แอปเปิลรายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 1 ตามปีการเงิน 2018 ของบริษัท (ตุลาคม-ธันวาคม 2017) โดยรายได้รวมทำสถิติใหม่สูงสุดในประวัติศาสตร์บริษัทอีกครั้ง 88,293 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 13% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 20,065 ล้านดอลลาร์ ซึ่งก็เป็นสถิติใหม่บริษัทเช่นกัน ส่วนรายได้จากต่างประเทศนอกอเมริกาคิดเป็น 65% ของรายได้รวม
ไตรมาสที่ผ่านมาแอปเปิลเริ่มขาย iPhone X ซึ่งคาดหมายกันว่าจะเป็นสินค้าหลักที่ทำเงิน แม้จะมีข่าวลือออกมาไม่ดีนัก โดยในรายงานผลประกอบการนั้นแอปเปิลบอกตัวเลขรวมของ iPhone ทั้งหมดว่า
- ขายได้ 77.316 ล้านเครื่อง ลดลงจากไตรมาสเดียวกันในปีก่อน 1% (78.290 ล้านเครื่อง)
- รายได้จาก iPhone 61,576 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 13% (54,378 ล้านดอลลาร์)
ส่วนตัวเลขของผลิตภัณฑ์อื่น iPad ขายได้ 13.2 ล้านเครื่อง เพิ่มขึ้น 1% รายได้เพิ่ม 6%, Mac ขายได้ 5.1 ล้านเครื่อง ลดลง 5% และรายได้ก็ลดลง 5% ขณะที่ธุรกิจบริการ (App Store, Apple Music, iTunes) รายได้เพิ่มขึ้น 18% เป็น 8,471 ล้านดอลลาร์
ยังมีอีกหลายประเด็นที่น่าสนใจจากแอปเปิลในช่วงแถลงประกอบการ
- มีอุปกรณ์แอปเปิลที่เปิดใช้งานแล้วรวม 1.3 พันล้านเครื่อง เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา
- iPhone X เป็นไอโฟนรุ่นที่ขายดีที่สุดของแอปเปิลในทุกสัปดาห์ นับตั้งแต่เริ่มส่งมอบเมื่อเดือนพฤศจิกายน และขายได้มากกว่าที่แอปเปิลคาด
- ยอดขาย iPad มากกว่าครึ่งหนึ่ง เป็นผู้ใช้ที่เพิ่งเริ่มซื้อแท็บเล็ต หรือย้ายมาใช้แอปเปิล
- Apple Watch Series 3 ขายได้มากกว่า Apple Watch Series 2 ในปีที่แล้ว มากกว่า 100%
- ซีเอฟโอ Luca Maestri พูดถึงประเด็นเงินสดบริษัท โดยอธิบายว่าตอนนี้แอปเปิลมีเงินสด 2.85 แสนล้านดอลลาร์ มีหนี้สิน 1.22 แสนล้านดอลลาร์ หักลบแล้วยังเหลือ 1.63 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งแอปเปิลจะพยายามทำให้ตัวเลขนี้เข้าใกล้ศูนย์ให้ได้มากที่สุด โดยอาจอยู่ในรูปการจ่ายปันผล, การซื้อหุ้นคืน และการซื้อกิจการต่างๆ
- แอปเปิลซื้อกิจการไป 17 บริษัท ในปีการเงิน 2017 ที่ผ่านมา
- Tim Cook ตอบคำถามประเด็นโครงการเปลี่ยนแบตเตอรี่ ซึ่งอาจทำให้คนชะลอการอัพเกรด iPhone ไปรุ่นใหม่กว่าว่า ไม่น่าจะมีผลกระทบ ขึ้นอยู่กับมุมมองมากกว่า
