รัฐบาลญี่ปุ่นร่วมกับบริษัทในญี่ปุ่นกว่า 20 แห่ง ลงทุนสร้างเมืองใหม่ในเวียดนาม ทางตอนเหนือของกรุงฮานอยให้กลายเป็นสมาร์ททาวน์ มีเทคโนโลยียุคใหม่ล่าสุดจากบริษัทญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็นอาคารประหยัดพลังงาน ที่อยู่อาศัยแบบใหม่ และมีรถบัสไร้คนขับด้วย ตัวโครงการตั้งเป้าหมายไว้ที่ปี 2023
ตัวอย่างบริษัทญี่ปุ่นที่มาร่วมลงทุนโครงการยักษ์นี้ประกอบด้วย
โครงการนี้มีแหล่งทุนมาจากหลายแหล่ง เช่น กองทุนจากบริษัทต่างๆที่มาเข้าร่วมลงทุน, ความช่วยเหลือด้านการต่างประเทศของญี่ปุ่น และการสนับสนุนจากรัฐบาลเวียดนาม
ภาพจาก Shutterstock โดย Vietnam Stock Images
กระทรวงการค้าและสำนักงานความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น จะช่วยสนับสนุนบริษัทต่างๆ ในการทำวิจัยและการเจรจากับฝ่ายเวียดนาม โครงการนี้ถือเป็นหนึ่งในนโยบายของนายกรัฐมนตรี Shinzo Abe ในการส่งเสริมการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานในประเทศกำลังพัฒนา
ที่มา - Nikkei Asian Review
Comments
ความเจริญไม่ได้เกี่ยวข้องกับลัทธิทางการเมืองเลยสินะ 5555
เรานี่ก็งมงายกันต่อไป
ค่าแรงพุ่ง เดินขบวนขอโบนัสเพิ่ม ข่าวดี ๆ ช่วยเรียกนักลงทุนทั้งนั้นเลยครับ #ประชด
มันทรุดตั่งแต่ 300 บาทแล้ว เหมือนออกมาช่วยคนจนแต่ในความเป็นจริงข้าวของอาหารราคาก็ขึ้นตาม sme ก็ตายหมด บ. โรงงาน ย้ายหนีกันเป็นแถบๆ ไปข้างบ้านเราดีกว่า นี่ก็จะขึ้นอีกละ อยู่ยากขึ้นทุกวัน
ถ้าคุณตอบแบบนี้ในพันทิพย์คุณจะโดนถล่มแน่นอน 555
มนุษย์เงินเดือนก็ใกล้แล้ว เงินเดือนไม่กระดิก แต่ค่าครองชีพพุ่งเอา พุ่งเอา
ขอให้เป็นบทเรียนในหลายๆเรื่อง
เรื่องที่น่าเศร้าคือประวัติศาสตร์มันมักจะกลับมาซ้ำรอยเดิมเสมอ
ปกติไทยเราเสียดุลการค้ากับญี่ปุ่นมาตลอด คราวนี้คงหนักจริง ถ้าบริษัทยักษ์ใหญ่เงินหนาพวกนี้แห่กันไปที่อื่นหมด
ญี่ปุ่นเองคงอยากให้เราพัฒนาตัวเองบ้าง ไม่ใช่คอยแต่ให้คนอื่นพัฒนาให้
ปล. จริงๆผมว่าญี่ปุ่นทำอะไรให้ประเทศเราหลายอย่างมากเลยน่ะ ถ้าเทียบกับจีน ที่ค้าขายกับเราอย่างเดียว ไม่ค่อยลงทุนหนักๆเลย แถมครั้งล่าสุดที่นายยกไปคุยธุรกิจกับญี่ปุ่นก็ไม่สู้ดีเอาเลย
ก็ไทยมัวแต่ปกครองโดยทหาร จนจะกลายเป็นคอมมิวนิสไปแล้ว ใครจะกล้ามาลงทุนหล่ะค้าบ
เรื่องนี้มันส่งผลขนาดนั้นเลยเหรอครับ
เอ่อ เวียดนามนี้คอมมิวนิส ตัวเป้งเลยนะ
ค่าแรงถูกสุดคือจีนมานานแล้วครับ
บ้านเราเกาะเรื่องความน่าเชื่อถือ (aka เราไม่เป็นคอมมิวนิสต์) ค่าแรงถูก ทำงานที่ต้องการความละเอียดสูงใด้ดี
โดนกลบด้วย รปห., ค่าแรง 300, กับเครื่องจักรที่ทันสมัยขึ้น
คนทีทำธุรกิจรวยเองเห็นตัวอย่าง ก็ไม่อยากทำงานให้ประเทศไทย
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
ตอนนี้ค่าแรงจีนไม่ถูกแล้วครับ อุตสาหกรรมที่ยังต้องการแรงงานจำนวนมาก ก็ทยอยย้ายไปประเทศอื่นๆ ที่ค่าแรงถูกกว่ากันแล้ว
เผอิญว่าจีนเค้าเรียนรู้และพัฒนานี่สิครับ ขณะที่แถวนี้..
