Telegram แอปแชทเพื่อความเป็นส่วนตัว เปิดตัวมาได้เกือบ 8 ปีแล้ว พร้อมผู้ใช้งานหลัก 500 ล้านราย Pavel Durov ผู้ก่อตั้งออกมาโพสต์ว่าต้องหารายได้เพื่อนำมาใช้จ่ายกับการดำเนินการเซิร์ฟเวอร์และทราฟิกที่สูงขึ้น นั่นคือการมีโฆษณาในแอป
Durov บอกว่าโฆษณาจะไม่โผล่มาในแชทตัวต่อตัว แต่จะแสดงตามห้องแชทแบบสาธารณะ หรือแสดงในแชนเนลที่มีผู้ติดตามมาก ประสบการณ์รับโฆษณาจึงดูเหมือนเวลาเราใช้งาน Twitter มากกว่าใช้งานแชท และให้สัญญาว่าจะเคารพความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน
Durov ยังบอกด้วยว่า บริษัทจะไม่ขายตัวเองแบบ WhatsApp เพราะรู้ว่าผู้ใช้งานอยากให้ Telegram เป็นแอปแชทที่เป็นอิสระ
แอปแชต Telegram มีชื่อเสียงขึ้นมาได้ส่วนหนึ่งจากการต่อสู้กับการบล็อคโดยทางการรัสเซียอยู่ถึงสองปีจนกระทั่งรัสเซียยุติการบล็อคไปในที่สุด และระหว่างช่วงที่ถูกบล็อคอัตราการใช้งาน Telegram ก็ไม่ได้ลดลงแต่อย่างใด
Sensity บริษัทด้านความปลอดภัยเผยพบเครือข่าย bot ใน Telegram สร้างภาพเปลือยผู้หญิงเป็นลักษณะ deepfakes ขึ้นมาตามคำขอ พบว่าในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา มีการสร้างภาพเปลือยของผู้หญิงไปแล้ว 104,000 ราย
เมื่อนับย้อนหลังไปสามเดือนที่แล้ว พบว่ามีการสร้างภาพเปลือยเพิ่มขึ้น 200% โดยเป็นการเอารูปผู้หญิงที่ผู้ใช้งานรู้จักไปให้ bots สร้างเป็นภาพเปลือยให้ และคาดว่าตัวเหยื่อก็ไม่รู้ว่าภาพปลอมของตัวเองถูกแชร์ว่อนในอินเทอร์เน็ต ทางบริษัท Sensity ยังพบด้วยว่ามีรูปของเหยื่อที่ยังเป็นเยาวชนด้วย
ความนิยมของ Telegram ในประเทศไทยเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในหลายวันที่ผ่านมา และเมื่อมีเอกสารระบุว่ารัฐบาลกำลังพยายามบล็อค Telegram โดยระบุหมายเลขไอพี 4 ไอพี ทำให้หลายคนอาจจะแชร์ข่าวต่อๆ กันว่าแม้แต่ในรัสเซียและจีนก็ไม่สามารถบล็อค Telegram ได้ ความเชื่อนี้ไม่ตรงกับข้อมูลจาก Pavel Durov ผู้ร่วมก่อตั้ง Telegram
จากข่าว กระทรวงดิจิทัลขอให้ กสทช. สั่งบล็อค Telegram ก่อให้เกิดคำถามว่า ถ้าหาก Telegram โดนบล็อคแล้วจะทำอย่างไรดี?
