Facebook จับมือกับบริษัทเอเยนซี่ดิจิทัล Definition 6 ออกเครื่องมือแนวทดลองชิ้นใหม่ ให้เราสามารถสร้างคลิปสั้นๆ จาก Timeline ของเราเองได้
วิธีการก็เข้าไปเล่นกันที่ Timeline Movie Maker โดยต้องอนุญาตให้แอพตัวนี้เข้าถึงข้อมูลบน news feed ของเราด้วยนะครับ
ผลที่ได้เราจะได้คลิปสั้นความยาว 1 นาที ย้อนอดีตที่เคยผ่านมา แอพตัวนี้จะคัดเลือกเหตุการณ์ต่างๆ ที่เราเคยแชร์ลงใน Facebook ว่าเหตุการณ์ไหนที่น่าจะเป็นเหตุการณ์สำคัญ จากนั้นนำข้อมูลมาเรียงต่อๆ กัน และเลือกใส่เพลงเข้ามาได้ หนังที่ตัดเสร็จแล้วสามารถแชร์ลง Facebook ให้เพื่อนๆ ดูได้ด้วย
เว็บเครือข่ายสังคมที่ปัจจุบันไปเน้นความสำคัญที่บริการซื้อขายสินค้าออนไลน์อย่าง Multiply ประกาศว่าบริษัทเตรียมย้ายสำนักงานใหญ่ไปอยู่ที่เมืองจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย จากปัจจุบันที่อยู่ในเมือง Boca Raton รัฐฟลอริด้า เนื่องจากฐานผู้ใช้งานปัจจุบันของ Multiply ในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีการเติบโตขึ้นอย่างมาก จึงมีความเหมาะสมมากกว่าที่จะย้ายสำนักงานไปอยู่ใกล้กับผู้ใช้งานให้มากขึ้น
ซีอีโอ Peter Pezaris กล่าวว่าปัจจุบัน Multiply มีผู้ให้บริการร้านค้าออนไลน์มากกว่า 100,000 รายแล้วซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในประเทศฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ ไทยและเวียดนาม ซึ่งอินโดนีเซียถือเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในตอนนี้ของ Multiply
ข่าวใหญ่เมื่อประมาณสองสัปดาห์ก่อนคือการเปิดตัวฟีเจอร์ Search, plus Your World ของกูเกิล ซึ่งมันคือการพ่วงข้อมูลจาก Google+ เข้าไปในผลการค้นหาของกูเกิล (ตอนนี้ยังใช้ได้เฉพาะผู้ใช้ในสหรัฐ)
ตัวแทนของ Facebook ให้ข้อมูลว่าอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า บริษัทจะบังคับให้ผู้ใช้ทุกคนต้องเปลี่ยนมาใช้ระบบ Timeline ที่เปิดตัวมาก่อนนี้แล้ว
กระบวนการการเปลี่ยนเป็น Timeline จะยังเหมือนเดิมคือเมื่อกดเปลี่ยนแล้ว เราจะมีเวลา 7 วันรีวิวข้อมูลใน Timeline ก่อนจะแสดงให้คนอื่นๆ เห็น
ในกรณีที่เรามีโพสต์ใดๆ ที่ไม่อยากให้แสดงใน Timeline สามารถกดเปลี่ยนได้ โดยคลิกที่รูปดินสอตรงมุมขวาบนของแต่ละโพสต์ แล้วเลือก Hide from Timeline
หลังจากการเปลี่ยนแปลงรอบนี้เสร็จสิ้นแล้ว Facebook จะเริ่มใช้ Timeline สำหรับ Page ต่อไป
เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว ผู้บริหารของกูเกิลออกมายอมรับว่านโยบาย "บังคับใช้ชื่อจริง" ใน Google+ นั้นไม่เวิร์ค และสัญญาว่าจะปรับปรุงในเรื่องนี้ ข่าวเก่า วันนี้มันมาแล้วครับ
