เป็นเรื่องช็อควงการจาวาอีกครั้ง เพราะ IBM เปลี่ยนทิศทางแบบฉับพลัน ทิ้งโครงการ Apache Harmony ที่สนับสนุนมาตลอด หันไปจับมือกับ OpenJDK ภายใต้การดูแลของออราเคิลแทน
IBM นั้นมีปัญหากับซันในเรื่องทิศทางของจาวามานาน ในช่วงปี 2005-2006 ซึ่งซันถูกกดดันอย่างหนักให้โอเพนซอร์ส Sun JVM ทางบริษัทและองค์กรอื่นๆ ได้แยกกันไปสร้างจาวาเวอร์ชันโอเพนซอร์สกันเอง หนึ่งในนั้นก็คือ Apache Harmony ซึ่งมี IBM และอินเทลเป็นผู้สนับสนุนหลัก และภายหลังกูเกิลได้นำ Harmony ไปใช้ใน Dalvik ของ Android
ภายหลังเมื่อซันเปิดซอร์ส Sun JVM ออกมาใต้โครงการ OpenJDK และกำหนดเงื่อนไขว่าจาวาเวอร์ชันอื่นๆ จะต้องผ่านการทดสอบ Technology Compatibility Kit (TCK) ว่าเข้ากันได้กับจาวาของซัน จึงจะใช้ชื่อจาวาได้ ฝั่ง Apache Harmony ไม่ยอมรับเงื่อนไขนี้ เพราะซันกำหนดว่าจาวาที่ผ่าน TCK ห้ามนำไปใช้ในบางสถานการณ์ (เช่น บนมือถือ)
โลกของจาวาเลยถูกแบ่งเป็นสองค่ายใหญ่ๆ คือ OpenJDK ซึ่งมีซันและ Red Hat สนับสนุน กับ Apache Harmony ที่มี IBM, อินเทล, กูเกิล
สถานการณ์มาเปลี่ยนไปอีก เมื่อออราเคิลซื้อซัน
ออราเคิลซึ่งเป็นเจ้าของคนใหม่ของ Sun JVM/OpenJDK และตัดสินใจฟ้องกูเกิล โทษฐาน Dalvik ละเมิดสิทธิบัตรของ Sun JVM (ข่าวเก่า)
Dalvik นำ Apache Harmony มาใช้อีกต่อหนึ่ง ทำให้โครงการ Harmony ตกอยู่ในความเสี่ยงที่จะถูกฟ้องต่อไป โดยเฉพาะ IBM ในฐานะผู้สนับสนุนรายใหญ่
แต่ล่าสุดก็ตามข่าวครับ คือ IBM ประกาศทิ้งโครงการ Harmony เรียบร้อยแล้ว โดยให้เหตุผลว่าดูอนาคตแล้ว ยังไงเสีย Harmony ก็ไม่มีทางได้ TCK และไม่มีวันเป็นจาวาอย่างเป็นทางการ ดังนั้น IBM จะเลิกทุ่มทรัพยากรลงใน Harmony และเปลี่ยนมาลงใน OpenJDK แทน
งานนี้ IBM ใช้คำว่า "reverse fork" ซึ่งหมายถึงโครงการคล้าย ๆ กันหันมาจับมือร่วมกันทำงาน แทนที่จะแยกตัวออกจากกันเพราะแนวทางไม่ลงรอย (fork)
นักวิเคราะห์ประเมินว่า เหตุผลอื่นของ IBM คือความสัมพันธ์ระหว่างบริษัท ซึ่งออราเคิลมีสายสัมพันธ์ที่ดีกว่าซัน และอีกเหตุผลหนึ่งคือ IBM คงเจรจากับออราเคิลในเรื่องทิศทางของ Java Community Process (JCP) ซึ่งเป็นกระบวนการพัฒนาสเปกของจาวาสายหลัก เดิมทีนั้น JCP ถูกวิจารณ์ว่าเป็นแค่ตรายางของซัน คาดว่าออราเคิลคงสัญญากับ IBM ว่า JCP จะเปิดกว้างมากขึ้น
งานนี้คนที่เคว้งทันทีคือ Apache Harmony ครับ เพราะถ้าเราดูรายชื่อนักพัฒนาแล้ว มีคนของ IBM อยู่เกือบครึ่ง และคนเหล่านี้จะถูกย้ายไปทำงานกับ OpenJDK แทน
ส่วนคนที่รับเต็มๆ ก็แน่นอนว่าเป็นออราเคิล ที่แผนการพัฒนาจาวาของตัวเองมีคนสนับสนุนเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งราย แถมเป็นรายใหญ่เสียด้วย
ที่มา - Bob Sutor รองประธานของ IBM, The Register
Comments
มองไม่เห็นอนาคตแล้วแฮะเรา + +
openjdk อนาคตสดใส
Visit me at atthakorn.com
ดูมีอนาคตขึ้นมาเชียว
แล้ว Android จะเป็นอย่างไรต่อไป
I will change the world, to the better day.