ทางออกของเรื่องนี้คือการใช้งาน VPN (virtual private network) เพื่อเข้ารหัสทราฟฟิกที่ส่งผ่านอินเทอร์เน็ต ไม่ให้ ISP ในไทยทราบว่าเรากำลังทำอะไรอยู่บ้าง และไม่สามารถบล็อคทราฟฟิกที่เราส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์ Telegram ได้
บทความนี้ขอแนะนำโซลูชัน VPN อย่างง่าย สำหรับคนที่ไม่เคยใช้งาน VPN มาก่อน โดยเน้นที่การใช้งานบนสมาร์ทโฟนเป็นหลัก
แอคเคาท์ทวิตเตอร์ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน (TLHR) เผยแพร่เอกสารลับของกระทรวงดิจิทัล พร้อมด้วยคำสั่งของ ผบ.ตร. ที่อ้างอิงเอกสารของกระทรวงดิจิทัลที่มีคำสั่งไปยัง กสทช. ให้บล็อกการเข้าถึงแอป Telegram ในประเทศไทย หลังกลุ่มเยาวชนปลดแอก (Free Youth) ใช้เป็นช่องทางนัดหมายและเผยแพร่ข่าวสารการชุมนุม
กระทรวงดิจิทัลอ้างว่าเป็นการยุยงให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย เข้าข่ายความผิดตามมาตรา 9 ประกอบมาตรา 11 ของ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน โดยกระทรวงดิจิทัลขอให้ กสทช. ไปขอความร่วมมือกับผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตและเครือข่ายมือถือบล็อกการเข้าถึงไอพีแอดเดรสของ Telegram ตามที่แนบมากับเอกสารลับ
ที่มา - @TLHR2014
Telegram เป็นแอปแชตอีกตัวหนึ่งที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในช่วงหลัง จากฟีเจอร์แชตที่ค่อนข้างดี สร้างห้องได้ขนาดใหญ่ถึง 200,000 คน และมีฟีเจอร์ Secret Chat สำหรับการส่งข้อความพร้อมทำลายข้อความตามเวลาที่กำหนด อย่างไรก็ดี Telegram มีข้อเสียที่ต้องใช้หมายเลขโทรศัพท์สมัครใช้งานเสมอ และหากเราเปิดแอปให้เข้าถึง Contact List ในโทรศัพท์ Telegram จะเพิ่มเพื่อนให้เราอัตโนมัติพร้อมกับแจ้งเตือนไปยังผู้ใช้อื่นที่ใช้งาน Telegram อยู่ด้วย จึงควรระวังการใช้งานดังนี้
แอปแชท Telegram เพิ่มฟังก์ชั่นการคุยวิดีโอคอลกับเขาแล้วทั้งบนอุปกรณ์ iOS และ แอนดรอยด์ แต่ยังคุยวิดีโอคอลแบบกลุ่มไม่ได้
ผู้ใช้งานกดที่โปรไฟล์เพื่อนที่ต้องการโทรคุย สลับระหว่าง audio และ video ได้ รองรับคุณสมบัติภาพซ้อนภาพ คือสามารถคุยไปด้วยได้ และพิมพ์ตอบแชทคนอื่นด้วยได้ Telegram ระบุว่าการแชท การโทรคุยมีการเข้ารหัสไว้ทั้งหมด ส่วนการคุยแบบกลุ่มคาดว่าจะเปิดให้ใช้งานในเดือนถัดไป
เฟซบุ๊ก, ทวิตเตอร์, และเทเลแกรม เริ่มให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างๆ ว่าจะหยุดส่งข้อมูลตามคำขอหน่วยงานรัฐบาลฮ่องกง หลังจาก WhatsApp ที่อยู่ใต้เฟซบุ๊กได้ระบุแนวทางนี้เมื่อวานนี้
