หลังการค้นพบว่าโทรศัพท์ iOS เก็บพิกัดของผู้ใช้ไว้ตลอดเวลาอยู่ในเครื่องโดยไม่ได้ขอผู้ใช้ล่วงหน้า แอปเปิลก็ถูกสอบสวนและดำเนินคดีในหลายประเทศ แม้จะแก้ไขปัญหานี้แล้วใน iOS รุ่น 4.3.3 แต่ความผิดและคดีก็ไม่หายไปด้วย และศาลเกาหลีก็มีคำพิพากษาให้แอปเปิลจ่ายเงินแก่นาย Kim Hyung-suk เป็นเงิน 1 ล้านวอนหรือประมาณ 30,000 บาทไปตั้งแต่เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาแต่ไม่เป็นข่าวในวงกว้างนัก
เงินค่าเสียหายนี้เป็นเงินเพียงเล็กน้อยสำหรับแอปเปิล แต่การแพ้คดีแรกนับเป็นข่าวร้ายอย่างมากเพราะนาย Kim Hyung-suk เองก็เป็นทนายอยู่ที่บริษัท Mirae Law หลังจากได้เงินค่าเสียหายอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนที่แล้ว ตอนนี้ Mirae Law ก็เริ่มล่ารายชื่อลูกค้าแอปเปิลเพื่อขอทำคดีแบบกลุ่ม ในชื่อว่า SueApple.co.kr
ภายใต้บรรทัดฐานค่าปรับคนละ 30,000 บาทหากผู้ใช้ทั้งหมดเรียกร้องได้ค่าเสียหายเท่าๆ กัน งานนี้คงทำให้แอปเปิลขาดทุนจากการขายอุปกรณ์ iOS ทุกตัวในช่วงที่มีปัญหาอย่างหนัก โดยเฉพาะเมื่อรวม iPod และ iPad เข้าไปด้วย
ที่มา - Reuters
Comments
งานเข้า...เข้าหมู่ด้วย
ถ้าคนไทยฟ้องบ้างจะมีโอกาสชนะมั้ย?
"With the first link, the chain is forged. The first speech censured, the first thought forbidden, the first freedom denied, chains us all irrevocably."
ถ้าบรรทัดฐานเดียวกันก็ควรจะฟ้องชนะเหมือนกัน แต่บางทีอาจจะมีนักการเมืองเสนอแก้กฏหมายให้การกระทำดังกล่าวไม่ผิดก็ได้
จะฟ้องเมื่อไรบอกนะครับ พร้อมสนับสนุน อยากมีส่วนร่วมในประวัติศาสตร์ :)
ระบบกฏหมายไทยกับกฏหมายเกาหลีใต้ ไม่จำเป็นต้องเป็นบรรทัดฐานเดียวกันอยู่แล้วครับ เราเป็นรัฐที่เป็นอิสระต่อกัน
lewcpe.com, @wasonliw
แล้วมันมีรัฐไหนไม่เป็นอิสระกับไทยเหรอครับ
ที่คนข้างบนพูดเรื่องความอิสระต่อกันนั่น มันเป็น fact ที่เค้ายกมาพูดเพื่อให้เหตุผลกับคนก่อนหน้าโน้น
ส่วนคำถามของคุณ ผมว่ามันเกินจะประเด็นตรงนี้ไปนิดนึง ถ้าคุณอยากรู้คำตอบคุณก็ควรจะต้องลองหาเองครับ ไม่น่ายาก
ผมว่าเวลาไม่รู้ ตอบว่าไม่รู้มันจะง่ายกว่านะครับ :)
+1 คะแนนความเกรียนให้ :)
-3
ดูไบ
ขำๅนะครับ :P
ซ้ำ
ไม่มีครับ
รัฐบาลไทย
ระบบกฎหมาย หมายถึง ระบบการใช้ การตีความ และการให้ความสำคัญแก่กฎหมายที่มาจากบ่อเกิดต่างกัน ในโลกนี้มีสองระบบใหญ่ๆ คือ Common Law และ Civil Law