Jack Dorsey ประธานและหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งของ Twitter ไปพูดที่งาน Digital Life Design ที่เยอรมนี เขาเผยสถิติที่น่าสนใจว่ารูปแบบการโฆษณาอย่าง Promoted Tweet, Promoted Account และ
ทำเนียบขาวหรือทำเนียบประธานาธิบดีของสหรัฐ ใช้เครือข่ายสังคมต่างๆ ช่วยประชาสัมพันธ์ข้อมูลมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็น Twitter, Facebook, LinkedIn (และเพิ่งเริ่มใช้ Foursquare เมื่อไม่นานมานี้)
ล่าสุดทำเนียบขาวยังเดินหน้าด้วยนโยบายเดิม โดยขยายช่องทางมายัง Google+ เรียบร้อยแล้ว
ในงานสัมมนา f8 ประจำปี 2011 เราได้เห็นข่าวการเปิดตัว "แอพ" แบบใหม่ของ Facebook ที่รองรับฟีเจอร์ Open Graph โดยแอพเหล่านี้จะแสดง "กริยา" ของเราในด้านต่างๆ เช่น "listen" กับ Spotify, "watch" กับ Netflix, "read" กับ Washington Post
Palo Alto Networks Inc. บริษัทวิจัยด้านความปลอดภัยได้เก็บสถิติของลูกค้ากว่า 1,600 ราย ระหว่างเดือนเมษายน-พฤศจิกายนปีที่แล้ว
ผลการศึกษาพบว่า
Google+ เพิ่มฟีเจอร์อีกชุดใหญ่ครับ รวมเป็นข่าวเดียวไม่ให้เปลืองที่
ผลการศึกษาคู่รักวัยรุ่นอเมริกันในปี 2011 ระบุว่ามีผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตวัยรุ่นจำนวนถึง 30% ที่แชร์รหัสผ่านของตัวเองให้กับคู่รักหรือเพื่อนสนิท โดยถ้าแบ่งแยกตามเพศแล้ว ผู้หญิงจะมีสัดส่วนการแชร์มากกว่าผู้ชายที่ 38% และ 23% ตามลำดับ
นักวิชาการระบุว่าการแชร์รหัสผ่านกันและกันในคู่รักนี้มีเหตุผลมาจากต้องการสร้างความเชื่อใจและเพิ่มระดับความใกล้ชิด เช่นเดียวกับการมีเพศสัมพันธ์
นอกจากนี้การศึกษายังพบว่า ในบางครั้งวัยรุ่นก็เอารหัสผ่าน Facebook ตัวเอง "ฝาก" ไว้กับเพื่อนสนิทหรือคู่รัก จนกว่าจะสอบเสร็จถึงจะมาขอคืน เพื่อบังคับตัวเองให้มีสมาธิกับการเรียน
กลุ่มตัวอย่างการศึกษานี้ทำกับวัยรุ่นอายุ 12-17 ปี จำนวน 770 คน
เรื่องนี้อาจเป็นประโยชน์สำหรับใครที่บริหารจัดการ Page ใน Facebook ครับ โดยบริษัท EdgeRank Checker ได้ทำการวิเคราะห์โพสต์มากกว่า 30,000 โพสต์จาก Facebook Page มากกว่า 500 Page โดย Page เหล่านี้มีคนกด like เฉลี่ย 140,000 ราย พบว่าอายุของโพสต์แต่ละอันนั้นมีค่าเฉลี่ย 3 ชั่วโมง 7 นาที ค่ามัธยฐาน 2 ชั่วโมง 56 นาที
อายุของโพสต์นั้นทาง EdgeRank ใช้วิธีการวัดจากการที่มีคนกด Like หรือแสดงความคิดเห็นนับจากเวลาที่โพสต์ โดยเมื่อพ้นไปจาก 3 ชั่วโมงแล้วการโต้ตอบจากผู้ชมจะเหลือน้อยลงไปมากจึงสรุปว่าโพสต์หมดอายุของมันนั่นเอง
