แม้จะไม่ได้แสดงตัวในส่วน keynote แต่ App Engine ก็เปิดฟีเจอร์ชุดใหม่ทันทีต่อจาก Android โดยการเพิ่มฟีเจอร์ส่วนมากเป็นการเพิ่มเอาใจลูกค้าองค์กร (ที่เป็นลูกค้าสำคัญของ App Engine)
- Backends API: เป็นการรองรับการทำงานหลังบ้านอย่างเต็มรูปแบบ โดยงานบางอย่างที่ต้องการการคำนวณต่อเนื่องมากกว่าจะเป็นงานที่ทำแล้วจบไปเช่นเว็บทั่วไป Backends API จะให้เลือกได้ว่าต้องการซีพียูและหน่วยความจำเท่าใด โดยซีพียูจะอยู่ในช่วง 600-4800MHz และแรมอยู่ในช่วง 128-1024MB โดยสามารถเปิดให้ Backends รับ HTTP Request จากภายนอกได้โดยตรงหากต้องการ
- Pull Queues: มาพร้อมกับ Backends โดยจากเดิมที่ Task API จะเรียกโค้ดส่วนรับงานขึ้นมาทำงานเมื่อมีงานในคิว ก็ให้ Backends สามารถมาดึงงานออกไปทำเมื่อพร้อมได้
- SQL และ SSL: เป็นฟีเจอร์ที่ออกมาจาก Google Apps for Business ที่เปิดตัวไปเมื่อปีที่แล้ว โดยตอนนี้ผู้ใช้ที่จ่ายเงินของ Google Apps จะสามารถทำ SSL ได้บนโดเมนของตัวเอง และมี SQL Server ให้ใช้งานเต็มรูปแบบ
- รองรับ ภาษา Go: อาจจะเรียกว่ารองรับได้ไม่เต็มปากนัก เพราะ API ที่รองรับในภาษา Go นั้นยังห่างจากภาษาอื่นๆ อยู่มากโดยทำงานพื้นฐานได้อย่างจำกัดเท่านั้น แต่กูเกิลระบุว่าภาษา Go จะมีค่าใช้จ่ายด้านซีพียูถูกกว่าภาษาอื่นๆ เพราะถูกคอมไพล์มาแล้ว
นอกจากนี้แล้วกูกิลยังเปลี่ยนแนวทางการคิดค่าใช้จ่ายใหม่ด้วยการไปคิดตาม "จำนวน" API ที่เรียกใช้แทนการคำนวณจากเวลาของซีพียู เพื่อให้นักพัฒนาคาดเดาค่าใช้จ่ายของซอฟต์แวร์ตัวเองได้ง่ายขึ้น
ที่มา - App Engine Blog (1, 2)
Comments
นอกจากนี้แล้วกูกิล => กูเกิล
รอ SQL มาร่วม 2 ปี T T
หมายถึง Microsoft SQL Server จริงๆ เหรอครับ?
ในความเข้าใจของผม SQL Server = Microsoft SQL Server แต่ไม่เสมอไป
^
^
that's just my two cents.
เข้ามาดูรายละเอียดว่า "การทำงานหลังบ้าน" คืออะไร (ตอนแรกนึกว่า Backdoor - -*)
อันนั้นมันประตูหลัง ...
โอ้ มี SQL Server มาให้ด้วย
แฟนพันธุ์แท้สตีฟจ็อบส์ | MacThai.com