ทวิตเตอร์ระบุเหตุผลที่ต้องหยุดทำตามคำขอจากฮ่องกงว่ากฎหมายความมั่นคงของฮ่องกงนั้นเพิ่งเปิดเผยออกมาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทำให้บริษัทต้องใช้เวลาในการตรวจสอบผลกระทบของกฎหมาย โดยแสดงความกังวลต่อคำหลายคำในตัวกฎหมายว่ากำกวม ตลอดจนกระบวนการผ่านกฎหมายและจุดมุ่งหมายของกฎหมายเองก็น่าวิตก
เทเลแกรมระบุว่าความเป็นส่วนตัวสำคัญต่อคนฮ่องกงในช่วงเวลาเช่นนี้ และจะไม่ส่งข้อมูลผู้ใช้ให้รัฐบาลฮ่องกงจนกว่าจะมีความเห็นร่วมกันต่อความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในฮ่องกงในระดับนานาชาติ
Telegram ประกาศจำนวนผู้ใช้งานเป็นประจำทุกเดือน (Monthly User) มีจำนวนถึง 400 ล้านบัญชีแล้ว เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มี 300 ล้านบัญชี โดย Telegram บอกว่าปัจจุบันมีผู้สมัครใช้งานใหม่ เพิ่มขึ้นวันละ 1.5 ล้านบัญชี
นอกจากนี้ Telegram ยังพูดถึงฟีเจอร์ใหม่ที่กำลังพัฒนา คือการใช้งานวิดีโอคอลแบบกลุ่ม ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมมากขึ้นจากมาตรการให้คนอยู่บ้าน Telegram บอกว่าวิดีโอคอลในวันนี้ ก็เหมือนการส่งข้อความในปี 2013 ที่กลายเป็นเรื่องปกติ สิ่งที่ Telegram สนใจ คือการสร้างวิดีโอคอลที่เข้ารหัสในการใช้งาน เหมือนกับบริการส่งข้อความนั่นเอง
ที่มา: Telegram
Reuters รายงานอ้างอิงแหล่งข่าวใกล้ชิดว่า Telegram แอพพลิเคชั่นแชทเข้ารหัสจะออกฟีเจอร์ใหม่ ให้ผู้ประท้วงฮ่องกงสามารถปกปิดตัวตนด้วยการปิดบังหมายเลขโทรศัพท์ตัวเองได้ หลีกเลี่ยงการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่ โดยฟีเจอร์ใหม่จะเปิดให้ใช้ภายในไม่กี่วันข้างหน้า
Telegram ประกาศเพิ่มฟีเจอร์ใหม่สำหรับการสนทนาหลายรายการที่น่าสนใจ มีรายละเอียดดังนี้
Google Assistant รองรับการอ่านและตอบข้อความด้วยเสียงมานานแล้วแต่จำกัดเฉพาะบน Android Message หรือ Hangout เป็นหลักเท่านั้น ล่าสุดฟีเจอร์นี้รองรับแอปแชทแห่งยุคอย่าง Telgram, Slack และ WhatsApp เพิ่มเติมแล้ว
Google Assistant จะอ่านข้อความเหล่านี้ได้ก็ต่อเมื่อผู้ใช้อนุญาตให้มันเข้าถึงการแจ้งเตือน (Notification Access) ก่อน แล้วจึงสั่ง Read my messages ตัว Google Assistant จะอ่านข้อความให้จากแอปเหล่านี้ที่รองรับจากหน้าแจ้งเตือน ก่อนจะให้เราตอบกลับได้ทั้งผ่านเสียงหรือพิมพ์ก็ได้ โดยกรณีของ Slack ตัว Google Assistant จะบอกชื่อ Workspace แทนที่จะเป็นชื่อผู้ส่งข้อความ
