แอปเปิลเปลี่ยนหัวหน้าทีมทนายสิทธิบัตรจาก Richard Chip Lutton เป็น BJ Wastrous ซึ่งเคยอยู่ฝ่ายทรัพย์สินทางปัญญาของเอชพี
นักวิเคราะห์ด้านสิทธิบัตร Florian Mueller เชื่อว่าการเปลี่ยนตัวกระทันหันเช่นนี้เป็นเพราะความล้มเหลวในการสกัด Android โดยแม้แอปเปิลจะมีคดีความกับผู้ผลิตโทรศัพท์ Android จำนวนมากแต่กลับไม่สามารถหยุดการขายที่กำลังกินส่วนแบ่งตลาดอย่างต่อเนื่องได้
หัวหน้าทีมกฏหมายใหม่ พร้อมกับอาวุธใหม่จาก Nortel ที่แอปเปิลร่วมประมูลมาได้ อาจจะทำให้คดีระหว่าง Android ที่ต้องสู้กับไมโครซอฟท์และแอปเปิลพร้อมๆ กันกลายเป็นคดีจำนวนมากในเร็วๆ นี้
ที่มา - PC Magazine
Comments
ความล้มเหลง...คับ
もういい
"โดยแม้แอปเปิลจะมีคดีความกับผู้ผลิตโทรศัพท์ Android จำนวนมากแต่กลับไม่สามารถหยุดการขายที่กำลังกินส่วนแบ่งตลาดอย่างต่อเนื่องได้"
ถ้าข้อความนี้เป็นจริง เริ่มไม่ชอบแอปเปิลละ ตอนแรกนึกว่าปกป้องความคิดสร้างสรรค์ของตัวเอง
ยังไงมันก็คือธุรกิจครับ
ผมว่าธุรกิจก็ต้องแข่งขันกันในเชิงธุรกิจซิครับ ไม่ใช่ไปแข่งขันกันในศาล
คุณยังรู้จักการทำธุรกิจ น้อยไปครับ
เราก็มีสิทธิ์มองในมุมผู้บริโภคไม่ใช่หรือครับ แข่งขันกันในเชิงธุรกิจผู้บริโภคได้เปรียบ ส่วนแข่งขันกันในศาลผู้บริโภคไม่ได้อะไร
แน่นอนว่า ผู้บริโภคอยากให้แข่งขันกันในเชิงธุรกิจอยู่แล้ว จะออกโรงเชียร์หรือจะวิจารณ์ก็ไม่แปลก ส่วนการรู้จักการทำธุรกิจที่ว่ามานั้นผู้บริโภคอาจไม่จำเป็นต้องสนใจ เพราะสิ่งที่ผู้บริโภคอยากรับรู้ก็คือ ผู้บริโภคจะได้อะไร มากกว่า ธุรกิจทำยังไง ครับ
คงน้อยไปจริงๆครับทำธุรกิจส่วนตัวมาเป็นสิบปีแล้ว คู่แข่งคู่ค้าที่เป็นเพื่อนกันก็เยอะไม่เคยมีประสบการณ์ห่วยๆอย่างนี้เลย
เป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินทางปัญญาหรือเปล่าครับ
บอกว่าคนอื่นรู้น้อย ก็ควรแสดงหลักฐานให้เห็นว่าตัวเองรู้เยอะกว่าด้วยนะครับ
ผมไม่มีหลักฐานเเสดงว่ารู้เยอะหรอกครับ แต่มุมมองผม มองว่า การทำธุรกิจยุคนี้มันน่ากลัว มันต้องสู้กันทุกทาง อาวุธต้องมีรอบตัว เขี้ยวเล็บก็ต้องคมกริบ และต้องเตรียมพร้อมอยู่เสมอ ผมต้องการสื่อว่า การทำธุรกิจในยุคนี้ มันไม่ได้สำเร็จรุปเหมือนในหนังสือเรียน ที่สู้กันโดยใช้ชั้นเชิงทางธุกรกิจเพียงอย่างเดียว
+1
แนวคิดอย่างนี้ละครับถึงได้มีข่าวฆ่ากันตายเพราะเหตุผลทางธุรกิจขึ้นข่าวหน้าหนึ่งบ้านเราอยู่บ่อยๆ
ผมเรียกขี้โกงครับ สำหรับอย่างนี้ไม่ใช่ธุรกิจแล้วละครับคุณจะเรียกอะไรก็แล้วแต่เถอะ
