มีรายงานว่า SoftBank ได้ซื้อพื้นที่และอาคารที่เคยเป็นโรงงานผลิตชิ้นส่วนจอ LCD ของ Sharp ในเมืองโอซากา ประเทศญี่ปุ่น เพื่อปรับปรุงเป็นศูนย์ข้อมูลสำหรับงานประมวลผล AI ที่ร่วมมือกับ OpenAI
มูลค่าของพื้นที่โรงงานและอาคารที่ SoftBank ซื้อจาก Sharp ระบุว่าอยู่ที่ราว 1 แสนล้านเยน หรือประมาณ 2.2 หมื่นล้านบาท ศูนย์ข้อมูลคาดว่าจะเปิดดำเนินการในปี 2026 กำลังไฟฟ้า 150 เมกะวัตต์ จะเป็นศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศญี่ปุ่น
Bloomberg ประเมินข้อมูลจากรายงานของบริษัทที่เกี่ยวข้อง เช่น Fidelity หรือ T. Rowe Price พบว่าผู้ลงทุนใน ByteDance บริษัทแม่ของ TikTok ได้ประเมินมูลค่ากิจการบริษัทนี้ล่าสุดไว้ที่ประมาณ 4.1-4.5 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นจากปลายปีที่แล้ว 3 แสนล้านดอลลาร์ แม้บริษัทจะเผชิญปัญหาการให้บริการ TikTok ในอเมริกาอยู่
SoftBank ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทที่ลงทุนใน ByteDance เช่นกัน ประเมินมูลค่ากิจการที่ประมาณ 4 แสนล้านดอลลาร์ โดยตอนนี้ให้มูลค่าธุรกิจ TikTok ในอเมริกาที่ศูนย์ เนื่องจากมีความเสี่ยงที่อาจต้องปิดบริการ ตัวเลขโดยรวมจึงสามารถเพิ่มขึ้นได้หาก TikTok กลับมาให้บริการได้ตามปกติ
มีรายงานว่า OpenAI ได้ชี้แจงกับนักลงทุนในบริษัท เป็นตัวเลขคาดการณ์รายได้-ค่าใช้จ่ายของบริษัทในอนาคต โดยประเมินว่าในปีนี้ 2025 รายได้บริษัทจะเพิ่มขึ้นมากกว่า 3 เท่าจาก 3.7 พันล้านดอลลาร์ เป็น 1.25 หมื่นล้านดอลลาร์ ส่วนใหญ่เป็นการจากการทำข้อตกลงกับ SoftBank
บริษัทประเมินค่าใช้จ่ายจะเพิ่มสูงตามเช่นกัน ในปี 2024 บริษัทมีค่าใช้จ่ายประมาณ 5 พันล้านดอลลาร์ คาดว่าตัวเลขจะเพิ่มขึ้นอีกมากโดยปี 2027 ประเมินที่ 2 หมื่นล้านดอลลาร์ และในปี 2030 ค่าใช้จ่ายส่วนเซิร์ฟเวอร์ประมวลผลที่เป็น Inference ในการรันโมเดล AI จะสูงกว่าส่วนฝึกฝนหรือ Training เป็นครั้งแรก
eFishery สตาร์ทอัปสายเทคโนโลยี ที่เน้นเรื่องระบบจัดการประมงจากอินโดนีเซีย ซึ่งมีสถานะเป็นยูนิคอร์นหรือมีมูลค่ากิจการมากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ เมื่อปี 2023 หลังรับเงินเพิ่มทุนซีรีส์ D โดยมีทั้งกองทุน 42XFund จาก UAE, Temasek และกองทุน Vision Fund 2 ของ SoftBank ร่วมลงทุนด้วย ผ่านไปเพียง 2 ปี สถานการณ์ดูจะลำบากมากขึ้น
SoftBank รายงานผลประกอบการของไตรมาสเดือนธันวาคม 2024 มีรายได้รวม 1.832 ล้านล้านเยน ขาดทุนสุทธิ 3.69 แสนล้านเยน ซึ่งมีสาเหตุหลักจากการบันทึกขาดทุนการลงทุนของบริษัท เฉพาะกองทุน Vision Funds ขาดทุน 3.40 แสนล้านเยน ขณะที่ส่วนการลงทุนใน Alibaba ขาดทุน 3.77 แสนล้านเยน และ T-Mobile กำไร 1.86 แสนล้านเยน