แน่นอนฟีเจอร์นี้เบื้องต้นน่าจะรองรับเฉพาะภาษาอังกฤษก่อน
เมื่อวานนี้ (11 มิ.ย.) Telegram รายงานข่าวการถูกโจมตี DDoS ครั้งใหญ่ โดยส่งผลกระทบต่อผู้ใช้ในหลายประเทศที่อาจเชื่อมต่อกับ Telegram ไม่ได้
Pavel Durov ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Telegram ระบุว่าทราฟฟิกเหล่านี้มาจากประเทศจีน ซึ่งมีจังหวะเวลาที่ใกล้เคียงกับเหตุการณ์ประท้วงในฮ่องกง แต่เขาก็ไม่ได้ยืนยันว่าการโจมตี DDoS มีส่วนเกี่ยวข้องกับรัฐบาลจีนหรือไม่
Telegram เป็นแอพแชทที่ได้รับความนิยมระหว่างการประท้วงในฮ่องกง แม้ว่าระบบอินเทอร์เน็ตของฮ่องกงจะไม่ถูกบล็อคหรือเซ็นเซอร์จากรัฐบาลจีนก็ตาม
ระบบของ Telegram กลับมาเป็นปกติแล้วตั้งแต่เมื่อวานนี้
Pavel Durov ผู้ก่อตั้ง Telegram ได้ส่งข้อความใน channel ของเขา ระบุว่า Telegram มีผู้สมัครใช้งานใหม่ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นถึง 3 ล้านบัญชี ซึ่งเป็นเรื่องดีเพราะ Telegram ให้ความเป็นส่วนตัวกับผู้ใช้งานทุกคน
แม้ไม่ได้บอกตรง ๆ แต่ก็พอจะเดากันได้ว่า Durov บอกเช่นนี้เนื่องจาก Facebook พบปัญหาระบบล่มทั้งหมด ซึ่งกระทบถึงแอปแชท Messenger ด้วย ทำให้ตัวเลขผู้สมัครใช้งาน Telegram เพิ่มขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าวอย่างเกี่ยวเนื่องกัน
วันนี้ Telegram ออกอัพเดตแอพสำหรับผู้ใช้ iOS เวอร์ชัน 5.0 อย่างเป็นทางการ ตามที่ซีอีโอบอกไว้ก่อนหน้านี้
สำหรับแอพ Telegram 5.0 บน iOS นี้ ทีมพัฒนาได้เขียนแอพใหม่ทั้งหมดด้วยภาษา Swift ซึ่ง Telegram บอกว่าแม้จะไม่ได้เปลี่ยน UI แต่ตัวแอพจะทำงานได้ไวขึ้น, กินแบตเตอรี่น้อยลง, ภาพเคลื่อนไหวในแชทสมูทขึ้น, ความเร็วในการซิงค์ที่ดีขึ้น และการแจ้งเตือนแบบใหม่ที่ทำงานได้ทุกที่ในแอพ
ส่วนการปรับปรุงอื่น ๆ นอกจากความเร็วในแอพ Telegram 5.0 เช่น
ปัจจุบัน Telegram มีแอพ Telegram X ที่เปิดตัวเมื่อเดือนมกราคม โดย Telegram ทำออกมาเพื่อทดลองและระบุว่าเป็นแอพทางเลือก พร้อมปล่อยดาวน์โหลดควบคู่ไปกับแอพเวอร์ชันหลัก ซึ่ง Telegram X เวอร์ชัน iOS นั้น Telegram เขียนด้วย Swift และเป็นการเริ่มต้นเขียนใหม่ทั้งหมด
ล่าสุด ซีอีโอ Pavel Durov โพสต์ผ่าน Telegram channel ของเขาว่า Telegram เตรียมจะนำแอพใหม่นี้มาแทนที่แอพปัจจุบันภายใน 1-2 สัปดาห์นี้ ซึ่งจะทำให้ตัวแอพ Telegram ทั้งเร็วขึ้น, คล่องแคล่วขึ้น และประสิทธิภาพดีขึ้น เนื่องจากมีการใช้ codebase ใหม่ทั้งหมด ก็อาจจะมีบั๊กเล็ก ๆ ปรากฏได้บ้าง แต่ก็จะแก้ให้อย่างรวดเร็ว