ที่มา: แอปเปิล และ MacRumors
Comments
หรือนี่จะเป็นสัญญาณ
แห่งความรวย
คุณพ่อก็เพิ่งไปซื้อ iPad ใหม่มาเมื่อปลายเดือน
เป็นครั้งแรกหรือเปล่าที่ขายได้น้อยลง แต่คงไม่สำคัญเท่ากำไร
"แอปเปิลมีเงินสด 2.85 แสนล้านดอลลาร์ มีหนี้สิน 1.22 แสนล้านดอลลาร์ หักลบแล้วยังเหลือ 1.63 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งแอปเปิลจะพยายามทำให้ตัวเลขนี้เข้าใกล้ศูนย์ให้ได้มากที่สุด"
หมายถึงทำให้เงินสด กับ หนี้สินเท่ากันเหรอครับ ทำไมต้องมำแบบนั้นเหรอครับ
เพราะเงินที่นอนอยู่ในบริษัทหรือในแบงค์เฉยๆไม่ก่อกำไรใดๆครับ บริษัทต้องพยามดึงออกไปใช้ให้ได้มากที่สุด เค้าไม่สนใจเท่าไหร่อยู่แล้วว่าเป็นหนี้เท่าไหร่ ตราบใดที่มีกำไรมหาศาลจ่ายหนี้ได้ก็ไม่ควรเอาเงินสดไปกองกับแบงค์ครับเพราะดอกเบี้ยไม่พอเงินเฟ้อด้วยซ้ำ
ปล.ถ้าทิมเหมือนมัคส์คงเอาเงินไปสร้างจรวดละ แต่ทิมเหมือนแค่พยามบริหารรักษาสถานะภาพของจอบส์ไว้เฉยๆ ไม่สร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ๆเลยนอกจากทำของเดิมให้ไร้สาย...
แนวคิดนี้มันช่างขัดกับที่ปู่ย่าสอนจริงๆครับ ด้วยแนวคิดเดียวกันนี่รึเปล่าครับ ถึงเป็นที่มาของวลีที่ว่า จีนเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ของอเมริกา (ถ้าใช่ ก็ถึงว่าอเมริกาดูไม่เห็นจะมีท่าทีของคนเป็นลูกหนี้เลย)
ต้องแยกบริษัทกับบุคคลครับ บริษัทคือต้องนำสินทรัพย์มาใช้ให้เกิดผลกำไรมากมากที่สุด ส่วนกรณีบุคคลความมั่นคงจะต้องเอามาคิดมากกว่า
ต้องไปเรียนบัญชี เรียนบริหารดูครับถึงจะเข้าใจ
เงินสดถือไว้เฉยๆไม่เกิดมูลค่าใดๆครับ บริษัทส่วนใหญ่ต้องเป็นหนี้มากกว่ามีเงินเหลือเสียด้วยซ้ำครับ
บริษัทโดยทั่วไปทั่วโลกก็มีหนี้เป็นปกติครับ เงินสดมีไว้เท่าที่จำเป็นต่อการดำเนินงาน และตามแผนการลงทุน หนี้คือ Leverage แต่ก็ตามนโยบายและประเภทของธุรกิจด้วย ตอน Apple เก็บเงินสดไว้เยอะก็มีนักวิเคราะห์ นักลงทุนพูดถึงตลอด ว่าควรจะเอามาทำอะไรบ้าง
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
มีเงินเยอะแปลว่ามั่นคงครับ แต่ถ้าเยอะเลยคำว่ามั่นคงไปเรียกว่าเสียโอกาส การเสียโอกาสสะท้อนประสิทธิภาพการบริหารครับ แสดงว่าผู้บริหารหมดไฟหรือไม่มองการไกล ซึ่งถ้าให้ผู้บริหารคนอื่นที่ไปแรงกว่าและมองเห็นอนาคตชัดเจนกว่านำพาบริษัทก็จะทำให้บริษัทเจริญก้าวหน้ามากกว่านี้ครับ
อันนี้ไม่ได้ว่าคุณนะครับ แค่ถือโอกาสอธิบาย
