การมาถึงของ Windows Mixed Reality (ที่มาพร้อม Windows 10 Fall Creators Update) ถือเป็นจุดเริ่มต้นอย่างเป็นทางการของไมโครซอฟท์ ในการเข้าสู่สมรภูมิ VR/AR ที่กำลังร้อนแรงอยู่ในตอนนี้
ถ้าลองนับผู้เล่นในตลาด VR/AR รายใหญ่ ปัจจุบันมีทั้งหมด 6 ป้อมค่าย ได้แก่ Facebook (Oculus), Valve (SteamVR), Sony (PlayStation VR), Apple (ARKit), Google (Cardboard/Daydream/ARCore) และ Microsoft (Windows Mixed Reality)
สงครามยังเพิ่งเริ่มต้นและยังห่างไกลกับบทสรุป แต่บทความนี้เราจะมาวิเคราะห์สถานการณ์เพื่อดูภาพรวมว่า ค่ายไหนขั้วไหนมีอาวุธอะไร มีพันธมิตรรายไหนอยู่ในสังกัดกันบ้าง
ไมโครซอฟท์เป็นผู้เล่นรายล่าสุดที่ลงมาเล่นในตลาด VR/AR (แถมมีคำเรียกของตัวเองว่าเป็น MR หรือ Mixed Reality) จุดเด่นของไมโครซอฟท์คือเทคโนโลยี internal tracking ของ HoloLens ไม่ต้องใช้เซ็นเซอร์ภายนอกช่วย ทำให้ใช้งานสะดวกกว่าคู่แข่งอย่าง Oculus หรือ SteamVR/Vive
ไมโครซอฟท์ยังขนพันธมิตรฮาร์ดแวร์มาอีกหลายราย (ได้มาแม้กระทั่งซัมซุงที่เป็นพันธมิตรกับ Oculus อยู่ก่อน) มีแว่นหลากหลายตั้งแต่ถูกไปจนถึงแพง, การจับมือกับ SteamVR ช่วยแก้ปัญหาเรื่องเกมน้อย แถมก่อนหน้านี้ไมโครซอฟท์ก็ไปทำตลาด HoloLens กับภาคอุตสาหกรรมต่างๆ ไว้มาก เริ่มมีแอพที่ไม่ใช่เกมสำหรับงานเฉพาะทางด้วย
จุดอ่อนของ Mixed Reality ในตอนนี้คงเป็นว่ามันเพิ่งเริ่มต้น ยังมีคนใช้ไม่เยอะนัก และยังเน้นเฉพาะการใช้บนพีซีเพียงอย่างเดียว ไม่มีเวอร์ชันสำหรับคอนโซล Xbox และไม่มีเวอร์ชันสมาร์ทโฟน (แค่กๆ Windows Mobile)
ตัวอย่างเกม Halo Recruit เกมฟรีที่เปิดตัวพร้อม Windows Mixed Reality
Minecraft VR หมัดเด็ดของไมโครซอฟท์ที่ยังไม่เสร็จ
จุดแข็ง
จุดอ่อน
ต้องให้เครดิต Oculus ว่าเป็นผู้จุดกระแส VR ยุคใหม่ให้กลับมาดังได้สำเร็จ ชื่อแบรนด์ Oculus กลายเป็นตัวแทนของโลก VR และยิ่งมาอยู่ใต้ร่มเงาของ Facebook ก็ยิ่งเพียบพร้อมไปด้วยกำลังเงินและคน
ตัวแพลตฟอร์ม Oculus ดั้งเดิมเน้นตลาดพีซี แต่บริษัทก็มีความร่วมมือกับซัมซุงทำแว่น GearVR สำหรับสมาร์ทโฟน และการอยู่ใต้ Facebook ก็ยังมีโครงการผลักดัน VR/AR แบบไม่ใช้แว่น ผ่านแอพของ Facebook Camera Platform
