ผ่านสามวันแรกไปแล้ว แอปเปิลเลยขอประกาศตัวเลขอย่างเป็นทางการเสียที ซึ่งยอดขายที่ทำได้ใน 3 วันแรก คือ 13 ล้านเครื่อง อันเป็นการทุบสถิติยอดขายสินค้าของแอปเปิลแทบทุกชิ้น รวมถึง iPhone 6 ที่เปิดตัวเมื่อปีที่แล้วด้วย

แอปเปิลระบุเพิ่มเติมว่ายอดขายเฉพาะสองวันแรก (25-26 กันยายน) จะถูกนำไปคิดรวมกับยอดขาย iPhone ประจำไตรมาสที่ 4 ของปีการเงิน 2015 ด้วย ส่วนยอดในวันที่ 27 กันยายน จะถูกยกยอดไปคิดรวมกับยอดขาย iPhone ประจำไตรมาสที่ 1 ของปีการเงิน 2016 (ตุลาคม-ธันวาคม 2015) แทน

พร้อมกันนี้แอปเปิลยังประกาศเพิ่มว่าจะวางจำหน่าย iPhone 6s เพิ่มอีกกว่า 40 ประเทศตั้งแต่วันที่ 9 ตุลาคมนี้เป็นต้นไป และจะวางจำหน่ายครบทั้ง 130 ประเทศที่มี iPhone วางจำหน่ายภายในสิ้นปีนี้ครับ

ผู้ใช้ YouTube ที่ใช้ชื่อว่า Zach Straley ได้ทดสอบความสามารถในการกันน้ำของ iPhone 6s และ 6s Plus ด้วยการนำมือถือทั้งสองรุ่นนี้จุ่มลงในอ่างน้ำ แล้วพบว่าหลังจากโดนแช่ในน้ำ 1 ชั่วโมงเต็มพร้อม ๆ กับการเปิดเครื่องใช้งาน ไอโฟนทั้งสองรุ่นยังสามารถใช้งานได้ปรกติ

โดยจากข้อมูลของผู้ทดสอบรายนี้ พบว่าทั้งพอร์ตเสียบหูฟัง 3.5 มม. และพอร์ต Lightning ยังสามารถใช้งานได้ปรกติ และยังไม่พบความเสียหายอย่างใดเลย

ดูคลิปได้หลังข่าวครับ (เริ่มต้นที่ 1:33 นาที)

หลังการจำหน่ายเพียงไม่กี่ชั่วโมงสำนักแกะเจ้าดัง iFixit ได้ชำแหละ iPhone 6s และ iPhone 6s Plus พบความเปลี่ยนแปลงหลักๆ ดังนี้

• ซีพียู Apple A9 APL0898 และรวม M9 ไว้ในชิป
• แรม LPDDR4 2GB
• ชิปควบคุม 3D Touch Apple 343S00014 และ Taptic Engine
• ชิป LTE Qualcomm MDM9635M
• ใช้อะลูมิเนียมซีรีส์ 7000 (iPhone 6 และ 6 Plus ใช้ซีรีส์ 6063) และกระจกแบบ Ion-X

iFixit ให้คะแนนความง่ายในการซ่อมสำหรับ iPhone 6s และ iPhone 6s Plus ที่ 7 เต็ม 10 คะแนน เท่ากันกับ iPhone 6 และ iPhone 6 Plus เมื่อปีที่แล้ว

โค้งสุดท้ายก่อนขายจริงช่วงศุกร์สุดสัปดาห์นี้ ก็เริ่มมีรีวิว iPhone 6s ชุดแรกๆ ของโลกออกมาบนโลกออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ชื่อดังต่างๆ กันแล้ว

หลายรีวิวให้ความเห็นตรงกันว่าตัวเครื่อง iPhone 6s เหมือนกับรุ่นก่อนหน้าทุกประการตามช่วงการเปิดตัวรุ่น s ที่อัพเกรดสเปค เข้ามา จุดที่เปลี่ยนไปคือตัวเครื่องหนาขึ้นเล็กน้อย หนักขึ้นนิดหน่อย จากการใส่แผงรับแรงกดใต้หน้าจอเพื่อใช้งานกับฟีเจอร์ใหม่อย่าง 3D Touch ที่ถูกติงมากที่สุดคงหนีไม่พ้นความจุเริ่มต้นที่ยัง 16GB เท่าเดิม