แม้ประเทศไทยและเกาหลีใต้จะเป็นกฎหมายระบบ Civil Law เหมือนกัน กล่าวคือ ให้ความสำคัญแก่กฎหมายลายลักษณ์อักษรมากกว่าคำพิพากษาในคดีที่ผ่านๆ มา ซึ่งต้องขึ้นอยู่กับกฎหมายสารบัญญัติแต่ละรัฐด้วยว่าการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดหรือไม่ เช่น กฎหมายที่เป็นเอกลักษณ์ของสังคมไทยเลยก็คือบุตรห้ามฟ้องบุพการีเป็นคดีแพ่งหรืออาญามิได้ (คดีอุทลุม) เมื่ือกฎหมายประเทศอื่นไม่มีกฎหมายแบบนี้ ก็ย่อมจะไปบอกเค้าให้ใช้มาตรฐานเดียวกัน ปฏิบัติก็ต้องเหมือนกันไม่ได้ เนื่องจากกฎหมายไม่ได้บัญญัติไว้
ในกรณีนี้ต้องดูว่ากฎหมาย (เกาหลี) ที่ใช้ตัดสินในเรื่องนี้เป็นกฎหมายประเภทใด เพราะมีการกำหนดโทษปรับไว้ด้วย ถ้าเป็นกฎหมายที่อิงสาระสำคัญจากการละเมิดสิทธิมนุษยชน ซึ่งมีอยู่ในรัฐธรรมนูญหลายๆ ประเทศ ก็อาจนำมาปรับใช้ได้ แต่ต้องรอร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องเสียก่อน เพราะโดยหลักสิทธิและเสรีภาพในรัฐธรรมนูญไม่มีบทกำหนดโทษไว้
ส่วนเรื่องการดำเนินคดีเป็นกลุ่มหรือ (Class Action) ประเทศไทยยังไม่มีกฎหมายรองรับในส่วนนี้ครับ ยังอยู่ในระหว่างการศึกษา ซึ่งอีกนานกว่าจะได้ปรับปรุงแก้ไขกฎหมายครับ
กฎหมายไทยฟ้องแพ่งได้เฉพาะค่าเสียหายที่เกิดขึ้นจริงเท่านั้น(รวมถึงค่าเสียโอกาสที่เกิดขึ้นจริงๆด้วย) คืออย่างมากได้คืนเครื่องแล้วรับเงินเต็มจำนวน หรือไม่ก็โดนสั่งห้ามขาย/ให้ปรับปรุง ไม่มีค่าเสียความรู้สึก หรือค่าละเมิดไรพวกนี้เหมือนบางประเทศครับ
ขอบคุณครับ ที่ถามนี่พอดีนึกถึงกรณี Samsung Wave อยู่
"With the first link, the chain is forged. The first speech censured, the first thought forbidden, the first freedom denied, chains us all irrevocably."
แต่นี่ไม่ใช่ปัญหาที่เกิดกับเครื่องนี่ครับ? เป็นปัญหาทางนโยบาย
May the Force Close be with you. || @nuttyi
ได้คนละ 30,000บาทเป็นผม ผมก็ฟ้อง
ขอร่วมวงด้วยได้มั้ยเนี้ยะ
ได้เงินเสร็จ เตรียมต่อคิวซื้อ i5 555 งานนี้เจอนักร้องเกาหลีเล่นซะแล้ว
ถ้าคนไทยจะฟ้อง ฟ้องใคร ผู้จัดจำหน่าย เครือข่ายที่จัดจำหน่าย หรือว่าฟ้องแอปเปิ้ลโดยตรง
ถ้าฟ้องแอปเปิ้ล ทางศาลจะติดต่อแอปเปิ้ลไปให้ หรือว่าเราต้องทำหน้าที่เอง
เพราะเข้าใจว่าแอปเปิ้ลไม่ได้มีสาขาในไทย คงจะลำบากพอสมควร
ไม่รู้เรื่องกฏหมายเลยอย่างผม ลำบากกว่า...