อย่างไรก็ตาม หลังวางขายแว่น Rift ในเดือนมีนาคม 2016 แล้วบริษัทก็เจอปัญหามากมาย ถึงขนาดผู้ก่อตั้ง Palmer Luckey ต้องลาออก, คดีความกับ ZeniMax และมีการปรับโครงสร้างผู้บริหารครั้งใหญ่ รวมถึงดึงเอา Hugo Barra อดีตผู้บริหาร Android/Xiaomi มาคุมงาน VR ทั้งหมด
ความคืบหน้าล่าสุดของค่าย Oculus คือการออกแว่นราคาถูก Oculus Go มาเตรียมรับมือแว่น Windows Mixed Reality แต่แว่น Rift รุ่นหน้าโค้ดเนม Santa Cruz ที่มีระบบ tracking ภายใน ยังดูน่าจะใช้เวลาอีกนาน
จุดแข็ง
จุดอ่อน
ถ้าเทียบกับฝั่ง Oculus แล้ว ต้องบอกว่า Valve ซุ่มพัฒนาแพลตฟอร์ม SteamVR แบบเงียบๆ และเลือกจับมือกับ HTC ผลิตแว่น Vive ออกมาขายโดยไม่เป็นข่าวมากเท่ากับ Rift แต่เทคโนโลยีของ Valve กลับเหนือกว่าจนเป็นตัวเลือกที่นักพัฒนาจำนวนมากนิยมใช้งาน
จุดอ่อนของ SteamVR คือ ณ ปัจจุบันยังไม่มีผู้ผลิตแว่นรายอื่นนอกจาก HTC แม้ Valve ยินดีเปิดเทคโนโลยีให้ใช้ และมี LG ผลิตแว่นต้นแบบมาแล้วก็ตาม อย่างไรก็ตาม ดูเหมือน Valve เลือกปิดจุดอ่อนนี้ด้วยการเป็นพันธมิตรกับไมโครซอฟท์ และเปิดให้แว่น Windows Mixed Reality เข้าถึงเนื้อหาใน SteamVR ได้
จุดเด่นอีกประการของ SteamVR คือการผูกกับแพลตฟอร์ม Steam ที่มีฐานเกมเมอร์จำนวนมากอยู่แล้ว และการที่ Valve พัฒนาเกมได้ ต้องรอดูกันว่า เกม VR ของ Valve จำนวน 3 เกม จะออกมาดีแค่ไหน
จุดแข็ง
จุดอ่อน
ถ้าวัดกันในแง่ยอดขายแว่น ต้องบอกว่า Sony นำมาเป็นที่หนึ่งด้วยยอดทะลุ 1 ล้านชิ้น จากจุดเด่นเรื่องฐานผู้เล่น PS4 ที่มีเครื่องอยู่แล้ว เพียงแค่ซื้อแว่นเพิ่มก็ใช้งานได้เลย (ไม่ต้องอัพเกรดคอมก่อนเหมือน Oculus/Vive) และแว่น PlayStation VR เองก็ราคาไม่แพงเมื่อเทียบกับคู่แข่ง (399 ดอลลาร์ตอนเปิดตัว) กวาดลูกค้ากลุ่ม early adopter ที่เป็นเกมเมอร์และมี PS4 ไปได้มาก
การที่ Sony มีสตูดิโอพัฒนาเกมเอง ยังช่วยให้มีเกม exclusive ที่เด่นๆ เป็นตัวดึงดูดผู้เล่น เช่น Gran Turismo Sport ที่แค่ชื่อก็เหนือกว่าเกมคู่แข่งมาก ล่าสุด Sony เพิ่งโพสต์ในบล็อก PlayStation ว่ามีเกม VR รอออกขายในช่วงปลายปี 2017 ต่อต้นปี 2018 อีกกว่า 60 เกม
ส่วนจุดอ่อนของ PlayStation VR คงเป็นว่ามันผูกกับแพลตฟอร์ม PS4 เพียงอย่างเดียว นำไปใช้ในงานอื่นนอกจากเกมได้ยาก เอาไปใช้กับพีซีก็ยาก ต้องรอดูว่าในระยะยาว มันจะกลายเป็นแพลตฟอร์ม VR เฉพาะเกมเมอร์เท่านั้นหรือไม่ หรือ Sony จะสามารถขยายผลออกมาในวงกว้างกว่านี้ได้