เว็บไซต์ข่าว The Verge รายงานว่า แอปเปิลได้ส่งอีเมลหาลูกค้าเพื่อขอโทษและแจ้งให้กับลูกค้าบางรายในนครนิวยอร์กที่สั่งจอง iPhone 6s ผ่านระบบออนไลน์ของตัวเอง ว่าสินค้าอาจจะไปถึงไม่ทันวันศุกร์นี้ตามที่กำหนดเอาไว้

เหตุผลเนื่องจากว่าทางผู้ให้บริการส่งสินค้า ซึ่งก็คือบริษัท UPS อาจไม่สามารถส่งสินค้าได้ตามกำหนด เพราะเนื่องจากพระสันตะปาปามีกำหนดเสด็จที่นครนิวยอร์กช่วงนั้นพอดี เลยทำให้ต้องมีการปิดจราจรในบางส่วน โดยแอปเปิลระบุว่าจะพยายามส่งสินค้าให้ทันภายในวันเสาร์แทน

ที่มา - The Verge

แอปเปิลออกมาเผยข้อมูลว่าอัตราการอัพเกรด iOS 9 รวดเร็วเป็นประวัติการณ์ (fastest iOS adoption ever) แซงหน้า iOS รุ่นพี่ๆ และผ่านมาไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ ตอนนี้อุปกรณ์ iOS จำนวน 50% จากทั้งหมดอัพเกรดมาเป็น iOS 9 เรียบร้อยแล้ว

แอปเปิลจะเริ่มวางขาย iPhone 6s และ iPhone 6s Plus ในสหรัฐอเมริกาวันศุกร์นี้ (25 กันยายน) ทั้งผ่านร้าน Apple Store, ตัวแทนจำหน่าย และร้านของโอเปอเรเตอร์ในสหรัฐ

ที่มา - Apple

หลังจากที่ได้เห็นคุณสมบัติ 3D Touch ของ iPhone 6s ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ผู้ใช้หลายคนก็สงสัยว่าไอโฟนรุ่นนี้ จะสามารถใช้คุณสมบัติดังกล่าวได้อยู่หรือไม่ หากมีการติดกระจกหรือฟิล์มกันรอยบนจอภาพไว้ ล่าสุด Phil Schiller ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดของแอปเปิลได้เผยว่า "สามารถใช้งานได้ หากผู้ออกแบบอุปกรณ์เสริมเหล่านี้ได้ออกแบบตามคำแนะนำของแอปเปิล"

คำแนะนำที่แอปเปิลมีให้สำหรับผู้ออกแบบอุปกรณ์เสริมประเภท Screen overlay ได้ระบุไว้ว่าฟิล์มหรือกระจกกันรอยที่ติดไว้บนหน้าจอ ต้องสามารถนำไฟฟ้าได้, มีความหนาไม่เกิน 0.3 มิลลิเมตร และต้องไม่ทำให้เกิดช่องว่างอากาศระหว่างตัวฟิล์มหรือกระจกกับจอภาพ

ดูเหมือนว่า iPhone 6s จะยังทำผลงานได้ดีกับแอปเปิลตามคาด หลังจากเริ่มขายไปได้เมื่อสุดสัปดาห์ก่อน ตอนนี้แอปเปิลออกมาประกาศว่ายอดจองของ iPhone 6s กำลังจะแซง iPhone 6 เมื่อปีก่อนแล้ว

โดยโฆษกของแอปเปิลออกมายืนยันกับบรรดาผู้สื่อข่าวว่า iPhone 6s ที่เพิ่งเปิดให้จองนั้น มีความต้องการสูงเกินกว่าที่แอปเปิลคาดไว้ และดูเหมือนจะสามารถแซงหน้ายอดจองของ iPhone 6 เมื่อปีก่อนที่ทำไว้ถึง 10 ล้านเครื่องได้อีกด้วย โดยรุ่นที่คนสนใจครั้งนี้คือ iPhone 6s Plus ที่นอกจากตัวเครื่องที่สต็อกไว้จะหมดเกลี้ยงแล้ว ฝั่งออนไลน์เองก็เติบโตอย่างมากจากปีก่อน

หลังการประกาศของแอปเปิล ราคาหุ้นก็ดีดขึ้น 2% ทันที ส่วนใครที่รอลุ้นตัวเลขจริง น่าจะได้เห็นกันในวันที่ 28 กันยายนนี้

เป็นเรื่องที่ค้างคากันมานานว่าจริงๆ แล้ว iPhone 6s นั้นมาพร้อมกับแรมเท่าไหร่กันแน่ แต่จากอัพเดตล่าสุดของ Xcode เริ่มมีการให้ข้อมูลในเรื่องดังกล่าวออกมาแล้ว โดยผู้ที่สามารถแกะออกมาได้ คือนักพัฒนา iOS รายหนึ่งที่มีชื่อว่า Hamza Sood