คนไทยร้องเพลงเบิร์ดไปพลางๆ ครับ "สบาย สบาย ถูกใจก็ซื้อกันไป" เรื่องฟ้องยากครับ คนไทยรู้กฏหมายน้อย เอาแค่กฏจราจรยังจำกันไม่ค่อยจะได้เลย XD
ถึงจำกฎจราจรได้ถ้าจังหวะไหนทำตามแล้วไม่สะดวกก็ไม่ทำตามครับ
หมายถึงช่วงไหน สะดวกจะฝ่าเหลืองก็สามารถละเมิดได้?
อัตราการเสียชีวิตเนื่องจากอุบัติเหตุสูงที่สุดนะครับ ระวังจะเกิดกับตัวเองล่ะ
เขาคงหมายถึงว่าคนไทยเป็นแบบนั้นล่ะมั้งคะ
ผมว่าความเห็นบนเค้า เห็นไปทางเดียวกับคุณนะ คือบ่นนิสัยคนไทย
นี่ก็จ้องจะมีเรื่องอย่างเดียวเลย ทั้งๆ ที่อ่านแล้วอาจจะไม่รู้เจตนาเค้า
ผมว่ากฏจราจรบางอย่างจำกันได้แต่ไม่ค่อยจะทำมากกว่าอย่างหมวกกัันน๊อค(หมวกลดโอกาศหัวแตก)ไม่เจอตำรวจก็ไม่อยากจะใส่ทั้งๆที่เป็นประโยชน์กับตัวเอง
กฏจราจรผมรู้ไม่ครบหรอกครับ แต่ไม่เคยทำผิดกฏจราจรครับ
และผมเชื่อว่าคนไทยไม่ได้รู้กฏหมายน้อยหรอกนะครับ
แต่แค่การฟ้องร้องทางกฏหมายหลายๆอย่างมีความยุ่งยากเกินไป ช้าเกินไปหรือแม้กระทั่งสิ้นเปลืองเกินไป บางคนจึงเลือกที่จะเพิกเฉยต่อการฟ้องร้อง
คนไทยไม่ได้อยากจะเพิกเฉยหรอกครับ ทุกคนอยากจะรักษาสิทธิ์ตัวเองทั้งนั้น
เห็นข่าวเมื่อสักครู่บางกลุ่มใน facebook บอกด่านตรวจว่าตั้งอยู่ที่ไหน คิดแบบตำรวจไม่ให้มีการบอก ถ้าแก้โดยการบล็อคแบบเผด็จการ ICT อีก คงไม่ดีแน่
ปัญหาในไทยตอนนี้คงเกิดจาก
ความเป็น"ธรรม" ความซื่อสัตย์"สุจริต" ความมี"จิตสำนึก" ในตัวทุกๆคน(แล้วผมว่าตอนนี้ขาดตัวหลังกันมาก)
30000 นี้ยังไม่รู้ว่าศาลเค้าเยียวยาด้วยเหตุผลอะไรหรืออีตาทนายคนนี้ไปโดนอะไรมาเลยกลายเป็นผู้เสียหาย ผมคิดว่าไม่ใช่แค่ซื้อไอโฟนแล้วจะฟ้องได้เงินหรอกนะ
บางครั้งกฏหมายคุ้มครองผู้บริโภค มันก็เกินไป
แต่กรณีนี้ผมไม่ทราบนะครับ ว่า เกิน หรือไม่เกิน อย่างไร
ความเสียหายมากแค่ไหน
แต่ผมรู้สึกไม่ค่อยอยากให้ประเทศไทยเป็นแบบประเทศ
อเมริกา หน่ะครับ บางครั้งฟ้องกันแบบว่า น่าเหลือเชื่อมาก
อย่างฟ้อง แมคโดนอลว่า ที่แก้วไม่มีคำว่า "ระวังกาแฟร้อน"
พอทำกาแฟ หก ใส่ตัวเอง ก็ไปฟ้อง แถมชนะคดีด้วยนะครับ
ที่เขายอม เพราะ เขาขายของเขาแพง
ศาลก็มองว่า เงินแค่นี้ บริษัทไม่ได้เสียอะไรมาก
แต่กลับคนไทยมันไม่ใช่
จ่ายก็ไม่ยอมจ่าย อยากได้ของถูกๆ แล้วอยากได้ของดี
สุดท้าย โดนจีน ย้อมแมวขายตลอด