จุดแข็ง
จุดอ่อน
แอปเปิลเป็นม้ามืดอีกรายที่เข้าสู่วงการ AR ได้อย่างสวยงาม แนวทางของแอปเปิลแตกต่างจากคู่แข่งรายอื่นๆ โดยเน้นไปที่ AR แบบไม่ใช้แว่นเพียงอย่างเดียว (Tim Cook บอกยังไม่รีบทำแว่น AR เพราะเทคโนโลยีปัจจุบันยังไม่ดีพอตามที่แอปเปิลต้องการ)
จุดเด่นของ ARKit คือการที่มันผนวกมาใน iOS 11 จึงมีฐานผู้ใช้ iPhone/iPad จำนวนมหาศาล ที่พร้อมจะเปิดกล้องใช้งาน AR ทันที ไม่ต้องซื้ออุปกรณ์ใดๆ เพิ่มเติม บวกกับฐานนักพัฒนาแอพสายแอปเปิล ที่มีจุดเด่นเรื่องการยอมรับเทคโนโลยีใหม่ๆ ของแอปเปิลอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้เกิดคอนเทนต์บน ARKit มากมาย
จุดอ่อนของแอปเปิลคงเป็นว่า ARKit ผูกกับแพลตฟอร์มของแอปเปิลเอง จะไปอยู่บนแพลตฟอร์มอื่น (แม้แต่ macOS) ก็คงยาก แถมการอิงกับสมาร์ทโฟนเพียงอย่างเดียว อาจจับได้เฉพาะกลุ่ม casual gamer เข้าไม่ถึงกลุ่ม hardcore gamer ที่หันไปใช้แพลตฟอร์มอื่น
จุดแข็ง
จุดอ่อน
กูเกิลออกตัวแรงมากกับ Google Cardboard ที่ใช้ง่ายและราคาถูก (ยอดขาย 100 ล้านชุด) แต่พอจะขยับไปยังแพลตฟอร์มที่คุณภาพดีขึ้น แผนการ Google Daydream กลับเดินหน้าช้ามาก แถมแว่น Daydream ก็เป็นไปตามแนวทาง "อินดี้ไม่เน้นขาย" ของกูเกิล ส่วน Project Tango ที่เป็นหัวหอกด้าน AR ก็ถูกโอนไปให้ Lenovo แล้วตัวมันเองกลายร่างเป็น ARCore ที่ยังตามหลังคู่แข่งอย่าง ARKit อยู่ไกล
จุดแข็ง
จุดอ่อน
อย่างที่เขียนไปในตอนแรกว่า สมรภูมิ AR/VR เพิ่งเริ่มต้น คงต้องต่อสู้กันอีกนานกว่าจะเห็นผลแพ้ชนะ แต่ตอนนี้เราสามารถแยกสนามรบได้เป็น 3 สนามใหญ่ๆ คือ
จุดที่น่าจะต่อสู้กันดุเดือดที่สุดคงหนีไม่พ้นฝั่งพีซี ซึ่งการเข้าสู่สนามรบของไมโครซอฟท์ พร้อมจับมือเป็นพันธมิตรกับ Valve ย่อมทำให้ Facebook/Oculus เป็นฝ่ายตั้งรับ ส่วนในสนามสมาร์ทโฟน แอปเปิลที่ออกตัวไปก่อนเพื่อนน่าจะกวาดส่วนแบ่งได้เยอะกว่าฝั่ง Android มาก
ส่วนฝั่งคอนโซลที่ผูกกับแพลตฟอร์มชัดเจน ตอนนี้ Sony ยังตีกินแบบสบายๆ ไร้คู่แข่ง แต่ต้องไม่ลืมว่าเกมหลายๆ เกมเป็น cross platform ที่เล่นในพีซีได้ด้วย และในอนาคตก็คงหนีไม่พ้นที่ไมโครซอฟท์จะดัน Mixed Reality สู่ Xbox เช่นกัน
Comments
