จากข่าว ASICS ผู้ผลิตรองเท้ากีฬาจากญี่ปุ่น ซื้อกิจการแอพ Runkeeper เว็บไซต์ The Verge มีบทวิเคราะห์ว่าแอพฟิตเนสดังๆ ถูกซื้อกิจการโดยบริษัทใหญ่ไปเกือบหมดแล้ว เช่น

• Adidas ซื้อ Runtastic
• Under Armour ซื้อ Endomondo, MapMyFitness และ MyFitnessPal
• Fitbit ซื้อ FitStar

The Verge มองว่าการซื้อกิจการลักษณะนี้ได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย เพราะฝั่งผู้ผลิตอุปกรณ์กีฬาได้ชุมชนผู้ใช้งานที่มีอยู่จำนวนมาก ส่วนฝั่งผู้สร้างแอพก็แก้ปัญหาเรื่องรายได้ เพราะแอพมีคนใช้เยอะจริง แต่คนจ่ายเงินอาจมีไม่เยอะคุ้มกับค่าใช้จ่าย

มีเรื่องราวของ Koby Soto นักศึกษาสาขากฎหมายจากอิสราเอล (และเป็นผู้ร่วมก่อตั้งสตาร์ตอัพ Guesty ระบบดูแลบ้านที่ให้เช่าบน Airbnb) ที่แสดงอัตราการเต้นของหัวใจในวันที่ถูกแฟนหนุ่มตัดความสัมพันธ์ จากการที่เขาสวมใส่อุปกรณ์ wearable tech อย่าง Fitbit Charge HR ตลอดวันนั้น พบว่าตั้งแต่เช้า ชีพจรเฉลี่ยของเขาอยู่ที่ 88bpm จนถูกบอกเลิกทางโทรศัพท์ แม้ไม่ได้ออกกำลังกายใดๆ ชีพจรวิ่งขึ้นไปถึง 88 และ 118bpm ตามลำดับ กว่าจิตใจจะสงบก็เป็นช่วงค่ำเข้าไปแล้ว ...ร่างกายไม่เคยโกหก และอุปกรณ์พวกนี้ก็ช่วยบันทึกเรื่องราวชีวิตของผู้ใช้ได้ในรูปแบบกราฟอย่างจริงจัง

นอกจาก Jack Dorsey และ Ev Williams แล้ว Dick Costolo ถือเป็นหนึ่งอดีตซีอีโอในประวัติศาสตร์หน้าสำคัญของทวิตเตอร์ ลองหาประวัติอ่านดูครับ หนังสือภาคแปลไทยอ่านสนุกมากๆ

ล่าสุด Dick เผยข้อมูลในทวิตเตอร์ของตนว่ากำลังจะเปิดตัวสตาร์ตอัพเกี่ยวกับสุขภาพและการออกกำลังกาย จับใจความได้ว่า "เป็นได้มากกว่าการวัดค่าสุขภาพ สร้างแรงบันดาลใจให้ออกกำลังกาย แต่จะเป็นการเปลี่ยนแปลงตัวเองใหม่ที่สนุกและมีสังคมกับเพื่อนฝูงมากขึ้น" แม้ไม่มีรายละเอียดเพิ่มเติมจากนี้มากนัก แต่ก็เปิดเผยว่าเป็นแพลตฟอร์มซอฟต์แวร์ที่ใช้งานกับอุปกรณ์ได้หลากหลาย มาดูกันว่าเขาจะทำอะไรออกมา

ในงาน CES 2016 ค่าย Fitbit ได้นำ Fitness Watch ตัวใหม่มาร่วมเปิดตัวภายในงานด้วย โดย Fitness Watch ตัวนี้มีชื่อว่า Blaze โดยตั้งอยู่ในระดับระหว่าง Charge HR และ Surge ทีเปิดตัวไปเมื่อปีก่อน

ของใหม่ใน Blaze คือหน้าจอแสดงผลแบบ LCD สี (Surge เป็น E-Ink) และความสามารถในการเปลี่ยนสายโดยการถอดตัวบอดี้ชั้นในเท่านั้น (Surge ต้องส่งศูนย์บริการเพื่อเปลี่ยน) ซึ่งสายเสริมที่มีมาให้เลือกจะมีทั้งสายหนังและสายเหล็ก ที่ผู้ใช้สามารถปรับเปลี่ยนให้เข้ากับสถานการณ์ได้ตามโอกาส