Telegram เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ชื่อว่า Passport เพื่อการเก็บเอกสารและข้อมูลสำคัญสำหรับใช้เพื่อการยืนยันตัวตนกับบริการอื่น ๆ ที่ต้องการใช้เอกสารหรือข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ โดยผู้ใช้จะเป็นผู้อัพโหลดหรือกรอกข้อมูลไว้บน Telegram และให้แอพเหล่านั้นเข้ามาเรียกใช้อีกที
Telegram Passport จะเก็บเอกสารและข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้ไว้บนระบบคลาวด์ของ Telegram พร้อมเข้ารหัสแบบ end-to-end โดยใช้รหัสผ่านที่มีเฉพาะผู้ใช้เท่านั้นที่รู้ได้ เมื่อผู้ใช้ต้องการแชร์ข้อมูลให้บริการอื่น ๆ ก็จะส่งตรงไปยังผู้ให้บริการนั้น ๆ โดยที่ Telegram จะไม่เห็นข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้เลย ซึ่งในอนาคต Telegram มีแผนจะย้าย Passport ขึ้นไปอยู่บนระบบคลาวด์แบบกระจายศูนย์ด้วย
Telegram ออกอัพเดตเวอร์ชัน 4.8.3 สำหรับ iOS และ 4.8.10 สำหรับ Android มีของเล่นใหม่ดังนี้
หลังจากที่ Pavel Durov ซีอีโอ Telegram บ่นไปว่า Apple ไม่ยอมรับอัพเดตแอพใหม่ตั้งแต่กลางเดือนเมษายน ส่งผลให้ Telegram ไม่สามารถอัพเดตแอพได้เลย ซึ่งซีอีโอ Telegram คาดว่าน่าจะเกิดจากที่ Apple ได้รับคำขอให้ลบแอพ Telegram จาก App Store รัสเซีย แต่ Apple กลับไม่ยอมรับอัพเดตใหม่ของแอพ Telegram บน App Store ทั่วโลก
ล่าสุดซีอีโอ Durov ออกมากล่าวผ่าน Twitter ว่าตอนนี้ Apple ยอมรับอัพเดตของแอพ Telegram แล้ว พร้อมกล่าวขอบคุณ Apple และซีอีโอ Tim Cook ที่ยอมรับอัพเดตล่าสุด
ซีอีโอ Pavel Durov ของ Telegram กล่าวผ่าน Durov’s Channel โดยเผยว่า Apple ไม่รับการอัพเดตใหม่ของ Telegram และมีผลกับ App Store ทั่วโลก ซึ่งหมายความว่า Telegram ไม่สามารถออกอัพเดตแอพใหม่ได้ ซึ่งน่าจะมาจากการที่รัสเซียสั่งบล็อกแอพ Telegram
Durov กล่าวว่าผลกระทบจากที่แอพ Telegram ไม่สามารถส่งอัพเดตเวอร์ชันใหม่ได้ ก็มีตั้งแต่ฟีเจอร์บางอย่างเช่นสติ๊กเกอร์มีปัญหาใน iOS 11.4 ซึ่งเป็นอัพเดตล่าสุด รวมถึง Telegram ไม่สามารถอัพเดตแอพให้ปฏิบัติตามกฎคุ้มครองข้อมูลส่วนตัวของยุโรปหรือ GDPR ได้ด้วย ซึ่งตอนนี้ GDPR มีผลบังคับใช้ไปแล้ว
แม้รัสเซียจะบล็อค Telegram ไปแล้ว แต่ก็ดูเหมือนว่ายังไม่สำเร็จเท่าที่ควร เพราะรัสเซียกำลังติดต่อ Apple เพื่อขอความช่วยเหลือในการปิดกั้นการบริการแอพ Telegram แอพส่งข้อความที่เป็นที่นิยมในประเทศ เพราะสื่อสารแบบเข้ารหัส end-to-end
