เอเอ็มดีเพิ่งประกาศผลประกอบการทำกำไร แต่เมื่อวานนี้ทาง Morgan Stanley ก็ออกรายงานวิเคราะห์หุ้นเอเอ็มดีพร้อมกับลดระดับหุ้นลงเหลือ underweight จาก equalweight โดยเหตุผลหลักคือเชื่อว่าตลาดการขุดเงินดิจิตัลจะหดตัวลงอย่างรวดเร็ว
รายงานเชื่อว่ายอดขายที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วมาจากการขายชิปกราฟิกไปขุดเงินจำนวนมาก และเชื่อว่าตลาดนี้จะอยู่ได้ไม่นาน โดยจะลดลงเหลือครึ่งเดียวในปีหน้า ทำให้รายได้หายไป 250 ล้านดอลลาร์ ขณะเดียวกันตลาดอื่นเช่นคอนโซลก็น่าจะหดตัวลง 5.5% ขณะที่ตลาดซีพียูเอเอ็มดียังสร้างกระแสได้ไม่ดีนัก
หุ้นเอเอ็มดีตกหลังจากรายงานนี้ออกมาลงไปต่ำสุดที่ 10.68 ดอลลาร์ หรือประมาณ -9% ก่อนจะกลับขึ้นมาได้เล็กน้อย
ที่มา - CNBC
Comments
มีข่าวทุบหุ้นตลอด
ก็น่าจะจริง ETH ก็ไม่ต้องใช้การ์ดจอขุดแล้วนี่
พอขุดไม่ได้ของมือสองก็เกลื่อนตลาด
รอเก็บ อิอิ
การ์ดจอที่ใช้ขุดนี่ทำงานหนักมากเลยนะครับ ซ์้อมือสองมาอาจจะต้องรับความเสี่ยงที่จะการ์ดจอจะหมดอายุการใช้งานเร็วขึ้นไปด้วย
That is the way things are.
เอาจริงๆ ผมยังไม่เคยใช้คอม (ที่เป็น Tower ไม่ใช่ NB) จนมี HW ชิ้นไหนพังเลยสักครั้งเลยครับ ยกเว้น HDD อืด/Bad ไปตามกาลเวลา NB ก็เคยทำบอร์ดไหม้ไปครั้งเดียว พวกที่ใช้ตามปกติจนพังนี่ต้องใช้กันนานแค่ไหน = =
การขุดไม่ใช่การใช้งานตามปกติครับ มันรัน 100% อยู่ตลอดเวลา
การืดมีไว้เล่นเกม เกมไม่ได้รัน 100 ตลอดเวลาครับ ร้อน ไหม้ พังกันกระจุยกระจายครับ สามารถไปหาดูได้ตามเพจรับซ่อมเมนบอร์ด
https://www.facebook.com/VGARepair/posts/723711147820687
อือหือ โหดจริงครับ
ถ้าไม่ไปโมอะไรประหลาดๆผมไม่เชื่อครับว่ามีผลให้พังเร็วก่อนหมดประกัน มันไม่ได้พังง่ายขนาดนั้นครับ ผมเคยขุดอยู่เมื่อสมัย R9 ใหม่ๆ เกินครึ่งปีได้ แล้วโละขายเหลือไว้เล่นเกมใบนึง เพื่อนที่ทำก็คล้ายๆกัน ทุกวันนี้มันยังปกติดีมากๆครับคอมเปิดเกือบ 24ชม.ห้องปกติไม่เปิดแอร์ตลอด พวกนี้ยังไม่เจออันไหนพังเลยนะครับของเพื่อนก็ด้วย พอจะแปลทางสถิติว่ามันไม่มีนัยสำคัญได้หรือเปล่า
ที่พังคือเปิดหนักคืนเดียวพังเลยตั้งแต่ซื้อมาวันแรก มีใบเดียวที่เป็นแบบนี้ ที่พังเยอะๆไม่ทำน้ำหกใส่ก็วางไว้ที่ชื้นซะเยอะ คนทำพังทุกคนพูดเหมือนกันหมดว่าไม่ได้ทำอะไรเลย
ถ้าเหมืองแตกราคาตกซื้อมาใช้ต่อยังไงก็คุ้มครับ อัตราการพังไม่ชัดเจนแต่ราคาลงชัดเจนมาก
เปิดเกือบ 24 ชม. อันนี้ขุดเหมืองด้วยตลอดเวลาที่เปิดเปล่าครับ เป็นคนร่วมที่ทำงานก็ทำชุดขุด เล็กๆ ห้องแอร์ธรรมดาบ้านๆ แอร์เย็นน้อยลงเลยครับ โหลดกัน 100% ไม่มีหยุด