ผมเบื่อมุกนี้ที่กระพือๆ กันต่อๆ ว่าอเมริกาติดหนี้จีนบ้างละ จีนเป็นเจ้าหนี้ที่ใหญ่ที่สุดของเมกาบ้างล่ะ บ้างก็ว่าไปถึงเมกาอยากบุกจีนจะได้ล้างหนี้
คือในความจริงแล้ว จีนไปซื้อตราสารหนี้สหรัฐฯ ต่างหาก กล่าวคืออยากได้ดอกเบี้ยจากรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งใครจะมาซื้อเมกาไม่สนอยู่ละ เพราะมันมีคนซื้อแน่นอน อธิบายง่ายๆ จะบอกว่าจีนไปขอให้เมกาช่วยกู้ตังจีนหน่อย จีนอยากได้ดอกเบี้ยก็ได้
ข้อต่อมา จีนไม่ได้เป็นผู้ถือหนี้ของสหรัฐฯ รายที่ใหญ่ที่สุด แค่เป็นผู้ถือหนี้ต่างประเทศที่ใหญ่ที่สุด
ดังนั้นก็ไม่เห็นว่าเมกาจะต้องทำตัวให้เป็นเหมือนลูกหนี้ เพราะเมกาไม่เคย default คนที่ถือตราสารหนี้ของตัวเอง และนี่ก็คือสาหตุหนึ่งที่คนอื่นๆ(รวมถึงจีนด้วย)ชอบซื้อตราสารหนี้ของเมกา ไม่เป็นซื้อของประเทศที่จะเจ๊งๆ อย่างอาร์เจนตินา ซิมบับเว โปรตุเกส กรีซ ฯลฯ (หรือจะมาโขกดอกเบี้ยรถไฟฟ้าความเร็วสูงมหาโหดอีกรอบ? ฮา)
ผมว่าถ้ามองในเชิงว่าเมกาเป็นพ่อค้า แล้วจีนเป็นลูกค้า จะใกล้เคียงกับความเป็นจริงมากกว่าครับ
เยี่ยมเลยครับ ผมก็ไม่เคยเห็นมุมมองนี้มาก่อน
สุดท้าย อยู่ที่ Cashflow แหละครับ มีเงินเยอะแต่ไม่ใช้มันก็เสื่อมลงเรื่อยๆ เนื่องด้วยเงินเฟ้อ
ถ้าสถานการณ์บริษัทยังดี กำเงินสดไว้เสียโอกาสครับ อย่าลืมนี่นิติบุคคลไม่ใช่คนจริงๆ กำเงินนานๆนี่เหมือนยอมแพ้
ยกตัวอย่างง่ายๆ อีกเจ้าก็คือ ปู่นินครับ รายนี้ก็กำเงินเยอะแต่ช่วงก่อนหน้านี้ร่วงเยอะเลย เพราะคนมองว่าเอาสินทรัพย์มาแปลงเป็นทุนไม่ได้ มารุ่งช่วงหลังนี่แหละ
Shut up and ヽ༼ຈل͜ຈ༽ノ raise your dongers ヽ༼ຈل͜ຈ༽ノ
Apple Watch ก็ของใหม่นะสำหรับผลิตภัณฑ์ของ Apple สมัย Jobs ไม่มี ส่วนเทคโนโลยีไร้สายนี่ ต้องดูยาวๆ ถ้าชาร์ตได้โดยไม่ต้องวางบนแท่น หรือเสียบสาย เป็น การชาร์ตไร้สายโดยสมบูรณ์ (ผ่านคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า) น่าสนใจที่สุด
ตามที่ผมเข้าใจ การมีเงินสดในมือเยอะ ๆ ไม่เกิดประโยชน์อะไรครับ สู้เอาเงินมาทำอย่างอื่นดีกว่า ซื้อกิจการ หรือลงทุนเพิ่ม ทำให้หุ้นมีราคาขึ้นมากกว่าเพราะกิจการเติบโตมากขึ้นครับ
เพิ่มตัวเลขความสามารถในการใช้สินทรัพย์หมุนเวียน/รายการเทียบเท่าเงินสด เพื่อสร้างมูลค่าให้ธุรกิจ
เน้น กระแสเงินสดมากกว่าครับ
จำนวณเครื่องขายได้น้อยลง แต่ราคาเครื่องมันแพงขึ้นนี่นา
^
^
that's just my two cents.