อย่างไรก็ตาม Telegram ปฏิเสธรัฐบาลรัสเซียในการเข้าถึงระบบแบบลับๆ หน่วยงานความมั่นคง Federal Security Service หรือ FSB อ้างว่า อาชญากรที่ก่อเหตุก่อการร้ายใช้ Telegram เป็นช่องทางสื่อสาร จึงเป็นสาเหตุให้รัสเซียบล็อคคนรัสเซียไม่ให้เข้าถึง Telegram ตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา
แต่การบล้อคก็ไม่สามารถปิดกั้นได้อย่างสมบูรณ์ เมื่อ Roskomnadzor หน่วยเฝ้าระวังความปลอดภัยในประเทศบอกว่ารัฐบาลปิดกั้นการใช้งานได้เพียง 15 - 30% เท่านั้น รัฐบาลจึงยื่นเรื่องไปยัง Apple ให้หยุดบริการ Telegram บน App Store แก่คนรัสเซีย และยังขอให้หยุดการแจ้งเตือนจาก Telegram ด้วย
Alexander Zharov ผู้อำนวยการ Roskomnadzor ระบุในแถลงการณ์เพิ่มเติมว่า Apple มีเวลาหนึ่งเดือนในการลบแอพออกจาก App Store "เราส่งจดหมายที่มีผลผูกพันตามกฎหมายและรอการตอบกลับที่ถูกต้องตามกฎหมาย"
สำนักข่าว Wall Street Journal รายงานว่า ตอนนี้ Telegram ได้ยกเลิกแผนการออก ICO แล้ว
Telegram เคยคิดจะระดมทุนโดยการขายเหรียญหรือ ICO ซึ่งก่อนหน้านี้ตั้งเป้าไว้ที่ 1.2 พันล้านดอลลาร์ โดยแหล่งข่าวหนึ่งของ WSJ รายงานว่าเหตุผลที่ Telegram ล้มแผนการออก ICO เนื่องจากกฎเกณฑ์เกี่ยวกับการออก ICO ที่เสนอขึ้นในช่วงหลังมีความเข้มงวดกว่าเดิม เพราะช่วงหลังโครงการ ICO มีการหลอกลวงเยอะขึ้น
สำนักข่าว Islamic Republic News Agency ในอิหร่านรายงานว่า ศาลในอิหร่านสั่งให้ผู้ให้บริการโทรคมนาคมในประเทศบล็อก Telegram แล้ว
ปัจจุบัน อิหร่านมีผู้ใช้งาน Telegram โดยประมาณ 40 ล้านคน คิดเป็นประมาณครึ่งหนึ่งของประชากรทั้งประเทศ ซึ่งก่อนที่จะมีคำสั่งแบน Telegram ทั้งประเทศนั้น พนักงานของรัฐก็ถูกสั่งให้เลิกใช้แอพมาแล้ว และรัฐบาลอิหร่านก็เปิดตัวแอพแชทของตัวเองคือ Soroush เพื่อใช้งานภายในประเทศ
ก่อนหน้านี้ทางการรัสเซียได้ออกคำสั่งบล็อก Telegram ไปแล้วเนื่องจากไม่ยอมให้ความร่วมมือกับภาครัฐ แต่ผลพวงจากการบล็อกครั้งนี้ส่งผลให้บริการอื่น ๆ ใช้ไม่ได้ด้วย
ตอนแรกที่คำสั่งศาลออกมา Telegram ได้พยายามหลีกเลี่ยงการบล็อกด้วยวิธีต่าง ๆ อย่างเช่นการสนับสนุนด้านการเงินให้ผู้ที่รัน VPN ช่วยหลบเลี่ยงการแบน หรือใช้วิธีสลับไอพีแอดเดรสเพื่อเปลี่ยนเส้นทางทราฟฟิกให้ไปวิ่งผ่านเซิร์ฟเวอร์ของบริษัทอื่นแทน ทำให้เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา Fil Kulin นักวิจัยด้านไอทีเผยว่ารัสเซียได้สั่งบล็อกไอพีแอดเดรสกว่า 4 ล้านเลขหมาย แต่จากรายงานล่าสุดเผยว่าไอพีแอดเดรสที่รัสเซียแบนไปแล้วมีกว่า 19 ล้านเลขหมาย