Nothing บริษัทใหม่ของ Carl Pei ผู้ร่วมก่อตั้ง OnePlus ประกาศรับเงินลงทุน Series A 15 ล้านดอลลาร์จากนักลงทุนหลายราย นำโดย GV บริษัทลงทุนของ Alphabet (ชื่อเดิมคือ Google Ventures ตอนหลังเปลี่ยนเป็นชื่อย่อ GV) ตอนนี้ Nothing ระดมทุนได้แล้วทั้งหมด 22 ล้านดอลลาร์

Pei ให้สัมภาษณ์กับ Bloomberg เปิดเผยว่าสินค้าตัวแรกของ Nothing คือหูฟังไร้สาย แต่ก็จะขยายไปยังสินค้าประเภทอื่นๆ ที่นอกเหนือจากด้านเสียงด้วย เป้าหมายในระยะยาวคือสินค้าของบริษัทต้องสามารถสื่อสารกันเองได้

ที่มา - Nothing, Bloomberg

Tokopedia อีคอมเมิร์ซรายใหญ่ในอินโดนีเซีย ประกาศผู้ลงทุนรายใหม่ของบริษัท ได้แก่ กูเกิลและกองทุนเทมาเส็ก โดยไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดจำนวนหุ้นที่สองบริษัทถือครอง และมูลค่าของดีลอย่างเป็นทางการ

ตัวเลขการดำเนินงานของ Tokopedia นั้น มีร้านค้าบนแพลตฟอร์มกว่า 9 ล้านราย มีผู้ใช้งานเป็นประจำมากกว่า 100 ล้านคน และมีการจัดส่งสินค้าเข้าถึง 98% ของเกาะทั้งหมดกว่า 17,000 เกาะ ในอินโดนีเซีย

ผู้ลงทุนรายสำคัญก่อนหน้านี้ของ Tokopedia คือ Alibaba และกองทุน SoftBank Vision Fund

ที่มา: Tokopedia

Go-Jek แพลตฟอร์มเรียกรถจากอินโดนีเซีย ที่ตอนนี้ทำตลาดในไทยด้วยชื่อ Get ประกาศรับเงินเพิ่มทุนซีรี่ส์ F รอบแรก ซึ่งได้เงินไปราว 1 พันล้านดอลลาร์ จากแผนทั้งหมดที่ต้องการ 2 พันล้านดอลลาร์ ส่วนมูลค่ากิจการยังไม่มีการเปิดเผย แต่คาดอยู่ราว 9.5 พันล้านดอลลาร์

รายชื่อนักลงทุนในรอบนี้ก็มากันครบรายใหญ่ไม่ว่าจะเป็น กูเกิล, JD.com, Tencent ร่วมด้วย Mitsubishi Corporation และ Provident Capital

Go-Jek บอกว่าเงินทุนก้อนนี้จะนำมาใช้ขยายธุรกิจให้กว้างขึ้นภายในอินโดนีเซีย ที่ตอนนี้ทำทั้ง มอเตอร์ไซค์, แท็กซี่, ส่งอาหาร, รับจ่ายเงิน, รับส่งพัสดุ และยังนำเงินมาใช้ขยายกิจการในต่างประเทศ ซึ่งตอนนี้มีทั้ง เวียดนาม (Go-Viet), ไทย (Get) และสิงคโปร์

ตามที่ SoftBank ได้เข้ามาซื้อหุ้น Uber จากผู้ถือหุ้นเดิมจนกลายเป็นผู้ถือหุ้น 15% ในมูลค่าที่ลดลง 30% ตอนนี้มีข้อมูลเพิ่มเติมว่าใครบ้างที่เป็นผู้ขายหุ้นให้กับ SoftBank มีรายละเอียดดังนี้

• กองทุน Benchmark ที่เป็นแกนนำกดดันจนอดีตซีอีโอ Travis Kalanick ลาออก ต้องการขายหุ้นออก 25% ของหุ้นที่มีอยู่ แต่เกินกว่าความต้องการของ SoftBank ทำให้ขายได้ 14.5% และได้เงินไปราว 900 ล้านดอลลาร์
• กองทุน Google Ventures ของ Alphabet ซึ่งถือหุ้น Uber อยู่ราว 5% ก็ขายหุ้นออกไป 14.5% ที่ถือครอง ได้เงินไปราว 350 ล้านดอลลาร์
• กองทุน First Round Capital ต้องการขายหุ้นเกือบทั้งหมด แต่ขายได้ราว 40% ได้เงิน 800 ล้านดอลลาร์
• กองทุน Menlo Ventures ขายหุ้นออกไปครึ่งหนึ่ง ได้เงินไป 1 พันล้านดอลลาร์
• อดีตซีอีโอ Travis Kalanick ขายหุ้นที่มีอยู่ 29% ได้เงินไปราว 1,400 ล้านดอลลาร์ เดิมทีเขาประกาศชัดเจนว่าไม่ต้องการขายหุ้น แต่ด้วยเงื่อนไขที่เขาต้องลดบทบาทลง ทำให้ต้องลดสัดส่วนการถือหุ้นด้วยเพื่อให้สอดคล้องกัน

