มหากาพย์ที่ Broadcom พยายามเข้าซื้อกิจการ Qualcomm แต่ดีลถูกปัดตก ซึ่งถึงอย่างนั้น Broadcom ก็ประกาศชัดเจนว่าจะซื้อกิจการให้ได้ ล่าสุดมีความคืบหน้า ซึ่งตรงไปตรงมาก็คือ เมื่อ Qualcomm เคยบอกว่ามูลค่าที่เสนอซื้อนั้นต่ำกว่าจริง Broadcom เลยจะเพิ่มมูลค่าให้
โดยข้อเสนอใหม่จาก Broadcom นั้นคือการขอเสนอซื้อหุ้น Qualcomm ที่ราคา 82 ดอลลาร์ต่อหุ้น (เดิมเสนอที่ 70 ดอลลาร์) เพิ่มขึ้นจากราคาเดิม 17% แบ่งเป็นเงินสด 60 ดอลลาร์เท่าเดิม บวกกับหุ้น Broadcom สำหรับส่วนที่เหลือ มูลค่าดีลรวมอยู่ที่ 121,000 ล้านดอลลาร์ หรือราว 3.8 ล้านล้านบาท
Broadcom เรียกข้อเสนอนี้ว่า ดีที่สุดและเป็นข้อเสนอสุดท้าย (Best and Final Offer) ในการซื้อ Qualcomm นอกจากนี้ซีอีโอ Hock Tan ยังให้สัมภาษณ์ย้ำว่า ข้อเสนอนี้ดีกับผู้ถือหุ้น Qualcomm มากกว่าการที่ Qualcomm จะแยกบริษัทอยู่แบบนี้ ซึ่งในลำดับถัดไป บอร์ดบริหารของ Qualcomm จะพิจารณาข้อเสนอใหม่นี้อีกครั้ง
ซีอีโอ Tan ยังตอบคำถามเรื่องการรวมกิจการว่าอาจไม่สำเร็จเนื่องจากติดกฎหมายป้องกันการผูกขาด (Antitrust) ว่า ได้มีการประเมินแล้ว โดยหากจำเป็นก็จะขายหน่วยธุรกิจของ Qualcomm สองอย่างเพื่อไม่ให้เกิดปัญหานี้ คือธุรกิจโปรเซสเซอร์ Wi-Fi และชิป RF ของโทรศัพท์มือถือ
Comments
จัดไป
ยอมเปย์เพิ่อเธอจริงๆ
สายเปย์ จัดไป
3.8 ล้านล้าน ตลึงกับตัวเลขจริงๆ 555
..: เรื่อยไป
ไทยมี พ.ร.บ.การแข่งขันทางการค้า พ.ศ.2542 เอาไว้ต่อต้านการผูกขาด แต่ไม่รู้ว่านำมาใช้หรือยัง ?