เราค่อยๆสูญเสียความน่าเชื่อถือมาสักพักแล้วครับ ถ้าเอาตามความจริงคือก่อนรัฐประหารเสียอีก ตั้งแต่ น้ำท่วมที่ข่าวดังไปทั่วโลกรู้กันหมดส่งผลต่อบริษัทใหญ่ๆหลายบริษัทโดยตรง ม็อบกลางเมืองเหลืองแดง ปิดสนามบิน ประท้วงสวัสดิการโบนัสต่างๆ คือมันมีอะไรหลายๆอย่าง ที่ทุกๆฝ่ายทำพังไม่ใช่แค่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง บริษัทต่างชาติเขาก็เตรียมตัวกันมาสักพักแล้ว สุดท้ายคนทำพังก็พวกเรากันเองนี่แหละครับ
ถูกครับ ถึงผมจะไม่ชอบรัฐบาลชุดนี้แต่การเอามาเป็นข้ออ้างเรื่องนี้มันก็ไม่ถูกซะทีเดียว จุดเริ่มต้นมันมาจากพวกที่ก่อความวุ่นวายทั้งหลายนี่แหละ (ขอไม่ใช้คำว่าพวกเรา เพราะผมไม่เคยมีความคิดจะทำแบบนั้น)
เป็นมานานแล้ว จนมีเสถียรภาพแล้ว 555
National Assembly (Vietnam)
กล้ามาลงทุนมากว่าช่วงที่ มีเลือกตั้งแต่ต่างฝ่ายต่างปลุกระดมม๊อบครับ สิ่งที่เอกชนมองคือความมีเสถียรภาพทางการเมือง ไม่ใช่ระบบการปกครอง
ส่วนตัวคือไม่ใช่เรื่องคอมมิวนิสหรอกครับ ค่าแรงคือหลักๆ และการเมืองที่มันนิ่งมากกว่าครับ
ยังเชื่ออีกเหรอครับว่าประเทศพวกนี้ลงทุนเพราะระบอบการปกครอง
อย่าว่าแต่ญี่ปุ่นเลย เมกาที่เย้วๆเรื่องประชาธิปไตยมากกว่าใครเพื่อน เอาจริงๆสนับสนุนรัฐบาลทหารของประเทศที่ยอมตัวเองตั้งเท่าไหร่แล้ว
พอรัฐบาลไหนไม่ฟังก็สั่งทหารไปสั่งสอน แล้วก็ตั้งผู้นำหุ่นเชิดที่ควบคุมได้ จากนั้นก็ให้ผู้นำเซ็นอนุมัติโครงการต่างๆให้ ถ้าซัดดัม กัดดาฟี่ยอมอเมริกาคงอยู่สุขสบายแล้ว
ประเทศพวกนี้ลงทุนเพราะระบบการปกครองครับ แต่ไม่ใช่ว่าต้องเป็นระบบประชาธิปไตยหรอกแค่ต้องเป็นระบบที่เข้าทางตัวเอง (ในเวลานั้น) ในบางด้านมันมีผลต่อความได้เปรียบของการลงทุนของพวกเขาน่ะ เช่น ถ้าเป็นเผด็จการที่ไม่มีการตรวจสอบจนการทุจริตติดสินบนได้ผลดีกว่าการกดราคาหรือความเหนือกว่าทางเทคโนโลยีเขาก็จะไม่เข้าไปแข่ง หรือถ้ายิ่งเป็นรัฐที่อุดมการชาตินิยมสูงด้วยเขายิ่งไม่เอา แต่ว่ามันก็แค่ปัจจัยด้านเดียวน่ะยังมีอีกตั้งหลายเรื่องบางเรื่องไม่ต้องเกี่ยวกับการปกครองด้วยซ้ำ เช่น ต้องการแรงงานราคาถูกเพื่อผลิตไปขายในประเทศอื่นเฉย ๆ ปัจจัยที่เขาพิจารณาก็เป็นค่าจ้างแรงงาน โครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม ความมั่นคง ส่วนเรื่องระบบการปกครองไม่ได้เป็นปัจจัยหลักเลยและกรณีนี้ยิ่งไม่ใช่ประชาธิปไตยยิ่งดีด้วยซ้ำเพราะกดค่าแรงได้ดีสวัสดิการก็ไม่ต้องมีมาก (ไม่มีประท้วง-รัฐบาลไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงเสียงส่วนใหญ่)