แพ้หมด ตราบใดที่ยังใช้ตาเปล่าดูตรงๆ ไม่ได้
คงต้องรอไปอีก 10 ปีกว่าจะได้ระดับนั้น
i guess you should check tjis one out: https://goo.gl/BcLYDm
it may help you a lot
Google Tango ก็มีของ ASUS นะครับ และเห็นว่า SteamVR ก็จะลงแมคแล้วเหมือนกัน
Coder | Designer | Thinker | Blogger
สงสัยตรงฝั่ง Windows Mixed Reality เนี่ยครับว่าเราใช้คอนโทรลเลอร์กระทำฝั่งด้านหลังได้ไหม เช่นยิงปืนไปทางด้านหลัง อะไรแบบนี้ เพราะเท่าที่ผมรู้มันแทร็กคอนโทรเลอร์ด้วยกล้องบนแว่น แล้วเกมที่ผมเคยไปลองที่พันธุ์ทิพย์มันมีแบบจังหวะต้องหยิบของจากหลัง หรือต้องเอาโล่ไปกันกระสุนฝั่งที่มองไม่เห็นแล้วกราดยิงด้านหน้าที่มองเห็นอยู่ไปพลางอะไรแบบนี้ด้วย
ถ้ามัน track จากกล้องหน้าสองตัวผมว่าไม่น่าได้ TT น่าจะทำอีกสองกล้องด้านหลังเนอะ
ສະບາຍດີ :)
เหมือนเรื่องจะเริ่มเศร้าละครับ ฮาาา
ถ้าใช้ lighthouse แบบที่ HTC Vive ใช้ แล้วให้ controller มีกล้องจับตำแหน่งก็น่าจะทำได้ครับ
เค้าว่าได้นะ
Based on my hands-on experience the answer is yes, the Windows VR motion controllers work just fine even when the headset’s cameras cannot see them.
https://uploadvr.com/hands-windows-mixed-reality-vr-motion-controllers/
ซอฟต์แวร์คงพัฒนาเรื่อยๆ แต่คง Mass ยาก น่าจะเฉพาะกลุ่ม Hardcore game จนกว่าตัวแว่นขะมีขนาดเล็กลงและบางมากกว่านี้ รวมถึงไร้สาย ก็พอมีลุ้น แต่ถึงขนาด Facebook ฝันไว้คงอีกหลายปี แต่สุดท้ายก็คงมานั่นแหล่ะ แต่อุปกรณ์ตอนนี้ยังไม่ใช่ Killer Hardware ถ้าได้แบบแว่น Oakley แล้วสลับโหมดแว่นปรกติกับโหมด Virtual ได้นั่นแหล่ะถึงจะสนุก
ส่วนตัวมองว่าแว่นควรเป็นเฉพาะส่วนแสดงผล แต่สามารถรับสัญญาณภาพแบบไร้สายจากภายนอก โดยมีมาตรฐานกลางในการส่งสัญญาณภาพ จะทำให้ใช้ได้หลากหลายมากยิ่งขึ้น แต่คงต้องพัฒนาเรื่องการส่งสัญญาณความละเอียดสูงแบบไร้สายให้ได้ก่อน
คิดเล่นๆ ถ้าพัฒนาตัวส่งสัญญาณดิจิทัลแบบเครื่องส่งทีวี แต่ส่งสามารถส่งข้อมูล VR มาที่เครื่องรับ โดยเครื่องรับเป็นแว่นกันแดด แล้วมีปุ่มที่ขาแว่นกดเพื่อรับสัญญาณภาพดิจิทัลที่ส่งจากเครื่องส่งได้ สลับกับการเป็นแว่นกันแดด แล้วมีแหวนที่มีไจโรเพื่อควบคุมการทำงาน ได้แค่นี้ผมว่าก็ Mass ได้ระดับนึงแล้ว
