รัฐบาลตุรกีมีแผนทำโครงการแท็บเล็ต 15 ล้านเครื่องสำหรับนักเรียน โดยโครงการแรกนี้มีระยะเวลา 4 ปี ส่งผลให้บรรดาผู้ผลิตแท็บเล็ตหลายรายเริ่มทำการติดต่อกับรัฐบาลแล้ว โดยตัวแทนของแอปเปิลกล่าวว่าบริษัทมีความสนใจจะซื้อชิ้นส่วนบางรายการ อาทิ หูฟัง หรือแผ่นปิดจากโรงงานในประเทศตุรกี ซึ่งก็ชัดเจนว่าเพื่อสร้างความสัมพันธ์กับรัฐบาลให้ได้รับการพิจารณาในโครงการแท็บเล็ตนี้
รายงานข่าวระบุว่าไมโครซอฟท์เองก็เตรียมเดินทางไปประเทศตุรกีเพื่อขอเจรจาในเรื่องนี้เช่นกัน ส่วนอินเทลก็กำลังติดต่อเพื่อขอเปิดศูนย์วิจัยและพัฒนาในตุรกีด้วยเหมือนกัน รัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรมตุรกีกล่าวว่าผู้ที่ชนะประมูลในโครงการดังกล่าวจะได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาลเพื่อการผลิตแท็บเล็ตต่อไป
ที่มา: Bloomberg
Comments
แล้วประเทศไทยจะมีแบบนี้ไหม ;P
ของไทยแปดแสนเครีื่องเองครับ volume ผิดกันเกือบ 20เท่า แถมประกาศออกมาแล้วด้วยว่าจะเอา android เพราะงั้น microsoft กับ apple คงเมินไปเรียบร้อยแล้ว
แจกให้เด็ก ป.1 อีกต่างหาก
น่าจะมีแจกเด็กโข่งบ้าง :P
ให้เด็ก ป.1 ต่อเน็ตเปิด Facebook เล่น เพราะแบบการเรียนการสอนของไทยใน iPad ยังไม่มี
งี้ต้องไปคุยกับ Motorola สินะครับ :D
อะไรๆ มันก็เปลี่ยนแปลงกันได้ นโยบายทำได้ทันทีเจ๊แกยังทำมึนได้เลย ขอให้เงินมาเถอะ ฉลุย แต่ตอนนี้ต้องบอกว่า "ยังเร็วเกินไปที่จะพูด"
เด็กไทยก็อยากได้ ipad อ่ะ
oxygen2.me, panithi's blog
Device: HP Zbook, iPad Pro, iPhone 15PM, iPhone 16+, Nothing Phone 1
ต้องรอดูต่อไปครับว่ามันจะมีผลดีขึ้นต่อการศึกษาไทยหรือไม่ตอนนี้ยังไม่เป็นเป็นรูปธรรม
ที่สำคัญพูดอะไร สัญญาอะไรเอาไว้แล้วต้องทำให้ได้ครับ
ผมว่าแค่ซื้อของแจกเนี่ยไม่ใช่เรื่องยาก ทำได้อยู่แล้วล่ะครับ แต่ปัญหามันจะอยู่ที่แจกแล้วประเทศจะพัฒนาไปด้านที่คุ้มค่าภาษีที่พวกเราๆจ่ายไป หรือปาวนี่สิปัญหา
เห็นด้วยครับ ถ้าจะทำก็คงทำได้เพราะแค่เอาเงินภาษีไปซื้อ แต่ประโยชน์ที่จะได้รับจริง ๆ มันอยู่ตรงไหน?