หลายคนอาจจะคุ้นเคยกับผลิตภัณฑ์จากค่าย Misfit ที่ถูกออกแบบมาค่อนข้างแตกต่างโดยเน้นในเรื่องของการสวมใส่ได้ในแบบเครื่องประดับมาก่อน วันนี้ทางค่ายก็ได้ออกผลิตภัณฑ์ตัวใหม่มาแบบที่ไม่ทำให้ต้องผิดหวัง

ด้วยรูปลักษณ์ของ activity tracker ตัวใหม่นั้นได้ฉีกกฎเกณฑ์ของการออกแบบจากเจ้าอื่นๆ โดยมาในลักษณะของอะลูมินัมรูปทรงกระบอกมาพร้อมกับสายยางแบบแบนหรือสายหนังให้เลือกใช้ตามความต้องการ บนกระบอกเล็กๆ นี้จะมีไฟ LED ติดไว้เพื่อบอกสถานะการใช้งาน หน้าตารวมๆ แล้วก็พอจะบอกได้ว่ามันช่างคล้ายกับตะกรุดเสียเหลือเกิน

♫ ♪ ปั่นปั่นจักรย้านไป ปั่นปั่นจักรย้านกัน... เมื่อต้นเดือนธันวาคมหลายท่านคงได้มีโอกาสไปร่วมกิจกรรมปั่นจักรยานระดับชาติกันมา บ้างก็ถือโอกาสนี้หาพาหนะสองล้อนี้มาลองปั่น หากใครที่เพิ่งเข้าวงการแล้วคิดอยากจะเอาจริงเรื่องสุขภาพ นอกจากจะอัพล้อ อัพชุดขับ อัพเฟรม และอัพแรงแล้ว อุปกรณ์อย่าง bike computer หรือคอมพิวเตอร์ติดจักรยานก็เป็นอีกสิ่งที่น่าลงทุน เพราะเป็นอุปกรณ์ที่เอนกประสงค์และใช้ประเมินความก้าวหน้าด้านสุขภาพของผู้ใช้ได้ดี

วันนี้ผมในนาม Blognone มีโอกาสได้ลองใช้ Garmin Edge 520 จะขอมารีวิวให้ฟังในส่วนที่ได้ลองใช้ในระยะเวลาหนึ่ง ถ้าใช้ครบเกรงว่าจะกลายเป็นคู่มือไป และขอเทียบประสบการณ์กับ Edge 510 ที่ผมเองใช้อยู่ประจำด้วยครับ

แอพวัดค่าสุขภาพคู่บุญโอเอส Android อย่าง Google Fit มีอัพเดตใหม่บางประการครับ ซึ่งแอพแยกภายนอกก็ทำได้ แต่ถ้ารักความกลมกลืนกับระบบ ก็น่าจะเป็นประโยชน์ แยกตามบล็อกที่เล่าไว้ดังนี้:

หลังจาก Withings เปิดตัวนาฬิกาข้อมืออย่าง Activité และ Activité Pop ออกมาก่อนหน้า (ตัวพรีเมี่ยมและย่อมเยาตามลำดับ) จุดเด่นคือตัวเรือนเป็นแอนะล็อก แต่วัดค่าสุขภาพ นับก้าวเดิน นับการเผาผลาญ ได้เหมือนสมาร์ทวอทช์ทรงอวกาศ

ล่าสุด แบรนด์จากฝรั่งเศสรายนี้เปิดตัว Activité Steel ออกมาอีกรุ่น วางตัวอยู่ระหว่างรุ่น Activité ปกติและ Pop คือใช้ตัวเรือนโลหะเหมือนรุ่นบน แต่สายรัดข้อมือเป็นซิลิโคนเหมือนรุ่นราคาย่อมเยา ส่วนฟังก์ชั่นอื่นยังเหมือนเดิม คือสามารถวัดค่าสุขภาพต่างๆ ได้ไม่ต่างกับรุ่นอื่น กันน้ำ 50 เมตร ใส่ว่ายน้ำได้ มีแบตเตอรี่ในตัวใช้ได้ราวแปดเดือน ตั้งปลุกและสั่นได้ เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่านบลูทูธ มีสีดำสีเดียว ในราคา 169 เหรียญสหรัฐฯ ย่อมเยากว่า Activité ปกติที่ราคา 450 เหรียญสหรัฐฯ