Hamza Sood อธิบายว่า ใน iOS Emulator จะมีการส่งค่า memoryClass ของตัวเครื่องจริงออกมาเพื่อทดสอบการทำงานของแอพพลิเคชันด้วย และเขาได้ใช้เทคนิคดังกล่าวในการเขียนแอพพลิเคชันเพื่อแสดงค่าออกมา ซึ่งผลก็คือ iPhone 6s (และ iPhone 6s Plus) จะมาพร้อมกับแรม 2GB และ iPad Pro มาพร้อมกับแรม 4GB ซึ่งมากที่สุดในบรรดาอุปกรณ์ iOS ทั้งหมด ที่มีขนาดแรมส่วนใหญ่ที่ 1GB

แอปเปิลไม่ค่อยเผยข้อมูลของแบตเตอรี่ใน iPhone มากนัก แต่เราก็รู้กันดีว่า iPhone 6 ให้แบตเตอรี่ขนาด 1810 mAh มาด้วย

กรณีของ iPhone 6s แอปเปิลก็ไม่ได้เผยข้อมูลนี้ตรงๆ แต่มีคนตาดีไปเห็นในคลิปแนะนำเทคโนโลยี 3D Touch ตอนที่โชว์ภาพเรนเดอร์ภายในเครื่อง ซึ่งมีตัวเลขบนแบตเตอรี่ระบุว่า 1715 mAh น้อยลงจาก iPhone 6 นั่นเอง

อย่างไรก็ตาม อันนี้เป็นแค่ภาพเรนเดอร์ ต้องรอตรวจสอบจากสินค้าจริงอีกทีหนึ่งครับ (ใครอยากพิสูจน์ความแม่นของสายตาก็ลองชมคลิปท้ายข่าว)

ที่มา - MacRumors

ปัญหาเงินดอลลาร์แข็งค่าในช่วงหลัง อาจส่งผลต่อราคาขายของ iPhone 6s และ 6s Plus ที่วางขายนอกสหรัฐอเมริกา โดยราคาขายในแคนาดา ออสเตรเลีย และยุโรป แพงขึ้นพอสมควรเมื่อเทียบกับราคาของ iPhone 6 และ 6 Plus ที่ความจุเท่ากัน

ตัวอย่างคือราคา iPhone 6 Plus ในแคนาดาเริ่มที่ 969 ดอลลาร์แคนาดา พอมาเป็น 6s Plus ราคาเพิ่มมาเป็น 1,029 ดอลลาร์แคนาดา ส่วนในยุโรป ราคา iPhone 6 เริ่มที่ 699 ยูโร พอเป็น iPhone 6s เริ่มที่ 739 ยูโร

อย่างไรก็ตาม ยังมีบางประเทศที่ตั้งราคา iPhone 6s เท่าเดิม เช่น สหราชอาณาจักร

ที่มา - MacRumors

เผยโฉมอย่างเป็นทางการแล้วสำหรับพระเอกของงานอย่าง iPhone 6s และ iPhone 6s Plus ที่คงหน้าตาไว้เหมือนเดิมเป๊ะ แต่เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ ปรับปรุงฟีเจอร์เดิมให้ดีขึ้นหลายอย่าง ค่อยๆ พูดกันไปทีละชิ้นครับ

เว็บ 9to5Mac ระบุว่าไอโฟนรุ่นต่อไป (ซึ่งน่าจะใช้ชื่อว่า iPhone 6S) จะใช้กล้องหลังที่มีเซ็นเซอร์ความละเอียด 12 เมกะพิกเซล โดยจะทำงานร่วมกับหน่วยประมวลผลภาพถ่ายที่อยู่ภายในชิป Apple A9 อีกที โดยกล้องด้านหลังนี้จะรองรับการถ่ายวิดีโอความละเอียดระดับ 4K แล้วในที่สุด แต่เลนส์กล้องจะยังคงยื่นออกมาจากตัวเครื่องเล็กน้อยเช่นเดิม