ถ้าคิดว่าแจกแล้วจบ ทำตามนโยบายแค่นี้แล้วจบ
จะใช้ได้ ใช้ไม่ได้ยังไง ไม่สนใจ
ถึงตอนนั้นค่อยรุมประนามด่าเช้าด่าเย็น หรือรวมตัวฟ้องร้องให้ชดใช้ความเสียหาย
ก็ยังไม่สายนะ
ตอนนี้อย่าเพิ่งจินตนาการไปเอง รอแถลงนโยบายก่อน
แล้วรอดูบทวิเคราะห์นโยบายจากฝ่ายค้าน สำนักข่าวต่าง ๆ
ค่อยผสมโรงยังทันครับ ไม่ตกขบวนแน่ ๆ
อย่าว่าแต่รอแถลงนโยบายเลยครับ คนที่มันจะด่ามันไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ถึงขนาดยังไม่ได้รับตำแหน่งก็ด่าแล้ว ใน fb มีให้เห็นมากมาย เห็นแล้วสลด มันสักแต่ด่าจริงๆ
เหมือนกันกับรัญบาลที่แล้ว
ก็มีพวกที่สักแต่ด่าเหมือนกัน ไม่ฟังอะไรเลย
เวลาดูสาวชอบดูสาวขาวๆ Sex Sex เวลาดู Notebook ชอบแบบ"ถึกๆดำๆ"
Twitter : @Zerntrino
G+ : Zerntrino Plus
สักแต่ด่าเมื่อผลงานออกมาแล้ว กับสักแต่ด่าตั้งแต่ยังไม่ได้เลือกตั้ง มันต่างกันเยอะครับ
ให้โอกาสกันตั้งปีนะ กับนายกรุ่นใหม่ชั่งไข่ขาย
แล้วเดี๋ยวจะรอดูครับว่าออกมาด่ากันจริงหรือแค่ทำนิ่ง ๆ เพราะเป็นหนึ่งในดวงใจ
บางครั้งบางเรื่องผมว่าก็ไม่จำเป็นต้องรอให้ทำก่อนแล้วค่อยด่าก็ได้นี่ครับ ถ้าวิเคราะห์กันแล้วตามหลักเหตุผลส่วนบุคคลแล้วคิดว่าไม่เหมาะสมผมว่าบุคคลนั้นก็มีสิทธิ์ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ได้เลยครับ
อยากให้แยกกันระหว่าง "สักแต่ด่า" กับ "คิดพิจารณาแล้วด่า" ด้วยครับ
ยกตัวอย่างเรื่องทำกำหนดให้เด็กอายุ 7 ขวบเริ่มทำบัตรประชาชน ผมก็เห็นว่าคนด่ากันตั้งแต่บัตรยังไม่ออกเพราะมองแล้วไม่เห็นว่ามันมีประโยชน์อะไรมากนักนอกจากเพิ่มภาระการเสียเงินให้กับประชาชน ซึ่งผมเองก็คิดแบบนั้นว่าเด็ก 7 ขวบจะเอาบัตรประชาชนไปทำอะไรได้ทั้ง ๆ ที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะและขาดวุฒิภาวะในการตัดสินใจทำธุรกรรมต่าง ๆ กับรัฐ
ผมว่าคนที่ไม่ยอมรับเมื่อคนอื่นวิพากษ์วิจารณ์สิ่งที่ตัวเองชอบ แต่ตัวเองกลับวิพากษ์วิจารณ์สิ่งที่ตัวเองไม่ชอบโดยไม่ได้สนใจว่าคนอื่นจะคิดอย่างไรก็เข้าข่ายพวก "ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง" ครับ
That is the way things are.
มันไม่เกี่ยวกับว่ายอมรับหรือไม่ยอมรับ เมื่อผมเห็นสิ่งที่ไม่ชอบ สิ่งที่ไม่ถูก ผมก็วิจารณ์ไปตามนั้น มันก็รวมไปถึง "คำวิจารณ์ของคนอื่นด้วย"
และเมื่อผมพ่นความคิดออกไปแล้ว มันก็กลายเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่คนอื่นสามารถวิจารณ์ต่อได้เหมือนที่คุณมากระทำแบบนี้
ไม่ใช่ว่าตัวเองอยากด่าอะไรซักอย่าง ก็พ่นๆออกมา แต่พอมีคนมาสวนก็โวยวาย ไม่อยากเถียง มาสั่งคนอื่นให้หยุด ดริฟท์ไปดริฟท์มาทั้งที่ตัวเองเริ่มก่อนแท้ๆ
ถ้าไม่อยากโดนสวนก็ต้องพูดให้ครบทั้งสองด้านแต่แรก ไม่ใช่เถียงสู้ไม่ได้ก็หาเรื่องตีรวน หาว่าอีกฝ่ายเป็นลิ่วล้อใคร ออกมาปกป้องใคร แบบที่พวกคุณชอบทำ ทั้งที่ตัวเองเอียงข้างกะเท่เร่แต่ชอบมาพูดว่าตัวเองกลาง
ผมไม่ได้คิดว่าทุกคนจะต้องเป็นกลาง ต้องพูดครบทั้งสองด้าน แต่ควรจะเตรียมใจไว้ว่าพูดถ้าเอียงข้าง ฝั่งตรงข้ามก็ต้องมาสวน ไม่ใช่คิดแต่จะตีหัวเข้าบ้าน
เมื่อผมตั้งใจพูดอะไรซักอย่าง ก็เตรียมใจไว้แล้วว่ามันต้องมีคนไม่เห็นด้วยมาเถียง ใครอยากจะเถียงกับผมก็ได้ถ้าคิดว่ามันผิด
เรื่องที่มันถูก มันไม่เกี่ยวกับว่าใครพูด ใครทำ หรือใครเป็นใคร ถ้ามันเป็นเรื่องที่ถูกมันก็ถูก
ถูกอย่างหลายๆท่านว่าครับ แจกนะมันเรื่องง่าย แต่แจกเสร็จทำให้ต่อยอดได้ไหมนั้นนะเรื่องยาก ถ้าแจกแล้วดูไปไม่รอด ก็อย่าไปกดดันเขาเลยครับ เปลืองงบประมาณ
ไม่เห็นด้วยตรงที่แจกเด็ก ป1 แถมให้เป็นของส่วนตัวเลย เกรงว่าผ่านไปครึ่งเทรมมันจะเหลือเครื่องไม่ถึง 50% ที่ให้ไปแล้วมันจะเอาไว้เรียนได้ไงหละเนี้ย ถ้าเอาไว้เป็นของโรงเรียนแล้วพอเข้าโรงเรียนมารับไปเรียนก่อนกลับมาคืนโรงเรียนว่าไปอย่าง
อาจจะเป็นแผนการ ตลาดก็ได้นะครับ
พอเด็ก ป.1 มี
เด็ก ป.2,ป.3,ป.n เห็นแล้ว ก็ไปอ้อน พ่อแม่ ให้ซื้อให้
ที่นี้ ก็จะ.... อะไรดีอะ
เรียนซ่อมแทบเล็ตกันเถิด เทอมหน้ารวย!
