แอป WhatsApp ได้ปล่อยอัปเดตใหม่เวอร์ชัน 2.18.100 โดยปรับปรุงการทำงานของข้อความเสียงและการใช้งานการตอบข้อความให้ดีขึ้น พร้อมกับรองรับ iPhone XS Max และเตรียมปล่อย Dark Mode เร็วๆ นี้
WhatsApp แอปแชทยอดนิยมอีกหนึ่งแอปที่ทำการปล่อยอัปเดตใหม่ โดยเน้นการปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานใหม่ให้ง่ายและสะดวกมากขึ้น ผู้ใช้สามารถอัปเดตแอป WhatsApp เป็นเวอร์ชันล่าสุด หรือดาวน์โหลดแอปได้ที่ WhatsApp on App Store
และนอกจากนี้ wabetainfo ได้ค้นพบว่า WhatsApp เวอร์ชันทดสอบสำหรับนักพัฒนากำลังทดสอบฟีเจอร์ Dark Mode อีกด้วย แต่ยังไม่ถูกอัปเดตในเวอร์ชันนี้ คาดว่าอาจจะปล่อยอัปเดตใน WhatsApp เวอร์ชันอนาคต
ขอบคุณ iclarified
The post WhatsApp ปล่อยอัปเดตใหม่ ปรับปรุงประสิทธิภาพ และเตรียมปล่อย Dark Mode เร็วๆ นี้ appeared first on iPhoneMod.
Apple ได้ประกาศราคาซ่อมจอและซ่อมเปลี่ยนเครื่องของ iPhone XR โดยราคาซ่อมจอเริ่มที่ 7,500 บาท, ซ่อมทั้งเครื่อง 15,000 บาท (ราคาโดยประมาณ)
ค่าซ่อมจอ iPhone XR ที่ Apple เริ่มที่ 7,500 บาท, ซ่อมทั้งเครื่อง 15,000 บาท (ราคาโดยประมาณ)Apple ประกาศราคาขาย iPhone XR เริ่มต้นที่ 749 ดอลลาร์ (29,900 บาท) โดย Apple ก็ได้เผยราคาซ่อมจอและซ่อมทั้งเครื่อง ของ iPhone XR รุ่นล่าสุด ดังนี้
ราคาซ่อมจอของ iPhone XR นั้นอยู่ที่ 199 ดอลลาร์ (ประมาณ 7,500 บาท) และราคาซ่อมทั้งเครื่องอยู่ที่ 399 ดอลลาร์ (ประมาณ 15,000 บาท) ซึ่งราคาซ่อมไม่สูงเท่า iPhone XS แต่สูงกว่ารุ่นอื่นก่อนหน้านี้ทั้งหมด
ดังนั้นผู้ใช้ iPhone XR รวมไปถึงรุ่นอื่นต้องระมัดระวังการในการใช้งานเป็นพิเศษโดยเฉพาะจอแตกและเครื่องเสียหายจากน้ำซึ่งเป็นปัญหาหลักๆ ที่ผู้ใช้ iPhone มักเจอกันเสมอ
ที่มา – Apple
The post ค่าซ่อมจอ iPhone XR ที่ Apple เริ่มที่ 7,500 บาท, ซ่อมทั้งเครื่อง 15,000 บาท (ราคาโดยประมาณ) appeared first on iPhoneMod.
Netflix ยังคงเดินหน้าปั๊มคอนเทนต์ที่ผลิตเพื่อฉายลงแพลตฟอร์มตนโดยเฉพาะต่อเนื่อง ล่าสุดเตรียมออกหุ้นกู้อีก 2,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 6.5 หมื่นล้านบาท) เพื่อเพิ่มเงินสดสำหรับการทำคอนเทนต์โดยเฉพาะ
ถึงแม้ Netflix จะมีความสามารถในการออกหุ้นกู้เพื่อหาเงินมาใช้ต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามในงบดุลของบริษัท หากรวมรายการหุ้นกู้ใหม่นี้เข้ามา Netflix ก็มีรายการหนี้สินสะสมตอนนี้สูงกว่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์แล้ว ซึ่งถึงตอนนี้ก็ยังไม่ใช่ปัญหา เพราะบริษัทจ่ายผลตอบแทนหุ้นกู้ได้โดยไม่เป็นภาระบริษัท
การลงทุนในคอนเทนต์ต่อเนื่อง สะท้อนกลับมาที่ตัวเลขกระแสเงินสดอิสระบริษัท โดยคาดว่าปี 2018 นี้จะติดลบราว 3-4 พันล้านดอลลาร์ จากงบลงทุนคอนเทนต์ราว 3 พันล้านดอลลาร์ และ Netflix ก็บอกว่าปีหน้าจะลบมากกว่านี้อีก
ที่ผ่านมา Netflix ยังมีกำไรในทุกไตรมาส แม้ลงทุนในคอนเทนต์ไปเยอะ เหตุผลเพราะบริษัทบันทึกค่าใช้จ่ายคอนเทนต์ในงบกำไรขาดทุนแบบการลงทุนสินทรัพย์ระยะยาว ทำให้คอนเทนต์แต่ละตัวไม่ต้องรับรู้ต้นทุนทั้งหมดในทันที แต่จะทยอยรับรู้ไปเป็นระยะเวลาพอสมควร
น่าสนใจว่าเกมในระยะยาวของ Netflix ที่ลงทุนคอนเทนต์ไว้เสมือนเป็นพื้นฐานของแพลตฟอร์ม จะเริ่มออกดอกผลที่ชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อใด หรือ Netflix จะต้องทุ่มเงินอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ
ที่มา: Variety และ The New York Times
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา
Appleได้ปล่อย iOS 12.1 Developer beta 5 ให้นักพัฒนาได้อัปเดตทดสอบกันแล้ว นักพัฒนาที่ลงทะเบียนไว้สามารถอัปเดตได้เลย
iOS 12.1 Developer beta 5 สำหรับนักพัฒนาสำหรับ iOS 12.1 Developer beta 5 นั้นมาพร้อมไฟล์ติดตั้งขนาด 202.6MB (iPhone X) และเลข Build Number 16B5089b นักพัฒนาที่ใช้ iOS 12 Beta Software Profile ก่อนหน้านี้สามารถเข้าไปอัปเดตผ่าน OTA ได้เลย
สิ่งใหม่ใน iOS 12.1 Developer beta 5โดยทั่วไปแล้วใน iOS Developer beta สำหรับนักพัฒนาเวอร์ชันที่ปล่อยอัปเดต จะเป็นการปรับปรุงประสิทธิภาพ, แก้ Bug, แก้ปัญหาด้านความปลอดภัยและเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ต่างๆ
(หากทีมงานพบสิ่งใหม่ จะรายงานให้ทราบอีกครั้ง)
___________________________________
ผู้ใช้ทั่วไป “ไม่ควรอัปเดต” เป็น iOS 12.1 Developer beta สำหรับนักพัฒนาเตือน! ผู้ใช้ทั่วไปยังไม่ควรอัปเดตเป็น iOS 12 Developer beta หากต้องการอัปเดตทดสอบ iOS 12 เราขอแนะนำให้ลงทะเบียน iOS 12 Public beta จะดีกว่า
iOS แต่ละแบบแตกต่างกันอย่างไร ทำความเข้าใจที่นี่The post Apple ปล่อย iOS 12.1 Developer beta 5 สำหรับนักพัฒนาให้อัปเดตแล้ว appeared first on iPhoneMod.