ปัญหาตอนนี้คือราคาที่สูง ถึงจะสัมผัสประสบการณ์ได้ดี
ms ตัดออกไปก่อนเลยเพราะเป็นไปได้ยากด้านความสมจริงจากรูปแบยการมองและขอบเขตงานน้อยสู้VRปิดตาไม่ได้
Gg จะมีโอกาศถ้า sensor บนมือถือมีความแม่นยำกว่านี้ และคอนโทรเลอที่ดีงาม และราคาย่อมเยา เห็นได้เลยว่าความต้องการvrboxสูงมากแต่คนซื้อมาก็แปบๆก็เบื่อเพราะแอปน้อย ควบคุมก็ยาก คุณภาพภาพก็ต่ำ
Pc สำหรับคนรวยเท่านั้นกลุ่มน้อยไม่ดับไม่เกิดรอกาดจอแรงบวกถูกอย่างเดียวถึงเกิดได้
FB ตัวใหม่แสตนอโลนมีสิทเกิดถ้าภาพสวยแต่คงยากด้วยเทคโนโลยีสมัยนี้ ถ้าซิ้งPCได้คงขายได้พอสมควร
P4 ถือว่ามาถูกทางเลยรอเปลี่ยนผ่านไปp4pro รอเกมส์ก็สมบูรณ์เลยภาพสวยมากเทียบกับp4ธรรมดา
AP ฐานลูกค้าเชื่อมั่นในแบรนสูงจากอดีตสิ่งที่ไม่เกิดพอมาแอปเปิลมีโอกาศเกิด แต่ AR ก็มีในแอปที่ใช้กันอยู่แล้ว คงจะมีแอปเกิดขึ้นมามากกว่าเดิมละมั้ง
Mixed Reality มีทั้ง HoloLens ที่คุณว่ามา กับแบบ VR ปกตินะครับ แบบ VR ปกติ เรื่อง FoV ไม่ใช่ปัญหาเท่าไร แต่ปัญหาตอนนี้มีแค่ตัว HoloLens แค่นั้นนะครับ อย่าสับสนกัน
Coder | Designer | Thinker | Blogger
นักวิเคราะห์คนใหม่
เปิดตัวมาประโยคแรกก็เงิบเลย
ผมว่าเขาแค่ไม่รู้ว่ามันมีแบบนั้นด้วยมั้ง เพราะยังคงพูดถึงเรื่องเดิม ๆ ของ HoloLens อยู่นะครับ
ส่วนตัวผมมองว่า Mixed Reality มีโอกาสโตสูงนะ เนื่องด้วยสเปกที่รองรับระดับย่อม ๆ ได้ดีกว่าพวก Oculus และ SteamVR แต่ในรูปแบบคอนโซล อาจจะต่อกรยากกับโซนี่เพราะคอนเทนต์ฝั่ง PS มีมากกว่าจริง ๆ (แต่ถ้ารวมแพลตฟอร์มกับ Mixed Reality บนพีซีได้นะ
Coder | Designer | Thinker | Blogger
ทำไมต้องเงิบละครับ ในความคิดเห็นผม ก็ผิดจริงที่ไม่รู้รายละเอียดมากพอกับที่เพิ่งเปิดตัวมีคนบอกก็ดีแล้วครับ ส่วนที่เขียนตัดทิ้งคือ ms ที่ vr ที่เป็นแบบโปรงแสงที่พยายามทำมาแต่แรกครับไม่ได้เกี่ยวอะไรกับตัวใหม่ ส่วนตัวใหม่ผมก็มองว่ามันคือ ซอฟแวร์ที่แจกจ่ายให้พาตเนอร์ผลิตฮาดแวร์ซึ่งคงเหมือน windows เซอเฟส ซึ่งมันก็จะเข้าไปเป็น VR บน PC ต้องรวยเท่านั้น
จริงๆ คือมันเรียกการ์ดจอตัวต่ำกว่า Oculus และ HTC นะครับ รวมถึงค่าตัวและการติดตั้งที่ถูกกว่าทั้งสองเจ้านั้นด้วย
