รัฐบาลนิวซีแลนด์ ตัดสินใจส่งตัว Kim Dotcom ผู้ก่อตั้งเว็บ Mega (หรือ Megaupload เดิม) กลับไปดำเนินคดีในสหรัฐอเมริกา หลังเขาอาศัยอยู่ในนิวซีแลนด์มาตั้งแต่ปี 2010
Kim Dotcom อดีตเจ้าของเว็บ Megaupload ได้ถูกศาลนิวซีแลนด์ตัดสินส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนไปยังสหรัฐฯ เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาเรื่องเว็บไซต์ Megaupload ซึ่งถูกสั่งปิดตั้งแต่ปี 2012 ซึ่งเป็นการตัดสินของศาลสูง Auckland ที่ตัดสินยืนกรานตามคำตัดสินของศาลก่อนหน้านี้
ด้าน Ron Mansfield ทนายของ Dotcom กล่าวว่าการตัดสินใจในครั้งนี้ถือว่าน่าผิดหวังอย่างมาก และ Dotcom จะเข้ายื่นคำร้องต่อศาลอุทธรณ์นิวซีแลนด์ ส่วนตัว Dotcom โพสต์ข้อความบน Twitter โดยมีใจความว่าตัวเขาถูกส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนด้วยกฎหมายที่ไม่เคยถูกใช้เลย
Kim Dotcom ผู้สร้างเว็บ Megaupload ที่ถูกทางการสหรัฐฯ ยึดโดเมนและตามล่าตัวจากนิวซีแลนด์ ประกาศลาออกจากกิจการปัจจุบัน คือ Mega เพื่อหาทางสู้กับคำร้องขอให้ส่งตัวออกจากนิวซีแลนด์ไปดำเนินคดีในสหรัฐฯ พร้อมกับตั้งพรรคการเมือง
เนื่องจาก Kim ไม่ได้เป็นพลเมืองนิวซีแลนด์ แต่เป็นผู้ถือวีซ่าอยู่อาศัย ทำให้เขาไม่สามารถลงรับสมัครเป็นสส. ได้แต่ยังสามารถเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองได้
ระหว่างนี้เขายังทำงานกับ Megabox กิจการใหม่ที่เป็น "iTunes บนเว็บ" เพื่อสร้างพื้นที่สำหรับศิลปินโดยตรงแทนที่จะเป็นค่ายเพลงต่อไป
นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์พูดถึงพรรคใหม่ของ Kim อย่างติดตลกว่าเขาควรตั้งชื่อพรรคว่า "No Hope Party"
Mega บริการใหม่ของผู้สร้าง Megaupload ที่เพิ่งเปิดให้ทดสอบไปเมื่อวันก่อน ระบุว่ามีสมาชิกทะลุ 1 ล้านภายใน 1 วันแรกที่เปิดให้บริการแล้ว
Mega หรือ ร่างใหม่ของ Megaupload คืนชีพแล้ว โดยเริ่มทดสอบในวงปิด ซึ่งสื่อไอทีหลายรายได้รับสิทธิทดสอบกันถ้วนหน้า
Mega โฉมใหม่เป็นพื้นที่เก็บข้อมูลบนกลุ่มเมฆ ที่มีหน้าตาคล้าย Dropbox มาก แต่จุดเด่นของ Mega เหนือบริการอื่นๆ ในปัจจุบันคือข้อมูลทุกอย่างที่อัพโหลดขึ้นไปถูกเข้ารหัสเพื่อรักษาความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ โดยผู้ที่ได้รับไฟล์ต้องได้ private key จากเจ้าของไฟล์เท่านั้น