เห็นด้วยครับว่าปัจจัยในการลงทุนไม่ได้ขึ้นอยู่กับระบอบการปกครอง สำหรับเรื่องที่เกี่ยวข้องกันเสถียรภาพจะถูกนำมาพิจารณาก่อนซะอีก อย่างแม้แต่ในเกาหลีเหนือก็ยังมีหลายประเทศที่ไปติดต่อค้าขายด้วยรวมทั้งไทย
คนไทยเก่งๆได้แต่เป็นลูกจ้างเค้า ไม่่สามารถสร้างบริษัทด้านเทคโนโลยีเป็นของตัวเองที่สามารถแข่งขันในระดับโลกได้ ไม่มีแบรนด์รถยนต์,เครื่องบิน,มือถือ,ยา,หรือบริษัทไอทีของไทยที่ดังระดับโลกเลย
คนไทยคงไม่เก่งวิทย์ฯพอ หรืออาจจะเก่งแค่ส่วนบุคคลแต่พอมารวมตัวกันคิดค้นบางอย่างมักจะไม่เอาไหน
มันก็เห็นท่ากันมาตั้งแต่ 300 ละ
ยังมีพวกบอกไม่พอจะเอา 700 ด้วยนะ ขรรม
สงสัยครับว่าการกดค่าแรงให้ถูกเพื่อนักลงทุนเข้ามากอบโกยกำไรมากๆ มันส่งผลดีต่อคนไทยจริงหรอครับ คนที่ผมรู้จัก 300 ก็ยังต้องทำโอทีถึงจะพอใช้ถึงจะบอกว่า 300 ของเลยขึ้น แต่คนชนชั้นแรงงานเข้าเซเว่นโลตัสบิ๊กซีก็จ่ายเท่ากับคนมีตังของไม่ได้ถูกกว่า ยังไงเงินเฟ้อมันก็ขึ้น คนรวยก็รวยขึ้นเรื่อยๆ แต่คนจนเริ่มจนลงเรื่อยๆ ผมไม่เถียงว่าแรงงานมันต้องพัฒนาฝีมือ แต่ถ้ามันไม่มีเงินจะกินข้าวจะมันจะมีชีวิตไปพัฒนาฝีมือได้หรอ
ดีครับ เพราะเป็นต้นทุนที่พอๆ กับใช้หุ่นยนต์ พูดง่ายๆ แพงกว่านี้ ความคุ้มค่าในการลงทุนด้วยระบบอัตโนมัติจะเพิ่มขึ้น
สำหรับประเทศไทย คนตกงานเป็นเบือแน่ ประเทศจะมีแต่คนยากจนครับ เอาหุ่นยนต์มาแทนมันดีครับ แต่มันคิดง่ายเกินไป แล้วคุณคิดว่ารัฐจะยอมหรอ ยังไงเขาก็คงตั้งเพดานภาษีหุ่นยนต์สูงลิ่วจนไม่คุ้มกับการลงทุนแน่ๆ เพื่อดันให้ไปใช้แรงงานคนจนกว่าจะไม่มีแรงงานลักษณะนี้ผลิตออกมาอีก ซึ่งต้องกลับไปแก้ที่ระบบการศึกษาครับ
ตั้งกำแพงหุ้นยนต์สูงลิ่ว เขาก็ไปลาว เวียตนามแทนครับ ง่ายดี จ้างคนไทยไปคุมไม่กี่คนก็พอ หรือโน่นอยู่ใกล้ญี่ปุ่นก็เอาคนญี่ปุ่นมาเองเลยจบ
ตอนขึ้นมา 300 นี่ คนที่ได้ต่ำกว่าก็จะได้ขึ้น แต่คนที่อยู่สูงกว่าอยู่แล้ว (เช่นได้ 300) จะไม่ได้ขึ้น นั่นหมายถึงเราทำให้มีคนจนเพิ่มขึ้นกว่าเดิมน่ะครับ