Jake Brill ผู้บริหารของ Facebook จากทีม Site Integrity ให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์ Business Insider เปิดเผยรายละเอียดด้านการรักษาความปลอดภัย และการต่อต้านสแปมของเว็บไซต์
Twitter เป็นโซเชี่ยลเน็ตเวิรก์รูปแบบหนึ่ง เป็นที่นิยมรองลงมาจาก Facebook ในประเทศไทยต้องยอมรับว่า Twitter เป็นเครื่องมือสื่อสารรูปแบบหนึ่งที่มีอิทธิพลต่อคนไทยที่ออนไลน์ไม่น้อย เดียวนี้ ดารา นักธุรกิจ แบรนด์ สินค้า และหลายๆ คนใช้ทวิตเตอร์เป็นช่องทางในการสื่อสาร และสร้างให้เกิดการบอกต่อไปในวงกว้าง ผ่านตัวอักษรเพียงแค่ 140 ตัวอักษรเท่านั้น ยังไม่ค่อยมีใครได้เห็นข้อมูลอย่างเป็นทางการของ Twitter กับคนไทยและธุรกิจไทยเท่าไร วันนี้ทางทีมงาน ZocialRank ได้ทำการศึกษาข้อมูลของพฤติกรรมคนไทยกับการใช้งาน Twitter ในรูปแบบ “ข้อมูลแบบภาพ (Infographic)”
สรุปเบื้องต้นคร่าวๆ
Rupert Murdoch ราชาสื่อมวลชนโลกชาวออสเตรเลีย ซีอีโอของ News Corporation ที่เคยเป็นเจ้าของ MySpace ในยุครุ่งเรือง (และขายกิจการออกไปเมื่อปีที่แล้ว) ทวีตข้อความยอมรับว่า MySpace ภายใต้ร่มเงาของ News Corporation นั้นทำผิดพลาดหลายอย่าง และเป็นบทเรียนราคาแพงของตัวเขาเองด้วย
Facebook ให้บริการระบบคอมเมนต์บนเว็บไซต์ภายนอกในชื่อ Facebook Comments มาสักระยะหนึ่งแล้ว (ข่าวเก่า) ซึ่งก็ได้รับความนิยมจากเว็บไซต์หลายแห่งที่นำระบบนี้ไปใช้งาน
Guido van Rossum ผู้สร้างภาษา Python ประกาศเลิกใช้ทวิตเตอร์ในหน้า Google+ ของเขาแล้วเมื่อวานนี้
เหตุผลไม่เกี่ยวอะไรกับ Google+ แต่เขาบอกว่าแอพทวิตเตอร์บนแอนดรอยด์รุ่นใหม่นั้นขึ้น notification ให้หาเพื่อนในทวิตเตอร์ ที่เพียงกด notification ตัวแอพก็จะส่งข้อมูลรายชื่อ contact ทั้งหมดไปยังทวิตเตอร์เพื่อหารายชื่อเพื่อนทันทีโดยไม่ยืนยันผู้ใช้ซ้ำ
Guido ระบุว่าการติดต่อกับผู้ใช้แบบนี้ไม่ถูกต้อง การเลือก notification ควรเรียกไดอะล็อกเพื่อถามผู้ใช้ว่าต้องการทำต่อไปหรือไม่
ส่วนบนหน้า @gvanrossum นั้นตัว Guido ก็ประกาศทวีตสุดท้ายเรียบร้อยแล้ว
ที่มา - +Guido van Rossum
ความได้เปรียบสูงสุดของ Google+ คือมันมีบริการ Google Search ที่มีคนใช้งานจำนวนมากรอให้รวมตัวเข้าไว้ด้วยกัน ซึ่งก่อนหน้านี้ก็เริ่มมีการรวมบริการด้วยการใส่แถบ notification ไว้ด้านบน Google Search มาก่อนแล้ว แต่ตอนนี้ Google+ ก็บุกมาถึงในหน้าผลค้นหา
Search, plus Your World จะมีฟีเจอร์เพิ่มมาอีกสามส่วนคือ