Kim Dotcom แฮ็กเกอร์ชื่อดังเจ้าของ Megaupload และ Mega อธิบายว่าในอนาคตอันใกล้ ทุกอย่างบนอินเทอร์เน็ตจะถูกเข้ารหัส และ Mega ต้องการเป็นผู้นำในเรื่องนี้
หลังจากข่าวที่โดเมน Me.ga โดนแฮก และพักการใช้งานโดเมน แต่ Kim Dotcom ยังไม่หยุดแค่นี้ และเขากำลังทำงานอย่างหนักเพื่อให้ Megaupload กลับคืนวงการอีกครั้ง
ล่าสุดเขาได้โชว์ภาพเซิร์ฟเวอร์ของเขาที่สามารถเก็บข้อมูลได้ราว 720 terabytes ผ่านทาง Twitter และกล่าวว่านี้เป็นแค่ส่วนหนึ่งของ cloud server ของเขา
ประโยคหนึ่งที่น่าสนใจจากการสัมภาษณ์ของ TorrentFreak
“We expect to fill about 20 petabyte per month in the first 6 months and expect substantial growth after the first Mega API apps hit the market”
จากข่าว Megaupload เตรียมคืนชีพในชื่อใหม่ Me.ga เมื่อไม่กี่วันก่อน ปรากฏว่าแผนการคืนชีพ Megaupload เริ่มต้นไม่ดีตั้งแต่แรกแล้วครับ
หลังจาก Kim Dotcom ประกาศแผนการของ Me.ga ออกไป ก็มีแฮ็กเกอร์กลุ่มหนึ่งที่เรียกตัวเองว่า Omega (ซึ่งเป็นเจ้าของโดเมน Ome.ga ด้วย) แฮ็กเอาโดเมนนี้ไปเรียบร้อย โดยประกาศว่าตัวของ Kim Dotcom ไม่น่าเคารพนับถือ และไม่ได้ดีไปกว่ากลุ่มธุรกิจภาพยนตร์-ดนตรีที่เขาเป็นศัตรูด้วย แถมทางกลุ่มก็ประกาศเสนอขายโดเมนนี้ให้บริษัท Universal ทางทวิตเตอร์อีกด้วย
นับจากเหตุการณ์ FBI บุกยึดเซิร์ฟเวอร์ Megaupload เมื่อต้นปี เราก็เห็นมหากาพย์ของ Megaupload และผู้ก่อตั้ง Kim Dotcom กันมาอยู่เรื่อยๆ (และยังไม่จบง่ายๆ)
คดีของ Megaupload ตอนนี้อยู่ระหว่างการดำเนินคดี รวมถึงที่ทางการสหรัฐฯ ขอตัวไปดำเนินคดีในสหรัฐฯ แต่กระบวนการจับกุม Kim Dotcom ก็มีข้อมูลออกมาว่ามีการดักฟังอย่างผิดกฎหมายเพื่อใช้ในการขอหมายศาลเข้าบุกจับ
หน่วยงานที่ดำเนินการเป็นหน่วยงานของรัฐบาลกลางนิวซีแลนด์ที่ชื่อว่า Government Communications Security Bureau (GCSB) ได้ดักฟังเพื่อค้นหาตัว Kim Dotcom ก่อนจะออกหมายจับ
นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ยอมรับว่ามีเรื่องนี้จริง และกำลังขอให้มีการสอบสวนว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร แสดงความผิดหวังที่มีการดำเนินการอย่างผิดกฎหมาย โดยเขาจะหามาตรการร่วมกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้อีก
หลังจากเว็บฝากไฟล์ชื่อดังอย่าง Megaupload ถูกปิดไป วงการเว็บไซต์ฝากไฟล์ก็เข้าสู่ช่วงวิกฤติ (ส่วนมากแค่ไหนต้องลองดูจากแท็ก Megaupload) และล่าสุดสมาชิกในสมาคมภาพยนตร์อเมริกัน (MPAA) ได้ออกมาพูดถึงประเด็นนี้ในงาน
