Grab เปิดเผยผลการศึกษาและวิเคราะห์ โดยมุ่งไปที่ปัญหาผู้โดยสารกดปุ่มยกเลิกการเรียกรถระหว่างทาง ว่าสามารถทำอย่างไรเพื่อให้อัตราการกดยกเลิกลดลงได้บ้าง โดย Grab เริ่มจากการสอบถามคนขับรถ ได้ข้อมูลเบื้องต้นว่า เมื่อพวกเขาแชตข้อความไปหาผู้โดยสารขณะขับรถไปรับ มักจะไม่ถูกกดยกเลิก ทีม Grab จึงเริ่มศึกษาเรื่องนี้ให้ลึกขึ้น
Grab ทำการทดสอบโดยใช้ปัจจัยร่วมสองอย่างคือ ระยะเวลาที่คนขับเดินทางไปช้ากว่าที่ระบุในแอพ กับรูปแบบข้อความที่แชตไปหา (ประโยคคำถาม, ประโยคส่งผู้ขับรถไม่ใช่ระบบ, ประโยคที่มีอีโมจิ ฯลฯ) ผลพบว่าการแชตหาผู้โดยสารช่วยให้ลดอัตราการกดยกเลิกได้ 2%
ในการศึกษานี้ Grab ยังพบเรื่องน่าสนใจ อาทิ ผู้โดยสารในกัวลาลัมเปอร์ชอบข้อความโต้ตอบสนทนากัน ขณะที่ผู้โดยสารในกรุงเทพฯ ชอบข้อความที่แจ้งสั้นๆ มากกว่า ซึ่ง Grab ก็ให้ความเห็นว่าการให้ผู้โดยสารและคนขับมีบทสนทนากันบ้าง จะช่วยให้ประสบการณ์ใช้งานนั้นดีขึ้น
ที่มา: Tech in Asia
Comments
อยากได้การศึกษาเรื่องทำยังไงให้ผู้ขับรับผู้โดยสารหรือรับแล้วไม่ยกเลิกมากกว่าครับ บางเวลานี่กดไงก็ไม่เคยได้รถ กดรับมาก็โดนแคนเซิล100% ไม่แคนเซิลเองก็ขอให้เราแคนเซิล
โห มีคนโดนแบบนี้ด้วยเหรอครับ ผม และเพื่อนๆผมทุกคน ใช้ grab กันหมด คิดๆดูน่าจะมีอัตรา cancel จากคนขับ ไม่น่าจะถึง 5% เลยนะครับ =_=
อาจเป็นบางที่ครับ วันไหนผมรีบจะไปออฟฟิศตอนเช้านี่ไม่เคยเรียกได้เลย ต้องไปโบกเองตลอด
ผมโดนบ่อยเหมือนกันช่วงหลังๆ ไม่ยอม Cancel เองโทรมาให้ Cancel ผมเคยลองไม่ Cancel โบก Taxi ไปถึงดอนเมืองแล้ว คนขับยังไม่ยอม Cancel เลย จนผมต้องโทรไปที่ Call Center ให้ยกเลิกเอง
ขับรถและพิมพ์โต้ตอบไปด้วยได้นี่ อย่างเทพ
ไม่มีลายเซ็น
สักพักแชทกลับมา “ช่วยกดยกเลิกด้วยครับ ไปรับไม่ได้แล้ว”
ปล่อยค้างไว้แล้วไปเปิดเรียก Uber แทน ?
กลัวจะกลายเป็น เกิดอุบัติเหตุบ่อยขึ้นเพราะคนขับต้องมาแชทหา
ถ้ารอนายแล้วได้ลดค่าโดยสารก็ยินดีที่จะรอครับ
oxygen2.me, panithi's blog
Device: ThinkPad T480s, iPad Pro, iPhone 11 Pro Max, Pixel 6
ลดได้ 2% ... ใครจะเสี่ยงพิมพ์ครับ รถชนมา grab ไม่เคยรับผิดชอบอยู่แล้ว
เอ่อ จริงๆใช้มือถือขณะขับรถมันผิดกฎหมายนะครับ ยิ่งแชทหาที่ต้องใช้สมาธิพิมพ์ยิ่งหนัก
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
โทรกลับมาก็โอแล้วครับ