Chamath Palihapitiya อดีตผู้บริหารใน Facebook บอกว่าโซเชียลมีเดียเป็นอันตรายต่อสังคมโลก แบ่งแยกสังคมออกจากกัน เขายังบอกอีกว่าเขารู้สึกผิดอย่างร้ายแรงที่เป็นส่วนหนึ่งของการก่อตั้งโซเชียลมีเดียด้วย
Chamath Palihapitiya เข้ามาทำงานใน Facebook ตั้งแต่ปี 2007 ในหน้าที่ดูแลการเติบโตของจำนวนผู้ใช้งาน
เขาไปพูดบรรยายที่ Stanford Graduate School of Business ในหัวข้อการเงิน ในตอนหนึ่งเขาบอกว่าเขารู้สึกผิดอย่างร้ายแรง ที่เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างโซเชียลมีเดียเป็นอันตรายต่อสังคม ไม่เพียง Facebook แต่รวมถึงโซเชียลมีเดียทุกราย และไม่ใช่แค่เรื่องของข่าวปลอมในสังคมอเมริกัน แต่รวมถึงสังคมทั่วโลก
เขายกตัวอย่างข้อมูลผิดๆ ที่แชร์กันในอินเดียจนนำไปสู่การทำร้ายร่างกายคนในชีวิตจริง และวิกฤตชาวโรฮิงญาในพม่าที่ข้อมูลปลอมใน Facebook มีส่วนช่วยกระตุ้นให้วิกฤตรุนแรงขึ้น
ภาพจาก Pexels
Palihapitiya บอกเพิ่มเติมว่าระบบนิเวศน์บนโซเชียลมีเดีย และเครื่องมือต่างๆ เช่น การกดไลค์ กดหัวใจ กดแสดงความชื่นชอบ ก็ทำลายระบบสังคม ลดทอนความสำคัญของข้อมูลจริง ไม่ก่อให้เกิดวาทกรรมทางสังคม
เขายังอ้างถึงความคิดเห็นของคนที่เคยทำงานโซเชียลมีเดียรายอื่นเช่น Antonio Garcia-Martinez ผู้เขียนหนังสือ Chaos Monkeys เขียนตีแผ่เรื่องใน Facebook และความสามารถในการสร้างอิทธิพลต่อคน และยังมี Sean Parker นักลงทุนของ Facebook ที่เคยบอกว่าโซเชียลมีเดียใช้ประโยชน์จากความอ่อนไหวในจิตวิทยามนุษย์
Chamath Palihapitiya ภาพจาก Stanford Graduate School of Business
ที่มา - The Verge
Comments
และความสามารถในการสร้างอิทธิพลตต่อคน => ต.เต่าเกินมาครับ
ขอบคุณค่ะ
นอกเรื่องนิด อยากได้ สติ๊กเกอร์ พวก IT แบบในรูป ยกเซ็ตเลย หาได้ที่ไหนถูกๆมั้ง ใครพอแนะนำหน่อยครับ
เห็นมีขายในเวบ http://www.unixstickers.com/stickers/coding_stickers แต่คิดว่าน่าจะหาซื้อได้ใน ebay นะครับ
เพื่อนในเฟซบุ๊ค 80 % ของผม ส่วนมากจะเจอตัวเจอหน้ากันนะ ถ้าขอมาก็กดรับได้ แตไม่ Follow ไม่รู้ท่านอื่นเป็นเหมือนกันไหมครับ
ถ้า fb ผมกดรับเฉพาะเพื่อนหรือคนรู้จักจริงๆ เท่านั้น
ส่วน line นี่แอดไว้เยอะมาก ทั้งที่คุยจริงๆ ไม่กี่คน
เข้าใจว่าบางคนอาจจะมี fb เป็นสาธารณะส่วน line เป็นของส่วนตัวเฉพาะกลุ่ม บางทีอาจจะมีกันคนละ 2-3 บัญชีด้วยมั้ง ถ้าเป็นคนขายของทางเน็ตบ่อยๆ
แล้วทำไม่เขาไม่หาวิธีที่ทำให้ดีขึ้นตอนดำรงตำแหน่งสำคัญ โลกมันต้องมาทางนี้แล้วเขาก็รับเงินเดือนและทำงานนี้ แต่พอเลิกทำแล้วมันนั่งเสียใจกับงานที่ทำให้ได้เงินเลี้ยงชีวิตเลี้ยงครอบครัว? เผาป่าไปแล้วมาแถลงข่าวว่าผมเสียใจจริงๆที่ได้แต่นั่งดูป่าไฟไหม้หรอ?!?
ผมว่าสิ่งๆ หนึ่งรวมถึงคนที่เกี่ยวข้องกับมันในบริบทแวดล้อมของช่วงเวลาที่ต่างกัน มุมมองหรือทัศนคติในช่วงนั้นๆ ก็มีสิทธิ์ที่จะแตกต่างจากปัจจุบันได้ ตอนที่ FB เกิดขึ้นมา Mark เองก็คงไม่ได้จินตนาการว่ามันจะกลายมาเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่และมีอิทธิพลต่อมนุษย์ได้มากขนาดนี้
ผมว่าตอนเค้าดำรงตำแหน่งอยู่ (และหลายคนที่ทำงานสายนี้) จะ underestimate ความสามารถในการทำเรื่องเลวร้ายของมนุษย์ (รวมถึงความเชื่อคนง่ายของมนุษย์) ไปเยอะอ่ะครับ
ประโยคข้างบนหมายถึงว่า ถ้าอยู่โดยปราศจากกฎ/ระบบ/การควบคุม แนวโน้มที่สังคมจะขับเคลื่อนด้วยความต้องการของคนบางกลุ่มที่มีอำนาจสูงกว่า(เงิน อาวุธ ชื่อเสียง) โดยไม่สนใจเรื่องความถูกต้อง/ความเท่าเทียม/ความจริง ก็จะมีโอกาสเกิดขึ้นได้มาก ... พูดไปตอนนั้นก็คงไม่มีใครเชื่อ(คนส่วนมากก็จะบอกว่าคนคิดได้ ไม่ได้เชื่อคนง่าย และสังคมไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น) และต่อให้พูดวันนี้ หลายคนก็จะยังไม่เชื่ออยู่ดีว่ามันส่งผลกระทบแบบที่เค้าว่าจริงๆ