และถึงจะทำให้มีกำลังซื้อมากขึ้น แต่ธุรกิจบริการบางอย่างมีการพึ่งพาคนในกลุ่มนี้อยู่จำนวนมาก ก็ทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ ก็กลายเป็นของในตลาดราคาขึ้นอย่างมีนัยยะกันหมด โดยเฉพาะในกลุ่มตลาดล่าง
+1 เงินเฟ้อขึ้นทุกปี(หรือบางทีคนขายเพิ่มกำไรเฉยๆ) แต่จะไม่ให้ค่าแรงขึ้นเลยนี่เป็นความคิดเห็นแก่ตัวมาก จะเอาแต่ของถูกของดีโดยไม่สนคุณภาพชีวิตคนอื่นกันเลย
ดูแล้วน่าจะเป็นเมืองที่ให้คนญี่ปุ่นมาใช้ชีวิตหลังเกษียน
เพราะถูกกว่าการอยู่ในญี่ปุ่นเอง คนเวียดนามเองจริงๆ
น่าจะได้ในส่วนของงานบริการ งานดูแลผู้สูงอายุ
ส่วนงานเทคนิคอาจเป็นชาวญี่ปุ่น Import เข้ามา
อันนี้ไม่ยืนยันนะครับ
เกิน 50% เลยเหรอ ดีแล้วที่ไม่ใช่ประเทศไทย
ถ้าแบบนี้ให้เค้าไปลงทุนที่นั้นดีแล้ว ระยะยาวเกิดปัญหาแน่ๆ ถ้าประชาชนมีปากเสียงขึ้นมา
มาอ่านดู comment มีแต่คนถกเถียง ปัญหา ที่ทุกคนรู้อยู่แล้ว แต่กลับไม่มี comment ที่ช่วยหรือหาแนวคิด หรือเสนอไอเดียของการแก้ปัญหานี้ ถ้ามีมันคงจะดีมาก
แล้วคุณมีแนวคิดว่ายังไงบ้างครับ คนอื่นก็ถกเถียงกันไปตามสิทธิ์ที่พึงมี การที่คุณออกมาบ่นโดยไม่เสนอแนวคิดหรือไอเดียในนี้ก็ไม่ได้มีประโยชน์มากไปกว่าคนอื่นเลย
ขอโทษด้วยนะครับ ที่ข้อความผม มันทำให้คุณขึ้น ผมไม่ได้มีเจตนาอะไรขนาดนั้น ในตัวผมก็ไม่ได้มีไอเดียอื่น พูดง่ายๆ มีความรู้ไม่เพียงพอ เลยไม่ได้เสนอไอเดียอะไร แต่มันก็ไม่ได้ หมายความว่า ไม่มีใครที่ไม่รู้ ยังไงก็ขอโทษด้วยนะครับ
งั้นผมเสนอครับ ทำไงให้คน รากหญ้า + ชนชั้นกลาง (บางส่วน) รู้ว่า มีเงิน 100 มันต้องใช้ไม่เกิน 70 ไม่ใช่มี 100 ใช้ 100 หมดแล้วไปยืมเพื่อน หรือติดหนี้เครดิต จะเริ่มจากปลูกฝังเด็กตังแต่วัยเรียนก็ได้ครับ (ปัญหาคือ คุณครูผู้สอน พ่อแม่ ก็เป็น) ปัญหาเยอะครับ สะสมมานาน เพราะนักการเมือง เอาเงินแจก เพื่อหาฐานเสียง / งั้นก็คงเสนอเป็น ช่วยกันสงเสริมน้ำดีที่เหลืออยู่ ให้มีสิทธิ์มีเสียง (ปัญหาคือ น้ำดีดูยังไง อยู่ไหน น้ำเสียเยอะมาก) รอคนอื่นมาเสริมครับ อันนี้ผมคิดเห็นแบบนี้