นั้นแหละครับ ต้องดูมาตราการรองรับกันต่อไป ที่สำคัญต้องก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด และไม่เป็นภาระแก่ประชาชนอ่ะนะ
นึกสภาพโรงเรียนที่มี tablet อยู่หลักร้อยพันในห้องเก็บไม่ออกเลยจริงๆ ว่าจะดูแลยังไง ใครดูแล พอบอกให้เก็บไว้กับโรงเรียนผมพาลนึกไปถึงพวกสมุด, โปรเจคเตอร์, เครื่องฉายแผ่นใสเลยให้ตายสิ อยากใช้ก็ไม่ทันใจ พอจะใช้ก็พัง จะหาคนมาดูแลเฉพาะก็ไม่คุ้มจ่าย
เก็บไว้กับเด็กก็ให้เด็กรับผิดชอบกันไป จะมีเงื่อนไขประกันอะไรก็ว่ากันไป ยังไงพอเด็กรู้สึกเป็นเจ้าของมันก็น่าจะดีกว่ารู้สึกเป็นของส่วนกลางเล่นๆ ให้พังไป ถ้าเป็นของตัวเองกลับไปบ้านก็ยังเอาไปเล่นเกมก็มีแนวโน้มจะดูแลดีกว่า
เพียงแค่ตอนนี้รอนโยบายหรือแผนงานชัดเจนอยู่ ว่าจะดำเนินไปทางไหน
เอากลับผมเชื่อเลยว่า
1 หาย
2 โดนน้ำพัง
3 โดนขโมย
จิปาถะ ขนาดทำบัตรประชาชนให้เด็ก 7 ขวบ(ก็ ป 1 นั้นแหละ) ยังกลัวหายไรกันเลย
ประเด็นก็คือถ้าจะดันมันเป็นอุปกรณ์การเรียน แต่เกิดปัญหาต่างจนไม่มีทุกคน แล้วจะเอาไรเรียนอะครับ
สนับสนุนว่าให้อะดี แต่ดูอายุ หรือลักษณะการเก็บรักษาหรืออะไรไว้ด้วยก็ดี
ลองเอาพาดหัวข่าวมาดัดแปลงดู ผลจะเป็นอย่างไร
{syntaxhighlighter class="python"}
x = "แจกไม่ลืมหูลืมตา!! รมว.ศึกษาธิการประสานICT เล็งแจกแท็บเล็ตครูด้วย"
x.replace("จ","ด")
print x
{/syntaxhighlighter}
ยังคงเป็น "แจกไม่ลืมหูลืมตา!! รมว.ศึกษาธิการประสานICT เล็งแจกแท็บเล็ตครูด้วย" ครับ
เพราะ x.replace("จ","ด") ไม่ใช่ x = x.replace("จ","ด") ครับ :P
มาแซวเล่นๆ อิอิ
+1
ประเด็นเรื่องแจก ผมว่าไม่มีปัญหา แต่เรื่อง ครูบาอาจารย์ที่จะสอนนี่แหละครับ ว่าจะดึงประโยชน์มาใช้ได้มากน้อยแค่ใหน
ครูหลายๆคน โดยเฉพาะครูประถม ผมว่ากว่าครึ่งที่ไม่ได้ใช้คอมพิวเตอร์ช่วยสอน วิชาที่เด้กเรียนกัน ใน 5 วันก็มีคอมพิวเตอร์ แค่ สองสามคาบเท่านั้น
พ่อแม่ผู้ปกครอง ก็ควรจะต้องศึกษา เล่นกันเป็นบ้าง
นโยบายภาครัฐเอง ดันกันแค่ใหน เข็นกันแค่ใหน
หากข้าราชการประจำไม่สนองตาม เหนื่อยมากกกกกกกก ขนาดว่ามีเงินแล้ว แต่ความพร้อมด้านอื่นยังขาด
นโยบายหลายๆอย่าง ประชาชนมักจะดันไปให้รัฐซะมาก แต่จริงๆแล้วมันน่าจะเริ่มจากครอบครัว (ยาเสพติด เด็กแว้น มั่วสุม)
แม่ผมเกษียณแล้ว ตอนนี้เล่นทั้ง facebook/ipad ก่อนหน้านี้ก็เล่น Galaxy Tab
ผมมองว่าของพวกนี้ขึ้นอยู่กับ "ความตั้งใจขวนขวาย" กับ user interface มากกว่า ส่วนตัวผมอยากจะบอกว่า ผมสอนแม่ผมน้อยมาก ส่วนมากเขาด้นเองแล้วก็ทำได้เอง