Apple ได้ปล่อยอัปเดต watchOS 5.1 beta 5 ให้นักพัฒนาได้อัปเดตแล้ว เบื้องต้นเป็นการปรับปรุงประสิทธิภาพทั่วไป นักพัฒนาสามารถอัปเดตได้เลย
Apple ปล่อยอัปเดต watchOS 5.1 beta 5 ให้นักพัฒนาได้อัปเดตwatchOS 5.1 Developer beta 5 มาพร้อมกับเลข Build Number 16R5589c นักพัฒนาสามารถอัปเดตผ่าน OTA บน iPhone ที่เชื่อมต่อกับ Wi-Fi และในการติดตั้ง watchOS ทุกครั้ง แบตเตอรี่ของ Apple Watch ต้องมากกว่า 50% และต้องชาร์จอยู่บนแท่นชาร์จเสมอ
โดยทั่วไปแล้วใน watchOS 5 Developer beta จะเป็นการปรับปรุงประสิทธิภาพ, แก้ไขข้อผิดพลาดที่พบจากเวอร์ชันก่อนหน้า, แก้ปัญหาด้านความปลอดภัย และเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ต่างๆ
หากทีมงานได้ทดสอบแล้วพบสิ่งใหม่ก็จะรายงานให้ทราบอีกครั้ง
ผู้ใช้ Apple Watch สามารถติดตามข่าวสารอัปเดตเกี่ยวกับ watchOS และ Apple Watch ทั้งหมดได้ที่ watchOS หรือ Apple Watch
The post Apple ปล่อยอัปเดต watchOS 5.1 beta 5 ให้นักพัฒนาทดสอบแล้ว appeared first on iPhoneMod.
เซิรฟ์บอร์ด อีกหนึ่งชนิดกีฬา Extreme ทางน้ำที่ชาวไทยหลายคนคงอยากจะเล่น แต่ก็ติดปัญหาที่ว่าหาสถานที่เล่นยากเหลือเกิน แต่ด้วยเกม True Surf จะช่วยให้คุณได้สัมผัสเกมกีฬาโต้คลื่นสุดมันชนิดนี้อย่างแน่นอน
True Surfเกมเซิร์ฟบอร์ดหรือที่เรียกกันว่า “กระดานโต้คลื่น” เป็นเกมกีฬา Extreme ทางน้ำสุดมันและสมจริงสุดๆ จาก True Axis ที่เปิดตัวมาพร้อมกับเกรียวคลื่นอันสวยงามกว่า 21 สถานที่เล่นเซิร์ฟชั้นนำของโลก พร้อมกับสภาพอากาศของคลื่นทะเลแบบไลฟ์สดที่คุณจะเริ่มเล่นตรงส่วนไหนก็ได้ตามที่ถนัด
โดยเกม True Surf มีระบบการเล่นที่ลื่นไหลอิงตามหลักฟิสิกส์ ที่ผู้เล่นจะต้องใช้นิ้วในการแตะควบคุมการเล่นเซิร์ฟลอดใต้ท้องคลื่นและไต่คลื่นไปแบบสวยงาม อย่าช้า อย่าให้ตก และอย่าเร็วจนเกินไป พยายามประคองไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้
ซึ่งในเกมจะมีคลื่นจากทะเลที่ดีที่สุดในโลกให้เลือกเล่นมากมายกว่า 21 สถานที่ เช่น Pipe in Hawaii, Saquarema in Brazil หรือ Fiji at Bells Beach in Australia เป็นต้น
โดยคุณสามารถเลือกตัวละครได้กว่า 6 แบบที่มาจากทั่วโลก สามารถพัฒนาทักษะของผู้เล่นเหล่านี้ให้เก่งขึ้นได้
นอกจากนี้ คุณยังสามารถซื้อและปรับแต่งเซิร์ฟบอร์ดในสไตล์ของตัวเองได้อีกด้วย
โดยในเกม True Surf จะมีโหมดให้เล่นมากมาย แต่หลักๆ ก็จะเป็นโหมด Classic ที่คุณสามารถฝึกซ้อมและเก็บเลเวลในแบบออฟไลน์ได้ โดยเมื่อคุณเก่งขึ้นแล้ว (ถึงเลเวล 4) คุณจะสามารถเลือกทะเลเพื่อเข้าแข่งขันในรายการทัวร์นาเมนต์ต่างๆ ได้ ซึ่งจะเล่นแบบธรรมดาออฟไลน์หรือเล่นออนไลน์แบบจริงจัง แข่งขันกับผู้เล่นจากทั่วโลกก็ได้เช่นเดียวกัน
เนื้อที่เกม: 68.3 MB รองรับ iOS 11.0 ขึ้นไป (ใช้ได้กับ iPhone และ iPad)
ดาวน์โหลดเกมได้ฟรีที่: True Surf on App Store
The post True Surf เกมกระดานโต้คลื่น (เซิร์ฟบอร์ด) สุดมัน แนวกีฬา Extreme ทางน้ำ appeared first on iPhoneMod.
ใครที่อยากได้แอปเช็คความเร็วอินเทอร์เน็ตที่ไม่เปลืองเนื้อที่ ไม่มีโฆษณา เราขอแนะนำแอป FAST Speed Test อีกหนึ่งแอปที่ใช้งานง่ายๆ แทบไม่ต้องกดปุ่มอะไรเลย เพียงเข้าแอปและมองมัน
FAST Speed Testแอปเช็คความเร็วอินเทอร์เน็ตจาก Netflix ที่มีจุดเด่นอยู่ที่ “ความง่าย” และ “เบา” ใช้ตรวจสอบสปีดความเร็วอินเทอร์เน็ตของคุณว่าช้าหรือเร็ว? ถูกลดความเร็วลงหรือไม่?
