ดูเหมือนว่าโครงการ CentOS ซึ่งลีนุกซ์ดิสโทรสาย Red Hat Enterprise Linux Clone ยอดนิยมกำลังประสบปัญหาซะแล้ว เมื่อทีมพัฒนาหลักของ CentOS ได้รวมตัวกันเพื่อออกจดหมายเปิดผนึกไปยังนาย Lance Davis เพื่อขอให้แสดงจุดยืนและความโปร่งใสในการเป็นเจ้าของสิทธิ์ของโครงการ CentOS และเงินทุนของโครงการ แถมท้ายไว้เป็นนัยๆ ด้วยว่าโครงการอาจจะล้ม หากผู้พัฒนาทั้งหมดออกจากโครงการ
โดยนาย Lance Davis เป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งโครงการ CentOS เขาเป็นเจ้าของโดเมน centos.org, IRC Channel ของ CentOS และเป็นเจ้าของช่องทางในการบริจาคเงินเข้าสู่โครงการต่างๆ ผ่านทาง PayPal และ Google AdSense บนเว็บไซต์ centos.org
โดยทีมพัฒนาของ CentOS อ้างว่านาย Lance ได้เริ่มลดบทบาทของตัวเองในโครงการลงอย่างเห็นได้ชัดตั้งแต่ราวปี 2008 แต่กลับไม่ยอมแสดงความโปร่งใสในการเป็นเจ้าของโครงการ CentOS และการบริหารเงินบริจาคของโครงการ และยังไม่ยอมรับโทรศัพท์และการติดต่อใดๆ จากทีมพัฒนามาเป็นเวลาสักระยะแล้ว อีกทั้งยังใช้บริการซ่อนความเป็นเจ้าของโดเมน เพื่อปิดบังชื่อเจ้าของที่แท้จริงของโดเมน centos.org ทีมพัฒนา CentOS จึงจำเป็นที่จะต้องออกจดหมายเปิดผนึกดังกล่าวบนเว็บไซต์ และระหว่างนี้ได้นำเอา Google AdSense และ PayPal ออกจากหน้าเว็บ centos.org เป็นการชั่วคราวก่อนแล้ว
หลังจากที่มีจดหมายเปิดผนึกออกมา ทีมพัฒนา CentOS แต่ละคนต่างทยอยกันเขียนบล็อกเพื่ออธิบายถึงเหตุผลของการออกจดหมายเปิดผนึก ล่าสุดทีมพัฒนาได้แถลงบนเว็บไซต์ centos.org ว่ายังยืนยันว่าจะดำเนินโครงการต่อไป แม้ว่าอาจจะไม่สามารถใช้ชื่อ CentOS ได้แล้วก็ตาม
โครงการ CentOS เป็นโครงการที่ตั้งขึ้นเพื่อสร้างลินุกซ์ดิสโทรที่เข้ากันได้กับ Red Hat Enterprise Linux โดยโปรแกรมและไดรเวอร์ต่างๆ ที่สนับสนุน RHEL จะสามารถใช้งานได้บน CentOS ที่มีเลขเวอร์ชันเดียวกันได้ เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้ใช้ลีนุกซ์สาย Red Hat เดิมแต่ไม่อยากจะเปลี่ยนไปใช้ Fedora Linux (หรืออีกนัยนึงคืออาจจะไม่อยากจ่ายค่า Subscription ให้ Red Hat Network) โดยโครงการ CentOS ดำเนินการในรูปแบบของชุมชน โดยการสนับสนุนผ่านทางการบริจาคเงินและทรัพยากรต่างๆ จากผู้สนับสนุน
update - ล่าสุด (1/8/09) สถานการณ์เหมือนจะดีขึ้นแล้วครับ โดยตอนนี้ โดเมน centos.org และ centos.info ได้กลายเป็นของโครงการ CentOS แล้ว แต่ในเว็บไซต์ยังคงประกาศให้ชลอการบริจาคไว้ก่อนจนกว่าจะจัดการเรื่องทั้งหมดให้เรียบร้อย
ที่มา - Open Letter to Lance Davis, Arrfab’s Blog, Dag Wieer's Blog, Planet CentOS
Comments
ไม่น่าจะถูกนะครับ CentOS เป็นทางเลือกให้กับคนที่จะใช้ Red Hat Enterprise Linux แต่ไม่อยากจะเสียเงินค่า support ให้กับ Red Hat ต่างหาก
CentOS นั้นเกิดขึ้นมาในเงื่อนไขที่ว่า Red Hat Enterprise Linux ที่เป็น Binary (RPM) จะ download หรือ ลงได้สำหรับผู้ที่ลงทะเบียน (จ่ายเงิน) support กับ Red Hat แล้วเท่านั้น
แต่ทาง Red Hatก็แจกจ่าย Source code ของ RPM (SRPM) ทั้งหมดฟรีๆ ดังนั้นโครงการ CentOS จึงเอา SRPM เหล่านั้นมา build RPM อีกที โดยที่ package ไหนมี logo หรือคำว่า Red Hat อยู่ ก็จะเอาออกไปเปลี่ยนเป็น CentOS แทน
+1
+1
I will change the world, to the better day.
I will change the world, to the better day.