เครื่องขุดก็ใช้แต่ขุดครับ เรื่องความเย็นนี่ร้อนจริงครับ ตั้งริมหน้าต่างแล้วเป่าออกหน้าต่างเอาครับไม่ได้เปิดแอร์เลี้ยง ถ้าไม่เป่าออกหน้าต่างคนก็คงไม่อยู่ด้วยละ
มันมีความเสี่ยงอยู่ในเรื่องการเสื่อมของตัวเก็บประจุภายใต้สภาวะอุณหภูมิสูงต่อเนื่องอ่ะครับ แต่ก็ไม่ใช่ทุกตัวที่จะพังง่าย (Electrolytic ได้รับผลเยอะ แต่พวก SMD Ceramic ไม่ค่อยมีผล)
แล้วอาการ C พัง C เสื่อมในการ์ดจอมันไม่ค่อยเลวร้ายมากด้วย บางทีแค่ภาพเพี้ยนๆ
แต่ราคาที่มันลงมาก็ยังจัดว่าคุ้มเสี่ยงอยู่นะ (สัก <50%)
คือในระยะประกัน (ถ้าประกันยังไม่หมด) + 1 ปี ตัวไหนไม่มีอาการมันก็ไม่ค่อยถึงขั้นเกิดอาการ
ตัวไหนมีมันจะมีมาก่อนประกันหมดแน่ๆ ...... แต่ถ้าจะใช้ยืดๆ ก็อีกเรื่อง
อย่าลืมว่า คนเอาไปซ่อมทุกคน ก็บอกร้านว่าไม่ได้ทำอะไรมา มันก็พัง
และคนเอาไปขายต่อ ก็คงไม่ได้บอกว่าขุดเหมือง 100% + OC ในระบบความร้อนห่วยๆ มาตลอด เหมือนกัน
... และมันมีเหตุผลที่การ์ดรุ่นขุดเหมือน ลดระยะประกันลงมาอย่างมีนัยยะสำคัญนะ
ผมเคยรับการ์ดเหมืองมาตอนนั้น เฉพาะ R9-290 มาสามใบ ทยอยเสีย 1-6 เดือนครับ
ที่เจอรายละเอียดในใบเคลมตอนรับกลับ คือเม็ดแรมเสียเป็นหลัก กับ chip GPU เสีย (อันนี้คุยกับช่าง เพราะยี่ห้อG...ซ่อมอย่างเดียวเลยบอกในใบเคลมว่าแก้ไขอะไรบ้าง)
แต่มีใบนึงเสียตั้งแต่วันแรก คือคนขายก็บอกว่า เล่นเกมได้ คือเล่น"บางเกม"ได้ครับ(เกมที่เขายกตัวอย่างมากิน gpu ไม่หนัก) แต่เกมโหดๆหรือโปรแกรมbenchmark ของจริง ภาพล้มทันที
ส่วนพวก R9-280x/7970 อีกหลายใบ ตอนหลังแรมเน่าเกือบทั้งหมด
แต่ก็นับว่าคุ้ม ถ้าราคาไม่แพงจริงๆ แต่ต้องรับความเสี่ยงเรื่องเสียเวลาไปเคลมได้(ผมใช้หลายใบ เลยไม่ลำบาก)ต้องคิดเป็น cost ไปด้วย
แต่ตอนนี้บางคนขายการ์ดเหมืองมือสองซะแทบเท่าราคาของใหม่ ทั้งๆที่ตอนนี้ไม่ได้หายากขนาดตอนพีคๆแล้ว คงต้องรอ eth เปลี่ยนเป็น PoS จริงๆถึงจะเห็นผลเรื่องราคา
ของใช้ถามว่าความเสื่อมมากกว่ามีไหมก็มีแน่ๆครับอันนี้เชื่อ แต่ด้วยราคาที่มันลงพอซื้อมาเล่นไหมอันนี้ครับที่จะสื่อ มันลงเยอะจนคุ้มอยู่ แล้วถ้าเป็นรุ่นปกติระยะประกันมันก็ยาวพอถ้าไม่โดนความชื้นจนเกิดคราบก็ไม่น่ามีปัญหา
ผมคิดว่าถ้ามันมีคนที่ใช้แล้วอัตราการพังน้อย มันก็ควรจะมีเหตุผลบ้างว่ามันอาจจะมีอะไรบางอย่างที่ทำให้ในตลาดมันพังเยอะ จะ OC มั่วๆ เอาไปไว้ในห้องอบ ฯลฯ ซึ่งไม่ได้มาจากตัวการ์ด(แต่เราก็สืบคนใช้เก่าไม่ได้อยู่ดี ไปหวังกับประกันดีกว่า) ถ้าจำไม่ผิดผมใช้อยู่ 3 รุ่นนะครับช่วงนั้น
เสีย 1 ใบจากทั้งหมดกี่ใบครับ อยากรู้ว่าถ้าลองเทียบเป็น % สำหรับสถิติส่วนตัวของคุณมันจะออกมาเป็นสักเท่าไหร่
ประมาณ 20 ครับ มันไม่ได้เสียเพราะใช้ขุดนานด้วยเสีย 1 วันหลังต่อไฟเลย