David Faber ผู้สื่อข่าวของ CNBC รายงานข้อมูลจากแหล่งข่าวเกี่ยวกับแผนการลงทุนใน OpenAI รอบใหม่ของ SoftBank วงเงิน 4 หมื่นล้านดอลลาร์ ที่มีข่าวก่อนหน้านี้ ว่ามูลค่ากิจการได้ข้อสรุปที่ 2.6 แสนล้านดอลลาร์
ตัวเลขนี้ลดลงจากที่รายงานก่อนหน้าว่า 3 แสนล้านดอลลาร์ และหากอ้างตัวเลขแรกที่คุยกันรอบแรกอยู่ที่ 3.4 แสนล้านดอลลาร์
เงินลงทุนใหม่นี้ส่วนหนึ่ง OpenAI จะนำมาใช้ลงทุนกับโครงการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน AI ในอเมริกา Stargate (ที่ SoftBank ก็ร่วมลงทุนด้วย)
OpenAI และ SoftBank ประกาศความร่วมมือเพื่อพัฒนาและทำตลาดปัญญาประดิษฐ์ขั้นสูงสำหรับองค์กร (Advanced Enterprise AI) โดยมีชื่อเรียกว่า Cristal intelligence ซึ่งเป็นการรวมระบบและข้อมูลปรับแต่งการทำงานสำหรับลูกค้าองค์กรแต่ละราย
SoftBank จะลงทุนในสหรัฐอเมริกาสำหรับการพัฒนาโซลูชันนี้ 3,000 ล้านดอลลาร์ต่อปี โดยดีพลอยให้กับทุกบริษัทในเครือ SoftBank ทำให้เป็นการใช้ Cristal intelligence ในวงกว้างครั้งแรก ร่วมกับเครื่องมือของ OpenAI ที่มีอยู่แล้วอย่าง ChatGPT Enterprise
ทั้ง OpenAI และ SoftBank ยังประกาศตั้งบริษัทร่วมทุนเรียกชื่อว่า SB OpenAI Japan เพื่อทำตลาด Cristal intelligence ให้กับบริษัทในญี่ปุ่นด้วย
The Wall Street Journal อ้างแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องบอกว่า OpenAI กำลังเจรจาเพื่อรับเงินลงทุนรอบใหม่สูงถึง 40,000 ล้านดอลลาร์ ที่มูลค่ากิจการประมาณ 300,000 ล้านดอลลาร์ โดยมี SoftBank เป็นแกนนำในการลงทุนรอบนี้
ตัวเลขเบื้องต้นส่วนที่ SoftBank จะลงทุนอยู่ที่ราว 15,000-25,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งแหล่งข่าวบอกว่าตัวเลขมูลค่ากิจการที่คุยกันครั้งแรกนั้นอยู่ที่ 340,000 ล้านดอลลาร์ แต่มีการปรับลดลงมา
มูลค่ากิจการปัจจุบันของ OpenAI อยู่ที่ 157,000 ล้านดอลลาร์ จากการรับเงินลงทุนเมื่อเดือนตุลาคม 6,600 ล้านดอลลาร์ ซึ่ง SoftBank ก็ร่วมลงทุนด้วยเช่นกัน
ประธานาธิบดี Donald Trump ประกาศโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน AI ของภาคเอกชน โดยการก่อสร้างจะเกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกาผ่านบริษัทร่วมทุนซึ่งเรียกชื่อว่า Stargate