จากข่าวใหญ่เรื่อง MegaUpload เมื่อเดือนที่แล้ว ซึ่งตำรวจนิวซีแลนด์ได้จับกุมผู้ก่อตั้ง MegaUpload คือ Kim Schmitz หรือ Kim DotCom (เขาเปลี่ยนนามสกุลตัวเอง) และผู้บริหารอีกจำนวนหนึ่ง เนื่องจากข้อหาอาชญากรรมในสหรัฐ
เว็บไซต์ BTjunkie ซึ่งเป็นเว็บไซต์ค้นหาไฟล์ .torrent ยอดนิยมอีกแห่งหนึ่ง ประกาศปิดตัวลงแล้ว หลังจากให้บริการมาตั้งแต่ปี 2005
ผู้ดูแลเว็บไซต์ BTjunkie บอกว่าการปิดตัวครั้งนี้ตัดสินใจปิดเอง (voluntarily shut down) แต่ก็ให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์ TorrentFreak ว่าคดีที่เกิดกับ The Pirate Bay และ Megaupload มีผลต่อการตัดสินใจครั้งนี้ ถึงแม้เว็บไซต์ BTjunkie จะไม่เคยโดนคดีใดๆ แต่เห็นปัญหาที่น่าจะเกิดขึ้นแล้วตัดสินใจปิดเองดีกว่า
ในอดีตนอกจากเว็บที่กล่าวมาแล้ว ยังมีการปิดเว็บ torrent ใหญ่ๆ อย่าง Mininova และ TorrentSpy มาก่อน อย่างไรก็ตามทางผู้ดูแล BTjunkie ก็บอกว่าศึกนี้ยังอีกยาวไกล และยังมีอนาคตในโลกของ BitTorrent อยู่
จากปฏิบัติการสายฟ้าแลบของ FBI บุกปิด-ยึด-จับเว็บไซต์ฝากไฟล์ Megaupload ก็สร้างแรงกระเพื่อมตามมามากมายหลายประเด็น
กรณีของ Megaupload สร้างแรงกระเพื่อมต่อเว็บไซต์รับฝากไฟล์หลายแห่ง ถึงแม้
ประเด็นเรื่อง เอฟบีไอปิดเว็บ Megaupload - สั่งจับทีมงานเว็บ กลายเป็นข่าวใหญ่อีกข่าวของวงการไอทีสหรัฐ และเกิดคำถามขึ้นทันทีว่าเว็บไซต์อื่นๆ โดยเฉพาะเว็บที่มีบริการคล้ายๆ กันจะโดนปิดแบบเดียวกันหรือไม่
สำนักงานสอบสวนคดีพิเศษอเมริกาหรือเอฟบีไอได้จับกุมทีมงานทั้งหมด 7 คนของเว็บให้บริการแชร์ไฟล์ Megaupload วันนี้ หลังศาลอนุมัติในข้อหาปล่อยให้มีการเผยแพร่ไฟล์ที่มีการละเมิดลิขสิทธิ์ ซึ่งสร้างความเสียหายต่อผู้เป็นเจ้าของผลงานทั้งเพลง ภาพยนตร์และรายการโทรทัศน์ โดยขณะนี้มีผู้ถูกจับแล้ว 4 คนในนิวซีแลนด์ ขณะที่อีก 3 คนยังอยู่ในการติดตามตัว โดยโทษสูงสุดคือค่าปรับ 500 ล้านดอลลาร์ และจำคุก 20 ปี
เอกสารคำพิจารณาระบุว่า Megaupload โฆษณาว่าเว็บตนมีไว้สำหรับการแบ่งปันไฟล์ขนาดใหญ่กันระหว่างผู้ใช้งาน แต่ทีมงานก็ทราบดีว่ามีการนำไฟล์ที่ละเมิดลิขสิทธิ์มาเผยแพร่เป็นจำนวนมาก แต่ทางเว็บก็เลือกที่จะไม่ทำอะไรกับมันทั้งที่จัดการได้ ตัวเว็บเองมีรายได้จากแบนเนอร์โฆษณาในเว็บของปีที่ผ่านมา 175 ล้านดอลลาร์