จากประสบการณ์ยุค R9-290/R9-280/7970 ต้องรับที่ราคาไม่เกิน 50% ถึงจะพอคุ้มครับ แล้วเผื่อใจเวลาไปเคลมด้วยครับ ผมซื้อมา CF หลายๆใบ ใส่หลายเครื่อง เลยรับได้ แต่ทุกใบทยอยเสียกันทั้งนั้น(ในขณะที่การ์ดที่ซื้อมือหนึ่งใช้เองจนเกือบหมดประกัน ยังไม่เสียกันเยอะขนาดนี้) ไปเคลมจนช่างที่ศูนย์จำได้ ต้องเตรียมข้อมูลวิธีtest ไปให้พร้อม เพราะบางทีเล่นเกมทั่วไปอาการไม่ออกด้วย นี่ผ่านมือมาเกือบสิบใบครับ
แต่ยุคนั้นการ์ดเหมืองก็บอกว่าการ์ดเหมืองเพราะคนขุดไม่ได้เยอะมาก ยุคนี้ต้องลุ้น ล้นตลาดแน่ๆ มากกว่าตอนนั้นเกินสิบเท่า
วิธีสังเกตง่ายๆ คงดูคราบน้ำมันซิลิโคน ที่ติดตามheatsink หรือใบพัดลมเกิดจากการใช้งานหนักต่อเนื่อง(เล่นเกมสามปียังไม่เจออาการแบบนี้) และพอจะสังเกตง่าย เพราะทำความสะอาดยาก นอกจากถอดheatsink มาล้าง(ซึ่งหลายยี่ห้อมีsticker ประกันแปะที่หัวน๊อต)
การ์ดจอที่ใช้เล่นเกมส์จะถูกลงป่ะ
รอซื้อการ์ดจอมือ 2 จากพวกสายขุดครับ
การ์ดจอขุดออกมา ก็ทำให้การ์ดจอตามบ้านราคาตกด้วย เพราะยังไงมันก็ออกมาขายที่เดียวกัน ก็แย่งกันขายเอง คงไม่มีใครบอกว่า อันนี้ผ่านการใช้ขุดมาแล้ว
(มองบน)นั่งดูราคาการ์ดจอตั้งแต่ต้นปีจนถึงตอนนี้ขึ้นเอาๆ จนเว็บขายรายนึงขายเป็นชุด Rig สำเร็จรูปมาให้เรียบร้อย (ก็แพงอยู่ดี)
แล้วถ้าคอนตัมคอมพิวเตอร์ออกมาแล้วพวกขุดเงินนี่ง่ายขึ้นมาก ราคาก็จะร่วงอย่างหนักแน่เลย
ซึ่งไม่มีใครรู้ว่าจะออกมา (ในแบบที่ใช้ถอดรหัสได้จริง) เมื่อไหร่ และจนตอนนี้ยังไม่มีแนวโน้ม
lewcpe.com, @wasonliw
ชิวิตนี้ผมยังไม่แน่ใจว่าจะเห็นหรือได้ใช้ไหมเลย
ถ้ามันมาจริงและใช้ได้จริง อย่ามัวไปขุดให้เสียเวลาครับ Crack Private Key แล้วขโมยเงินออกมาเลยดีกว่า ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง cryptocurrency (ที่ไม่ได้ออกแบบมากัน Quantum Computing) ก็จะไร้ความน่าเชื่อถือและหมดมูลค่าทันที และมันไม่ใช่แค่ cryptocurrency ครับ การเข้ารหัสที่เราใช้อยู่ปัจจุบัน RSA บน HTTPS ที่ใช้อยู่ก็ไม่รอด ข้อมูลที่เคยดักเอาไว้แล้วถอดรหัสไม่ได้ทีนี้ล่ะหลุดหมด คงโดนแฮคกันถ้วนหน้า จะเกิดเรื่องแบบนั้นได้ก็คงต้องมี Time Machine ไปขโมยเครื่องในอนาคตมาใช้ล่ะครับ เพราะ Quantum Computing เนี่ยคงยังอีกนานกว่าจะถึงระดับที่ใช้งานอย่างที่ว่าได้จริง (เว้นแต่จะเป็นโครงการลับของรัฐบาลบางประเทศที่รับทำแอบมาใช้กันก่อน) ผมคิดว่าสาขาอื่นอย่าง Quantum Cryptography อะไรพวกนี้น่าจะได้เอามาใช้งานกันก่อน และกว่าจะได้ใช้ Quantum Computing กัน ศาสตร์ Quantum Cryptography ก็คงไปไกลจนป้องกันเรื่องพวกนี้ได้ไปแล้วครับ ดังนั้นไม่ต้องมีอะไรต้องกังวลไปอีกนาน
SPICYDOG's Blog
เอาไปถอดรหัสธนาคารได้เลยมั้ง คงไม่ต้องขุดเหมืองละฮะ