บริษัทร่วมทุนนี้มีบริษัทใหญ่เข้าร่วม 3 รายคือ Oracle, SoftBank และ OpenAI ซึ่งซีอีโอของทั้งสามบริษัทคือ Larry Ellison, Masayoshi Son และ Sam Altman ก็เข้าร่วมการแถลงข่าวที่ทำเนียบขาวด้วย มูลค่าการลงทุนรวม 5 แสนล้านดอลลาร์ ในระยะเวลา 4 ปี โดยยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติม ซึ่งคาดว่าจะมีบริษัทอื่นเข้าร่วมด้วยเช่นกัน
Trump บอกว่าการลงทุนนี้ถือเป็นเรื่องฉุกเฉินของอเมริกา โครงสร้างพื้นฐาน AI ต้องถูกสร้างขึ้นมา มีการใช้ไฟฟ้าจำนวนมากจึงต้องมีการสร้างสิ่งต่าง ๆ มารองรับ คาดว่าจะเพิ่มการจ้างงานได้กว่า 1 แสนตำแหน่ง
สำนักข่าว Bloomberg อ้างแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องบอกว่า SoftBank และ Arm ซึ่ง SoftBank เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ กำลังพิจารณาซื้อกิจการบริษัท Ampere Computing บริษัทผู้ผลิตซีพียูสถาปัตยกรรม Arm สำหรับเซิร์ฟเวอร์
ก่อนหน้านี้ Ampere ได้เจรจากับที่ปรึกษาทางการเงิน เพื่อให้หาบริษัทที่สนใจซื้อกิจการทั้งบริษัท ทำให้สะท้อนถึงสภาพตลาดการผลิตซีพียูเซิร์ฟเวอร์ว่ามีการแข่งขันสูงจน Ampere เองยังไม่สามารถ exit ด้วยการไอพีโอเข้าตลาดหุ้นได้ ดังนั้นหากการเจรจาของ SoftBank กับ Arm ไม่บรรลุข้อตกลง Ampere ก็จะหาบริษัทอื่นมาซื้อกิจการอยู่ดี
Ampere มีผู้ลงทุนในบริษัทหลายรายรวมทั้ง Oracle ซึ่งถือหุ้นอยู่ประมาณ 29%
Paytm ผู้ให้บริการจ่ายเงินดิจิทัลรายใหญ่ในอินเดีย ประกาศทำข้อตกลงขายหุ้น 5.4% ที่ถือใน PayPay แพลตฟอร์มจ่ายเงินดิจิทัลในญี่ปุ่นให้กับ SoftBank คิดเป็นมูลค่า 23,640 ล้านรูปี หรือประมาณ 9,500 ล้านบาท คาดว่าการซื้อขายจะเสร็จสิ้นในเดือนนี้
การขายหุ้นของ PayPay ส่วนนี้ออกมา เป็นไปตามกลยุทธ์การขายสินทรัพย์ที่ไม่ใช่ธุรกิจหลักของ Paytm ออกไป และเพิ่มสินทรัพย์ที่เป็นเงินสดให้บริษัท ก่อนหน้านี้บริษัทก็ขายธุรกิจขายบัตรชมคอนเสิร์ต-กีฬาให้ Zomato แพลตฟอร์มเดลิเวอรีในอินเดีย
Paytm บอกว่าบริษัทยังคงความร่วมมือสนับสนุนด้านผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีของ PayPay ในญี่ปุ่นต่อไปในอนาคต
CNBC รายงานการซื้อหุ้น OpenAI เพิ่มเติมของ SoftBank เป็นมูลค่ารวมประมาณ 1,500 ล้านดอลลาร์ ผ่านการให้ข้อเสนอกับพนักงาน OpenAI นำหุ้นบริษัทที่ได้รับจัดสรรมาขายเพื่อเปลี่ยนเป็นเงินสด โดยพนักงานมีเวลาตัดสินใจถึงวันที่ 24 ธันวาคมนี้
ปัจจุบัน SoftBank ลงทุนใน OpenAI อยู่แล้วเป็นมูลค่า 500 ล้านดอลลาร์ ผ่านการเพิ่มทุนรอบล่าสุดเมื่อเดือนตุลาคม