ใช้งานได้ง่าย ทุกที่ ทุกเวลา ทุกบริการทั้ง Wifi และ Cellular
วิธีใช้งานก็ง่ายๆ เพียงเปิดแอปและรอให้ระบบตรวจสอบเพียงไม่กี่วินาที ความเร็วอินเทอร์เน็ตในพื้นที่ที่คุณใช้งานอยู่ก็จะปรากฏขึ้นโดยอัตโนมัติ
กดปุ่ม “Show more info” เพื่อดูค่าอื่นๆ ได้ เช่น ความเร็วการ Upload, พื้นที่ที่ใช้งาน, เซิร์ฟเวอร์ผู้ให้บริการ และอื่นๆ
เนื้อที่: 1.8 MB รองรับ iOS 7.0 ขึ้นไป (ใช้ได้กับ iPhone และ iPad)
สามารถดาวน์โหลดแอปได้ฟรีที่: FAST Speed Test on App Store
The post FAST Speed Test แอปเช็คความเร็วอินเทอร์เน็ตจาก Netflix appeared first on iPhoneMod.
นอกจากนวัตกรรมใหม่ๆ อย่างรองเท้า กระเป๋าที่จะได้เห็นในคอลเล็กชั่นใหม่ของ Balenciaga แล้ว ครั้งนี้มาด้วยแผ่นน้ำหอมที่ดูแล้วหน้าตาคุ้นๆ เหมือนแผ่นน้ำหอมต้นไม้
คอลเล็กชั่น Fall/Winter 2018 ของ Balenciaga ในปีนี้ ไม่ได้มาแค่สินค้าแฟชั่น และ Accessory รองเท้า กระเป๋าธรรมดา แต่ปีนี้ในคอลเล็กชั่นนี้ได้เพิ่มแผ่นน้ำหอมที่รูปร่างเป็นต้นไม้ และยังเป็นพวงกุญแจได้ด้วย
ซึ่งแผ่นน้ำหอมนี้มีรูปทรงเป็นต้นไม้ที่ดูไปดูมาแล้วคล้ายคลึงกับแผ่นน้ำหอมสุดฮิตอย่าง Little Trees แถมมีข้อความตรงด้านล่างเช่นเดียวกัน แต่ของ Balenciaga ได้ระบุว่า 40 Rue de Sèvres และ 75007 Paris ซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ของ Balenciaga ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศสนั่นเอง
แผ่นน้ำหอมนี้จำหน่ายในราคา 214 เหรียญสหรัฐ หรือราวๆ 6,800 บาท มีจำหน่ายที่ Antonioli ห้างสำหรับแบรนด์ลักชัวรี่
แต่ดูเหมือนว่า Balenciaga ก็จะมีงานเข้าอยู่เบาๆ เช่นกัน มีข่าวลือว่า Balenciaga กำลังถูก บริษัท The CAR-FRESHNER Corporation ซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์แผ่นน้ำหอม Little Trees ฟ้องร้อง หลังจากที่แผ่นน้ำหอมมีรูปร่างหน้าตาคล้ายคลึงกัน
แต่ตอนนี้ยังไม่มีการตอบรับใดๆ จากทางแบรนด์ ต้องติดตามดูสถานการณ์ต่อไป
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา
Apple อาจเปิดตัว iPad Pro ใหม่ 2018 ในงาน Event วันที่ 30 ต.ค. 2018 นี้ โดย Viktor Kádár นักออกแบบได้ทำภาพแนวคิดสวยๆ มาให้ชมกัน
ภาพแนวคิด iPad Pro 2018 โดย Viktor Kádár
สำหรับสเปคของ iPad Pro ใหม่ 2018 อ้างอิงจากข่าวลือมีดังนี้
Apple ประกาศจัดงาน Event วันที่ 30 ต.ค. 2018 นี้ โดยในงานคาดว่าเราจะได้เห็น iPad Pro ใหม่, MacBook ใหม่ รวมไปถึงอัปเกรดสินค้ากลุ่ม Mac ซึ่งต้องรอติดตามกันในวันงาน
ที่มา – 9to5mac
The post ภาพแนวคิด iPad Pro 2018 โดย Viktor Kádár คาดเปิดตัววันที่ 30 ต.ค. 2018 นี้ appeared first on iPhoneMod.
ภาพยนตร์ไทยปีนี้โตหรู 100% ปัจจัยสำคัญจากคอนเทนต์ที่ถูกจริตคนไทยมากขึ้น คาดมูลค่าจะทะลุถึง 2,000 ล้านบาท นาคี 2 เป็นคอนเทนต์ที่ทุบสถิติวันเปิดตัวสูงที่สุดในรอบ 10 ปี
อุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยมีการเติบโตขึ้นๆลงๆมาตลอดหลายปีทั้งนี้มาจากคอนเทนต์ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาไม่มีความหวือหวาเท่าไหร่นักและมีผู้ผลิตรายใหญ่แค่ไม่กี่ราย
แต่ในปีนี้ดูเหมือนว่าจะเป็นสัญญาณที่ดีของตลาดภาพยนตร์ไทย เมื่อมีภาพยนตร์ที่สร้างรายได้สูงกว่าปีก่อน โดยเฉพาะ “นาคี 2” ที่เพิ่งเข้าโรงได้ไม่กี่วัน แต่สามารถสร้างรายได้ทะลุ 200 ล้านเข้าไปแล้ว เป็นการทุบสถิติหนังที่สร้างรายได้เร็วที่สุดในรอบ 10 ปี
มีการคาดการณ์ว่าภาพรวมอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยในปี 2561 จะเติบโตได้ถึง 100% โดยที่ในช่วง 9 เดือนแรกมีภาพยนตร์ที่ทำรายได้เกิน 100 ล้านบาท 4 เรื่อง ได้แก่ น้องพี่ที่รักของ GDH, ไบค์แมน ศักรินทร์ ตูดหมึกของ M39, ขุนพันธ์ 2 ของสหมงคลฟิล์ม และ ๙ ศาสตราของ M Pictures
เมื่อดูจำนวนหนังไทยทั้งหมดของปีนี้จะมีทั้งสิ้น 43 เรื่อง น้อยกว่าปี 2560 ที่มี 48 เรื่อง แต่สามารถทำรายได้เฉลี่ยได้ดีกว่า ในปีที่แล้วมีภาพยนตร์ที่สร้างรายได้เกิน 100 ล้านเพียง 3 เรื่องเท่านั้น คือ ส่ม ภัค เสี้ยน ของ M Pictures, ฉลาดแกมโกงของ GDH และมิสเตอร์เฮิร์ทมือวางอันดับเจ็บ ของทรานฟอร์เมชั่น
ในปีนี้ยังได้แรงหนุนจากภาพยนตร์นาคี 2 ที่สรา้งปรากฎการณ์ใหม่ให้กับอุตสาหกรรม ทำรายได้ในวันเปิดตัววันแรก 50 ล้านบาท คาดว่าจะทำรายได้ทะลุ 500 ล้านบาทได้ตลอดโปรแกรมการฉาย
พรชัย ว่องศรีอุดมพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายภาพยนตร์ไทย และต่างประเทศ บริษัท เอ็ม พิคเจอร์ส เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน) บอกว่า
