สืบเนื่องจากกรณีที่ Uber ขายกิจการในประเทศจีนให้ Didi Chuxing กระทรวงพาณิชย์ของจีน ได้เริ่มการสอบสวนการควบรวมกิจการนี้แล้ว ว่าอาจจะเข้าข่ายการผูกขาด
กระทรวงพาณิชย์เผยว่าได้พูดคุยกับ Didi ไปแล้ว 2 ครั้ง เพื่อขอข้อมูลและรายละเอียดเกี่ยวกับการควบรวมกิจการ รวมถึงขอเหตุผลจาก Didi ด้วยว่าเหตุใด ถึงไม่ยื่นเรื่องให้ทางการตรวจสอบการผูกขาดตั้งแต่ต้น ทั้งนี้กระทรวงพาณิชย์จีน ไม่ได้ให้รายละเอียดอื่นๆ เกี่ยวกับกระบวนการและระยะเวลาในการสอบสวนครั้งนี้
ที่มา - Wall Street Journal
Didi Chuxing ที่ตอนนี้กลายเป็นยักษ์ใหญ่แต่เพียงผู้เดียวในจีน ประกาศเพิ่มความสามารถในการเรียกและจองรถสำหรับผู้อื่นเพิ่มเข้ามา โดยไม่จำเป็นต้องมีแอพของตัวเอง
กระบวนการจองจะไม่ต่างจากการจองให้ตัวเอง เพียงแต่นอกจากสถานที่แล้ว ผู้ใช้จะต้องกรอกข้อมูลของผู้โดยสารที่ต้องการจองด้วย ขณะที่ผู้เรียกก็จะเห็นรายละเอียดของการเดินทางทั้งคนขับ ทะเบียนรถ ตำแหน่งรถและเวลาประมาณถึงที่หมาย เสมือนเรียกรถเอง ซึ่งผู้โดยสารสามารถจ่ายเป็นเงินสด หรือจะให้ทาง Didi เก็บค่าโดยสารจากบัตรเครดิตของผู้ที่เรียกให้ก็ได้ และฟีเจอร์จองให้ผู้อื่นนี้ สามารถจองรถล่วงหน้าได้เช่นเดียวกับจองให้ตัวเองด้วย
ที่มา - Tech in Asia
สืบเนื่องจากข่าวใหญ่เมื่อเช้าที่ว่า Uber จะรวมกิจการกับ Didi Chuxing ในจีน ซีอีโอของ Grab ซึ่งเป็นคู่แข่งสำคัญของ Uber ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงเคยได้รับเงินทุนจาก Didi ออกมาระบุว่าความสำเร็จของ Didi เป็นเครื่องยืนยันว่า Grab ก็สามารถเอาชนะ Uber ในภูมิภาคได้เช่นกัน
Bloomberg และ Recode รายงานโดยยืนยันแหล่งข่าวว่า Uber ได้ตัดสินใจขายกิจการในประเทศจีน (UberChina) ให้กับ Didi Chuxing บริการเรียกรถแท็กซี่ของจีน ซึ่งทั้งสองบริษัทถือเป็นคู่แข่งรายสำคัญในตลาดแอพเรียกรถที่นั่น
รายละเอียดของดีลเบื้องต้นนั้น ทั้งสองบริษัทจะรวมกิจการกัน ทำให้มีมูลค่าราว 35,000 ล้านดอลลาร์ โดย UberChina จะเป็นผู้ถือหุ้น 20% ใน Didi ทำให้กลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุด (โดยมีผู้ถือหุ้นอื่น อาทิ Apple, Alibaba, Tencent) ส่วน Baidu ก็จะถือหุ้นทางอ้อมผ่าน UberChina ด้วย ส่วน Didi จะลงทุน 1 พันล้านดอลลาร์ใน Uber
ถึงแม้จะเผชิญปัญหาด้านกฎหมายในหลายๆ ประเทศ แต่ในตลาดที่ใหญ่อย่างจีนกลับไม่เป็นปัญหาแล้วสำหรับ Uber รวมถึง Didi Chuxing คู่แข่งท้องถิ่นด้วย หลังรัฐบาลจีนเปิดทางให้การนำรถส่วนตัว มาให้บริการในลักษณะคล้ายแท็กซี่ไม่ผิดกฎหมายอีกต่อไป โดยจะเริ่มมีผลบังคับใช้วันที่ 1 พฤศจิกายนนี้เป็นต้นไป
อย่างไรก็ตามถึงแม้การให้บริการจะเสรี แต่กฎระเบียบหลายๆ อย่างยังค่อนข้างเข้มงวด อย่างการขอใบอนุญาตในการให้บริการสำหรับคนขับ ที่รัฐบาลจีนกำหนดว่าจะต้องมีประสบการณ์ในการขับรถไม่ต่ำกว่า 3 ปี ไม่มีประวัติอาชญากรรม และรถที่วิ่งเกิน 6 แสนกิโลเมตรแล้วไม่สามารถนำมาให้บริการได้ รวมถึงต้องติดตั้ง GPS บนรถด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย
ข่าวนี้ขอรวมเป็น 2 ข่าวเลยนะครับ Uber ระดมทุนรอบใหม่ (Series G) ในประเทศซาอุดิอาระเบียได้เงินมากว่า 3.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ ทำให้ Uber มีมูลค่าสูงถึงกว่า 62.5 พันล้านเหรียญสหรัฐแล้ว
ทาง Uber เคยระบุว่าจะลงทุนในตะวันออกกลางอีกกว่า 250 ล้านเหรียญสหรัฐและการระดมทุนครั้งนี้ทำให้การขยายอาณาจักรของ Uber ในตะวันออกกลางง่ายยิ่งขึ้น โดยปัจจุบัน Uber เปิดให้บริการไปแล้วกว่า 15 ประเทศในภูมิภาค และมีคนมาร่วมขับกว่า 395,000 คน
หลังจากการประกาศของ Uber เพียงหนึ่งวัน ประธานของ Didi Chuxing แอพเรียกแท็กซี่คู่แข่งของ Uber ในประเทศจีนขึ้นกล่าวในงาน Code Conference ว่าบริษัทกำลังระดมทุนรอบใหม่ซึ่งสูงกว่าของตัวเลขของ Uber โดยก่อนหน้านี้ Didi เพิ่งระดมทุนไปได้ราว 5 พันล้านเหรียญ
สวนกระแสเทคสตาร์ตอัพฟองสบู่ เมื่อ Didi Chuxing (ตีติ ชูซิ่ง หรือชื่อเก่า Didi Kuaidi ตีติ ไคว่ตี) บริการเรียกรถแท็กซี่ของจีนประกาศจะเข้า IPO ที่นครนิวยอร์ก สหรัฐฯ ในปี 2017 ตามรายงานของ Bloomberg สืบเนื่องจากประเด็นที่ Apple ลงทุนกับบริการรายนี้ไปกว่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ทว่าคนของ Didi Chuxing ยังไม่เปิดเผยอะไรเพิ่มเติมมากกว่านี้
ที่มา - Reuters