เหมือนขายของสู้คู่แข่งไม่ได้ ก็เลยแอบไปดักตีหัวเขาทำให้มาขายของไม่ได้ แบบนี้เรียกนักธุรกิจหรืออันธพาลดีละครับ
ครับ!! อิๆ มองความเป็นจริงครับ แนวคิดที่ผมยกมามันมีจริงๆ เราปฎิเสธไม่ได้ครับ (คุณก็รู้)
ทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มา ผมว่าอย่างนี้มันล้ำเส้นเรื่องธุรกิจไปแล้ว
!!! ผมไม่เข้าใจคนสมัยนี้มองพฤติกรรมห่วยๆอย่างนี้ เป็นชั้นเชิงทางธุรกิจได้ยังไง
คนถือหุ้นเค้าไม่ได้คิดแบบนั้นไงครับ ค้าขายมันไม่เหมือนในหนังจีน ๕๕
ลองอ่านหมายเหตุประกอบงบการเงิน เกี่ยวกับนโยบายการบริหารความเสี่ยงดูครับ
อย่าลืมว่าแค่นักวิเคราะห์เค้าวิเคราะห์กันนะครับ แต่ถ้าเป็นจริงผมก็เชียร์ด๋อยนะ
ประเด็นในข่าวคือ Apple เปลี่ยนหัวหน้าทีมทนายสิทธิบัตรครับ ที่เหลือนักข่าวเขียนเพื่อเร้าอารมณ์คนอ่าน
ความเห็นผมมันเร้าอารมณ์อะไรหรือครับ???
lewcpe.com, @wasonliw
เปล่าครับ เเต่ข่าวนี้ประเด็นมีแค่นี้จริงๆ ที่เหลือคือความคิดเห็นของนักข่าว(ต้นฉบับ) เขียนเพื่อเร้าอารมณ์คนอ่านอย่างเราๆ ที่เกลียด ให้รัก ให้มีอารมณ์กับแบรนด์ในข่าว ดังที่เห็นกันจาก คอมเมนต์ต่างๆเหล่านี้ ที่ยาวเป็นหางว่าว ที่เกิดขึ้นกับผู้รับสาร(ซึ่งแต่ละคน จะมีชุดข้อมูลเกี่ยวกับแบรนด์ต่างๆ อยู่เเล้ว) ข่าวเลยต่อยอด(กระตุ้น)อารมณ์ ความรู้สึกต่างๆให้กับผู้รับสาร
คุณผิดแล้วครับ
คนที่มีอารมณ์น่ะคือตัวของพวกเราเองครับ ไม่เกี่ยวกับใครเลย
เนื้อหาข่าว สามารถชี้นำได้นะตัวเธอ ถึงไม่มากก็เถอะ เเต่สามารถนำไปรวมกับชุดความคิดเดิมของผู้รับสารก่อให้เกิดการสิ่งที่เราๆเห็นการ มาม่าได้จ๊ะ
ลองศึกษาทฤษฎีการสื่อสารดูนะฮร้าฟฟ จุ๊บๆ
ผมว่า เพราะการแสดงความคิดเห็นแบบ Troll style มากกว่าครับที่ทำให้เกิดความขัดแย้ง
ที่มักจะพบบ่อยๆก็คือการถูกสติปัญญาคนอื่นครับ
Blognone = 138.1 news/w เยอะมากๆ
ใช่ครับนั่นคือประเด็นแต่นอกจากนั้น ผมเรียกว่ารายละเอียดครับ ผมคงรำคาญแย่ถ้าจะต้องได้อ่านข่าวแค่บรรทัดเดียวไม่มีรายละเอียดอะไรเลย
Blognone = 138.1 news/w เยอะมากๆ
5 .... 4 ... 3 .. 2 . 1
เห่ะๆ
ไม่มีใครสู้กับทัพเขียวตัวต่อตัวไหวแน่ๆ (ขนาดออฟติมัสที่ว่าเทพแล้วยังแขนขาดได้55) โคลนออกมาเยอะเกิ๊นน (ประมาณว่า พันธมิตรสร้างหุ่นกระป๋องมาแล้วมาให้ลูกพี่ใหญ่ใส่พลังสีเขียวลงไปในนั้น กลายเปนหุ่นดรอย... ออกทะเลแล้ว)
MS บอก: มาใช้ Windows phone สิจ๊ะ
ทุ่มเงินไปซื้อสิทธิบัตรมา เพื่อเอาไปตัดขาคู่แข่ง เหอๆ ดำมืดลงทุกทีๆ
Cold War of Silicon Valley
แฟนพันธุ์แท้สตีฟจ็อบส์ | MacThai.com
+1
ทำไปทำมาเหมือนดูละครเลย
ถ้าไม่ พลาดล้มก็คงดี