เป็นผมเงินสดในมือเยอะขนาดนี้ เอาไปปล่อยกู้แล้ว
ไม่แน่ อีกหน่อยอาจมี Apple Bank ก็ได้ ฮ่าๆๆๆ
ซื้อ iPhone ผ่อน 0% กับบัตรเครดิต Apple Card ลดเพิ่ม 5% ไรงี้
ธุรกิจการเงินมี regulator เยอะมาก กฎหมายต่าง ๆ วุ่นวาย ค่าดำเนินการเลยมักจะสูงครับ อาจจะไม่คุ้มนะ
คงไม่มีครับ การที่เจ้าของโปรดักส์ต้องมาเปิดกิจการให้คนกู้เงินซื้อสินค้าตัวเอง มักจะเกิดจากหากไม่ทำ สินค้าจะขายได้ไม่ดีเท่าที่ต้องการ เช่นวงการรถยนต์ บ้าน เครื่องใช้ไฟฟ้า ที่การที่มีการผ่อน ช่วยให้คนที่จะไม่ซื้อ กลับมาซื้อ
ส่วนไอโฟน มีคนต้องการทำหน้าที่นี้มากเกินพอละ ผมว่า เขาถึงมีระบบผู้ให้บริการผ่อนรายเดือนสัญญาสองปีไงครับ
iPhone X ขายได้มากกว่าที่ Apple คาด...
เราคิดว่าขายได้น้อยแล้วนะ แต่ Apple ยังบอกว่าได้มากกว่าที่คาด แสดงว่า Apple เองก็ประเมินต่ำกว่าที่เราคิดกันซะอีก
จริงๆมันก็ลดลงนิดเดียวเองแฮะ ไม่ถึงล้านเครื่องเลย
Appleก็ไม่ได้ทำแต่ไอโฟนนี่ มีอย่งอื่นอีดแถมituneหรือapp storeก็ยังได้ส่วนแบ่งอีก
รายได้ 8.8 หมื่นล้าน เป็นไอโฟนอย่างเดียว 6.1 หมื่นล้านหรือมากกว่า 2/3 นี่ก็น่าจะต้องดูแลเป็นพิเศษนั่นแหละครับ รายได้ service ทั้งหมดรวมกันนี่ยังไม่ถึง 1 หมื่นล้านเลย
แล้วรายได้พวก app store, iTune นี่หลักๆ ก็ต้องขายไอโฟนให้ได้ดีก่อนทั้งนั้น
เคยอ่านลงทุนแมนเขาบอกว่า เฉพาะเงินสดที่มีก็คิดเป็น 40% ของราคาหุ้นแล้ว แต่ใช้เงินสดยากเพราะอยู่นอกประเทศซะเยอะ แต่จะเอาเข้ามาแล้วยอมเสียภาษีแล้วก็ต้องรอดูกันต่อไป
คงใกล้ยอมแล้วครับ จากการลดภาษีของทรัมป์
ขายได้น้อยลง ตามที่ข่าวคาดกันจริงๆ แต่ กำไรก็ยังพุ่งๆ มาแ้กตรงขายได้น้อยได้อยุ่ นะ รุ่นต่อไป ขาย ไป ห้าหมื่น ก็นาจะคุ้มอยุ่นะครับ ขายได้น้อย แต่กำไร เยอะ นาจะดีกว่า
หักปากกาเซียนอีกปี ? ข่าวลือ ก็ลือซะใจเสียเลย
วันๆ ไม่ทำไรคิดแต่ว่าจะแขวะ ฝ่ายโน่นฝ่ายนี้ยังไงดี สาวกก็ตีกันมานั่งอ่านก็ฮา
วันๆ ไม่ทำไรคิดแต่ว่าจะแขวะ ฝ่ายโน่นฝ่ายนี้ยังไงดี สาวกก็ตีกันมานั่งอ่านก็ฮา เจอคนคิดแบบนี้อ่านก็ฮา
อยากรู้ margin ต่อเครื่อง :) เข้าใจว่ารุ่นยิ่งสูง margin ยิ่งเยอะ เพราะต้นทุนต่างกันที่ flash memory อย่างเดียว
ไม่น่าจะตรงไปตรงมาขนาดนั้นมั้งครับ เพราะตอนนี้ flash ราคาแพง ผมว่าแล้วแต่ดีลด้วยเช่นการซัพพลายจอ ฯลฯ ที่ทำค่อนข้างยากในตัว x ล็อตหน้าราคาอาจจะลดลงจากระบบการผลิตที่ดีขี้น ฯลฯ
ทำไมต้องวี๊ดว๊าย ขายได้น้อยแต่ได้กำไรเยอะกว่าเดิมก็แปลว่า พวกลื้อซื้อของถูกในราคาแพงกว่าเดิม