SoftBank รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสเดือนกันยายน 2024 รายได้รวม 1.768 ล้านล้านเยน และมีกำไรสุทธิ 1.227 ล้านล้านเยน ซึ่งอัตรากำไรสุทธิที่สูงนั้นเป็นผลจากการบันทึกผลตอบแทนของบริษัทที่ไปลงทุน ซึ่ง SoftBank บันทึกกำไรส่วนนี้ถึง 2.01 ล้านล้านเยน ส่วนใหญ่มาจากราคาหุ้นของ T-Mobile และ Alibaba ที่ปรับเพิ่มขึ้น
ในงาน NVIDIA AI Summit Japan วันนี้ ระหว่างการแถลงข่าว มีช่วงที่ Jensen Huang ซีอีโอ NVIDIA และ Masayoshi Son ซีอีโอ SoftBank ได้คุยกัน แต่ช่วงหนึ่ง Jensen ก็ระบุว่า Masayoshi นั้นเป็นบริษัทที่อยู่กับผู้ชนะเสมอ ไม่ว่าจะเป็นการขายซอฟต์แวร์ไมโครซอฟท์ในญี่ปุ่น, การลงทุนใน Aliababa พร้อมกับย้ำให้ผู้ฟังว่า SoftBank เคยเป็นผู้ถือหุ้น NVIDIA ที่ใหญ่ที่สุด (แต่ขายไปแล้ว) จังหวะแซวนี้ถึงกับทำให้ Masayoshi ลงไปซบไหล่ Jensen
SoftBank เคยถือหุ้น NVIDIA ถึง 4.9% แต่ขายไปเมื่อปี 2019 ในราคาเพียง 4,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ มูลค่าปัจจุบันอยู่ที่ 178,000 ล้านดอลลาร์ เทียบกับเงินที่ SoftBank ขาดทุนจากการลงทุน WeWork 14,000 ล้านดอลลาร์
ที่งาน NVIDIA AI Summit Japan วันนี้ Masayoshi Son ซีอีโอ SoftBank และ Jensen Huang ซีอีโอ NVIDIA ประกาศว่าทาง SoftBank จะซื้อ NVIDIA DGX SuperPOD ที่ใช้ชิป Blackwell ตัวแรกโลก หลังจากรันแล้วจะกลายเป็นซูเปอร์คอมพิวเตอร์สำหรับประมวลผลปัญญาประดิษฐ์ที่แรงที่สุดในญี่ปุ่น
ทาง SoftBank ไม่ได้ประกาศเจาะจงว่าจะนำเครื่องนี้ไปทำอะไรบ้าง แต่บริษัทในกลุ่มมีจำนวนมากที่ทำงานด้านปัญญาประดิษฐ์อยู่ เช่น SB Intuitions กำลังพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ LLM ภาษาญี่ปุ่น
นอกจาก SoftBank แล้ว บริษัทญี่ปุ่นหลายรายก็ออกมาประกาศติดตั้งเซิร์ฟเวอร์ NVIDIA กันเพิ่มเติมรองรับความต้องการด้านปัญญาประดิษฐ์ เช่น
มีรายงานจาก The Information เปิดเผยผู้ลงทุนอีกรายในการเพิ่มทุนรอบใหม่ของ OpenAI ที่ซีเอฟโอคาดว่าจะประกาศได้ในสัปดาห์นี้นั่นคือ SoftBank โดยคาดว่าจะร่วมลงทุนเป็นเงิน 500 ล้านดอลลาร์
ก่อนหน้านี้มีรายงานจำนวนเงินรวมจากนักลงทุนที่ OpenAI จะได้รับในรอบนี้อยู่ที่ราว 6,500 ล้านดอลลาร์ บนมูลค่ากิจการ 1.5 แสนล้านดอลลาร์ แต่ OpenAI อาจต้องปรับโครงสร้างองค์กรให้รองรับระบบส่วนแบ่งกำไรเพื่อนักลงทุนด้วย
SoftBank และ OpenAI ไม่ได้ออกมาให้ความเห็นต่อรายงานข่าวนี้
Financial Times รายงานว่า SoftBank เคยหารือกับอินเทล ในการพัฒนาชิปประมวลผลสำหรับปัญญาประดิษฐ์หรือ AI แต่สุดท้ายการเจรจาไม่ประสบความสำเร็จ เนื่องจากอินเทลไม่สามารถทำตามเงื่อนไขของ SoftBank ได้