user interface มันไม่ควรจะเป็นสิ่งที่ "มีแต่คนที่มีความรู้เท่านั้นถึงจะใช้ได้" และ Tablet พวกนี้ก็ตอบสนองสิ่งเหล่านั้นได้ดีกว่า pc มากครับ
คือส่วนน้อยไงครับที่ทำแบบนี้ได้ แม่ผมก็เล่นเองซื้อเอง หาข่าวลับๆอ่านเองเก่งกว่าผมอีกวันๆเลี้ยงหลาน เล่นแอนดรอยไป
แต่ปัญหาคือถ้าคุณเคยสอนทั้งเด็กต่างจังหวัด หรือเด็กในเมืองเองแบบผม จะเห็นว่ามันต่างกันมากครับกับโอกาสในการใช้เทคโนโลยี
แต่ว่าเท่าที่ลองสอนๆมาหลายคน เด็กตจว.ที่เรียนไอทีม.เอกชน กับ ม.เอกชนในกรุงเทพ เห็นเด็กตจว. เรียนรู้ได้เร็วกว่านะ เพราะเค้าขาดเรื่องพวกนี้ด้วยมั๊ง
ของไทยทำ ถ้าจะเป็นของการศึกษา ถ้ามองในแง่ผู้ใหญ่ คงต้อง
- เอาการ์ดจอออก (กันเด็กเล่นเกม)
- มี OS เป็นของตัวเอง
- เอา Wi-fi ออก (กันเด็กเล่น FB)
แต่เด็กคงจะเซงกัน 5 5 5
เอากล้องออกด้วยฮะ
ถ้ามี iPad รุ่น low cost มาแจกเด็กราคาสัก 4 - 5 พันบาทมาขายรับรองขายดีเป็นเทน้ำเทท่า
เป็น ePad (เหมือน eMac) ?
สงสัยอย่างเดียว ถ้าผมเป็นเด็กป.1 สะพายกระเป๋า แต่พอจะไปเตะบอล จะไปวางไว้ที่ไหนมันถึงจะปลอดภัย
เรามาเริ่มทำระบบ Find My OTPC กันเถอะ
ฐานประชากรเกมเมอร์จะได้เยอะๆ พอเด็กเหล่านี้เป็นผู้ใหญ่จะได้มีสภาเกมเมอร์ lol
แจกเด็กเล็กมีแต่ทำให้เด็กสมาธิสั้น
อย่าลืมกันงบไว้ทำปลั๊กไฟในห้องเพิ่มด้วยละกันนะครับ อิอิ
ผมกลัวว่าถ้าเด็กได้ไปแล้ว วันๆตอนเวลาว่างเอาแต่เล่นเกมส์บนแท็บเล็ตน่ะสิ ตอนพักเที่ยงไม่ยอมเล่นกีฬา สุขภภาพจะแย่เอา
ต่อไปโจรไม่ต้องทำอะไรแหละ ตบหัวเด็กชิงของรวยเลย
ผมยังไม่เห็นว่าการมี tablet ช่วยเรียนนั้นทำให้เด็กฉลาดขึ้นได้แต่อย่างใดเลยครับ อันนี้พูดตรง ๆ จากใจจริง แนวคิดของโรงเรียนสมัยนี้ก็ออกไปทางโรงเรียนทางเลือกมากขึ้น ซึ่งไม่ได้สอนแบบเน้นหลักสูตรตามตำราไปวัน ๆ แต่เน้นให้เด็กเรียนรู้จากประสบการณ์จริง ออกไปทำกิจกรรมภายนอกมากกว่า
ยกตัวอย่างเช่นอย่าง "หนูดี" ผู้ที่ได้รับการยอมรับด้านวิธีการเรียนการศึกษาอย่างมีประสิทธิภาพ (การันตีด้วยปริญญาเกียรตินิยมจากมหาลัยที่มีชื่อเสียงอย่างมาก) ชีวิตในวัยเด็กก็ไม่ได้พึ่งพาเทคโนโลยีอะไรมากมายนัก กว่าจะรู้จักกับสิ่งที่เรียกว่าทีวีก็ปาเข้าไปอายุ 6-7 ขวบนู่น
ผมไม่ได้สรุปว่าการดูทีวีหรือรับสื่อต่าง ๆ ผ่านหน้าจอจะทำให้ศักยภาพของเด็กลดลงนะครับ แต่ผมกำลังบอกว่าสิ่งเหล่านี้มันไม่ใช่สิ่งจำเป็น ไม่ใช่แกนหลักที่จะพัฒนาศักยภาพความฉลาดสติปัญญาของเด็กก็เท่านั้นเอง
ถ้าผมมีลูกและลูกอายุ 7 ขวบผมคงอยากให้ไปเรียนไปเล่นนอกบ้านมากกว่านั่งจ้อง tablet ไปวัน ๆ ดูแต่สิ่งที่วูบวาบภายในจอนั้นหรือถ้าแย่กว่านั้นก็เล่นเกมดู chat บน social network ต่าง ๆ
That is the way things are.
