By: mk 
on 30 October 2010 - 13:21
Tags:
Topics:
โครงการ Ubuntu ตัดสินใจเลือก Banshee เป็นโปรแกรมฟังเพลงของ Ubuntu 11.04 แทน Rhythmbox ที่ใช้มาตั้งแต่รุ่นแรก
เหตุผลมาจากเรื่องฟีเจอร์ที่ Banshee เริ่มเก่งกว่าในช่วงหลัง และการทำงานร่วมกับ Unity ซึ่งเริ่มทำมาก่อนแล้วในรุ่นเน็ตบุ๊ก ด้วยข้อจำกัดเรื่องพื้นที่ในซีดีหนึ่งแผ่น ทำให้ทีมงานเลือกได้เพียงตัวเดียว
การตัดสินใจครั้งนี้ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามมา เพราะคนนิยม Banshee กับ Rhythmbox มีจำนวนใกล้เคียงกัน (ดูโพลของ OMG Ubuntu)
ที่มา - OMG Ubuntu
Get latest news from Blognone
Follow @twitterapi
Hiring! บริษัทที่น่าสนใจ
Blognone Jobs Premium
Cloudnone
- NVIDIA จะไปหยุดที่ตรงไหน ทำไมครองโลกดาต้าเซ็นเตอร์ | Cloudnone EP.22
- ถึงคลาวด์เคราะห์: ทำอย่างไรเมื่อบริการคลาวด์ที่ใช้ถูกยกเลิก | Cloudnone EP. 21
- รู้จักอาชีพ Site Reliability Engineer สำคัญยังไง? | Cloudnone EP. 20
- อธิบาย CrowdStrike ทางเทคนิค ทำไมถึงทำพีซีจอฟ้าเป็นล้านๆ เครื่อง | Cloudnone EP.19
- Kubernetes [Part 2] ยี่ห้อไหนดี งานไหนต้องใช้ แล้วเลือกยังไง? | Cloudnone EP.18
Comments
จะเดือดร้อนทำไมกัน อยากได้อะไรหรือไม่อยากได้อะไรมันก็มีอยู่ใน SOFTWARE CENTER แล้ว
อยากใช้เป็น os หลักอยู่นะ แต่ด้วยความไม่แน่นอน ทำให้ต้องคิดแล้วคิดอีก
รู้สึกเหมือนจะเอาแน่เอานอนไม่ได้ ใช้นี่อยู่ดีๆเดี๋ยวเปลี่ยนไปแบบอื่นอีกล่ะ
ก็ตามสไตล์ Open Source ล่ะครับ ทางเลือกมันเยอะ.. แต่ผมชอบนะ...แม้จะงงๆ บ้างก็เถอะ :D
ไม่อัดมาแต่ตัว Ubuntu เต็ม ๆ Software ไปหาเอาแถว Software Center
ถึงตัวหลักไม่ได้ลงมาให้ หรือเปลี่ยนเป็นใส่ตัวอื่นมา
เราก็สามารถเลือกติดตั้งตัวซอฟต์แวร์ที่เราใช้ประจำ หรือชอบใจได้เองครับ ง่ายดีด้วย
ผมมาใช้ UBUNTU เป็น OS หลักก็เพราะ apt-get install เนี้ยแหละ
ถ้ามันไม่เปลี่ยน มันก็ไม่พัฒนาซิครับท่าน
ปล.ส่วนตัวแล้วผมไม่ได้ใช้ทั้ง 2 โปรแกรม
แล้วแต่คนครับ ผมใช้ 100% มานานพอควรแล้ว เรื่องเปลี่ยนมันก็เหมือนกับทุกสิ่งรอบตัวแหละครับ ไม่มีอะรที่ไม่เปลี่ยน
ผมใช้ Linux 100% แต่ไม่ได้ใช้เหมือน Ubuntu แบบ default ปรับหน้าตามาเป็นแบบส่วนตัวๆ
ส่วนอีกเครื่อง เดสก์ท็อป เป็น Debian Desktop ก็ปรับหน้าตาแบบส่วนตัวเช่นกัน ต่างกันแค่ Firefox กับ Iceweasel
moc จงเจริญ
บัญชี ชื่อฟังดูไม่น่าใช้เลยเเฮะ
ครั้งแรกที่ได้ยินผมนึกถึง Warhammer
เราเห็นครั้งแรกแล้วอยากยิงเก็บมัฟเลือดไปตีบวก : D
ชอบกว่า กล่องจังหวะ อีกนะ
ผมลง ubuntu เสร็จก็ apt-get มาเลยทันทีเป็นประจำ
รู้สึกว่ามันน่าใช้กว่ากันเยอะน่ะครับ
ชอบ Banshee เช่นกันครับ ดูหนัง ฟังเพลง ครบเครื่องเรื่องบันเทิงดีครับ
ผมใช้ exaile
ขอแค่ลงแล้วไม่มีปัญหากับ Drivers คนคงจะหันไปใช้กันอีกเยอะ แต่ส่วนตัวผมเลิกใช้ไปแล้วเพราะดูมันยากเกินในหลาย ๆ อย่างสำหรับผม จำได้ว่าเคยอยากได้ Text Editor ที่อ่านภาษาไทยได้ชัด ๆ หน่อยและเปิดมาก็อ่านไทยได้เลยไม่ต้องเลือก Encoding ทีละ File ผมยังหาตั้งนานและถ้าจำไม่ผิดสุดท้ายเหมือนจะยังหาไม่ได้
That is the way things are.