“ช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ถือเป็นโอกาสทองของภาพยนตร์ไทย มีภาพยนตร์เข้าฉายถึง 11 เรื่อง และคาดว่าจะเป็นภาพยนตร์ทำเงินทั้งสิ้น เริ่มตั้งแต่นาคี 2 โฮมสเตย์ ขุนบันลือ โนราห์ คาดว่าทั้งปีหนังไทยจะมีรายได้รวม 2,000 ล้านบาท มีการเติบโต 100%”
ในรายได้ 2,000 ล้านบาทนั้น แบ่งเป็นสัดส่วนในกรุงเทพฯ 50% และต่างจังหวัด 50% เป็นตัวเลขที่มีการเติบโต 100% จากในปีก่อนๆ มีการเติบโตเฉลี่ย 20% เท่านั้น จะสามารถกินสัดส่วนรายได้ของตลาดภาพยนตร์ได้ 22% จากที่ปีก่อนๆ มีสัดส่วน 11% ที่เหลือเป็นภาพยนตร์ฮอลลีวูด
คอนเทนต์ถูกจริตมากขึ้นพรชัยเสริมว่าที่ในปีก่อนมีหนังไทยเข้าฉายทั้งหมด 48 เรื่อง เป็นตัวเลขที่เยอะก็จริง แต่ไม่สามารถสร้างรายได้ที่ดีมากนัก เพราะมีค่ายอิสระเยอะ ผู้ผลิตยังผลิตคอนเทนต์ตามความต้องการของตนเอง แต่ในช่วงหลังเริ่มมีการเข้าใจตลาดมากขึ้น มีมุมมองในการผลิตหนังที่แตกต่างออกไป ทำการตลาดที่เน้นเจาะกลุ่มคนดูตามเซ็กเมนต์มากขึ้น
ในปีนี้เห็นความหลากหลายของหนังมากขึ้นมีทั้งตลกแอคชั่นอนิเมชั่นทริลเลอร์แฟนตาซีไม่ได้มีคอนเทนต์ซ้ำๆกันในแบบเดิม
หนังเริ่มมีความแมสมากขึ้น เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้กว้างขึ้น เห็นได้จากหนังที่ได้รับความนิยมจะมีความโลคอลเข้ากับท้องถิ่น เช่น นาคี 2, ไทบ้านเดอะซีรีส์ สามารถดึงให้คนอินด้วยได้
“ปัจจัยที่ทำให้นาคี 2 ได้รับความนิยม มองว่าเป็นเรื่องที่คนไทยอยากดู เพราะคนไทยรู้จักอยู่แล้ว เป็นเื่องความเชื่อที่ทำให้คนอินได้ เป็นคอนเทนต์ที่ตรงกับความต้องการของเขา รวมถึงการวางไทม์มิ่งการฉายในช่วงนี้ช่วงก่อนออกพรรษาก็มีส่วนเช่นกัน”
จะเห็นว่าตอนนี้หนังเริ่มเจาะตามกลุ่มลูกค้ามากขึ้นไม่ว่าจะเป็นกลุ่มคนในกรุงเทพฯ หรือต่างจังหวัด โดยที่นาคี 2 คาดว่าน่าจะมีลูกค้าในกรุงเทพฯ 40% และต่างจังหวัด 60% ส่วนโฮมสเตย์น่าจะมีลูกค้าในกรุงเทพฯ 60% และต่างจังหวัด 40%
ตลาดต่างจังหวัดทำเกมเปลี่ยนอีกหนึ่งจุดเปลี่ยนที่สำคัญทำให้ตลาดหนังไทยเติบโตอย่างสวยหรูในปีนี้ ก็เพระาว่าผู้เล่นในตลาดโรงภาพยนตร์ได้ขยายตลาดต่างจังหวัดมากขึ้น อย่างเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ได้บุกตลาดไปยังพื้นที่ต่างจังหวัดมากขึ้น เริ่มเจาะจังหวัดรองในพื้นที่เล็กๆ ทำให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้มากขึ้น
เมื่อโรงภาพยนตร์เข้าถึงกลุ่มลูกค้าก็ทำให้ภาพยนตร์ไทยได้รับการตอบสนองอย่างดีช่วยทำให้มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา
ความเคลื่อนไหวล่าสุดของสายการบินไทยกรณีข่าวฉาว TG971 ล่าสุดประธานบอร์ดการบินไทย เตรียมที่จะปรับโครงสร้างสายพนักงานของการบินไทยใหม่ ถึงแม้ว่าจะเกิดคลื่นใต้น้ำก็ตาม อย่างไรก็ดีด้านนักบินเตรียมที่จะสนับสนุนนักบินไฟลท์ TG971 ในเรื่องนี้
กลายเป็นเรื่องฉาวสำหรับการบินไทยไปแล้ว สำหรับไฟลท์บิน TG971 ซึ่งทำให้ภาพพจน์ของสายการบินแห่งชาติย่ำแย่ลงไปอีก ทำให้ล่าสุด เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ประธานบอร์ดการบินไทย ประกาศเตรียมใช้เรื่องนี้พลิกวิกฤติของการบินไทย โดยเตรียมปลูกฝังแนวคิด “ลูกค้าต้องมาก่อน”
ในระยะสั้น เอกนิติ ได้กล่าวถึงแผนเร่งด่วนคือต้องหาผู้รับผิดชอบในกรณีนี้ หลังจากการประชุมกับ สุเมธ ดำรงชัยธรรม ซึ่งเป็นกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ หรือ DD ของการบินไทย ส่วนระยะยาวถึงแม้จะมีแผนแม่บทกำกับอยู่แล้ว แต่จะใช้โอกาสนี้ปรับปรุงผ่าตัดสายงานของการบินไทย ซึ่งเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย และมีแรงต่อต้านแน่นอน
สำหรับคำสั่งล่าสุดที่ออกมาจากการบินไทยในไฟลท์ฉาว TG971 นั้น คือให้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบในเรื่องนี้ภายใน 7 วัน คาดว่านายสถานีภาคพื้นและนักบิน ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องรับผิดชอบหรือไม่ก็ต้องรับผิดชอบร่วมกัน ในการสอบสวนครั้งนี้จะยึดกฏบริษัท มีความเป็นธรรม สร้างความเชื่อมั่นให้กลับมาอีกครั้ง
ปัจจุบันการบินไทยมีผู้ถือหุ้นใหญ่คือกระทรวงการคลังที่ 51% รายได้ในปีที่ผ่านมา 189,857 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 2,107 ล้านบาท