ผมไม่รู้จักและไม่สนใจจะรู้จัก "หนูดี" นะครับ แต่จะบอกว่าถ้าจะยกตัวอย่างทีละตัวอย่างในการออก "นโยบาย" เราคงได้หาตัวอย่างแบบต่างๆ กันไปเรื่อยๆ ไม่รู้จบ
พ่อผมซื้อคอมพิวเตอร์ให้ตั้งแต่ ป. 1 เข้าอินเทอร์เน็ตตั้งแต่ ป. 4 หมุนโมเด็ม 3600kpbs สร้างความสนใจให้ผมเรียนคอมพิวเตอร์อย่างต่อเนื่อง จนเรียนจบปริญา ทำงานส่งตัวเองเรียนโทได้ ทุกวันนี้ผ่อนบ้านเอง ไม่มีปัญหาสมาธิสั้น ยังอ่านหนังสือยาวๆ เป็นปรกติ ออกกำลังกายเป็นประจำ มีปัญหาสุขภาพน้อยมาก
ควรมีใครออก "นโยบาย" แล้วเอาชีวิตผมเป็นข้ออ้างไหม ไม่เลย
การใช้เทคโนโลยีเพื่อสนับสนุนการศึกษามีการ "ศึกษาและวิจัย" มาต่อเนื่องยาวนาน (Google Scholar, Amazon) มีกระบวนการประเมินผล
แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกคนที่เหมาะกับนโยบาย แต่เราสามารถวัดผลสำเร็จของนโยบายในภาพรวมได้ และหากมีคนที่ไม่เหมาะกับนโยบายแบบนี้ เราก็ควรเปิดช่องทางให้การศึกษาทางเลือกที่พ่อแม่จะเลือกปรับตามสภาพของครอบครัวได้
เรากำลังพูดกันในนโยบายระดับประเทศ ไม่ใช่เรื่องของความเชื่อของพ่อแม่บางส่วนหรือครอบครัวของคุณหรือของผมหรือของหนูดี ถ้าคุณเชื่อว่ามีกระบวนการสนับสนุนการเรียนที่ดีกว่า คุ้มค่ากว่า ฯลฯ ผมเชื่อว่ามีการศึกษาแนวทางอื่นๆ อยู่มากทีเดียว อาจจะยกรายงานหลักฐานการศึกษามาคุยกันได้ครับ
lewcpe.com, @wasonliw
ของบางอย่างไม่ต้องลองเองก็เรียนรู้ความผิดพลาดจากตัวอย่างที่มีได้ครับ อิอ
เหรียญมีสองด้าน
อย่ายึดติดภาพกับโรงเรียนประถมในเมืองมากเกินไปครับ ไม่ใช่ประเทศกรุงเทพนะ แต่นี่เป็นประเทศไทย
มาดูโรงเรียนประถมต่างจังหวัด ที่ไม่ใช่โรงเรียนประจำจังหวัด หรือประจำอำเภอครับ แล้วจะรู้ว่าครู+นักเรียนมีศักยภาพมากน้อยแค่ไหน
ไม่ได้ดูถูกนะครับ แม่ผมเป็นครูสอนเด็กประถมเหมือนกัน โรงเรียนมีนักเรียนไม่ถึง 200 คน ใช้เน็ตดาวเทียม IP Star มีคอมที่ต่อออกเน็ตได้ 2 เครื่อง วันดีคืนดีดาวเทียมล่มเน็ตมีปัญหาเป็นเดือนๆ กว่าบริษัทที่ดูแลจะมาซ่อมให้ ส่วนคอมที่เหลือต่อเน็ตไม่ได้ให้นักเรียนเล่นไม่ถึง 20 เครื่อง (เครื่องเสียอุปกรณ์ไม่ครบก็มี)
ที่สำคัญคือ ในโรงเรียนประถมครูที่มีความรู้ด้านไอทีหรือจบคอมมาโดยตรง แทบไม่มีเลยครับ อะไรเสีย(นิดๆหน่อยๆ)ส่งร้านซ่อมอย่างเดียว ถึงมีครูเก่งๆ เขาก็ย้ายไปอยู่ รร ในเมืองกันหมด
ครูก็มัวแต่ปั่นผลงานเพื่อยกระดับเงินเดือนของตัวเอง ทิ้งเด็กไว้เฉยๆ ไปประชุมนู่นประชุมนี่ ตามที่นักวิชาเกินคิดโครงการมา แถมแม่ยังเคยบอกเด็ก ป.4 ส่วนมากยังอ่านภาษาไทยไม่ออกเลย นี่คือความจริงของเด็กไทยในชนบท
ตามความคิดผม ควรจะเน้นไปที่เครื่องคอมในโรงเรียนให้เพียงพอก่อนครับ ค่อยเอาอุปกรณ์พกพา
หรือถ้ายืนยันจะแจกแท็บเล็ตจริงๆ เห็นว่าน่าจะไปเริ่มที่กลุ่มมัธยมปลายยังจะดีกว่าครับ เพราะ รร ระดับที่มีมัธยมปลายแล้วบุคลากร/อุปกรณ์น่าจะพร้อมกว่าโรงเรียนประถม
ตามหลักการแล้ว เขาจะเดลิกการที่โรงเรียนต้องมีเครื่องคอมให้เด็กใช้ เป็นการให้เด็กใช้แท็บเล็ทคนละเครื่อง แทน ครับ โยกงบมาให้หมด
คนที่ศึกษามาไม่ดีพอนี่ตรรกะเดียวกันหมดเลยแฮะ "ให้ทุกโรงเรียนมีเครื่องคอมก่อน"ๆ
ไม่ต้องครับ มี Tablet เครื่องนึง แล้วต่อ Cloud เอาได้
เอ่อ..จะต่อคลาวยังไงดีครับ Edge?