+1 เรื่อง Driver นี่ล่ะปัญหาหลักเลย ไม่รู้ว่าทำไมชอบเอา Driver ตัวที่มีปัญหาเข้ามาใส่ Kernel ด้วย (เช่น การ์ดจอ Intel) เคยใช้ได้ดีๆ รุ่นต่อมาใช้ไม่ได้เลย วิธีแก้ปัญหา ต้อง Upgrade Kernel อย่างเดียว -"-
อันนี้คงเป็นที่คนสร้าง file มั้งครับ ถ้า save file มาเป็น UTF มันก็ควรจะอ่านได้ทุกโปรแกรมนะ
ผมเชือว่าข้อเสียนี้จะไม่ถูกแก้ไขไปได้ง่ายๆ ครับ เพราะไมโครซอฟท์เองมีอิทธิพลที่จะดึงให้ผู้ผลิตต้องทำ driver ให้ดีบนวินโดวส์ แถมต้องทำเอาใจไมโครซอฟท์ เพื่อให้ฮาร์ดแวร์ผ่าน certify
ถ้า hardware compatibility เป็นเรื่องสำคัญ และเปลี่ยนฮาร์ดแวร์บ่อย ผมไม่แนะนำให้ใช้ลินุกซ์ครับ
lewcpe.com, @wasonliw
อ่านไทยด้วย TIS620 ได้แล้วนะครับ ไม่ต้องตั้งค่าทีละไฟล์
เห็นอยู่ในคู่มือการทำ remastersys ของพี่หมี (ubuntu xe) เขาบอกว่า
ทำให้ gedit อ่านภาษาไทยที่เข้ารหัส TIS-620 ได้เลย
gconftool-2 --direct \
--config-source xml:readwrite:/etc/gconf/gconf.xml.defaults \
--type list --list-type string \
--set /apps/gedit-2/preferences/encodings/auto_detected [UTF-8,TIS-620,CURRENT,ISO-8859-15,UTF-16]
ซ้ำ (@_@)!
ผมยังใช้ totem ฟังเพลงอยู่เลย - -" ไม่เดือดร้อน
xmms เท่านั้น :D
Banshee เหรอ .. เอาสิครับ ผมว่าจริง ๆ มันก็ดูดีกว่า Rhythmbox แต่สวนทางกับแนวทาง Minimalist ของ GNOME อยู่พอสมควร (ว่าแต่หลัง ๆ GNOME มันก็เริ่มล้น ๆ เหมือนกันนะ)
จริง ๆ ผมก็ใช้ Banshee แทน Rhythmbox มาตลอด แต่พอเห็นข่าวนี้แล้วใจหายเหมือนกัน (รายต่อไปคงเป็นโททึ่ม เอ๊ย! Totem .. อิอิอิ)
มันก็มีตัวอย่างค้านอยู่ครับ คือ F-Spot (ซึ่งเป็น Novell family เหมือน Banshee) ถูกถอดออกแล้วเอา Shotwell มาเสียบแทน
ส่วน Totem น่าจะอยู่ในระดับ player ไม่ใช่ library management นะครับ (เหมือน EOG) น่าจะคนละกลุ่มเป้าหมายกัน