ความเจ่งของกรณีแมคโดนัลก็คือ ผู้ให้บริการ "ต้องไม่มองข้าม" รายละเอียดเล็กๆ น้อย โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับความปลอดภัยนั่นล่ะครับ ชาติที่พัฒนาแล้วจะซีเรียสมากเรื่องความปลอดภัยของสินค้าหรือบริการ (อย่างเวลาเรานั่งเครื่องบินซึ่งความปลอดภัยเป็นมาตรฐานสากล ทำไมเขาถึงต้องจุกจิกเรื่องเยอะ หรือทำไมรถไฟฟ้า ถึงมีป้ายเตือนเต็มไปหมด ก็เพราะว่าความปลอดภัยคือสิ่งสำคัญสูงสุดนั่นล่ะครับ)
สินค้าอย่างกาแฟมันก็มีอันตรายตรงที่มันร้อน ดังนั้นถูกแล้วที่ผู้ขายต้องติดฉลากเตือนเพื่อให้ผู้บริโภคระมัดระวัง เพราะจะมาคิดแบบสารขัณฑ์ว่า ไม่เป็นไรน่า ยังไงคนก็รู้อยู่แล้ว...ไม่ได้ การคิดแบบนั้นแสดงว่าผู้ขายไม่ได้ใส่ใจลูกค้าเลย เอาแต่ขายเอาแต่ได้อย่างเดียว จนทำเอาลูกค้าบาดเจ็บหรือมีความเสี่ยง ศาลในอเมริกาตัดสินไปแบบนั้นก็ตามความสมควรแล้วครับ
ซึ่งในเรื่องนี้ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคนไทยคิดยังไง เห็นคุณค่า เห็นความสำคัญของความเป็นคนกันแค่ไหน แต่ดูเหมือนไม่ค่อยจะใส่ใจกันเท่าไหร่ ทุกวันนี้คนไทยใช้ชีวิตโดยประมาทในหลายๆ เรื่อง แค่เรื่องพื้นฐานอย่างการนั่งรถแล้วคาดเข็มขัดนิรภัยก็ยังไม่คาดกันเลย ละเลยทั้งๆ ที่ร่ำเรียนวิทย์ฯ-กลศาสตร์กันตั้งแต่สมัยประถมมัธยมแล้วว่าเวลาเกิดแรงปะทะมันจะอันตรายแค่ไหน สุดท้ายเวลามีอุบัติเหตุก็ตายกันเป็นผักปลา (ทั้งๆ ที่รถสมัยใหม่ปลอดภัยขึ้นมากแล้ว) หรือชีวิตคนไทยราคาไม่แพง?
ดังนั้น คดีแมคโดนัล ในทัศนคติของชาวไทย ก็อาจจะมองว่า เวอร์จัง เกินไปไหม ทั้งๆ ที่เราคงลืมมองไปว่า การคุ้มครองผู้บริโภคในบ้านเรานั้นมันด้อยมากถ้าเทียบกับอารยประเทศ และคนไทยก็ยอมที่จะถูกเอาเปรียบเสมอมา ถ้าวันดีคืนดีมีคนไทยหัวก้าวหน้าออกตัวมาโวยวาย ก็จะโดนประณามว่า เรื่องมาก เวอร์ ใช้ๆ ไปเถอะ เป็นต้น (เว็บโลกสวยนี่เจอบ่อย ซื้อสินค้าแล้วห้ามบ่น)
จริงๆ อย่างเมืองไทย ที่นึกออกตอนนี้ก็มีอาจารย์คนนึง ขึ้นศาลฟ้องนกแอร์ว่าละเลยการตรวจกระเป๋าของตัวเค้าเอง ทำให้อาจเสี่ยงต่อความปลอดภัย (หละหลวมจนถ้ากระเป๋าของเขามีระเบิดขึ้นมา จะเกิดอะไรขึ้น?)...แล้วก็ฟ้องชนะซะด้วยครับ นี่ละครับศาลไทยยังเห็นความสำคัญของความปลอดภัย (แต่ตอนนั้นก็มีคนออกมาวิจารณ์เหมือนกัน ว่าเรื่องแค่นี้จะฟ้องไปทำไม) แต่ผู้บริโภคก็ต้องรู้จักสิทธิ์ รู้จักที่จะกล้าออกมาเรียกร้องด้วยครับ ไม่ใช่คิดแต่ว่า "ไม่เป็นไรไทยแลนด์"
+1
ชอบจัง... ทำให้คิดอีกมุมมองนึงเลยครับ...