รู้สึกเหมือนจะเปิดสงครามกันยังไงไม่รู้
ผมว่าถึงเวลา ผู้ผลิตขายแค่เครื่องเปล่า (หรือเปิดเครื่องมาเจอแต่ ROM ที่แค่โทรเข้า-โทรออกได้) แล้วปล่อยให้ลง android เองกันได้แล้วมั้ง
ไม่ต้องห่วงว่ามันจะ geek ไปรึเปล่า เพราะสุดท้าย ไม่มีคนขายที่ไหนปล่อยเกาะลูกค้าตัวเองหรอก ก่อนวางขายเดี๋ยวพวก Dealer หรือ Operator ก็ลง android พร้อมใช้ก่อนถึงลูกค้าเองนั่นแหละ มองแบบนี้มันก็เหมือนผลักภาระไปที่ Dealer/Operator แต่จริงๆ มันคงไล่บี้ยากกว่ากันแบบในตอนนี้เยอะเลย
ถ้าทำแบบนี้ รับรองแอปเปิลเอ๋อรับประทาน เพราะไม่รู้จะไล่ฟ้องกับใคร
ถ้าเป็นงั้นจริง อีกหน่อย MBK คงมีบริการรับลง OS สำหรับมือถือ แอปเปิ้ล หุ่นเขียว หน้าต่างมือถือ ฯลฯ
ผมว่าทำอย่างนั้นก็เข้าทาง Apple กับ MS เลยนะนั่น นึกถึงการซื้อมือถือรุ่น Flagship ร้านบอกจะลงรอมอีกครึ่งชม. ค่อยมารับ 55
สงสัยพลาดเป้าบ่อยไป 555
ยังไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไม user "บางคน" ถึงเชียร์ให้ฟ้องเรื่องสิทธิบัตรกันจัง ถ้าคุณไม่ได้ถือหุ้นอยู่ในบริษัทที่ฟ้องแล้วล่ะก็ยังไงก็ขาดทุนครับ
ในทางรัฐศาสตร์เขามีคำเรียกว่า ultra royalist น่ะครับ รักบริษัทมากกว่าเจ้าของบริษัทเสียอีก
LOL
@TonsTweetings
lol
ฮ่า ฮ่า ภาษาบ้านๆ เรียกว่า Zealot นั่นเอง
ปล. Loyalist มั้งครับ
royalist นี่แหละครับถูกแล้ว แปลไทยก็คือ คลั่งเจ้า
ในทางรัฐศาสตร์คือพวก........แบบคนไทยนี่แหละ ห้ามวิจารณ์ ห้ามแตะต้อง ยกย่องเชิดชูได้เท่านั้น ใครไม่เห็นด้วยมันต้องตาย ห้ามอยู่บนแผ่นดินเดียวกัน
ไปกูเกิลมาละ
Ultra Loyalist คือขั้นสุดของ Loyalist
Ultra Royalist คือขั้นสุดของ Ultra Loyalist อีกที
ชีวิตมันซับซ้อนนะ
เห็นด้วยท่านมากมายครับ... !!!
คดีทางแพ่ง ผลลัพธ์ที่ได้ อาจจะเป็นการตัดกำไรส่วนนึงจากอีกเจ้านึงเพื่อมาเข้ากระเป๋าตัวเอง ผ่านการฟ้องร้องโดยเอาสิทธิบัตรของตัวเองมาอ้าง
ผมมองว่าการแข่งขันแบบนี้มันเป็นธุรกิจมากเกินไป จนตอนนี้มีแต่คนเล่นมุขนี้จนเลยเถิดและดูไม่สร้างสรรค์ไปแล้ว
ซึ่งผลดีอาจจะมากกว่าผลเสียก็ตาม แต่ถ้าวันไหนเกิดออกผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ออกมแล้วแป้กเพราะมัวแต่ฟ้องร้อง หรือมีปัญหาจนลูกค้าโยนทิ้ง+เผาสาปส่ง... ก็พลอยจะมีแต่คนรอสมน้ำหน้ากันทั้งโลก
ความกลัวทำให้เสื่อม
สมรรถภาพ ...
+1
อ่านข่าวที่เป็นแนวนี้มาเยอะก็เห็นอยู่แล้วว่า Apple พยายามกีดกันคู่แข่ง
ยิ่งมาเจอข้อความ -> ไม่สามารถหยุดการขายที่กำลังกินส่วนแบ่งตลาดอย่างต่อเนื่องได้
"สุดแสนจะทุเรศศศศศ"