May the Force Close be with you. || @nuttyi
ทุกรัฐบาลก็พยายามดัน 3G ให้ทั่วประเทศอยู่เนี่ยครับ แต่มีกองสกัดกั้นเทคโนโลยีมาขวางคลองอยู่ได้
ตอบไม่ตรงคำถามรึเปล่าครับ?
เอาจริงๆ ผมว่าระบบพื้นฐานยังไม่พร้อมเลยด้วยซ้ำ เอาแค่เอกสารกรเรียนเป็น e-book อินเตอร์เน็ตพอใช้ พูดถึง 3G ลองไปนอกเมืองดูครับ แค่ Edge ยังไม่มีเลย(โดยเฉพาะทรู)
May the Force Close be with you. || @nuttyi
แล้วคุณคิดว่าจะต้องทำ 3G ให้เสร็จก่อน แล้วค่อยเริ่มกำหนดสเปค สั่งผลิต ทดสอบ แล้วค่อยทำคอนเทนท์ แล้วค่อยแจก เหรอครับ?
ใช้อะไรคิดครับ?
อย่างเร็วกว่ามันจะเสร็จซักตัวพร้อมแจกก็ปีหน้าโน่นครับ นี่คืออย่างเร็วนะ และดูจากสภาพมีพวกเอาเท้าราน้ำเยอะซะด้วย
ประเด็นไม่ได้อยู่ที่ว่าตอนนี้ไม่ได้มี 3G แต่ประเด็นอยู่ที่มีอีกเหตุผลที่ควรมี 3G ครอบประเทศให้เร็วที่สุด และทันทีที่มีมันก็จะเมคเซนส์ไปอีกมาก
นาย ก เป็นชาวนา นาย ข เป็นช่างปั้นหม้อ นาย ก จะบอกว่า ตัวเองไม่มีหม้อไว้หุงข้าว ปลูกข้าวมาก็หุงกินไม่ได้ ให้นาย ข ปั้นหม้อให้เสร็จก่อน นาย ข ก็บอกว่า ยังไม่มีข้าว จะรีบปั้นหม้อไปทำไม
แบบนี้ทั้งชาติก็ไม่ต้องไปไหน
แต่ถ้าทั้งสองคนลงมือทำงานตัวเองไปเลย นาย ข ปั้นหม้อเสร็จก่อนนาย ก จะเก็บเกี่ยว แต่ก็แค่เก็บหม้อไว้ พอมีข้าวก็นวดแล้วหุงได้เลยไม่ต้องรอหม้ออีก ระหว่างนั้นก็เอาหม้อไปต้มน้ำต้มปลา ฝึกทำอาหารอย่างอื่นไปพลางๆก็ได้
ฟังคุณพูดมันแนวคิด Waterfall มากเลย
ประเด็นผมคือ ทำไมต้องอวย tablet ซะขนาดนั้น? สมัยนิยม? ผมมองว่า โน้ตบุ๊กเล็กๆยังเวิคกว่า อย่างน้อยก็ทำงานออฟฟิตได้.. แต่ก็ตาม reply ต้นตอ ผมว่าควรมีคอมพื้นฐานก่อนจะดูที่อุปกรณ์พกพา หรืออย่างน้อยก็ไม่น่าใช่ tablet เพราะ iPad มันดัง..
ที่บอกว่า 3G ไม่เหมาะเพราะดูนี่เราใช้ 2G ที่ว่าห่วยนี่มากี่ปีแล้วยังทำให้ครอบคลุมไม่ได้เลย อย่างน้อยคอมผมก็ต่อสายโทรศัพท์ใช้เน็ต 56 kbps ได้ล่ะ ผมล่ะไม่เคยเชื่อเลยว่า 3G มันจะมีอาณาเขตครอบคลุมมากกว่า Edge ได้
ปล.ผมใช้ผสมองคิดครับ อย่าบอกว่าไม่รู้ว่าคนเค้าใช้สมองคิดกัน :)
May the Force Close be with you. || @nuttyi
ผมเห็นด้วยกับคุณ iStyle ครับ ว่าทำไมต้อง Tablet แล้วยิ่งแจกเด็ก ป.1 ด้วยแล้ว ยังไงก็ไม่พ้นเล่นเกมครับ
อย่างน้อยที่ผมอยากเห็นคือ หนึ่งโรงเรียนมีอย่างน้อย คอมหนึ่งเครื่อง โปรเจ็กเตอร์หนึ่งเครื่อง กับอินเตอร์เน็ตที่ใช้ได้จริง เท่านี้ก็เปิดโลกทัศน์เด็กบ้านนอกได้มากแล้วครับ
ประเด็นอยู่ที่คุณคิดว่า NoteBook มัน Work เพราะอะไร?