ฮะฮ่า! พูดได้ดีจริงๆครับ
ผมไปอยู่นู้น ก็แบบนี้ล่ะ
แค่เรื่องกาแฟร้อนหกใส่นี่ยังเด็กๆ
เคยอ่านเรื่องขโมยไปขโมยของบ้านคนอื่น แล้วออกไม่ได้เพราะประตูโรงรถ(แบบไฟฟ้า)ที่เข้ามามันเสีย ..ติดอยู่ในนั้นเกือบสัปดาห์จนเจ้าของบ้านมาเจอ
สุดท้ายฟ้องร้อง ..แต่ไม่ได้ฟ้องเจ้าของบ้าน ..ฟ้องบริษัทประตู (ทั้งที่ตัวเองก็ไม่ได้เป็นเจ้าของบ้านนั่นล่ะ) ชนะ! ได้เงินเยอะกว่าที่เสียค่าปรับที่ไปบุกรุกบ้านเขาอีก (ไม่ได้โดนข้อหาขโมยเพราะสุดท้ายก็ไม่ได้อะไรไป)
อีกเรื่องเป็นที่ผู้หญิงคนนึง ทานแม็คจนอ้วน เลยฟ้องว่าทำให้อ้วน ทำไมไม่บอกก่อนว่ากินแล้วจะอ้วน
แล้วชนะด้วย! ทำให้แม็คต้องเสนอส่วนประกอบละเอียดยิบ พร้อมโดนสั่งทำแคมเปญว่าให้ออกกำลังกาย ให้ทานแต่พอดี ทำนองนี้ด้วย! ..แต่ที่เจ๋งคือ ต้องออกเงินให้ผู้หญิงคนนี้ กลับมาอยู่ใน"สภาพ"เดิม สมัยก่อนทานแม็คด้วย!!
เรื่องคดีแมคโดนัล เท่าที่จำได้ ประเด็นคือเรื่องระดับความร้อนครับ
คือทุกคนอาจจะทราบดีอยู่แล้วว่ากาแฟร้อน มันจะร้อน แต่ไม่มีใครทราบว่ามันร้อนเท่าไหร่ แล้วไอ้ที่ร้อนหน่ะ มันเป็นอันตรายไหม ตรงนี้แหละครับ ที่เป็นประเด็น เพราะเค้าไม่เตือนว่าร้อนจนถึงระดับที่ทำให้เกิดอันตรายได้ ลูกค้าก็เลยอาจจะเข้าใจได้ว่ามันร้อนนะ แต่มันไม่อันตราย ทำหกก็ไม่เป็นไรมาก แค่เช็คๆ ที่เลอะ
ซึ่งในคดี ก็มีการแสดงให้เห็นว่า "กาแฟร้อน" มันมีอุณหภูมิขั้นต่ำเท่าไหร่ และอุณหภูมิที่ทำให้เกิดอันตรายมันเท่าไหร่ แล้วกาแฟเมคฯ มันมีเหตุผลอะไรที่ใช้อุณหภูมิเกินกาแฟร้อนขั้นต่ำจนไปถึงขีดที่เกิดอันตรายได้ แล้วทำไมแมคฯ ไม่บอกลูกค้าว่ามันอันตรายนะ อันนี้แหละครับคือประเด็น ไม่ใช่แค่ว่าทำกาแฟหกแล้วฟ้องครับ
iPAtS
มันเวอร์มาก แบบนี้รถยนต์ประเทศนี้มีติดคำเตือนมั้ยว่าห้ามขับเร็ว อาจจะเกิดอุบัติเหตุถึงตาย
มีคำเตือนในหน้าแรกๆ ของคู่มือรถยนต์ทุกยี่ห้อครับ
ตปท.กม.เขาคุ้มครองผู้บริโภคดีแฮะ
ชอบชื่อเว็บนะครับ สู้แอปเปิ้ล.คอม ฮ่าๆ
Sue เป็นภาษาอังกฤษมีความหมายว่า "ฟ้องร้อง" ครับ
Technology is so fast!