เมื่อเดือนที่แล้วเราเพิ่งเห็น ข้อตกลงระหว่าง Facebook กับ FTC ในนโยบายด้านความเ
ถ้าใครอ่านหัวข้อแล้วตกใจเกินเหตุ อ่านซ้ำอีกครั้งนะครับ เว็บสำรวจสถิติการหย่า ที่ชื่อว่า Divorce-Online ได้สำรวจคู่แต่งงานที่หย่าร้างในอังกฤษกันในปี 2011 พบว่ามีคู่แต่งงานที่ระบุสาเหตุของการหย่าร้างเป็น Facebook ถึง 33% เทียบกับ 20% ในปี 2009
สาเหตุย่อยๆ ในการหย่าร้างได้แก่ การส่งข้อความไม่เหมาะสมไปยังเพศตรงข้าม, การโพสข้อความน่ารังเกียจเกี่ยวกับคนรักเก่า, และมีเพื่อนคนอื่นๆ มารายงานพฤติกรรมไม่เหมาะสมผ่าน Facebook ในเรื่องนี้ทางโฆษกของ Divorce-Online ได้ออกมาเตือนว่าควรระวังที่จะโพสอะไรลงในหน้า Wall เพราะศาลสามารถใช้ข้อความเหล่านี้เป็นหลักฐานได้
ZocialRank เว็บไซต์ของคุณ @pawoot (ผู้ก่อตั้ง Tarad.com) ทำหน้าที่เก็บสถิติของแบรนด์และองค์กรไทยที่ใช้ social network ได้จัดอันดับแบรนด์ไทยที่มีผู้ติดตามมากที่สุด (นับจาก like ใน Facebook + follower ใน Twitter) ประจำปี 2011 จำนวน 10 อันดับ ดังนี้
คะแนนอย่างละเอียดก็ดูกันเองตามลิงก์ครับ
ที่มา - ZocialRank
ย้ำก่อนว่าตัวเลขนี้ไม่ใช่ตัวเลขอย่างเป็นทางการของกูเกิลเอง แต่เป็น "ยอดประเมิน" โดยผู้ใช้ชื่อ Paul Allen ซึ่งเคยประเมินยอดผู้ใช้ Google+ ด้วยหลักทางสถิติมาหลายรอบแล้ว (ค้นข่าวเก่าดูเองนะครับ)
Paul Allen ออกมาบอกว่าผู้ใช้ Google+ เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในรอบเดือนหลังๆ ซึ่งอาจเป็นผลจากกูเกิลโหมโฆษณาผ่านสื่อหลายช่องทาง รวมถึงการเชิญคนดังมาใช้งานและการบังคับแบบอ้อมๆ ผ่าน Android ด้วย
ตัวเลขของ Allen ระบุว่าในวันที่ 1 ธันวาคมที่ผ่านมา มีผู้ใช้ Google+ ประมาณ 50 ล้านบัญชี และตัวเลขล่าสุดเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม ตัวเลขเพิ่มแบบก้าวกระโดดมาเป็น 62 ล้านบัญชีแล้ว ที่น่าสนใจคือตลอดเดือนธันวาคมเดือนเดียว ตัวเลขผู้ใช้เพิ่มขึ้นถึง 24.01%
RockMelt เว็บเบราว์เซอร์ที่อิงพื้นฐานจาก Chrome แต่มีจุดขายที่การผสานกับเครือข่ายสังคม (โดยเฉพาะ Facebook) ออกรุ่นใหม่ Beta 5 แล้ว
ของใหม่ได้แก่
Facebook เริ่มทดสอบฟีเจอร์ใหม่ Suggested Events ซึ่งเป็นสิ่งที่จะมาแทน Friends' Events ในหน้า Events เดิม
ความสามารถของ Suggested Events ก็ตามชื่อครับ มันจะเลือกกิจกรรม-เหตุการณ์ที่ "น่าจะ" ตรงกับความสนใจของเรามานำเสนอให้ โดยอิงบนข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เช่น
กูเกิลประกาศ "ของใหม่" ของ Google+ อีก 4 อย่าง ซึ่งจะทยอยเปิดให้ใช้กันใน 2-3 วันข้างหน้านี้