+1
+1
ครับ ผมเห็นด้วยแต่ผมพูดให้มัน softๆหน่อยเท่านั้นเอง เพราะความตั้งใจแต่ดั้งเดิมของ Red Hat คือคนไม่อยากจ่ายก็ไปใช้ Fedora แทน แต่ CentOS มาคั่นกลาง ผมเลย imply ว่าคนอยากใช้ Red Hat แต่ไม่อยากเปลี่ยนเป็น Fedora ตามที่ Red Hat ต้องการครับ
Red Hat แบ่งส่วนของ Enterprise Linux ออกจาก Linux (desktop/server) ธรรมดาตั้งแต่ก่อนจะมี CentOS หรือ Fedora แล้วนะครับ และก็ต้องเสียเงินมาตั้งแต่ก่อนจะมี Fedora เช่นกัน
CentOS นั้นคือสาย Enterprise Linux ครับ สาย Desktop กับ Enterprise นั้นคู่ขนานกันมาตลอดครับ ไม่ได้แปลว่าที่คนไปใช้ CentOS เพราะไม่อยากใช้ Fedora
ครับ แต่จำได้ว่า RHAS มันต่างกับ Red Hat Linux ไม่มาก จนกระทั่งตอนที่ Red Hat ตัดสินใจทิ้ง Red Hat Linux และตัดสินใจซื้อโปรเจ็ค Fedora มาทำแทน ตอนนั้นเลยเหมือนกับว่าเป็นการแยกดิสโทรอย่างชัดเจนจริงๆ
ยังจำได้ว่าตอนแยกกันใหม่ๆ ถ้าเข้าไป download red hat จะมีให้เลือกแยกเลย
ถ้าว่ากันตามหลักการแล้วทาง Red Hat ก็ต้องบอกว่า ถ้าอยากใช้ผลิตภัณฑ์ของเราแต่เป็นของฟรี ก็ต้องใช้ Fedora คงไม่บอกให้ไปใช้ CentOS หรือ WhiteBox แน่ๆล่ะครับ
เคยได้ยินจากคนของ Red Hat ว่า CentOS นี่ก็เป็นหนามตำตาของ Red Hat เหมือนกัน แต่คงยังทำอะไรไม่ได้เพราะนี่มันเป็น OSS (เข้าใจว่าคงเป็นความสัมพันธ์ใกล้เคียงกับแผ่นแท้ แผ่นก๊อปของตลาด console game เมืองไทย)
สรุปคือผมไม่อยากให้มันเหมือนกับว่า CentOS เป็นของเถื่อนน่ะครับ ถ้าบอกว่าเป็นการใช้ RHEL แต่ไม่อยากเสียเงินให้ Red Hat มันฟังเหมือนเป็นซอฟต์แวร์เถื่อนพิกล (ถึงจะจริง)
ผมเชื่อว่าตามแนวทางของ OpenSource ถ้ามันจะล่ม เดี๋ยวก็มี Fork ออกมาเองล่ะครับ - -"
ป.ล. อ่านข่าวแล้ว นึกถึงกรณี BoxTorrent => BakaBT แฮะ
Yume Nikki
ชักรู้สึกเสียวๆ แล้วสิ บ ผมกำลังเปลี่ยนไปใช้ CentOS เต็มรูปแบบอยู่เนี่ย
ข่าวล่าสุดตกลงกันได้แล้วครับ ดูจากหน้าเวป www.centos.org
Geek's Book
ขอบคุณครับผม update ข่าวล่ะครับ
พูดตรงๆก็คือกินไม่แบ่ง หรือไม่ก็ยักยอกเงินกระมัง เสียความน่าเชื่อถือไปเยอะ สำหรับโครงการที่เปิดรับบริจาคต่อไปเรื่องความโปร่งใสก็คงต้องเป็นอีกหนึ่งประเด็นที่ต้องถูกถามเสมอแล้วละนะ
\(@^_^@)/
M R T O M Y U M
ขอเสริมครับ
CentOS เป็น recompiled srpm files แล้วก็จัดการเอา trade mark ของ RHEL ออกทั้งหมด เพื่อให้เป็นไปตามกฏ ซึ่งจริงๆ แล้ว CentOS ไม่เหมือน RHEL 100% (อย่างน้อย Logo ก็ไม่เหมือน และ ชื่อของ package RPM). สิ่งซึ่งแตกต่างกันอีกอย่างหนึ่งคือ CentOS ไม่มีการแบ่งเป็น Desktop license กับ Server license (DVD แผ่นเดียว all in one) versions ล่าสุด 5.3 ที่ทำออกมาตอนนี้ รองรับแต่เฉพราะ i386 และ x86-64bit
Fedora เป็น version สำหรับผู้ที่ต้องการ Feature ใหม่ๆ แต่ต้องแลกด้วย ระยะเวลาการซัพพอร์ตเวอร์ชันที่สั้น แตกต่างจาก RHEL ซึ่งต้องการความเสถียร และ ต้องการการซัพพอร์ตเรื่องการupdate patch เพื่อแก้ไขปัญหาเรื่อง Bug และ ปัญหาเรื่อง security ที่ยาวนานกว่า (ถ้าจำไม่ผิด 5 - 7 ปี)เนื่องจากเป็นระบบที่ใช้เป็น production (คงไม่มีใคร upgrade version ของ server ตาม Major version release ตราบใดที่มั่นยังทำงานได้ปกติ)
Distribution ที่เป็นแบบเดียวกับ CentOS และมีการอัพเดตเวอร์ชั่นตาม RHEL ที่เห็นๆตอนนี้ก็ Scientific linux ครับ
ใช้อยู่เหมือนกันครับ หวังว่าจะจบลงด้วยดี ^_^
semicolon.in.th
blog.semicolon.in.th