Lee Hsien Loong นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์โพสต์ผ่าน Facebook ว่าได้พบปะพูดคุยกับ Sheryl Sandberg ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายปฏิบัติการแห่ง Facebook ซึ่งเดินทางมาเยือนสิงคโปร์ โดยประเด็นพูดคุยคือความร่วมมือกันแก้ปัญหาข่าวปลอม Lee Hsien Loong ระบุว่าเขารู้สึกยินดีกับการพบกันครั้งนี้มาก
Sandberg ได้มาที่สำนักงานใหญ่ Facebook ในสิงคโปร์ก่อนจะเดินทางไปงาน APEC CEO Summit ที่เวียดนาม ที่สำนักงาน Facebook สิงคโปร์ นอกจากพูดคุยประเด็นสำคัญกับนายกรัฐมนตรีแล้วยังได้พบผู้นำชุมชน Facebook จากแต่ละภูมิภาคจากอินโดนีเซีย อินเดีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และประเทศไทยด้วย
ภาพจาก Facebook Lee Hsien Loong
ที่มา - The Straits Time
Comments
วนเวียนข้ามไปข้ามมารอบๆประเทศกะลาแสนสุขใจของเรานี่แหละ
ด่าประเทศตัวเองมีความสุขหรือครับ
+1
ไล่เขาออกนอกประเทศเลยครับ ไม่ก็ไปเป่านกหวีด
ยืนถือดอกไม้แดงกับชูสามนิ้วดีกว่า
อันนี้คิดแล้วใช่ไหมก่อนจะคอมเม้น เหมือนความคิดเห็นของคุณจะตรงกับลักษณะของคุณเอง
บางทีท่านควรออกจากกะลา แล้วหันมาคิดว่าจะพัฒนาอย่างไรดีกว่านะครับ
อันนี้ถามจริงๆนะครับ
ว่าคนปกติธรรมดาอย่างเราๆ ทำอะไรได้บ้างครับ นอกจากลงชื่อใน Change.org
เอาจริงๆนะ ผมว่าทำได้เยอะเลย เริ่มจาก
-ทิ้งขยะให้ถูกที่
-เคารพกฎจราจร
-เลิกอุดหนุนสินค้าบนทางเท้า
เอาที่พอนึกออก 3 ข้อผมว่าประเทศก็เจริญได้เยอะแล้วครับ
ข้อแรกสุดผมไม่เคยทิ้งนอกที่ทิ้งนะครับ
ข้อสอง อาจมีพลาดบ้างแต่ปกติเคร่งกฎจนคนนั่งรำคาญครับ
ข้อสาม อืมมมม เท่าที่จำได้คือผมเลี่ยงนะครับ นึกไม่ออกว่าเคยไหม ถ้าเคยอาจจะมีซื้ออาหารประทังหิวข้างทางเมื่อนานมาแล้ว
แต่อันนี้มันไม่ใช่ "หันมาคิดว่าจะพัฒนาอย่างไรดี" ครับ ทำไปให้ตายประเทศก็ไม่พัฒนาขึ้นหรอกเพราะทำคนเดียว ฝั่งคนที่เค้าไม่ทำสามข้อนั่นเค้าไม่แคร์ว่าคนจำนวนมากไม่ทำกันอยู่แล้วด้วยซ้ำ (เช่น ถ้ามองจริงๆ รถผิดกฎจราจรนี่ส่วนน้อยกว่านะครับ ไม่ถึงครึ่งนึงบนถนน) จะทำมากกว่านั้นก็ power ไม่ถึง
ข้อแรกนี่ คนที่ไม่ทิ้งเป็นชนกลุ่มน้อยครับ
