 กรัม (Vive หนัก 555 กรัม) น่าเสียดายว่าต้นแบบที่ Lenovo นำมาโชว์ยังไม่สามารถใช้งานได้จริง เลยยังตัดสินยากว่าคุณภาพของภาพจะดีกว่าแว่นคู่แข่งรายอื่นๆ หรือไม่
ส่วนราคาจะอยู่ราว 300-400 ดอลลาร์ โดย Lenovo ระบุว่าจะพยายามให้ถูกที่สุดเท่าที่ทำได้ กำหนดวางขายบอกคร่าวๆ เพียงแค่ภายในปีนี้