จะสร้างอะไรซะที ต้องปิดรูโน่นรูนี่เยอะแยะ เหนื่อยแทน
SPICYDOG's Blog
ในข่าวบอกเป็นค่า ชดเชย แต่ไม่ยักกะบอกว่าเป็นค่าชดเชยอะไร
ค่าที่นายคนนี้ไปเรียกร้อง ฟ้อง หรือเสียเวลาอะไรหรือเปล่าก็ไม่รู้ อาจจะพอๆกับเงิน สามหมื่นบาทก็ได้
แต่ผมเห็นว่า หากมีคนอื่นไปฟ้องต่อ ผมเกรงว่าจะไม่ได้เงินน่ะดิครับ
เพราะคดีนี้มันหา "ค่าความเสียหาย" ที่เกิดขึ้นยังไม่ได้เลยครับ
เหมือนกรณี นาย A ขับรถชนนาย B
นาย B จะฟ้องได้แค่ ค่ารักษาพยาบาล ค่าเสียโอกาสในการทำงานหาเงินช่วงที่ป่วย ค่าซ่อมรถ ค่าติดต่อประสานงาน ฟ้องร้อง ค่ารถ ค่าโทรฯ ตามที่จ่ายจริงเท่านั้น
แต่ไม่มี "ค่าทำขวัญ" นะครับ
คิดจะฟ้องอะไร ไม่ใช่ว่าชนะแล้วจะได้เงิน "มั่วซั่ว" นะ
ตามกฏหมายไทยคงใช่ครับ กฏหมายคุ้มครองความเป็นส่วนตัวเรายังอ่อนมากๆ อยู่ในระดับที่อ่อนเกินไป แต่ต่างประเทศก็ต่างกันไปหลายประเทศบางเรื่องก็แข็งอย่างไม่น่าเชื่อ จนเรียกได้ว่าแข็งเกินไป
บางรัฐแค่อัดเสียงบทสนทนาในโทรศัพท์โดยไม่แจ้งให้ทราบ "ทั้งสองฝ่าย" ก็กลายเป็นความผิดได้ โดยไม่ต้องทำความผิดหรือความเสียหายใดๆ เพิ่มเติมครับ การละเมิดความเป็นส่วนตัวถือเป็นความเสียหายทันที
ที่คุณว่าต้องเกิดความเสียหายก่อน และความเป็นส่วนตัวถูกละเมิด เช่น ข้อมูลสถานที่ถูกบันทึกไม่บอกกล่าว คนเอาเครื่องไปขายต่อไม่รู้ตัว คนซื้อต่อมาสามารถตรวจสอบสถานที่ที่เคยไปได้อย่างละเอียด เรื่องเช่นนี้เข้าใจว่ากฏหมายไทยไม่ได้คุ้มครองไว้ และไม่มีแนวทางการชดเชยค่าเสียหายที่อาจจะเกิดครับ
ผมไม่เห็นด้วยว่าเขา "มั่วซั่ว" นะครับ แค่ตามบรรทัดฐานปัจจุบันของบ้านเรา เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่เราไม่ควรไปว่าเขามั่วซั่วเพราะบ้านเขามองเป็นเรื่องใหญ่
lewcpe.com, @wasonliw
