เป็นคำที่เจอกันทุกวันจนเป็นเพื่อนสนิทแล้วครับ

วัน ๆ นั่งแต่แก้บั๊กที่ตัวเองไม่ได้ก่อ เหมือนเป็นภารโรงล้างห้องน้ำทุกวัน (จนบางทีก็หาผ้าขนหนูสีเหลือมาพาดคอเล่นบ้างตอนทำงาน!)

เนื่องมาจากการไม่อยากลงทุนเปลี่ยนโครงสร้างระบบของตัวเองให้ไปใช้โปรแกรมใหม่ หรือพูดง่ายๆไม่อยากลงทุนทำโปรแกรมใหม่ เพราะของเดิมมันทำงานได้ตามต้องการและเสถียรดีแล้วจึงไม่อยากเสี่ยงที่จะทำใหม่แล้วเจอบั๊กกันใหม่อีก ส่วนใหญ่ก็เป็นบริษัทใหญ่ๆเก่าแก่ครับ ส่วนที่เงินเดือนสูงเพราะมันหาคนทำยากมากแล้วครับ เหมือนเพราะเครื่องออกใหม่ราคาไม่แพง พอตั้งทิ้งไว้ 50 ปีค่ามันก็มากขึ้นด้วยที่มันหายาก

เพราะระบบการประมวลผลข้อมูลในองค์กรใหญ่ ๆ ยังใช้อยู่ครับ มีข้อมูลมหาศาลมาก และไม่จำเป็นที่จะต้องไปขวนขวายหาระบบใหม่มาแทน ในเมื่อระบบเก่าก็ใช้ดีและเชื่อถือได้ดีอยู่แล้ว ส่วนมากมักอยู่บน Mainframe หรือ Mid-range คอมพิวเตอร์เช่น AS/400 เป็นต้น ยุคนี้บางครั้ง Front End เราอาจจะเห็นหน้าจอมีอินเตอร์เฟสสวยงาม แต่ Back End ใช้การประมวลผลด้วย JCL (Job Control Language) COBOL และ RPG เป็นหลัก ภาษาพวกนี้และ Utility ต่างในโอเอสมันจัดการได้ดีกับระบบการออกรายงานที่ใช้ภายในที่มีปริมาณจำนวนมหาศาลเป็นพันเป็นหมื่นหน้าต่อวัน (ไม่ได้หมายความต้องพิมพ์ออกกระดาษหมดนะ)

การที่ตำแหน่งงานเหล่านี้ค่าจ้างสูงก็แลกมาด้วยการหางานที่ยากกว่า เพราะจำนวนตำแหน่งงานมีน้อยกว่า

เหมือนทุกคนที่ตอบมาครับ ผมว่าอีก 10 ปีข้างหน้า J2EE, Oracle DB ที่ใช้กันอยู่ทุกวันนี้ก็อาจจะเป็นของหายาก เด็กสมัยใหม่ไม่อยากเรียน และหาคนทำได้ไม่เยอะ แต่เงินเดือนดีเหมือนปัจจุบันก็ได้ครับ

เหตุผลต่างๆนานา เช่น
-ความยากในการเปลี่ยนถ่าย tech
-ความน่าเชื่อถือของตัวภาษาเอง
-ความปลอดภัย สังเกตุว่าภาษาใหม่ๆ bug ตรึมๆกันอยู่พอควร มีออก pack แก้กันมาเรื่อยๆ
-ความต่อเนื่องของการพัฒนา บางภาษาไม่มีใครพัฒนาต่อ บางภาษากระโดดยุคไปเลยเช่น VB classic กับ VB.NET รอยต่อมันยากเกินกว่าจะรันงานเก่าๆด้วยกันได้

น่าเสียดายที่ cobol เป็นภาษาที่ มหาวิทยาลัยกำลังจะลืมกันไปหมดแล้ว ทั้งๆที่ยังมีความสำคัญมหาศาลในตลาดธุรกรรมต่างๆ

จำภาษานี้ได้ว่าจะไม่เขียนมันอีกเลยเพราะเกิดมาเพิ่งเคยพิมพ์โค๊ดยาวเป็นหน้าๆ เพื่อให้ได้โปรแกรมออกมา 2-3 บรรทัด นี่แหละครับ

ผมก็ชอบครับ เสียดายโดน ซื้อไปดองหมดอนาคตกันไปเลย