นักบินเตรียมรวมตัวให้กำลังใจขณะเดียวกันนักบินจำนวนประมาณ 50 คน เตรียมไปรวมตัวที่สำนักงานใหญ่การบินไทย เพื่อแสดงพลังและให้กำลังใจกับกัปตันและนักบินของไฟลท์ TG971 และระบุว่าเป็นการแสดงพลังแบบสันติ ทางด้านกรรมการผู้อำนวยการใหญ่การบินไทยไม่ขัดข้องที่จะมีการรวมตัวของนักบินการบินไทยที่จะแสดงพลังในเรื่องนี้
นอกจากนี้หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจยังได้รายงานว่านักบินเตรียมตัวที่จะขอสวัสดิการที่เพิ่มขึ้น รวมไปถึงขอขึ้นเงินเดือนด้วย ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนที่จะเกิดเรื่องฉาวดังกล่าว และกรรมการผู้อำนวยการใหญ่การบินไทยก็ไม่รับปากในเรื่องการปรับสวัสดิการครั้งนี้เมื่อวันที่ 19 ตุลาคมที่ผ่านมาด้วย
บรรยง พงษ์พานิช อดีตคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ ได้แนะนำข้อเสนอในการแก้ปัญหาเรื่องของสวัสดิการนักบิน ซึ่งการบินไทยมีสวัสดิการหลากหลายรูปแบบ ซึ่งสวัสดิการเหล่านี้ล้วนมีต้นทุนทั้งสิ้นไม่ว่าจะเป็น ค่าน้ำมัน ค่าอาหาร และต้นทุนแฝงต่างๆ ด้วย
นอกจากนี้ บรรยง ยังได้กล่าวถึงเรื่องการปรับเปลี่ยนโดยเฉพาะเรื่องสวัสดิการว่าเป็นเรื่องต้องทำ เพราะไม่เช่นนั้นถ้าเกิดเป็นเหมือนกับกรณีสายการบิน Japan Airlines หรือ JAL ที่ต้องเข้าฟื้นฟูกิจการ ในท้ายที่สุดแล้วทุกคนไม่ได้สวัสดิการอะไรเลย
ในบรรดารัฐวิสาหกิจของไทยด้วยกันนั้น การบินไทยมีชื่อเสียงที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก และประชาชนค่อนข้างมีมุมมองแง่ลบกับสายการบินเป็นอย่างมาก เรื่องนี้อาจทำให้เกิดเป็นจุดเปลี่ยนของการบินไทยสำหรับการผ่าตัดโครงสร้างของสายการบินแห่งนี้ที่มีแต่ปัญหามาโดยตลอด เริ่มต้นตั้งแต่ต้นทุนการบินที่สูงจนไปถึงการบริการ
ถ้าเรื่องไฟลท์ฉาว TG971 สายการบินไม่สามารถจัดการปัญหาได้อย่างถูกต้อง หรือประชาชนเป็นผู้ใช้บริการเกิดความพอใจได้ ท้ายที่สุดแล้วสายการบินแห่งนี้ก็เป็นสายการบินที่คนไทยเอือมระอา จุดจบของสายการบินนี้คงไม่ไกลเกินเอื้อม
ที่มา – บีบีซีไทย, หนังสือพิมพ์ข่าวสด, หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ [1], [2]
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา
กลายเป็นประเด็นที่ถูกจับตามองในแวดวงกีฬาทันทีหลังเกิดข่าวลือออกมาว่า Nike จะยกเลิกสัญญาที่ทำไว้กับ Maria Sharapova แต่ยังคงสัญญากับ Colin Kaepernick ไว้ แถมยังเดินหน้าแคมเปญดิจิทัลนี้ต่อเนื่อง
ข่าวลือดังกล่าวหลุดออกมาในวันอาทิตย์โดย The Sun ของอังกฤษได้รายงานว่า Nike เตรียมยกเลิกสัญญากับนักเทนนิสหญิง Maria Sharapova ที่ทำไว้ตั้งแต่เธออายุ 11 ปี ถือเป็นหนึ่งในการยกเลิกสัญญาครั้งประวัติศาสตร์ของบริษัท เนื่องจากทุ่มทุนกับนักกีฬาคนนี้ไปมาก แถมยังปั้นให้เธอเป็นนักกีฬาหญิงที่มีสินทรัพย์มากที่สุดในโลกด้วย
อย่างไรก็ตามเพียงหนึ่งวันหลังจากนั้น Max Eisenbud ตัวแทนของนักเทนนิสสาวก็ออกมาปฏิเสธเกี่ยวกับเรื่องนี้ พร้อมยืนยันว่าสัญญาที่ทำกับ Nike เป็นสัญญาตลอดชีพ และยังไม่มีการยกเลิกแต่อย่างใด หลังเพิ่งเซ็นสัญญาครั้งล่าสุดด้วยมูลค่าปีละ 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 327 ล้านบาท) เมื่อปี 2553
Maria Sharapova // ภาพโดย Misty, Sydney, Australia [CC BY-SA 3.0 (https://creativecommons.org/licenses/by-sa/3.0)], via Wikimedia Commonsทั้งนี้ Sharapova เพิ่งกลับมาลงแข่งเทนนิสได้ไม่นานหลังถูกห้ามแข่งเพราะตรวจสารกระตุ้นไม่ผ่านเมื่อปี 2559 ซึ่งช่วงนั้น Nike ก็หยุดทำการสนับสนุนเธอไปเหมือนกัน แต่ไม่นานก็กลับมาทำตลาดร่วมกันใหม่ โดยนอกจาก Sharapova จะมีรายได้จากสัญญานี้แล้ว ยังเป็นตัวแทนให้กับแบรนด์หรูต่างๆ และมีแบรนด์ขนมของตัวเองด้วย
ในทางกลับกันถึง Sharapova จะกลับมาแข่งเทนนิส และครองมือวางอันดับที่ 29 ของโลกแล้ว แต่ข่าวแบบนี้ก็ยังเกิดขึ้น ทั้งๆ ที่นักกีฬาภายใต้สัญญาอีกคนของ Nike อย่าง Colin Kaepernick กลับไม่มีข่าวลือแบบนี้ แถมล่าสุดยังได้เป็นตัวนำในแคมเปญทำตลาดฉลองครบรอบ 30 ปี ของ Just do it ด้วย
แสดงให้เห็นถึง Nike ที่น่าจะให้ความสำคัญกับนักกีฬาที่สื่อความหมายของ Just do it ได้ชัดเจนที่สุด มากกว่าการเกาะกระแสนักกีฬาคนใดคนหนึ่ง นอกจากนี้ด้วยความสำคัญของดิจิทัลที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้ทางแบรนด์ตัดสินใจบุกตลาดนี้เต็มที่ ทั้งในแง่กลยุทธ์ และการลงทุน
ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมต่อกับลูกค้า, การพัฒนาผลิตภัณฑ์ และการผลิต แถมผู้บริหารระดับสูงยังลงมาดูแลเรื่องนี้ด้วยตัวเองอีกด้วย จึงไม่แปลกที่หลายฝ่ายเริ่มมองว่า Nike น่าจะเดินถูกทาง ทั้งการตลาดแบบเลือกข้าง (การเมือง) และการลงทุนดิจิทัล สังเกตที่ราคาหุ้นของ Nike ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ในทางกลับกัน Brian Nagel นักวิเคราะห์จาก Oppenheimer มองว่า ตลาดอุปกรณ์กีฬาในระดับโลกนั้นเข้าสู่ช่วงเติบโตอย่างช้าๆ ในอีกไม่กี่ปีจากนี้ เพราะตลาดในประเทศจีน, เอเชียแปซิฟิค และลาตินอเมริกาเริ่มอิ่มตัว ดังนั้นการพยายามทำตลาดเพื่อตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ และหาทางใกล้ชิดกับผู้บริโภคที่สุดจึงจำเป็น
“ตอนนี้เราเห็นว่า Nike เริ่มจริงจังกับช่องทางดิจิทัลมากขึ้น และมันน่าจะเป็นข้อดีในการทำให้ Nike กลับมาเติบโตอย่างยั่งยืนอีกครั้ง หลังไม่สามารถแข่งขันในตลาดต่างประเทศได้ระยะหนึ่ง นอกจากนี้เมื่อ Nike ใกล้ชิดผู้บริโภคทั่วโลกมากขึ้น ก็อาจช่วยแก้ปัญหามีรายได้จากต่างประเทศถึง 55% ได้ด้วยเหมือนกัน”
ขณะเดียวกันบริษัทที่ปรึกษาการลงทุนยังมองว่าราคาหุ้นของ Nike น่าจะปรับตัวขึ้นไปถึง 90 ดอลลาร์/หุ้น (ราว 3,000 บาท) ได้ด้วยเหมือนกัน จากปัจจุบันที่อยู่ราว 76 ดอลลาร์ เพราะความชัดเจนในการทำตลาด รวมถึงการทำให้ตัวเองแข่งขันในตลาดนี้ได้มากขึ้นกว่าเดิม
สรุปNike ไม่ได้จะยกเลิกสัญญากับนักกีฬาคนไหนง่ายๆ สังเกตจากกรณีของคนเก่าอย่าง Tiger Woods และแม้จะเสีย Roger Federer ไปเมื่อไม่นานนี้ แต่ Nike ก็ยังมีพาร์ทเนอร์นักกีฬาจำนวนมากในมือ ดังนั้นเชื่อว่าการเดินหน้ารุกดิจิทัล และการวางแผนใช้นักกีฬาเป็นอย่างดี ก็น่าจะทำให้ Nike ยังโลดแล่นอยู่ในธุรกิจนี้ได้อีกนาน
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา
ใกล้เข้ามาทุกทีแล้วสำหรับการเปิดตัวร้าน Apple Store สาขาแรกในประเทศไทย ที่ห้าง ICON SIAM โดยก่อนหน้านี้ที่ทีมงาน MacThai ได้รายงานว่าจะมีการเปิดตัวร้านสาขาแรกในไทยในวันที่ 9 พฤศจิกายน 2018 ซึ่งก็มีหลายคนที่ตั้งตารออย่างมาก
อย่างไรก็ดี ในวันที่เปิดตัวร้านอย่างเป็นทางการนั้นจะเป็นรอบของสื่อมวลชน ที่จะได้เข้าไปเก็บภาพและบรรยากาศ ซึ่งหากใครที่รอคอยจะเข้าไปสัมผัสกับ Apple Store สาขาแรกในไทยนี้ อาจจะต้องรอในวันที่ 10 พฤศจิกายน ซึ่งจะเปิดให้คนทั่วไปสามารถเข้าชมและใช้บริการได้
ทั้งนี้คาดว่าจะมีการคอนเฟิร์มจากแอปเปิลอีกครั้งในกำหนดการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ซึ่งน่าจะมีความชัดเจนในช่วง 1-2 สัปดาห์นี้แล้ว
รายงานโดย
ทีมงาน MacThai
สรุปข่าว Apple Store ในไทย
The post [ลือ] Apple Store สาขา ICON SIAM เตรียมเปิดตัวรอบสื่อ 9 พ.ย., บุคคลทั่วไปเข้าได้ 10 พ.ย.นี้ appeared first on Macthai.com.
ตลาดเดลิเวอรี่อาหารในไทยที่มีมูลค่า 2.6 หมื่นล้านกำลังอยู่ในช่วงที่แข่งขันอย่างหนัก ล่าสุด 7-Eleven เจ้าตลาดร้านสะดวกซื้อทดลองส่งบริการเดลิเวอรี่สินค้าและอาหาร ให้พนักงานปั่นจักรยานไปส่งตรงถึงหน้าบ้าน
ประชาชาติธุรกิจ รายงานว่า เซเว่น อีเลฟเว่น ประเทศไทย ได้ทดลองให้บริการส่งของแบบเดลิเวอรี่ (Delivery) โดยให้พนักงานของตัวเองปั่นจักรยานไปส่งของถึงหน้าบ้านของลูกค้า ตั้งแต่เวลา 6 โมงเช้าถึง 4 ทุ่มของทุกวัน
จากข้อมูล ระบุว่า สาขาที่ให้บริการแบบเดลิเวอรี่ยังมีจำกัด โดยเริ่มต้นทดลองในเซเว่นฯ สาขาซอยบรมราชชนนี 4 และสาขาบริเวณหมู่บ้านสีวลี-ราชพฤกษ์ ครอบคลุมตั้งแต่ซอยบรมราชชนนี 4 และ 6 รวมถึงคอนโดฯ ลุมพินี พาร์ค ปิ่นเกล้า, หมู่บ้านสีวลี-ราชพฤกษ์, หมู่บ้านชัยพฤกษ์-ราชพฤกษ์ และหมู่บ้านเบญญาภา-ราชพฤกษ์
ตลาดเดลิเวอรี่อาหาร (Food Delivery) ในไทยกำลังมีการแข่งขันอย่างหนัก ปัจจุบันตลาดนี้มีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 26,000 หมื่นล้านบาท เติบโตขึ้นทุกปี ปีละ 11-15% โดยผู้เล่นในตลาดมีหลากหลายตั้งแต่ LINE MAN, Grab Food, Food Panda ไปจนถึงสายส่งอาหารสดถึงบ้านอย่าง Happy Fresh และ Honestbee
อย่างไรก็ตาม โมเดลการส่งของจากเซเว่นถึงหน้าบ้านในไทยไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะเซเว่นในญี่ปุ่นได้เริ่มทดลองการส่งของแบบเดลิเวอรี่มาตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคม พร้อมทั้งเตรียมขยายบริการไปกว่า 20,000 สาขาทั่วญี่ปุ่น
ที่มา – ประชาชาติธุรกิจ
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา
ฟังข่าวช่วงนี้คงได้ยินคำว่าดอกเบี้ยนโยบายเงินเฟ้อกันบ่อย ทั้งทางสหรัฐฯ ที่จะเริ่มขยับขึ้นทำให้อัตราดอกเบี้ยทั่วโลกเตรียมขยับขึ้นตาม แต่วิถีชีวิตคนทั่วไปอย่างเรา มนุษย์เงินเดือน พ่อค้าแม่ค้า ฯลฯ จะเกี่ยวข้องกับตัวเลขพวกนี้อย่างไร?