เอาละก่อนอื่น ประเด็นหลักมันอยู่ที่ ทำไมคุณต้องบ่นถึงเรื่องพื้นฐานไม่พร้อม เพราะมันจะไปเข้าเรื่อง นาย ก นาย ข ที่ผมยกไว้ ถ้าหากคุณเข้าใจแล้ว คุณก็น่าจะคิดตามได้ว่า กว่ามันจะแจกก็อีกพักนึง ฉะนั้นต้องเตรียมให้พร้อม เพราะงั้นการที่ผมพูดถึง 3G มันไม่ตรงคำถามตรงไหน?????
และอีกเรื่อง คุณคิดแต่ว่า คนจะใช้แทบเล็ทแค่เพราะมันดัง ย้อนกลับไปดูพื้นฐานกันมั้ยครับ ทำไมอุปกรณ์ประเภทแทบเล็ทมันถึงดัง
ผมมองว่าเพราะมันเป็นอุปกรณ์ที่ตรงกับความต้องการที่หลายคนคิดว่า "อยากให้มันมีของแบบนี้!" มาตั้งนานแล้ว และ iPad มันออกมาด้วยความพร้อมและจังหวะที่ลงตัวพอดี กับการใช้มือถือที่มีขีดจำกัดหลายๆด้าน
ผมเห็นสมัยนี้มีแต่คนอยากจะเอาแท็บเล็ทมาแทน NoteBook อยากจะใช้พิมพ์งานก็มีแท่น Keyboard เป็นอุปกรณ์เสริม แต่จะถือมือเดียวในมือ แล้วใช้โปรแกรมคีย์บอร์ดก็ได้ หรือถ้าทำดีๆ จะให้ใช้สไตลัสจดไปเลยก็ได้
และจุดตายเลยคือ Learning Curve เอาไปให้เด็กใช้ก็ใช้เป็นง่าย แถมไม่ต้องฝึกใช้ Touchpad หรือฝึกพิมพ์ดีดด้วย ถ้าการพิมพ์ยังเป็นเรื่องจำเป็น ก็ค่อยเติมคีย์บอร์ดให้หัดกันตอนมัธยมก็ยังได้
คำว่า "เวิร์ค" ของคุณ มันคืออะไรแน่? มีภาพที่จินตนาการไว้มั้ยครับว่าทำไมมันถึงจะเวิร์ค?
ผมความคิดคุณเหมือนคนที่จะฟ้องไทยคมเลยแฮะ ไทยคมทำดาวเทียมรุ่นใหม่มา มีอุปกรณ์ทดแทน มีติดเทคโนโลยีใหม่ๆเข้าไปด้วย แต่กลับโวยวายว่าไม่ตรงสเปค ใช้ไม่ได้ ต้องสร้างให้เหมือนเดิมเป๊ะ เพราะต้องเอาไปแทนตัวเดิม
จะบอกว่ามันใช้แทนกันได้ก็ยังไม่ยอม
ประเด็นสำคัญที่สุดคือ "พวกคุณ" ไม่เคยรู้จักสนใจแนวคิด OLPC เลย ว่าเขาต้องการที่จะโละแนวคิด "ต้องมีคอมพื้นฐาน" ออกไปจากสารบบ เพราะมันไม่เวิร์คจริง และเอางบส่วนที่ต้องไปจัดซื้อ "คอมพื้นฐาน" โยกมาซื้อแท็บเล็ทอย่างเดียว
กี่คนๆ ก็จะพูดคำเดิมๆ ว่าอยากได้คอมพื้นฐาน โลกทัศน์เก่าครับ มันต้องเลือกอย่างใดอย่างนึง คือมีคอมพื้นฐานแบบเก่าๆ แล้วก็เจอปัญหาเก่าๆ
หรือลองเสี่ยงกับแนวคิดใหม่ไปเลย
ผมคิดว่า ถ้ามัวแต่เพลย์เซฟก็ตามโลกไม่ทันครับ ตอนนี้บางประเทศเขานำร่อง ทดลองไปก่อนเราแล้วด้วยซ้ำ
และเขาก็แจกแท็บเล็ทนั่นแหละ ไม่ใช่โนตบุค
"ผมมองว่า โน้ตบุ๊กเล็กๆยังเวิคกว่า อย่างน้อยก็ทำงานออฟฟิตได้"
เค้าก็ตอบอยู่ ได้อ่านให้ดีหรือยังครับ
ผมว่าผมก็ตอบไปแล้วเหมือนกันว่าทำไม NoteBook ไม่ได้ดีกว่า Tablet
แล้วไม่มีอะไรรองรับเลยว่า Tablet ทำงานออฟฟิศไม่ได้
ในขณะที่ NoteBook มีข้อดีกว่าแค่อย่างเดียวคือทำงานออฟฟิศได้ ? (แท็บแล็ททำไม่ได้? จริงอะ?)