เริ่มจากตัวเรา และขยายไปคนรอบตัวครับ เจอคนที่คิดว่า "ต้องเพิ่มเงินเดือนเพื่อให้พอกับการใช้จ่าย" เดินเข้าไปสอนเลยครับ ว่าอย่ามองที่ตัวเอง มองเศรษฐศาสตร์แบบมหภาพ (อันนี้มีคนเคยบอกว่า คนที่บอกว่า พอไม่เพิ่มค่าแรง คนจนก็จนลง คนรวยก็รวยเอา บางทีเพราะความคิดแบบนี้ก็ได้นะครับ ที่ทำให้คุณคนนั้น เป็นคนรวยไม่ได้ ไม่พอ! ยังฉุดประเทศในระยะยาวด้วย เพราะพอนักลงทุนไม่เข้ามา ไม่มีเงินเข้าประเทศ ก็ล้มทั้งระบบ)สู้ ๆ ครับทุกคน
ประเทศเราก็เป็นแบบนี้มาตั้งนาน ถ้าจะโทษใคร ก็โทษทุกคนนี่แหละ ที่มันทำให้ประเทศมันเป็นแบบนี้ (รวมถึงผมเองด้วย) ถ้าทุกคนในสังคมเปลี่ยนจากคำบ่น คำเหน็บแนม เป็นเสนอแนวทางแก้ปัญหา เสนอไอเดียกัน มันคงดีขึ้นจริงๆ แหละ ผมเชื่่อนะว่าต้องมีวันนั้น
ใช่ครับ ผมไม่อยากให้ ทุกคนถูกมองว่า เป็นนักเลงคีย์บอร์ด เหมือนในวงการฟุตบอล
วิธีแก้ปัญหาก็คงเป็น การพึ่งพาตัวเองให้มากขึ้น ลดการพึ่งพาต่างชาติ เพราะในวันหนึ่งเขาก็ต้องกลับไป
ตอนเขามาก็ต้องพยายามเรียนรู้ให้มาก ไม่ใช่บอกตัวเองว่า รู้แค่นี้เราสบายแล้วเราไม่ต้องขวนขวายอะไรอีก (กับดักนักเรียนดีเด่น) พอวันหนึ่งเขากลับไปก็ต้องเริ่มจาก 0 ใหม่
เขาลงทุนเวียดนามแล้วจะไม่ลงทุนที้ไทยเหรอครับ งง พูดเหมือนประเทศจะล่มสลาย ทั้งๆที่โครงการอื่นๆ ก็ยังดำเนินการอยู่ อย่างเมืองที่มักสันญี่ปุ่นก็กำลังจะลงทุนร่วม
มันก็มีความเป็นไปได้ทั้งนั้นครับ การตื่นตัวมันก็ดีจะได้วิเคราะห์หาสาเหตุว่า ทำไมเขาถึงไม่ตัดสินใจลงทุนโครงการนั้นในไทย แล้วก็ต้องดูหลายๆ ปัจจัยประกอบกัน ที่ว่ายังลงทุนในไทยมันมากน้อยเป็นสัดส่วนขนาดไหน เรื่องพวกนี้มันต้องเอามาวิเคราะห์ครับ ถามว่าล่มสลายมั้ยก็อาจจะไม่ในระยะสั้น แต่ถ้ามัวแต่ใจเย็นไม่สนใจหาสาเหตุ ปล่อยตัวไปตามยถากรรม ในระยะยาวนี่ก็ไม่แน่ครับ
มันมีสิ่งที่เรียกว่าถอนทุน ลดกำลังการผลิต ย้ายฐานการผลิต ไม่ลงทุนเพิ่ม รวมอยู่ในคำว่าย้ายที่ลงทุนไงครับ
ส่วนเรื่องเขาย้ายประเทศลงทะลุนเพราะเสถียรภาพทางการเมืองเหมือนที่หลายคนว่านั่นแหละ ทะเลาะกันจนไม่สนประเทศชาติมองแต่ผลประโยชน์ส่วนตน คนระดับเราก็ได้ปลงครับ... ส่วนค่าแรงขั้นต่ำผมว่าหลายคนมองโคตรแคบ... ช่างมันละกัน
ถ้าไม่พาดหัวแบบชังชาตินิดๆ มันจะไม่คูลครับ