ส่วน Android ก็คงเตรียมเจ๊ง อาจไม่เจ๊ง ถ้าเปลี่ยน core มาใช้ mono + C#
แต่มี NDK อยู่แล้ว จะกลัวอะไรล่ะ ใช่มะ ๆ
สิ่งที่ตามมา Developer น้อยลงจนเท่ากับ Symbian นั่นแหละ
พูดเหมือน Android มันห่วยขนาดนั้นเลยครับ
ถ้าผ่านไปได้มีแต่รุ่งกับรุ่ง
Blognone = 138.1 news/w เยอะมากๆ
ผมสงสัยว่า dev จะสนใจเหรอครับว่าใช้ jvm ตัวไหน ในเมื่อยังไงมันเขียนโค้ดออกมาเหมือนกันอยู่ดี
ก็รอดูกันยาว ๆ นะครับ IBM ยังรู้ตัว ถอนตัวอย่างเร็ว แล้ว dev ทั้งหลายจะพัฒนาต่อใน Technology ที่ละเมิดลิขสิทธิ์หรือเปล่าครับ หลังจากศาลตัดสินแล้ว พวกฝรั่งเขาคงไม่ทำตัว 2 มาตรฐานเหมือนคนไทยหรอกเนอะ
ผมว่าคุณสับสนเรื่องลิขสิทธิกับสิทธิบัตรแล้วล่ะครับ
ในคำฟ้อง Oracle ไม่มีเรื่อง "ภาษา" Java เลยนะครับ
การใช้ mono .NET C# ที่คุณว่ามา ผมมองไม่ออกว่ามันช่วยยังไง
lewcpe.com, @wasonliw
เขาฟ้อง Dalvik ไงครับ ไม่ได้ฟ้อง Java ถ้าไม่มี vm แล้วใช้ภาษา Java อย่างเดียว มันก็แปลก ๆ นะครับ เพราะในตัว License ของซันตามข่าวฝรั่งก็บอกว่า จะให้ใช้ชื่อว่า Java ได้ก็ต่อเมื่อ vm ผ่าน TCK แล้วเท่านั้น
ลองอ่าน
เหมือนจะเข้าใจผิดหลายอย่างนะครับ
พี่กูไม่น่าปล่อยให้สินค้าตัวเองที่กำลังพุ่งแรงอยู่ขณะนี้ล่มได้หรอกครับ
ไม่ล่มแต่ก็อาน เพราะคงมีทางเดียว คือ จ่ายเงินค่าเสียหาย และ ต้องเปลี่ยนมาใช้ OpenJDK เป็นฐาน
ไม่ก็เลิกไปครับ J# ยังมี Mono ก็ใช้ได้
หรือถึงใช้ไม่ได้ ก็มีโรแกรมพอร์ทโค้ด Java to C# ให้ใช้
ไม่ใช่จาวาด้วย แน่จริงก็ฟ้องสิ
คงได้ฟ้องไปถึง Microsoft
ผมสนับสนุนให้ DALVIK สับมาใช้ Mono แทน
ฟ้อง Microsoft ได้ แสดงว่า ภาษา D (มี vm เป็นของตัวเอง) ที่จะเป็นอนาคตต่อจาก C++ ก็จะไม่ได้เกิดด้วยงั้นซิครับ ตอนนี้คงฟ้อง Microsoft ยากแล้วครับ C# ก็ประกาศให้เป็นของ ECMA ส่วน CLR ก็ไม่ได้เอามาจาก jvm และหากฟ้องจริง Mono ก็ต้องโดนด้วย แล้วจากนั้น FSF ก็ต้องมาช่วยแบบกรณีนี้ที่ Google โดน จะได้เห็นไปเลยว่า FSF เลือกปฏิบัติไหม
lewcpe.com, @wasonliw
น่าคิด เรื่อง License เป็นเรื่องที่มันส์สะเด็ด ดังนั้น return to D or C++
“ประกวน” นี่พิมพ์ผิดหรือเปล่าครับ?