ค่าสมาชิกสถานออกกำลังกายเดือนหนึ่งก็หลายพันบาท หากต้องจ้างครูฝึกส่วนตัวก็เพิ่มค่าใช้จ่ายและต้องผูกมัดตัวเองกับตารางเวลาที่นัดกัน ล่าสุด Runtastic อีกหนึ่งแบรนด์ที่สร้างแอพและผลิตภัณฑ์วัดค่าสุขภาพ เปิดตัวแอพชื่อ Results ที่จะช่วยออกแบบวิธีการออกกำลังกายเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ อยากได้กล้ามส่วนไหนก็ระบุค่าสุขภาพทั้งมวลกาย มวลไขมัน ฯลฯ แอพจะคำนวณการออกกำลังกายที่เหมาะสมให้ตามแต่ละบุคคล ตั้งกรอบเวลาว่าจะเห็นผลภายใน 12 สัปดาห์

แอพจะแนะนำเป็นวิดีโอการออกกำลังท่วงท่าต่างๆ ชุดละ 15-45 นาที รวมถึงมีไกด์เรื่องการรับประทานอาหารด้วย ทว่าแอพนี้ต้องใช้กับ premium membership ของ Runtastic ด้วย เดือนละประมาณ 9.99 เหรียญสหรัฐฯ รองรับแล้วทั้ง iOS และ Android

จากกระแสสุขภาพที่เริ่มมาแรงขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่ปีที่แล้วเราได้เห็นหลายบริษัทลงมาผลิตอุปกรณ์สวมใส่ เพื่อใช้เป็นเพื่อนรักนักดูแลสุขภาพของคุณ มาถึงปีนี้ก็ได้ออกรุ่นที่ 2 มาหลายตัวล่ะ ไม่ว่าจะเป็น Fitbit Charge HR, Garmin vívofit 2, Garmin vívosmart HR ฯลฯ

คราวนี้ก็ถึงรอบของเหรียญหลวงพ่อชายน์ จากค่าย Misfit บ้างแล้ว กับ Misfit Shine 2 ที่หน้าตาเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือบางลงอีกหน่อย ตัวอุปกรณ์ยังคงกันน้ำได้ ใส่ลงว่ายน้ำได้ลึก 50 เมตร เซ็นเซอร์ตรวจจับความเคลื่อนไหว 3 แกนสำหรับการตรวจจับกิจกรรมการเคลื่อนไหวและการนอน วัดการใช้พลังงานในแต่ละวัน

Garmin เปิดตัวสมาร์ทแบนด์รุ่นใหม่ vívosmart HR อัพเกรดจาก vívosmart รุ่นแรกที่เปิดตัวไปเมื่อปีก่อน (รีวิว) ด้วยการออกแบบใหม่หมด และเพิ่มเซ็นเซอร์วัดชีพจรเข้ามาเป็นครั้งแรก

ด้านการออกแบบ vívosmart HR ต่างจากแบบเดิมที่เน้นความเรียบง่าย ไปเป็นเน้นฟังก์ชัน และใช้งานง่ายแทน หน้าจอสัมผัสใช้ขนาดใหญ่ขึ้น และเพิ่มความละเอียดเป็น 160x68 พิกเซล พร้อมปุ่มสั่งงานที่วางไว้ข้างหน้าจออย่างชัดเจน ฝั่งเซ็นเซอร์วัดชีพจรสามารถทำงานได้ตลอดทั้งวัน ต่างกับบางรายที่จะทำงานเฉพาะการใช้งานบางกิจกรรมเท่านั้น

ซัมซุงปล่อย S Health แอพออกกำลังกายและสุขภาพที่เคยจำกัดเฉพาะมือถือตระกูล Galaxy ให้กับมือถือ Android ยี่ห้ออื่นๆ สามารถดาวน์โหลดไปใช้ได้จาก Play Store แล้ว โดยต้องการ Android 4.4 ขึ้นไป

ผู้ใช้งานสามารถดาวน์โหลด S Health มาใช้เก็บสถิติสุขภาพแบบไม่ต้องล็อกอินได้ แต่ถ้าต้องการซิงก์ข้อมูลส่วนตัว จำเป็นต้องสมัครบัญชี Samsung Account ด้วย

ที่มา - Android Police

Adidas ประกาศเข้าซื้อกิจการ Runtastic บริษัทผู้ผลิตแอพสุขภาพและการออกกำลังกาย ด้วยมูลค่า 240 ล้านดอลลาร์ (220 ล้านยูโร)