สำหรับใครที่จะโทษว่าที่ญี่ปุ่นถอนการลงทุนเป็นเพราะค่าแรงขั้นตำ่บ้าง ขอบอกไว้ก่อนเลยว่า ไม่ว่าจะขึ้นค่าแรงหรือไม่ขึ้น เขาก็ไปอยู่ดี พัฒนาการของประเทศกำลังพัฒนาไปเป็นประเทศพัฒนาแล้ว ขั้นแรกอยู่ที่การเปิดรับการลงทุนเพื่อให้คนในประเทศมีรายได้ก่อน จากนั้นก็เอาเงินที่ได้จากการลงทุนมาพัฒนาด้านการศึกษา องค์ความรู้ ให้เทียบเท่ากับผู้ที่มาลงทุน เพราะว่าในสังคมอุตสาหกรรมไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมที่พัฒนาเองหรือจากลงทุน คนจะเกิดน้อยลงเนื่องจากต้นทุนในการผลิตแรงงานมันสูงกว่าสังคมเกษตรกรรม ไม่ว่าจะเป็นการศึกษาหรืออะไรต่างๆ คนเกิดน้อยลงค่าแรงก็สูงขึ้นตามอุปสงค์อุปทาน ถ้าจะกดค่าแรงคนก็จะหนีไปทำงานต่างประเทศ ฉะนั้นการถอนการลงทุนจึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ สิ่งที่ทำได้ก็คือพัฒนาองค์ความรู้และเทคโนโลยีไปขายเหมือนผู้ลงทุน ทั้งเกาหลีใต้และจีนก็ผ่านขั้นนี้ไปแล้ว แต่ไทยเรายังไม่ เพราะมัวแต่เหลิงกับความสำเร็จและคิดว่าการลงทุนจะมีไปตลอดซึ่งมันไม่ใช่ แถมเสียเวลาไปสิบปีกับเรื่องโง่ๆ แต่โชคยังดีสำหรับประเทศไทย ที่ตัวภูมิศาสตร์ประเทศเราเป็นศูนย์กลางรอบล้อมไปด้วยประเทศ CLMV สิ่งที่เราควรทำคือลงทุนด้านโลจิสติก เชื่อมทางรถไฟฟ้ากับจีนอินเดียถึงมาเลเซีย สร้างคลองคอดกระ เพราะถึงแม้ว่าประเทศเหล่านี้จะผลิตสินค้าอะไร จะขนส่งก็ต้องผ่านไทยอยู่ดี แล้วเอาเงินที่ได้จากการค้าขายไปลงทุนด้านเทคโนโลยีไปพัฒนาคนให้มีองค์ความรู้ แล้วก็อย่างที่ว่าไว้ช่วงกลางๆอะ
คอคอดกระห้ามสร้างเด็ดขาดครับ ไปปีนเกลียวจักรวรรดิที่อาทิตย์ไม่เคยตกดิน ได้เจอฝูง NGO + บลอกอ่าวไทย เราก็ไปไม่ได้อยู่ดี และผมไม่อยากให้ไทยกลายเป็น 2nd terrorist hub แบบปลายคาบสมุทร .
อีกอย่างยุคนี้มันไม่ต้องขุดคลองแล้วเพราะมันไม่ใช่ยุคเดินเรือ
แค่สร้างรถไฟเชื่อม 2 ฝั่งไว้ขนสินค้า รับรองว่าปลอดภัยกว่า แถมเร็วกว่ามหาศาล
(เรือช้ากว่ารถยนต์ เพราะแรงต้านน้ำมันทำให้ความเร็วลิมิต)
ที่ภาคใต้ NGO โผล่หัวมาประท้วงโรงไฟฟ้าอาจเพราะต้องการ block
แหล่งพลังงานที่จะไปพัฒนาระบบพวกนี้นี่แหละ ตัดไฟแต่ต้นเหง้าเลย 55
น่าสร้างท่าเรือที่เวียดนามแล้วยิงรถไฟตรงไปยุโรปเลยนะครับ เร็วดี
รอ hyperloop ใต้น้ำเลยครับแบบนั้นฮ่า
กว่าจะขนของขึ้นๆ ลงๆ (ไม่นับว่าต้องใช้เรือสองลำ) ดีไม่ดีอีกลำที่ไปอ้อมนี่ถึงก่อนล่ะครับ (อันนี้ก็เวอร์ไป) ?