เปลี่ยนเป็นของปี 60 แล้วนี่ครับ
ผมว่าถ้าราคาดีก็น่าขายอยู่นะ ตอนนี้เทคโนโลยีจากจีนก็พัฒนามาใกล้แล้ว
จะยืนอยู่จุดพีคได้อีกนานรึป่าวก็ไม่แน่ไม่นอน
เอาตอนนี้เลยใกล้ตัวเราที่สุด โมเด็มของหัวเหว่ย mate10pro ที่ขายในบ้านเรา
ทำความเร็ว 4G ได้มากกว่า snap835 ไปแล้ว คือภาพรวมอาจไม่ได้ดีกว่า แต่ก็ถือว่าเข้ามาใกล้มากแล้ว
สงสัยงานนี้ ต้องเปลี่ยน เจ้านาย ซะ แล้ว
ดูแล้ว คงอยากได้มากเลยสิเนี่ย แต่การควบกิจการแบบเจ้าเล็กควบเจ้าใหญ่นี่ บัญชีบริษัทจะเต็มไปด้วยหนี้เลยนะเนี่ย ต้องมีแนวทางบริหารดีๆเลย ไม่งั้นจมกองหนี้ตาย
Broadcom ใหญ่กว่า Qualcomm นะครับ
แล้วคงไม่จ่ายเงินสดหมดอยู่แล้ว แบงก์คงไม่ปล่อย คงเอาหุ้นแลกบวกออกหุ้นกู้ ออกหุ้นเพิ่ม ฯลฯ
ผมอ้างอิงจากข่าวนี้ครับ
https://www.blognone.com/node/96830
หุ้นกู้ก์คือหนี้สิน (debt) อยู่ดีครับ ระดมทุนเพิ่มก็คงไม่เท่าไหร่ หลักๆคือเงินกู้แหง ถ้าขนาดเล็กกว่าจริงตามข่าวข้างต้นและบรอดคอมอยากได้อำนาจบริหารคือต้องเอาเงินมาโปะขนาดกิจการให้ตามส่วนต่างขนาดของควอลคอมม์ด้วยไม่นับพรีเมี่ยมหุ้นจากการควบกิจการอีก ไม่งั้นสัดส่วนหุ้นที่แลกไปก็ไม่พอที่จะให้เกิดอำนาจบริหารอยู่ดี สุดท้ายก็คือหนี้บานเบอะอยู่ดี แต่จากมูลค่ากิจการที่เพิ่มขึ้นจนเหมือนผูกขาดชิบบางประเภทมันก็อาจทำให้ไม่ได้ดูน่ากลัวก็ได้
สองบริษัทนี้ความจริงขนาดใกล้ๆ กัน ที่บอกว่าใหญ่กว่า ไม่แน่ใจว่าใหญ่กว่าในด้านไหนเพราะมาร์เก็ตแค็ป ของ broadcom ที่ผ่านมาก็คิดว่าสูงกว่าตลอด รายรับก็สูงกว่านิดๆ มาตลอด ส่วนมาร์จินก็กินขาด แถมพักหลัง qualcom ปัญหารุมเร้าทั้งเรื่องสิทธิบัตรกับคู่ค้า คู่แข่งชิปมือถือที่ชักเก่งขี้นทุกวัน อนาคตแนวทางเดิมดูเหมือนจะเลยจุดพีคแล้วไม่สดใสเหมือนเมื่อก่อน ซึ่งบริษัทก็พยายามแตกแขนง เช่นจะเล่นแลปท็อปวินโดวส์และเซิร์ฟเวอร์ แต่มันก็เพิ่งตั้งไข่ ประเด็นพวกนี้รวมๆ กันก็อาจจะทำให้ผู้ถือหุ้นอยากขาย ผมมองรอบที่แล้วเท่าๆ ที่อ่านๆ ดูพวกคนถือหุ้นรายย่อยก็อยากขายนะครับ แต่ไม่ใช่ขายถูกขนาดนั้น ซึ่งตอนนี้อัพราคาแล้วก็เป็นไปได้ว่าจะเอาด้วย
ที่ผมพูดถึงหุ้นกู้นั้นเพราะความแตกต่างคือมาได้ง่ายกว่าไงครับ ใครอยากซื้อก็ซื้อ มีกองทุนกล้าเสี่ยง(หรือโลภ)อยู่มาก ไม่ต้องไปอ้อนสถาบันการเงิน
ผมว่าปัญหาหลักจะคือเรื่องผูกขาดเนี่ยแหละครับ แต่ ceo broadcom ก็เตรียมออกมาบอกแล้วว่าถ้าควบไปปุ๊บก็คงต้องขายบางแผนกออกไปเพื่อตัดปัญหานี้ ซึ่งก็จะเป็นอีกแหล่งเงินทุนครับ ผมว่า
เอ้า ความพยายามอยู่ที่ไหน ...ความพยายามก็อยู่ที่นั่นล่ะ
ดีต่อผู้ถือหุ้น แต่จะมาเอาคืนทุนจากคนซื้อหรือเปล่านะ