Brandinside มีโอกาสคุยกับ จิติพล พฤกษาเมธานันท์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย บอกว่าธนาคารกลางแต่ละประเทศ หรือ แบงก์ชาติ จะเป็นคนกำหนดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งเกิดมาเพื่อป้องกันเงินเฟ้อที่ต่ำหรือสูงเกินไป หัวใจของเขาคือนำมาสร้างสมดุลในเศรษฐกิจ
อย่างไทยเราอัตราดอกเบี้ยนโยบายของแบงก์ชาติอยู่ที่ 1.5% เมื่อธนาคารพาณิชย์เงิน (สภาพคล่อง) ขาดมือสามารถกู้เงินจากแบงก์ชาติได้ในอัตราดอกเบี้ย 1.5% ซึ่งแบงก์ชาติก็รักษาเสถียรภาพของเศรษฐกิจผ่านธนาคารพาณิชย์
เช่น หากเกิดปัญหาเงินเฟ้อสูง จะเกิดสถานการณ์คนไล่กักตุนซื้อสินค้าต่างๆ ไว้ เพราะเขากลัวว่าอนาคตข้าวของจะแพงขึ้น ส่งผลต่อเศรษฐกิจชะลอตัว ดังนั้นธนาคารกลางต้องขึ้นดอกเบี้ยเพื่อดึงให้คนอยากออมเงิน ลดการเก็งกำไรลง
แต่ถ้าเงินเฟ้อต่ำ ราคาสินค้าต่ำมาก ราคาไม่ขึ้น ธนาคารกลางต้องลดดอกเบี้ยลง เพื่อให้คนคิดว่าฝากเงินที่ธนาคารแล้วได้น้อย นำไปลงทุนอย่างอื่นที่มีผลตอบแทนดีกว่า จะช่วยให้เม็ดเงินกระจายไปหมุนเวียนในเศรษฐกิจ
ที่สหรัฐฯ เมื่อธนาคารกลางเขาขึ้นดอกเบี้ย ดอกเบี้ยเงินกู้-เงินฝากก็ปรับสูงขึ้นตาม เพราะว่าสภาพคล่องในระบบเขาต่ำ ไม่ค่อยมีเงินสดเหลือ คนส่วนใหญ่เอาไปลงทุน และอื่นๆ กันหมด
ต่างจากไทยเราที่เงินฝากเยอะ สภาพคล่องเยอะ ดังนั้นเมื่อแบงก์ชาติประกาศปรับขึ้น หรือลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายไม่ได้แปลว่า ธนาคารพาณิชย์ต้องขยับดอกเบี้ยตาม เพราะแบงก์พาณิชย์ต้องดูสภาพคล่องในระบบ ภายในแบงก์ ดูฐานเงินฝากของตัวเองก่อน เช่น หากฐานเงินฝากเขาน้อยมีไม่พอที่จะปล่อยกู้ลูกค้า แบงก์พาณิชย์ต่างๆ อาจจะแข่งขันกันขึ้นดอกเบี้ยเงินฝากเพื่อดึงให้คนเข้ามาฝากเงิน
แต่ถ้าแบงก์พาณิชย์มีสภาพคล่องเหลือ มีเงินฝากเหลือเยอะ เมื่อธนาคารแห่งประเทศไทยปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย ถ้าเขาอยากจะทำตลาด แย่งลูกค้าเขาก็ไม่จำเป็นต้องขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้เพื่อดึงดูดให้คนเข้ามา
“แบงก์พาณิชย์สามารถกู้กับแบงก์ชาติได้ไม่จำกัดก็จริง แต่การกู้แบงก์ชาติก็ไม่ยั่งยืนกับธุรกิจ เพระเขาเขาไม่สามารถต่อยอดไปผลิตภัณฑ์อื่นๆ ได้ เช่น การขายบัตรเครดิต ฯลฯ”
สาเหตุที่ดอกเบี้ยแบงก์พาณิชย์ให้รายย่อยอย่างเรา ต้องแพงกว่าธนาคารพาณิชย์กู้มา เพราะเรามีความเสี่ยงมากกว่า และมีระดับความเสี่ยงแตกต่างกันแต่ละบุคคล แม้ว่าแบงก์พาณิชย์สามารถกู้แบงก์ชาติได้ดอกเบี้ยที่ 1.5% แต่ต้นทุนของธนาคารยังมีอีกหลายปัจจัยได้แก่
“หลักๆ ต้นทุนดอกเบี้ยแบงก์มาจาก ต้นทุนเงินฝากที่เขาได้มา ความเสี่ยงรายบุคคล ดูเรื่อง NPL ของแต่ละแบงก์ เช่น NPL อยู่ที่ 2% สมมติปล่อยกู้ 100% เจ๊ง 2% ถ้าคิดดอกเบี้ยลูกค้าที่ 1.5% ก็ไม่โอเค เพราะเขายังมีค่าใช้จ่ายในการทำธุรกิจดำเนินกิจการ ตั้งสำรองความเสี่ยงตามเกณฑ์แบงก์ชาติ ต้นทุนทางการเงิน สภาพคล่องในตลาดและอื่นๆ อีกมากมาย”
ส่วนสาเหตุที่ดอกเบี้ยเงินกู้ของแต่ละบุคคลไม่เท่ากัน ก็เพราะความเสี่ยงแต่ละคนไม่เท่ากัน เช่น คนที่มีเงินเก็บเยอะเป็นสิบล้านในแบงก์ แบงก์อาจจะให้ดอกเบี้ยถูก เพราะมองว่าลูกค้ามีเงินใช้คืนแน่ๆ แต่ถ้าเป็นคนมีภาระหนี้สูง แบงก์ก็ต้องคิดว่าเขาจะได้เงินคืนไหม หรืออาจจะดูประเภทของสินเชื่อเช่น สินเชื่อมีหลักประกันไหม เป็นต้น
อัตราดอกเบี้ยเป็นตัวกระตุ้นให้คนอยากซื้อของมากขึ้นอยู่แล้ว เช่น บ้าน รถ มือถือ อย่าง IPhone ถ้าไม่มีโปรโมชั่นผ่อน 0% เป็นตัวกระตุ้นให้คนช็อปคนก็อาจจะซื้อน้อยลง
ช่วงนี้เราเห็นสินเชื่อของไทยดอกเบี้ย Fixed น้อยลง อย่าง สินเชื่อบ้าน ฯลฯ เพราะแบงก์ไม่อยากรับความเสี่ยงเมื่อต่อไป ดอกเบี้ยนโยบายเป็นช่วงขาขึ้น แบงก์ก็ปล่อยกู้ตามอัตราดอกเบี้ยตลาด ซึ่งที่จริงแล้วลูกค้าจะชอบดอกเบี้ยแบบ Fixed เพราะรู้อัตราดอกเบี้ยที่ตัวเองต้องจ่ายแบบแน่นอน