ไอ้จักรวรรดิที่อาทิตย์ไม่เคยตกดินที่ว่าตอนนี้ง้อจีนยิ่งกว่าอะไรเลย และจีนเนี่ยก็สนับสนุนคลองคอดกระ ส่วนใครกลัวว่าจะมีใครมาบ่งมาบุกไทย คิดว่าประเทศไทยมีกองทัพเรือไว้ทำซากอะไรละ ยุคเดินเรือยังคงอยู่ แต่อัพเกรดเป็นเรือไฟฟ้าและอาจไม่มีคนบังคับ ถ้าเราไม่คิดใหญ่เข้า ประเทศชาติไม่มีวันเจริญหรอก
รายนั้น เค้าถนัดเรื่องสองหน้าอ่ะคับ เป็นวัฒนธรรมมาตั้งหลายสมัย
แถมน่ากลัวกว่าตรงเงียบกริ๊บๆ เดินแต่ละหมากยังกับริคิมารู รู้ตัวอีกทีก็โดยตุ๋ยแล้ว
ฉากหน้าง้อจีน แต่เบื้องหลังก็พยายามหักโค่นฐาณของจีนอยู่อ่ะครับ ลูกกระจ้อกเค้าก็เยอะแยะ
กองทัพก็ไม่ใช่จะรับมือกับสงครามรูปแบบใหม่ๆได้เสมอไปอ่ะครับ
อย่างเจ้า bitcoin เนี่ยผมมองยังไงมันก็เป็นระเบิดเวลาทางการเงินที่ทางทีม โน้นประดิษฐ์ขึ้นมา ใช้บอมบ์ระบบเศรษฐกิจแบบเดียวกับต้มยำกุ้ง
เรื่องการฑูตเนี่ยมันก็จำเป็นต้องเล่นไปตามบทบาทเพื่อรักษาเสถียรภาพของประเทศอยู่แล้ว ในทุกๆ ประเทศ บ้านเรานี่ถ้านับไปไม่รู้ว่ามีกี่หน้า ลื่นไหลยิ่งกว่าไดเกียว เรื่อง BTC ผมว่ามันออกแนวบอมบ์เศรษฐกิจบอมบ์รัฐบาลได้ทุกรัฐบาลอย่างเท่าเทียม ยกเว้นว่าจะเป็นเหรียญอื่นที่สามารถควบคุมได้ง่ายกว่า ลดๆ การอ่านเพจ conspiracy therory แนวๆ Thanon... ลงไปบ้างก็ดีนะครับ
ผมไม่เคยอ่านอะไรพวก นั้นเลยครับ ไม่รู้จักด้วย
มันเป็น fact ที่พอใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ เราก็เริ่มจะมองเห็นมันเอง
BTC เนี่ยตัวประเทศต้นทางเขาต้องออกแบบวัคซีนไว้เฉพาะเพื่อนพ้องใช้อยู่แล้ว
มันเป็นบอมบ์ที่เหมือนเก้าอี้เปลที่แกว่งไปมา ดูเผินๆเหมือนเท่าเทียม
แต่ทันทีที่จังหวะเปลแกว่งไปทางนึง คนออกแบบจะรู้จังหวะที่ บอมบ์ แล้วไม่โดนตัวเอง
ซ้ำบวกลบเสียหาย ยังได้กำไรด้วย
เดี๋ยวเจอ Siamese Talk แล้วจะเหนิวววววว
ผมมองมุมกลับ แสดงว่าประเทศเรา ไม่ใช่ประเทศด้อยพัฒนาแล้ว
เราต้องสร้างจุดยืนของเรา สร้างสรรค์สิ่งที่ บอกบอกความเป็นเรา
สิ่งที่พอจะมองออก การท่องเที่ยว, โลจิสติกส์, อาหารและการเกษตร
เราต้องทำอย่างไร? เช่น จะให้คนมาเที่ยวในประเทศเราใช้จ่ายเงินให้มากที่สุดแต่รู้สึกว่าที่จ่ายไปไม่แพงมันและคุ้มค่าจะทำได้อย่างไร?
ต้องสร้างเทคโนโลยีอะไร? มาช่วย มาประยุกต์ ขับเคลื่อนให้ประเทศเราไปข้างหน้า
คงต้องวางแผน 5-10-15-20-25 ปี เป็นลำดับขั้นตอน
สำคัญที่สุด คนในประเทศเราต้องสามัคคีกันก่อน ครับ
ธุรกิจครับ ทำไรก็หวังผล เขาไม่ได้มาทำให้ฟรีๆ จริงๆ หลอกครับ