Runtastic ก่อตั้งขึ้นที่ออสเตรียในปี 2009 เป็นผู้ผลิตแอพสำหรับฟิตเนส สุขภาพและการออกกำลังกายมากกว่า 20 แอพ ปัจจุบันมียอดดาวน์โหลดรวมกว่า 140 ล้านครั้ง จากผู้ใช้งานจำนวน 70 ล้านคน นอกจากนั้นแล้วยังมีสายรัดข้อมือสุขภาพในชื่อ Runtastic Orbit อีกด้วย

Runtastic กล่าวว่าบริษัทยังคงทำงานจากออฟฟิศในออสเตรียและซานฟรานซิสโก ผู้ใช้งานสามารถใช้งานได้ปกติ และจะมีแอพใหม่ออกภายในสิ้นปีนี้

เอเซอร์โชว์ Leap Curve และ Leap Fit สายรัดข้อมือเพื่อสุขภาพ โดย Leap Curve มากับจอโค้ง OLED ที่แสดงผลขาวดำ เซนเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจและวัดปฏิกิริยาเหงื่อที่ผิวหนัง (Galvanic Skin) ทั้งสองสามารถช่วยวัดระดับความเครียดได้ และใช้ระบบปฏิบัติการของตัวเอง (สนับสนุนการเชื่อมต่อ Android, iOS, Windows) สำหรับ Leap Fit ต่างจาก Leap Curve ตรงที่จอภาพจะไม่โค้งเท่านั้น

ทั้งสองยังอยู่ในระหว่างการผลิตและจะถูกเปิดตัวเป็นทางการช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิถึงต้นฤดูร้อนปีนี้ โดย Leap Curve จะมีราคาสูงกว่า 100 ดอลลาร์เล็กน้อย ส่วน Leap Fit จะมีราคาต่ำกว่า 100 ดอลลาร์

เอซุสเผยภาพและรายละเอียดบางส่วนของ ASUS VivoWatch อุปกรณ์สวมใส่ข้อมือเน้นการใช้งานด้านฟิตเนส ดังนี้

• ตัวเครื่องทำจากสเตนเลสสตีล
• สามารถวัดอัตราการเต้นของหัวใจและติดตามการนอนหลับได้
• แบตเตอรี่อยู่ได้ 10 วัน
• กันน้ำกันฝุ่นระดับ IP67

เว็บไซต์ Engadget คาดจากภาพ (ดูได้ที่ท้ายข่าว) ว่า VivoWatch คงไม่รัน Android Wear และน่าจะมีโหมดแสดงผลขาว-ดำเพื่อประหยัดพลังงาน

เอซุสจะเผยรายละเอียดของ VivoWatch ที่งาน Milan Design Week วันนี้เวลา 10:00 ตามเวลาอิตาลี หรือ 15:00 ตามเวลาประเทศไทยครับ

ที่มา: Engadget

เพิ่งรุกเข้ามาในตลาดอุปกรณ์ไอทีสวมใส่ได้เมื่อไม่กี่เดือนก่อนด้วย Mi Band (อ่านรีวิวที่นี่) วันนี้ Huami บริษัทที่อยู่เบื้องหลังการพัฒนาสายรัดข้อมือรุ่นดังกล่าวก็เดินหน้าแผนไปอีกขั้นด้วยการจับมือกับ Li Ning บริษัทอุปกรณ์กีฬารายใหญ่ของจีนร่วมกันพัฒนารองเท้าอัจฉริยะสำหรับการออกกำลังแล้ว

ความร่วมมือของทั้งสองบริษัทนั้นจะมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาชิปสำหรับใส่เข้าไปในส้นรองเท้าเพื่อเก็บข้อมูลการเดิน การวิ่ง ระยะทาง วิเคราะห์ แล้วส่งไปยังแอพของ Xiaomi (ซึ่งยังไม่บอกว่าต้องใช้ร่วมกับสมาร์ทแบนด์หรือไม่)

หลังจาก Nike+ เลิกทำฮาร์ดแวร์ของตัวเอง หันมาทำแพลตฟอร์มซอฟต์แวร์ วันนี้ Nike ประกาศความร่วมมือกับพันธมิตรฮาร์ดแวร์ 4 รายคือ Garmin, TomTom, Wahoo Fitness, Netpulse ในการเชื่อมอุปกรณ์ของบริษัทเหล่านี้กับ Nike+ (ส่วนใหญ่เป็นนาฬิกาหรือสายรัดข้อมือ)

แอพ Nike+ Running App รุ่นล่าสุด (ทั้งบน iOS/Android) จะเพิ่มหน้าจอ Partners เข้ามาเพื่อให้เชื่อมต่ออุปกรณ์ง่ายๆ