แหล่งข่าวระบุว่า SoftBank เป็นฝ่ายที่ขอยกเลิกแผนดังกล่าว โดยบอกว่าอินเทลไม่สามารถรองรับความต้องการจำนวนชิปที่ SoftBank ต้องการ ตลอดจนความเร็วในการส่งมอบได้ ซึ่งเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นก่อนที่อินเทลจะประกาศปลดพนักงาน 15%
รายงานบอกว่า SoftBank ยังคงแสดงความต้องการพาร์ตเนอร์ในการผลิตชิป AI โดยตอนนี้อยู่ในขั้นตอนการเจรจากับ TSMC ทั้งนี้อินเทลและ SoftBank ยังไม่ได้ออกมาแสดงความเห็นต่อข่าวดังกล่าว
SoftBank Group ซื้อกิจการ Graphcore บริษัทผู้ผลิตชิปเร่งความเร็วปัญญาประดิษฐ์สัญชาติอังกฤษ โดยไม่เปิดเผยมูลค่า
Graphcore ก่อตั้งในปี 2016 โดย Nigel Toon และ Simon Knowles สองคู่หูที่เคยก่อตั้งบริษัท Icera ผลิตชิปโมเด็ม 3G ซึ่งขายกิจการให้ NVIDIA ในปี 2011
ชิปของ Graphcore เรียกว่า Intelligence Processing Unit (IPU) เป็นชิปสำหรับประมวลผลแบบขนาน ประกอบด้วยชิปย่อยๆ จำนวนมากเพื่อให้ประมวลผล machine learning ได้ดี ในช่วงที่ผ่านมา มี Microsoft Azure นำชิปของ Graphcore ไปใช้งาน แต่ Graphcore กลับไม่ประสบความสำเร็จนักในยุค AI บูม (ยิ่งเมื่อเทียบกับผลประกอบการของ NVIDIA ที่ถือเป็นคู่แข่งโดยตรง) จนต้องหาทางออกด้วยการขายกิจการ
SoftBank ประกาศตั้งบริษัทร่วมทุน (Joint Venture) กับ Tempus AI บริษัทพัฒนาเครื่องมืออ่านข้อมูลผลการตรวจสุขภาพด้วย AI เพื่อดำเนินธุรกิจด้านเทคโนโลยีสุขภาพในประเทศญี่ปุ่น
ในข้อตกลงของการตั้งบริษัทร่วมทุน SoftBank และ Tempus AI จะลงทุนฝ่ายละ 15,000 ล้านเยน จัดตั้งบริษัท SB TEMPUS นำเทคโนโลยีสุขภาพและ AI ที่ Tempus AI ให้บริการอยู่แล้วในสหรัฐอเมริกา ขยายมายังลูกค้าในประเทศญี่ปุ่น
มีรายงานว่า Oyo สตาร์ทอัปโรงแรมราคาประหยัดของอินเดีย ได้ปิดดีลเพิ่มทุนรอบล่าสุด รับเงินประมาณ 100-125 ล้านดอลลาร์ ที่มูลค่ากิจการ 2,500 ล้านดอลลาร์ ซึ่งลดลงจากที่เคยได้มูลค่าถึง 10,000 ล้านดอลลาร์ ในปี 2019
ที่ปรึกษาทางการเงินของ Oyo บอกว่า มูลค่าที่ลดลงของ Oyo นั้นสมเหตุสมผลมากขึ้น เพราะลดลงมาจากมูลค่าเดิมราว 70% ขณะเดียวกันธุรกิจก็เริ่มทำกำไรได้แล้ว ตามแผนนั้นคาดว่าจะนำ Oyo เข้าตลาดหุ้นได้ภายใน 18-24 เดือนข้างหน้า
มีกรณีของการนำ AI มาใช้สำหรับการทำงานที่น่าสนใจ โดย SoftBank บริษัทโทรคมนาคมรายใหญ่ของญี่ปุ่น เปิดเผยว่ากำลังพัฒนาซอฟต์แวร์ที่มี AI ช่วยประมวลผลเบื้องหลัง มาใช้ปรับระดับอารมณ์เสียงของลูกค้าที่ติดต่อเข้ามายังศูนย์บริการลูกค้าหรือคอลเซนเตอร์
การทำงานของซอฟต์แวร์นี้จะปรับอารมณ์น้ำเสียงของลูกค้าที่โทรศัพท์ติดต่อเข้ามาให้นุ่มนวลลง หากลูกค้ามีน้ำเสียงที่โมโหหรือเกรี้ยวกราด ซึ่งช่วยให้ฝ่ายบริการลูกค้าสามารถสนทนาสื่อสารโดยไม่มีแรงกดดัน และช่วยด้านสุขภาพจิตของพนักงานด้วย