เข้าใจครับว่า การละเมิดความเป็นส่วนตัวนั้น เป็นความผิด
หากเป็นกรณีนั้นน่าจะเป็นการปรับให้รัฐไม่ใช่หรือครับ
คู่กรณีที่ต้องการเงินชดเชนนั้น ศาลก็ยังต้องพิจารณาค่าเสียหายจริง เพื่อเปลี่ยนเป็นค่าชดเชย ที่ควรได้อยู่ดีนี่ครับ
อย่างคดี แมคโดนัล ที่ คห ข้างบนๆ บอกว่าฟ้องแล้วชนะคดี นั้นก็ไม่เป็นความจริงนะครับ
ที่จริงแล้ว คนฟ้องนั้นมันบาดเจ็บเข้าโรงพยาบาลนะครับ ไม่ใช่ว่าฟ้องเพราะ ไม่มีป้ายเตือนว่าร้อนเฉยๆ
ปล ที่ว่ามั่วซั่วเนี่ย หมายถึงกรณีที่จะรวมกลุ่มกันฟ้องอีกครั้งนะครับ ไม่ได้หมายความถึงครั้งนี้
เจ้าตัวถูกละเมิดสิทธิส่วนบุคคล เป็นความผิดแก่ตัวเขา ต้องได้เงินแก่เจ้าตัวถูกแล้วครับ มันคงคล้ายๆ กับคดีหมิ่นประมาทอะไรอย่างนั้น ที่เป็นความผิดแก่ตัวเรา ค่าเสียหายก็ต้องได้กับเราครับ ไม่ใช่เข้ารัฐ
การรวมกลุ่มกันฟ้องเป็นการปกป้องสิทธิ เพราะบริษัททำความผิดกับคนจำนวนมากแต่มูลค่าไม่มาก หากไม่มีระบบการฟ้องกลุ่มก็จะกลายเป็นว่าการละเมิดคนอื่นๆ เล็กๆ น้อยๆ สามารถทำได้เพราะไม่มีใครฟ้องไหวครับ
กรณีที่เคยเกิดขึ้นก่อนเช่นโซนี่ใส่ rootkit ไว้ใน CD เพลง เป็นการละเมิดลูกค้าของตัวเองแต่มูลค่าความเสียหายต่อคนไม่มากมาย (จำได้ว่าหลัก 10 ดอลลาร์เท่านั้น) ถ้าไม่มีการฟ้องกลุ่มก็จะไม่มีใครเอาผิดโซนี่เลย อย่างนี้ถือเป็นความอยุติธรรมในสังคมครับ กรณีเช่นนี้ตัวทนายก็คงฟ้องเพื่อสร้างบรรทัดฐาน (ยอมขาดทุนเสียเวลาไปฟ้อง) เพื่อบอกคนเสียหายอื่นๆ ว่าฟ้องแล้วชนะ การฟ้องแบบกลุ่มทำให้ผู้เสียหายรายย่อยๆ ไม่ต้องเสียเวลาดำเนินการฟ้องเต็มรูปแบบ
ที่คุณกำลังถกอยู่ ต้องตั้งหลักดีๆ ก่อนว่าจะถือว่าการที่แอปเปิล "บันทึกพิกัดลงในเครื่องของลูกค้าโดยไม่บอกล่วงหน้า" เป็นความผิดหรือไม่
"ศาลก็ยังต้องพิจารณาค่าเสียหายจริง" แปลว่าอะไรครับ?