~ HudchewMan's Station & @HudchewMan~
โอ้ จริงครับ ไหงมันเป็นแบบนั้นไปได้หว่า
เรื่องการเมือง ทำให้มันไม่ write once run anywhere ;(
my blog
ยังกับประกาศกฎหมายออกมาขัดกับรัฐธรรมนูญที่ตัวเองเขียนเอง
เวรกรรมงานนี้ซวยกันเป็นทอด ตั้งแต่ Apache Harmony จนถึง Android เลย เห้อๆ
หวังว่า จะมี SWT + Swing ซักวัน ...
น่าสนใจว่า android จะพลิกเกมส์อย่างไรต่อไป
บทเรียนสอน FSF ไม่ใช่ว่าทุกอย่างจะต้องฟรีหมด แต่ก็ยังคงสนับสนุนการทำงานของ FSF ต่อไป
เตะตัดขาแอนดรอยด์รึปล่าวน้อ ช่วงนี้ยิ่งแรงๆอยู่
555
ต่อไป ibm จะน่าเชื่ออีกหรือเปล่า เห็นมีหลายตัวประกาศศักดาเต็มอัตราศึก เช่น โลตัสซิมโฟนี่ แต่แล้วก็ไปไม่ถึงไหน
นักพัฒนาคงชั่งใจเอาเองว่าต่อไปหากจะเป็นชุมชนของโอเพ่นซอร์สที่ให้การสนับสนุนโดย ibm จะมีปัญหาในระยะอันสั้นเกินไปไหม
Lotus Symphony ดีกว่า OpenOffice.org อีกครับ ผมล่ะชอบมาก ใช้เป็นตัวหลักแทน MS Office สำหรับพวกเอกสาร Word นะ แต่ Powerpoint ของ MS ดีกว่า ตอนนี้ก็ใช้ version 3.0 Beta 4 อยู่ เสถียรดี
Lotus Symphony จะไม่มีปัญหาเหมือน Google ครับ เพราะมันพัฒนาต่อยอดจาก OpenOffice.org 1.2 ที่เป็น GPL จริง ๆ ตั้งแต่เริ่มแรก พอมา OpenOffice.org 2.0 ซันเพิ่ม CDDL เข้ามา ทำให้ใครเอาไปทำต่อจากจุดนี้ ก็เตรียมตัวโดนฟ้องได้ (ถ้าจำไม่ผิดนะ)
ส่วนเอกสาร ODF ก็ไม่ได้ละเมิด เพราะซันเข็นขึ้นเป็น ISO เอง
ผมงงกับตัวย่อภาษาอังกฤษ จริงๆ นะ
http://en.wikipedia.org/wiki/Common_Development_and_Distribution_License
ผมเริ่มจะงงกับโอเพ่นซอร์สเข้าไปทุกที
ทำไมตอนเริ่ม Distribute โค้ดนั้นออกสู่ชาวโลก เจ้าของตัวจริงไม่ประกาศออกมา จะรอให้ยืดยาวไปก่อนทำไม กฏหมายน่าจะมีข้อจำกัดตรงนี้ เหมือนกับการจดสิทธิบัตรหากใครพบว่าทับซ้อนกับตัวเองก็สามารถคัดค้านได้
ที่กังวลคือ ibm ปล่อยทิ้งเหมือนในกรณีตามหัวข่าว แล้วนักพัฒนาจะไปทางไหนในเมื่อพี่ใหญ่ไม่สนับสนุนแล้ว คนที่ใช้ Lotus Symphony ก็อาจจะเคว้งเหตุจากการหยุดการพัฒนา เทียบกับโอเพ่นออฟฟิศแล้วมีชุมชนนักพัฒนาที่แน่นอนกว่า