SoftBank จะเริ่มทดสอบเทคโนโลยีทั้งภายในบริษัทและกับลูกค้าภายนอกภายในปีหน้า และคาดว่าจะนำโซลูชันไปขายให้องค์กรอื่นภายในต้นปี 2026
SoftBank รายงานผลประกอบการของไตรมาสเดือนมีนาคม 2024 มีรายได้รวม 1.75 ล้านล้านเยน และมีกำไรสุทธิ 2.31 แสนล้านเยน ซึ่งเป็นกำไรไตรมาสที่สองติดต่อกัน โดยมีปัจจัยบวกจากผลตอบแทนของการลงทุนในบริษัทโดยตรงของ SoftBank ซึ่งมากกว่าส่วนขาดทุนจากกองทุน Vision Fund
พอร์ตการลงทุนของ SoftBank ในไตรมาสล่าสุด เป็นไปตามกลยุทธ์ที่บริษัทประกาศตั้งแต่ปีที่แล้วคือย้ายจาก Alibaba ไปสู่ AI โดยล่าสุดบริษัทมีหุ้น Alibaba ระดับ 0.00% ของพอร์ตการลงทุนรวม โดยเป็น Arm 47% และสัดส่วนประเทศของบริษัทที่ลงทุนก็ปรับจากจีน 52% เหลือ 6% โดยส่วนที่เพิ่มขึ้นมาแทนก็คือยุโรปซึ่งเป็นภูมิภาคของ Arm นั่นเอง
มีรายงานจาก Nikkei Asia ว่า Arm จะตั้งแผนกใหม่ภายในบริษัท เพื่อพัฒนาชิปสำหรับ AI โดยเฉพาะ คาดว่าต้นแบบแรกจะออกมาในต้นปี 2025 และเริ่มเข้าสู่การผลิตกับโรงงานพาร์ตเนอร์ซึ่งคาดว่าเป็น TSMC ในปลายปี 2025
การตั้งฝ่ายใหม่ย่อมมาพร้อมต้นทุนในการวิจัยและพัฒนา ซึ่งรายงานบอกว่า Arm จะออกค่าใช้จ่ายเองก่อน โดยมี SoftBank ผู้ถือหุ้นใหญ่ใน Arm ให้เงินทุนสนับสนุนระดับหลายแสนล้านเยน จนกระทั่งการผลิตชิป AI นี้ เข้าสู่สายการผลิตหลักและมีรายได้ชัดเจน SoftBank มีแผนจะให้ Arm แยกส่วนธุรกิจนี้ออกมาเป็นอีกบริษัทในเครือ SoftBank ต่อไป
Choi Sooyeon ซีอีโอ Naver บริษัทอินเทอร์เน็ตรายใหญ่ในเกาหลีใต้ เปิดเผยในการแถลงผลประกอบการประจำไตรมาส ว่าบริษัทกำลังพิจารณาว่าจะลดสัดส่วนการถือหุ้นหรือขายหุ้นทั้งหมดใน LY Corp บริษัทโฮลดิ้งที่เป็นเจ้าของ LINE และ Yahoo Japan หรือไม่
มีรายงานว่า Masayoshi Son ผู้ก่อตั้ง SoftBank กำลังพิจารณาตั้งกองทุนมูลค่าถึง 1 แสนล้านดอลลาร์ เพื่อโฟกัสการลงทุนในบริษัทเกี่ยวกับอุตสาหกรรมชิปโดยเฉพาะ เป้าหมายคือให้มีบริษัทที่สามารถแข่งขันด้านชิป AI กับ NVIDIA ตลอดจนซัพพลายเชนที่เกี่ยวข้อง
โครงการตั้งกองทุนดังกล่าวมีโค้ดเนมภายในว่า Izanagi เบื้องต้น SoftBank จะลงเงินเอง 3 หมื่นล้านดอลลาร์ และรับเงินจากนักลงทุนภายนอกอีก 7 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งตอนนี้ที่กำลังเจรจาคือกลุ่มทุนจากตะวันออกกลาง
ปัจจุบัน SoftBank เป็นผู้ถือหุ้นหลักในบริษัทออกแบบชิป Arm ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างดีจากการไอพีโอเข้าตลาดหุ้น