lewcpe.com, @wasonliw
@lew หลักกฎหมายในเรื่องค่าสินไหมทดแทน (ค่าเสียหาย) จากการทำละเมิดมีหลายหลักเกณฑ์ครับ ซึ่งอยู่กับแต่ละประเทศว่าจะใช้หลักใดบ้าง ในเรื่องใด เช่น หลักค่าสินไหมทดแทนเท่าที่เสียหายจริง ตรงตัวเลยก็คือ เสียเท่าไหร่จ่ายเท่านั้น เช่น ค่าซ่อมรถจ่ายไป 10k ก็ได้คืน 10k ครับ ไม่มากกว่านั้น ถ้าร่างกายเสียหายพิการไป ศาลจะพิจารณาตามความสำคัญและความเห็นแพทย์ไปว่าจะให้จ่ายค่าเสียหายเท่าไหร่ ฯลฯ ซึ่งประเทศไทยยังคงยึดอยู่หลักเดียวครับ
นอกจากนี้ยังมีหลักค่าเสียหายที่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ทางกายภาพ เช่น ค่าทำขวัญ ฯลฯ หรือ หลักค่าเสียหายที่เกิดจากการแปรรูปเพื่อให้ทำกำไรได้ในอนาคต เช่น ค่าเสียหายจากการขนส่งถ่านหินช้าทำให้ผลิตกระแสไฟฟ้าจ่ายไม่ทัน ฯลฯ - (ยังมีอีกหลายหลัก) หลักเกณฑ์ละเมิดแบบนี้สามารถเรียกร้องได้ในบางประเทศครับ
+1 เรื่องแมคครับ
รายละเอียดสำหรับท่านที่สนใจ
http://www.lectlaw.com/files/cur78.htm
+1 "ตามบรรทัดฐานปัจจุบันของบ้านเรา เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่เราไม่ควรไปว่าเขามั่วซั่วเพราะบ้านเขามองเป็นเรื่องใหญ่"
ถูกใจประโยคนี้มากครับ
ผมว่าเค้าหมายถึงแบบรี้ป้ะครับ
คนฟ้องคนแรก ==> ได้ค่าชดเชย 30000 ซึ่งเป็นค่าเสียหาย ค่าเสียเวลา ในการดำเนินคดีต่างๆ
คนอื่นๆ ที่จะฟ้องแบบกลุ่ม ==> ไม่เสียเวลาเท่ากับคนแรก แต่จะได้ 30000 เท่ากันได้ไง ถ้าได้ = "เงินมั่วซั่ว" (ไม่ใช่ตัดสินมั่วซั่ว)
กขกท ต้องการสื่อแบบนี้ป้ะครับ ผมเข้าใจว่างี้อ่ะ -*-
.
กฎหมายไทยพอจะคุ้มครองผู้บริโภคถ้าปิดการเก็บพิกัดไม่ได้ก็ขอคืนสินค้า กับชดเชยค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีทางศาลได้ไหม
ถ้าจำไม่ผิดการเก็บพิกัดมันยกเลิกได้โดยการ up fw. ตัวล่าสุดนะครับ ถ้าฟ้องตอนนี้คงจะเป็นคดีที่พูดถึงความผิดที่ผ่านมาแล้วมากกว่า
ครอบคลุม iPhone 3G ด้วยไหมครับ
ถ้าเกิดรวมตัวกันฟ้องเป็นกลุ่มจริง ๆ และเป็นจำนวนมาก ๆ เพราะคิดว่ายังไงก็ได้เงินแน่ ๆ จนทำให้ apple ขาดทุน แล้ว apple เขายังคิดว่าจะขายต่อที่เกาหลีใต้หรือเปล่านะ
ทนายคนนี้เดี๋ยวSamsung ติดต่อให้ไปร่วมงานด้วยแหง๋ๆ
ต๋ายตาย เด๋ว apple แบนเกาหลีซะเลย โทษฐานขัดใจพี่
เผด็จการไปไหมพี่(ใช้วิธีปรับปรุงไม่ดีกว่าหรือ'~~)
จงหยุดคำว่า "ไม่เป็นไร" บ้างเสียเถอะครับ
ให้อภัยน่ะมันดี ....ดี ถ้าอีกฝ่ายเขาคิดถึงเราด้วย
คิดถึงสิทธิ์ตนเองบ้าง ...เขาทำงี้กับเราได้ เขาก็ไปเอาเปรียบคนอื่นต่อได้
*ไม่ได้หมายถึงApple