- บนสะพานลอย วางกระป๋อง วางแก้วพลาสติก ไว้ตรงบรรไดนั้นล่ะ ถังมันก็อยู่ตรงข้างล่างถือไปทิ้งกันไม่ได้
- งานพระราชพิธีที่ผ่านมา ใครเป็นอาสาไปช่วยเก็บขยะบ้างครับ? ต้องบอกว่าเซอร์ไพรส์มาก รักในหลวง แต่ทิ้งขยะไว้เต็มหน้าบ้านของท่านเลย
- ต่างจังหวัด แหล่งท่องเที่ยวทางภาคตะวันออกชื่อดัง รายการไอดอลเกาหลีมาถ่ายวาไรตี้ พาวิ่งเข้าตรอกซอกซอยลึกลับ แทนที่สองข้างทางจะเป็นพงหญ้าให้เข้ากับเรื่อง ปรากฏว่าสองข้างทางมีแต่กองขยะครับ กองขยะ สลับกับบ้านคนไปตลอดทาง คือ ดูรายการแล้วผมอายอ่ะ พวกคุณอยู่ตรงนั้นไม่อายหรอครับ? นักท่องเที่ยว ฝรั่ง เกาหลี สารพัดชาติเลย ต้องผ่านตรงนั้นเพื่อไปหาที่พัก
บ่นให้ฟังครับ หงุดหงิด
ก็นั่นแหละครับ ผมเลยบอกว่า "เริ่มจาก ๓ ข้อประเทศก็เจริญได้เยอะแล้ว" ที่ว่านี่ทำให้ตายประเทศก็ไม่เจริญหรอกครับ เฮ้อ
แต่ก็ทำต่อไปนั่นแหละครับ อย่างน้อยประเทศจะได้ไม่แย่ไปกว่านี้
ทำแล้วครับ
แต่ก็อย่างที่คุณ hisoft บอกครับ มันไม่ใช่คำตอบของ 'แล้วหันมาคิดว่าจะพัฒนาอย่างไรดีกว่านะครับ'
ตัวอย่างเช่น ผมอยากเห็นการสนันสนุนรถไฟฟ้า (EV) แต่รัฐบอก Hybrid ก็เป็นรถไฟฟ้า ผมอยากเห็นก้าวแรกของรถโดยสารประจำทางเปลี่ยนมาใช้ไฟฟ้า จะได้ไม่ต้องเดินถนนแล้วโดนรถเมลล์อัดควันใส่ แต่ขสมก บอกไม่ซื้อแล้ว ซื้อ Hybrid แทน
ผม 1 คน จะหันมาคิดช่วยพัฒนาประเทศให้มันมีผลกระทบต่อคนที่ออกกฏหมายอย่างไรดีครับ
รถ ev ผมเชื่อว่า ขสมก ก็อยากได้นะ แต่มันยังไม่พร้อมในหลายๆด้าน อย่างหนึ่งเลยคือพวกรถเมย์ ev วิ่งระยะทางได้ไม่ไกล แล้วก็ต้องชาร์จ สายรถเมย์หนึ่งๆ ในกรุงเทพ อาจวิ่งได้ครบระยะการชาร์จก็จริง แต่รถใน กทม ติดยาว เรื่องพลังงานที่ต้องใช้ตอนรถติดอีกล่ะ ความคุ้มค่าในตอนนี้อีกล่ะ ค่าบำรุงรักษาอีกล่ะ มันไม่ใข่เรื่องของคำว่าอยากได้หรือไม่ มันเป็นเรื่องของงบประมาณ และความเหมาะสมในปัจจุบันครับ อนาคตซึ่งไม่รู้เมื่อไหร่เขาอาจจะซื้อก็ได้
มันก็เลยวนอยู่ที่เดิมว่า infrastructure มันก็ไม่พัฒนา เพราะคนจะซื้อรถ ev ก็ไม่ซื้อ บอกไม่มีสถานีชาร์จ คนจะทำสถานีชาร์จก็ไม่ทำบอก ไม่มีคนมาชาร์จ
ผมแค่คิดตื้นๆว่าถ้าเริ่มที่รถเมล์มันคือการส่งสัญญาณว่า commit จริงๆไม่ใช่บอกว่าสนับสนุนแต่ภาษีแบตก็ยังสูงอยู่อะไรแบบนี้..