นอกจากนี้ กล้องด้านหน้าได้รับเซ็นเซอร์ใหม่ที่น่าจะมีความละเอียดสูงกว่า 1.2 เมกะพิกเซลเหมือนที่ใช้อยู่ใน iPhone 6 โดยกล้องด้านหน้าจะรองรับการถ่ายภาพพาโนราม่าและภาพช้าแบบสโลโมชั่น อย่างไรก็ตามกล้องด้านหน้าจะไม่มีแฟลช LED แต่จะใช้การกะพริบจอภาพด้วยสีขาวแทน เช่นเดียวกับแอพ Photo Booth และ Snapchat

แหล่งข่าวของเว็บ 9to5Mac รายงานว่าแอปเปิลเตรียมที่จะเลิกจำหน่าย iPhone 5c และในขณะเดียวกันจะไม่ผลิต iPhone 6c ออกมาทดแทน ณ วันจัดงานเปิดตัวไอโฟนรุ่นใหม่ในวันที่ 9 กันยายนที่จะถึงนี้

อย่างไรก็ตามทางเว็บบอกว่าแอปเปิลกำลังออกแบบไอโฟนขนาดจอภาพ 4 นิ้วรุ่นใหม่ออกมาทดแทน และจะมีสเปคเทียบเท่ากับ iPhone 6 ที่วางขายอยู่ในปัจจุบันนี้ แต่ในตอนนี้แอปเปิลยังไม่พร้อมที่จะวางจำหน่ายไอโฟนรุ่นนี้ออกมา ทั้งนี้เหตุผลที่แอปเปิลเลือกที่จะไม่ผลิตสินค้าทดแทน iPhone 5c ออกมาอาจจะเป็นเพราะว่ายอดขายที่ไม่ค่อยดีตามที่คาดไว้ในตอนแรก

เรียกว่าเป็นครั้งแรกในรอบหลายๆ ปี ที่แอปเปิลตัดสินใจกลับมาเปิดถ่ายทอดสดงานให้กับผู้ใช้ฝั่ง Windows อีกครั้ง เพราะงานแถลงข่าวรอบล่าสุดที่จะจัดขึ้นในวันที่ 9 กันยายนนี้ แอปเปิลได้เพิ่มเงื่อนไขใหม่ที่ให้ผู้ใช้ Windows 10 สามารถดูถ่ายทอดสดผ่าน Microsoft Edge ได้แล้ว

Apple ได้ส่งบัตรเชิญนักข่าวเข้าร่วมงานเปิดตัวสินค้าใหม่แล้ว โดยในบัตรเชิญนั้นมีคำโปรยเล็กน้อยว่า Hey Siri, give us a hint

คาดว่าในงานนี้ Apple จะเปิดตัว iPhone 6s และ iPhone 6s Plus รวมถึง Apple TV รุ่นใหม่

งานนี้จะจัดขึ้นในวันที่ 9 กันยายน เริ่มงานเวลา 10 นาฬิกาตามเวลาแปซิฟิก (เวลาเที่ยงคืนระหว่างวันที่ 9 และวันที่ 10 กันยายน ตามเวลาประเทศไทย) สถานที่จัดงานคือหอประชุม Bill Graham ในซานฟรานซิสโก

ที่มา - 9to5Mac

นาย Lewis Hilsenteger แห่งรายการ Unbox Therapy เจ้าเก่าหน้าเดิมที่คนรู้จักหน้าค่าตากันทั่วโลกหลังอัดคลิปดัด iPhone 6 จนงอเห็นกันจะๆ กลายเป็นกระแส Bendgate เมื่อปีก่อน อ้างว่าเขาได้รับชิ้นส่วนฝาหลังของเครื่อง iPhone 6s (ชื่อเรียกชั่วคราวในปัจจุบัน) ที่กำลังจะเปิดตัวในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้ และได้ทำการทดสอบพบว่ามันแข็งแรงกว่าฝาหลังของเครื่อง iPhone 6 ของปีก่อนมาก

KGI Securities และ Pacific Crest ได้ออกมาเผยผลวิจัยตลาดว่านับจากนี้ไป ยอดขายไอโฟนเมื่อเทียบเป็นยอดการเติบโตจากปีก่อนหน้า (Year on Year: YoY) จะเริ่มลดลงจากเดิมแล้ว หลังจากที่ปีที่ผ่านมายอดขายสูงขึ้นผิดปกติเนื่องจากแอปเปิลได้เพิ่มรุ่นไอโฟนหน้าจอใหญ่เข้ามา

ทั้งสองบริษัทวิจัยอ้างว่าพวกเขาได้ข้อมูลมาจากผู้ผลิตชิ้นส่วนของไอโฟน ซึ่งมีอุปสงค์ชิ้นส่วนลดลงจากรอบปีที่ผ่านมา