หลังจากนี้ถ้าเทรนด์ดอกเบี้ยทั่วโลกจะปรับลง แบงก์พาณิชย์จะกลับมาแข่งกันให้ดอกเบี้ย Fixed กับลูกค้าอีกครั้งเพื่อเป็นการ Lock ต้นทุนที่แน่นอน ไม่ว่าอัตราดอกเบี้ยในตลาดจะลดลงหรือไม่ธนาคารก็คิดอัตราดอกเบี้ยตามสัญญา
“สุดท้ายแล้ว การเงินคือการประเมินมูลค่า ถ้าแบงก์ประเมินได้ดีที่สุด มองในระยะยาวว่าเศรษฐกิจดีขึ้น แบงก์ดู NPL แล้วไม่สูง แบงก์พาณิชย์ก็กล้าที่จะสู้ กล้าที่จะลดดอกเบี้ย”
สรุปอัตราดอกเบี้ยนโยบายของแบงก์ชาติมีผลกระทบต่อ การคิดดอกเบี้ยเงินฝาก-เงินกู้ของธนาคารพาณิชย์ แต่ก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์อื่นๆ เช่น ต้นทุนการเงิน สภาพคล่อง กลยุทธ์ทางการตลาด ฯลฯ ที่สำคัญอยู่ที่ความเสี่ยงของตัวลูกค้าเอง
แต่ถ้าดอกเบี้ยนโยบายเป็นขาขึ้นยังกระทบอีก 2 ด้านคือ 1. ผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นจะปรับตัวลง เช่น ปัจจุบันพันธบัตรระยะสั้นไทยให้ผลตอบแทน 1.3% ขณะที่ดอกเบี้ยนโยบายแบงก์ชาติอยู่ที่ 1.5% ถ้าอนาคตปรับขึ้นเป็น 1.75% ผลตอบแทนในพันธบัตรอาจจะลดลง เพราะในตลาดการเงินมี ผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ดีกว่า คือมีความเสี่ยงต่ำกว่า และได้ผลตอบแทนมากขึ้น และ 2. อาจส่งผลกระทบให้คนซื้อหุ้นน้อยลง เพราะการฝากเงินมีความเสี่ยงต่ำกว่าแต่มีผลตอบแทนมากขึ้น
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา
appleinsider เผยผลคะแนนทดสอบประสิทธิภาพด้วย Software ต่างๆ พบว่า iPhone XS Max ได้คะแนนทดสอบประสิทธิภาพดีกว่า Pixel 3 XL ทุก Software
iPhone XS Max ได้คะแนนทดสอบประสิทธิภาพสูงกว่า Pixel 3 XLiPhone XS Max ของ Apple มาพร้อมชิพ A12 Bionic ส่วน Pixel 3 XL มาพร้อมชิพ Snapdragon 845 ซึ่ง Smartphone ทั้งสองรุ่นนี้เป็นรุ่นล่าสุดของ Apple และ Google
appleinsider ได้วัดคะแนนประสิทธิภาพด้วย Geekbench 4, Antutu, Octane 2.0 และ GFXBench OpenGL โดยมีผลคะแนนดังนี้
Geekbench 4จากการทดสอบของ appleinsider พบว่า iPhone XS Max มีคะแนนประสิทธิภาพจากการทดสอบด้วย Software สูงกว่า Pixel 3 XL ทุก Software ที่ใช้ทดสอบ ถึงแม้ผลทดสอบของ iPhone XS Max จะมีคะแนนสูงกว่าแต่ appleinsider เผยว่า ไม่ได้เป็นการยืนยันว่า iPhone XS Max เป็นอุปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพดีที่สุด
ที่มา – appleinsider
The post iPhone XS Max ได้คะแนนทดสอบประสิทธิภาพสูงกว่า Pixel 3 XL (โดย appleinsider) appeared first on iPhoneMod.
หลังจากที่แอปเปิลประกาศเริ่มวางจำหน่าย iPhone XR อย่างเป็นทางการพร้อมกันทั่วโลกในวันศุกร์ที่ 26 ต.ค. ที่จะถึงนี้ซึ่งรวมถึงประเทศไทยด้วย โดยเปิดให้สั่งจองไปตั้งแต่เมื่อวันที่ 19 ต.ค.ที่ผ่านมา
ล่าสุดแอปเปิลได้ปล่อยโฆษณา iPhone XR ชุดใหม่ จำหน่าย 2 ตัวด้วยกัน โดยมีความยาวประมาณ 15 วินาที โดยทั้งสองคลิปนี้ จะโชว์ฟีเจอร์เด็ด ๆ อย่าง Depth Control หรือการปรับความเบลอของพื้นหลังเมื่อทำการถ่าย Portrait mode, รองรับการสแกนใบหน้า Face ID, กันน้ำระดับ IP68 และประสิทธิภาพที่เหนือชั้นของชิป Apple A12 Bionic
สำหรับราคา iPhone XR เริ่มต้นที่ 29,900 บาท ซึ่งมีความจุให้เลือกตั้งแต่ 64, 128 และ 256GB และมีสีให้เลือกทั้งหมดถึง 6 สี ได้แก่ ดำ ขาว แดง ส้ม เหลือ ฟ้า ถ้าใครสนใจสามารถสั่งจองผ่านเว็บ Apple online (TH) ได้แล้ววันนี้
ที่มา – iClarified
The post Apple ปล่อยโฆษณา iPhone XR โชว์การถ่ายหน้าชัดหลังเบลอได้, Face ID, กันน้ำและ ชิป A12 Bionic appeared first on Macthai.com.