มันเป็นข้ออ้างของราชการที่จะไม่ทำอะไรแล้วโยนให้คนถัดไปทำต่อมากกว่าครับ แล้วท่านๆผู้บริหารนั่งรถมีรถปิดหน้าปิดหลังจะมานั่งหน้าดำอมควันเหมือนคนนั่งรถเมย์ไหมก็ไม่แหละครับ ก็เหมือนระบบสวัสดิการสาธารณะสุขของข้าราชการที่สุดแสนจะวีไอพีแต่คนธรรมดาดำๆนิเป็นผู้ป่วยอนาถา เรื่องบางเรื่องผมมองว่าถ้าไม่มีคนด่าแล้วก้มหน้าก้มตารับกรรมไปจะทำตัวดีแค่ไหนก็เจริญไม่ได้จริงๆ
ถ้าทำจริงๆ ก็คงต้องทำแค่บางสายครับ รถเมล์สายหลักที่ผมนั่งวิ่งเทียวละ 42 กม. ไปกลับก็ 70 กว่ากม. แล้ว แบตคงขนาดมหาศาลมากๆ ถ้าจะเอาให้วิ่งจบได้แน่นอน (ซึ่งมันผ่านทั้งแยกแคราย แยกพงษ์เพชร ห้าแยกลาดพร้าว ต้องเผื่อแบตสำหรับเครื่องปรับอากาศ 3-4 ชม. ในวันรถติดไปอีก)
ผมไม่แน่ใจว่าที่เรามีแผนจะซื้อมันยี่ห้ออะไร แต่ BYD ที่ใช้ๆกันอยู่ในจีนเห็นระยะ 200 กม. (สเป็คหน้ากระดาษ 250 กม.)
ส่วนเรื่อง idle time ผมเห็นของ Tesla ที่อากาศ -2 องศาเซลเซียส เปิดฮีทเตอร์ในรถที่ 21 องศาเซลเซียส กินไฟชั่วโมงละ 9 กม. ถ้าจัดเส้นทางเดินรถให้มีประสิทธิภาพ ก็น่าจะเหลือบัฟเฟอร์ไว้เผื่อเหลือเผื่อขาดเกือบ 100 กิโล น่าจะโอเคอยู่นะครับ
เรื่องเส้นทางเดินรถนี่ เห็นบางสายจอดป้ายก่อนถึงแยก แล้วก็ต้องปาดจากซ้ายสุดมาขวาสุด เพราะต้องเลี้ยวขวาที่แยกแล้วก็แบบ อืม...
ย่อหน้าสุดท้ายก็เป็นปัญหาบ้างนะครับ แต่จริงๆ ก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น น่าเซ็งที่รถมันขับออกขวาสุดกันเป็นปกติมากกว่า
ผมมองว่ามันคือคำตอบนะ การพัฒนาคนสำคัญที่ต้องเริ่มจากคน เพราะคุณคิดว่าตัวคุณตัวเล็กตัวน้อยไง คุณทำอะไรใครก็ไม่เห็น ไม่เห็นจะมีอะไรดีขึ้นเลย แต่ลองทุกๆคน คิดถึงว่าเป็นทุกๆคนนะ ร่วมกันทำ มันจะพัฒนาไปได้ขนาดไหน
ต่อให้รัฐบาบทุ่มงบพัฒนาด้านไอที ด้านโครงสร้างพื้นฐานต่างๆจนครบแล้ว แต่เรายังมีประชากรแบบทิ้งขยะไม่เป็นที่ ขับรถบนทางเท้า หรือขายของ สร้างความสกปรก ผู้คนมักง่าย เอาสบายตัวไว้ก่อน เพราะส่วนใหญ่เป็นแบบนี้ไงครับ ประเทศถึงไม่พัฒนาไปไหนได้สักที
ประเทศจะพัฒนาได้ มันก็เริ่มจากสิ่งเล็กๆที่เรียกว่าตัวเรานี่แหละครับ
เป็นแนวคิดที่ดีครับ แต่คำถามก็กลับมาไง ว่าแล้วเราจะทำยังไงดี ในเมื่อเราทำของเราแล้ว แต่คนอื่นไม่ทำ
สุดท้ายมันก็วกกลับมาคำด่าว่ากะลา เพราะคนอื่นไม่ยอมพัฒนา สุดท้ายก็อึดอัด แล้วก็ด่าประเทศว่ากะลา 555
ประมาณว่า ไม่ได้รู้สึกดีนะ ที่ด่าว่ากะลา แต่คำมันเหมาะสมจริงๆ เพราะเราอยากให้มันพัฒนา แต่คนอื่นไม่ยอมพัฒนาตัวเอง แล้วเมื่อไหร่เราจะเจริญไปด้วยกัน
edit
คือผมมองว่าตัวผมนี่มันผ่านจุดที่ "เริ่มที่ตัวเรา" มาละ ตอนนี้อยากทำอะไรที่มันเปลี่ยนได้จริงๆ คือเปลี่ยนคนอื่นไปด้วย เลยถามดูว่า แล้วเราจะทำอย่างไรดี
+1 เลยจุดนั้นไปนานแล้วเหมือนกัน แต่ประเทศไม่ได้ดีขึ้นซักเท่าไหร่ ตรงกันข้ามกลับหงุดหงิดซะเองที่เห็นคนทำผิดเป็นเรื่องปกติ โดยเฉพาะเรื่องการจราจร....