จริงๆแล้วในตลาดมี vr คอมราคาถูกอยู่ครับ คือเอา vrbox android มาสตรีมผ่านไวไฟ แล้วผูกการหันหน้าเข้ากับเมาส์ ซึ้งถ้าคอมดีจะได้ภาพที่สวยงามมากได้อารม VR พอประมาณ แต่ถ้าภาพแย่ คุณจะรู้สึกเลยว่าอย่าใช้ VR เลยถ้าภาพจะหยักหรือกระตุกขนาดนี้ ที่ Oculus จำกัดน่าจะเพราะ คุณภาพที่สัมผัสมันทำให้ VR ดูแย่ครับ
ผมทำแล้วครับ โดยรวมผมโอเคกับมันด้วย ติดแค่ความละเอียดมือถือผมต่ำไปหน่อยกับมุมมองมันแคบ (กล่อง cardboard กระดาษเลยครับ) และไม่มี controller ที่เหมาะกับมัน ภาพไม่หยักและไม่กระตุกด้วยซ้ำเฟรมเรตดีมากทั้งที่ผมใช้แค่ Nvidia GTX 750Ti กับ i5 gen 2 ครับ กับภาพที่บางทีแตกเพราะไวไฟมันส่งข้อมูลไม่ทัน
ที่หยักผมหมายถึงการที่สเปกที่ต่ำไปกับเกมส์ที่รองรับส่วนใหญ่ในตอนนี้ทำให้ต้องปิดลบขอบหรือลบน้อย ทำให้เห็นรอยหยัก แต่เกมส์ส่วนใหญ่ MAX setting กับ wifi ตัวทอป ด้วยมือถือ 1440p จะได้คุณภาพภาพที่ต่างกันพอสมควรครับ บางเกมส์รอยหยักแทบหมดไปหรือแทบมองไม่เห็นครับ สำหรับคนอยากลองแล้วมีของพร้อมไม่ต้องการซื้อ VR pc จริงๆมาเพิ่ม ในตอนนี้การจะบอกว่ากาดจอหรือสเปกตัวใหมเหมาะไม่เหมาะมันอยู่ที่ผู้พัฒนาระบบจะกักรึเปล่า เพราะในความเป็นจริงเราก็รู้ๆกันว่า onboard ก็เล่นได้ แล้วสาเหตุการกักคืออะไรซึ่งผมก็นึกข้ออื่นไม่ออกนอกจากข้อนี้ที่ได้เจอกับตัวถ้าจำไม่ผิดที่ลองน่าจะ 940m บนโนตบุกกับเกมส์ tube rider เทียบกับ 980 บน pc ต่างค่อนข้างชัดเจน
ผมไม่ได้เอาไปเล่นเกมครับ และตามแผนที่จะซื้อก็ไม่ได้มีหลักอยู่ตรงการเล่นเกมด้วย จริงอยู่ที่อุปกรณ์สำหรับขั้นต่ำสุดมันก็ไม่ถูกแต่ก็ไม่ถึงขั้นว่าสำหรับคนรวยเท่านั้นครับ
ภาพหยัก ๆ กับกระตุก มันเกี่ยวกับสเปกของมือถือที่คุณใช้กับแอปนะครับ
อย่างแรก ภาพไม่ละเอียดพอ เป็นไปได้ 3 แนวทางคือ อย่างแรก แอปออกแบบมาให้เป็นแบบนั้นอยู่แล้ว ซึ่งโอกาสเป็นไปได้น้อยสุด
อย่างที่สอง พลังกราฟิกที่ใช้ในสมาร์ทโฟนมันไม่พอ ทำให้เรนเดอร์ได้ไม่สวยเท่าที่ควร อันนี้ก็พอได้ แต่คงไม่ใช่ประเด็นหลัก
อันที่เป็นประเด็นสำคัญคือ หน้าจอมันไม่ละเอียดมากพอที่จะเปิดคอนเทนต์ VR ความละเอียดสูงได้ อย่าลืมนะครับว่า บนพีซี Oculus และ SteamVR ต้องการสเปกที่สูงมาก สเปกที่สูงมากนั้น จะเน้นไปที่การใช้ทรัพยากรของหน้าจอในแว่น VR (ที่อย่างต่ำก็ปาไป 1440p แล้ว ไม่ใช่ 1080p เหมือน PSVR) ฉะนั้น ถ้าหากอยากได้ประสบการณ์ VR ที่แทบไม่มีรอยหยัก หน้าจอต้องรองรับด้วย