มีรายงานว่ากูเกิลได้เริ่มเจรจาเพื่อร่วมลงทุนในบริการเรียกรถแท็กซี่ Lyft ด้วยเงินสูงถึง 1 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งในอเมริกานั้น Lyft ถือเป็นคู่แข่งเบอร์ 2 ของ Uber

Lyft ได้เงินเพิ่มทุนไปแล้วกว่า 2 พันล้านดอลลาร์ จากนักลงทุนหลายราย รวมทั้ง General Motors, กองทุนของ Andreessen Horowitz และ Rakuten นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนที่จะขยายตลาดสู่ประเทศใหม่ๆ ด้วย

อย่างไรก็ตามกูเกิลมีหน่วยงานย่อยที่จะลงทุนในธุรกิจสตาร์ทอัพหลายแห่ง อาทิ Google Ventures (ซึ่งลงทุนใน Uber ด้วย) หรือตัวบริษัทแม่ Alphabet เอง จึงยังไม่ชัดเจนว่าใครจะเป็นผู้ลงทุนใน Lyft

ที่มา: Axios

Urban Engines เป็นสตาร์ทอัพที่สร้างขึ้นมาในปี 2014 โดยพนักงาน Google ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก Google Ventures และ Eric Schmidt โดยสตาร์ทอัพนี้มีหน้าที่ในการจัดการกับความหนาแน่นในเมืองและปรับปรุงการเดินทางของบุคคล

ข้อมูลที่ Urban Engines นำมาใช้นั้น มาจากเซนเซอร์ต่าง ๆ เช่น GPS ที่ติดตามอุปกรณ์ในยุคปัจจุบัน (Urban Engines เรียกว่า Internet of Moving Things) ซึ่งการจะปรับปรุงชีวิตคนเดินทาง ก็คือเรียนรู้จากแบบแผนพฤติกรรมการเดินทาง ข้อมูลของ Urban Engines ก็จะมาจากการเดินทางของคนเมือง นำมาทำให้ระบุตัวตนไม่ได้ก่อนและรวมเป็นข้อมูล space/time data จากนั้นก็ใช้ Wrap ซึ่งเป็น space/time engine ที่สร้างขึ้นเองมาทำการวิเคราะห์ด้วยอัลกอริทึมพิเศษ

Bill Maris ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Google Ventures ซึ่งเป็นบริษัทที่เน้นการลงทุนในธุรกิจระยะเริ่มต้น (early-stage) ประกาศลาออกจากบริษัท โดยจะได้ David Krane ที่ดำรงตำแหน่ง Managing Partner จะมานั่งเก้าอี้ซีอีโอแทน

เบื้องต้นทาง Business Insider รายงานว่า Bill Maris ยังไม่มีแผนจะไปร่วมงานกับบริษัทไหน โดยจะใช้เวลาพักผ่อนกับครอบครัวก่อน ขณะที่ David Krane ร่วมงานกับ Google มาตั้งแต่ปี 2000 ในตำแหน่งหัวหน้าฝ่าย Global Communication and Public Affairs ก่อนจะเข้าร่วมกับ Google Ventures เมื่อตอนก่อตั้ง เมื่อปี 2009 ก่อจะถูกเลื่อนตำแหน่งเป็น Managing Partner เมื่อปี 2014 โดยดีลที่สำคัญดีลหนึ่งของ Krane คือการลงทุนใน Uber ในระดับซีรีส์ C เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา

กูเกิลประกาศว่า Google Ventures หน่วยลงทุนของกูเกิล จะจับมือกับบริษัทลงทุนชื่อดังของซิลิคอนวัลเลย์อีก 2 รายคือ Kleiner Perkins Caufield & Byers (KPCB) และ Andreessen Horowitz เพื่อลงทุนในบริษัทสตาร์ตอัพที่พัฒนาซอฟต์แวร์บนแว่น Google Glass

โครงการนี้ใช้ชื่อว่า Glass Collective โดยบริษัทลงทุนแต่ละรายจะมองหาสตาร์ตอัพที่น่าสนใจ และแยกกันให้เงินลงทุนแก่สตาร์ตอัพเหล่านั้น เบื้องต้นยังจำกัดเฉพาะสตาร์ตอัพในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น

Kevin Rose ที่เพิ่งเข้าทำงานกับกูเกิลไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา พร้อมกับทีมงานจากบริษัทเดิม (Milk) อีกสามคน เพื่อโฟกัสไปที่การสร้างกระแสให้กับ Google+

แต่ผ่านไปได้ยังไม่ครบไตรมาสดี มีข่าวว่า Rose กำลังจะย้ายแผนกจาก Google+ ไปทำในส่วนของ Google Ventures ที่เน้นการลงทุนในบริษัทเกิดใหม่ทั้งหลายแทน ซึ่งไม่ใช่เรื่องเกินความคาดหมายนัก เพราะว่า Rose เองก็มีประวัติการลงทุนในบริษัทหน้าใหม่ที่กลายเป็นบริษัทชื่อดังหลายต่อหลายแห่ง เช่น Twitter, Zynga, Square, Foursquare, Path, Digg หรือแม้แต่ Facebook ด้วย

หลังจากมีข่าวออกมา ทาง The Next Web ได้ติดต่อไปทางกูเกิล และได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการแล้วว่า Rose นั้นได้เข้าร่วมในส่วนของ Google Ventures จริงๆ