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!
มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่ทุกคนจะคิดได้เหมือน ๆ กันหมด ไม่ใช่หุ่นยนต์ตั้งโปรแกรม
ฉะนั้นรัฐก็มีส่วนในการออกกฎบังคับ และทำการบังคับใช้อย่างจริงจัง และตลอดเวลาด้วย
ยกตัวอย่างนักท่องเที่ยวจีนที่ด่ากันในโซเชียลบ่อย ๆ ก็ได้ ทำไมในประเทศเค้าเรียบร้อยได้ บ้านเมือง(เขตตัวเมือง)สะอาด เป็นระเบียบ ก็เพราะกวดขันจับกุมจริงจังใช่มั้ย?
คนญี่ปุ่นที่ชื่นชมกันว่ามีวินัย รักความสะอาดงั้นงี้ พออยู่ไทยนาน ๆ ทำไมเริ่มทำตัวสบาย ๆ ? ก็เพราะไม่มีการกวดขันใช่มั้ย?
อันนี้คิดเองหรือโดนผู้ใหญ่สั่งสอนมา แล้วจำครับ
อยากให้ชี้แจงและอธิบายครับว่า การทำสิ่งที่คุณบอกโดยเริ่มจากตัวเรา (ต้องไปชวนคนรอบข้างไหม) จะทำให้ประเทศพัฒนายังงัยครับ หรือคำว่าพัฒนาของคุณต้องระบุเป็นประเด็นๆ
ผมค่อนข้างมันใจนะว่าคนที่มีการศึกษามีอารยะ ส่วนใหญ่ทำสามข้อนั้นเป้นเรื่องปกติกันอยู่แล้ว แล้วนี้ประเทศพัฒนายังครับ ด้านไหน ?
ซึ่งลงไปแล้วก็
อันนี้สำหรับผมแล้ว ไม่ได้มีอำนาจอะไร ไม่ได้มีหน้าที่ใหญ่โตอะไร จะไปเปลี่ยนแปลงอะไรใหญ่โตคงไม่ได้ครับ ผมก็ทำได้เพียงเล็กๆน้อยๆเท่าที่ผมทำได้ เท่าที่บทบาทผมมี ก็หวังว่ามันจะช่วยได้ไม่มากก็น้อย อย่างน้อยก็ได้ทำครับ
ผมว่านั่นคือที่มาส่วนหนึ่งของการด่าว่ากะลา
ตัวเราเปลี่ยนแล้ว แต่ประเทศไม่เจริญ เพราะคนอื่นไม่เปลี่ยน ทั้งๆที่มีสิ่งที่ดีกว่า = กบในกะลา
อันนี่ก็คงแล้วแต่ละครับ คนเยอะ เรื่องเยอะ ก็มีหลายแง่หลายมุม บางทีเราเอาความคิดไปครอบคนอื่น กลายเป็นคนอื่นอยู่ในกะลาก็มี ผมว่าประเทศเราก็มีการพัฒนาอยู่ตลอดนะครับ แต่อาจจะไม่เร็วมาก
ไล่ ออกจากประเทศเลยดีไหมครับ 555
ถามตรงประเด็นเลยนะครับ
Mark มาไทย เราคนไทยจะได้อะไร? (นอกจากพามาคุยฟังวิสัยทัศน์)
ทำไมเรื่องนี้ต้องมาเป็นประเด็นทุกครั้ง? (อันนี้ดราม่าใช่มั้ย?)
ออกตัวว่า ผมไม่รู้ตื่นลึกหนาบางนะครับ (คือไม่สนใจมากกว่า)
เพราะงั้นคำถามอาจจะไปกระตุ้นความหมั่นไส้แก่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ก็ขออภัยด้วยนะครับ
เพราะเคยมีบทเรียนที่ผมเคยถามเรื่องจีน แล้วโดนแซะว่ามาถามเพราะมีวัตถุประสงค์