ส่วนอีกประเด็นที่บอกว่า กระตุก มันก็เป็นไปได้อีก 2 แนวเช่นกัน คือแอป optimize มาไม่ดีพอ กับสเปกไม่ถึง ซึ่งส่วนตัวผมว่าปัญหาไม่ได้อยู่ที่แอปหรอก แต่ผมว่าเป็นที่สเปกของสมาร์ทโฟนคุณมากกว่า
Coder | Designer | Thinker | Blogger
เปล่าครับ มันคือการ steam ภาพจาก PC มาลงที่มือถือครับ ภาพจะสวยไม่สวยอยู่ที่ PC มือถือ full HD ก็พอสมควรครับยังไม่ดีพอ ผมลองทั้ง 1440p กับเครื่องรุ่นทอปก็อย่างที่พูดไปแต่ราคาเครื่องบวก ซึ่งอย่างที่บอกว่าอยู่กับมือถือราคาแพง แต่ค่าตัวที่ถูกพอไปได้คือ full HD ก็จะเห็น pixcel ใหญ่ขึ้นครับแต่โดยรวมภาพสวยขึ้นอยู่กับ spec pc
อินเทอร์เน็ตก็สำคัญครับ ระบบนี้มันอาศัยการสตรีมในเครือข่ายเดียวกัน ทีนี้คือการสตรีมในเครือข่ายเดียวกันเนี่ย มันต้องการคลื่นที่โล่งมากพอ และ ping น้อย ๆ ครับ มันไม่น่าจะลื่นและภาพสวย 100% เพราะว่าคลื่น Wi-Fi มันโดนรบกวนได้ง่าย
ผมเคยลองสตรีมเกมจาก Xbox One มาบนพีซีผ่าน Wi-Fi พบว่าภาพไม่ได้ดีเท่าไรเลย (ซึ่งเขาก็แนะนำว่าให้ต่อ Ethernet ดีกว่า) เล่นแล้วหงุดหงิดเปล่า ๆ เลยไม่ได้สตรีมเกมตั้งแต่นั้นมา (แต่จะสตรีมเฉพาะตอนแคปหน้าจอในหน้าแรก เช่น กรณี Fall Update ออก ก็จะสตรีม และแคปหน้าจอ แต่พอสตรีมทีไร คุณภาพของที่สตรีมมาก็ไม่ได้ดีเท่าไรนัก)
Coder | Designer | Thinker | Blogger
Mixed Reality คือ vr แบบปิดตานี่แหล่ะ แต่มีกล้อง 3d ด้านหน้าแว่นไว้ถ่ายภาพโลกจริงมาเปิดในจอเวลาใช้โหมด ar
+1 ปัญหามันอยู่ตรงนี่แหละ คือพวกแว่นยังทำไม่ได้เหมือนตามที่วีโอแนะนำซักเจ้า เนื่องจากเทคโนโลยียังไปไม่ถึง การบังคับสั่งงาน ความดีเลย์ของสัญญานภาพ เสียง
ดูท่าสงครามครั้งนี้จะมีแต่ความสูญเสีย ถ้ายังทำราคาให้ถูกกว่านี้ไม่ได้คงอีกนานกว่าจะโต ยอดขายเกม VR ในสตีมก็น้อยมากๆ ครับ จนผู้พัฒนารายใหญ่ไม่อยากทำเกม VR ขาย There's no money in it.
แว่น VR เห็นครั้งแรกก็ในเกม The Sims 1 นี่แหละ #ย้อนความหลัง
อันนั้นถ้าจำไม่ผิดเป็น HMD ธรรมดานะครับ
ขั้นสุดของการรับรู้คือ โอนถ่ายภาพเข้าสมองโดยตรง
The Matrix นั่นเอง
ต้องมีขั้นกว่า ต้องทำแบบไร้สาย
ใน Matrix Neoทำได้ตอนภาค2ตอนท้ายกับภาค3ตอนเริ่มไงครับ
จะเข้าMatrixแบบWireless แต่ดันไปเจอFirewallสถานีรถไฟไต้ดินซะก่อน เลยเข้าMatrixไม่ได้