ผมก็ยกข้อดีของ Tablet ไว้เยอะแยะ ได้อ่านให้ดีหรือยังครับ?
ที่ผมตอบก็แค่ประโยคนี้ของคุณ "ประเด็นอยู่ที่คุณคิดว่า NoteBook มัน Work เพราะอะไร?"
ซึ่งผมก็เห็นว่าเค้าตอบไปบ้างแล้ว ก็แค่นั้น เพราะเห็นคุณชอบว่าคนอื่นแนวๆนี้บ่อยๆ
ผมยังไม่ได้พูดว่า คุณไม่พูดถึงข้อดีของแท็บเล็ตเลยครับ เพราะผมเห็นอยู่ว่าคุณก็บอกข้อดีของมันที่คุณคิดอยู่ (ผมอ่านแล้ว และก็รับข้อมูลไว้แล้ว)
เพราะฉนั้น อย่ามาว่าย้อนผมว่าอ่านดีหรือยังเลย เพราะผมไม่ได้บอกเลยว่าแท็บเล็ตมันไม่ดี
อ่อครับขอโทษที่เข้าใจผิด
ส่วนใหญ่เขาใช้สมองคิดกันครับ
แต่ไม่ได้ใช้อารมณ์ตอบเหมือนคุณ Thaina เถียงไปเรื่อยไม่ได้ดูเหตุผลที่เขาเสนอมาเลย
ก็เห็นชัดๆนะครับว่าที่พูดออกมาไม่ได้ใช้สมอง ใช้แต่อารมณ์มากกว่า อย่างเช่นตั้งแง่กับการที่ยังไม่มี 3G ทั้งที่เขากำลังเร่งทำ (จริงๆควรจะเสร็จนานแล้วถ้าไม่มีคนถ่วงความเจริญ) หรือบ่นว่าอยากได้คอมพื้นฐานก่อนทั้งที่มันตรงข้ามกับแนวคิด OLPC ก็แปลว่าไม่ได้ศึกษาหาข้อมูลมาเลยแนวคิดมีคอมเป็นกองกลางมันไม่เวิร์ค และทำไม OLPC มันจะเวิร์คกว่า
ผมมองว่าเป็นเหตุผลที่เขาเสนอมามากกว่า
ส่วนอารมณ์น่าเป็นช่วงที่ว่า "เอาอะไรคิด" นี่แหละครับ
ผมก็ยังไม่เข้าใจว่า การที่เสนอว่าควรแจกไล่จากระดับชั้นสูงๆลงมาก่อน มันแปลว่าเค้าศึกษามาไม่ดียังไงหว่า
อาจจะไม่คุ้มครับ
ถึงจะเป็น tablet ที่ทำมาดี แต่ก็ต้องมีเวลาปรับตัวถึงจะไช้ใด้คล่อง เห็นใด้จากคนแก่ๆ บางคนที่ไม่ชอบไช้ mouse หรือ ฟังชั้นใน smartphone เลย อีกอย่างคือถ้าแจกให้ชั้นสูงเกินไป เรียนอีกเดี่ยวก็จบ ไม่ทันคุ้มค่า จนไม่ไช่การโยกค่าหนังสือไปเป็น tablet
ผมแอบเห็นด้วยว่าน่าจะให้มี ร.ร. นำร่องสัก เป็นเด็กประมาณ 2-4% ก่อน
ปล. เรื่องบัตรประจำตัวเด็ก ก็เช่นกัน ถ้าดูจริงๆ มันคือบัตรนักเรียน + ใบตามหาผู้ปกครอง + ประวัตรการรักษา + การผึกนิสัยพกบัตรให้เด็ก + อื่นๆ ที่เอามาแปะมันใด้ ชึ่งหลายคนจ้องด่าไว้ก่อน โดยไม่ใด้คิดว่ามันทำอะไรใด้บ้าง
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
ไม่ใช่ครับ ที่ทำให้ผมบอกว่า "ศึกษามาไม่ดี" เกิดจากคำว่า
นี่ครับ
จริงครับ พ่อผมก็เคยสอนเด็กในพื้นที่ชนบทเหมือนกัน
สำหรับเแทบเบล็ตแล้ว แจกแล้วจะให้หลักประกันอะไร ความเสียหาย การซ่อมแซม ต่อเน็ตไม่ได้ แล้วการเอาของแบบนี้ไปอยู่ในมือเด็กมันจะได้อะไรถ้ามันไม่บ่นว่าจะเล่นเกมมากกว่าที่จะเรียนรู้ ก็หวังว่าสื่อบันเทิงที่ใส่ลงไปจะช่วยประเทืองปัญญาได้
น่าจะมี Ask Blognone ในหัวข้อ "ทำอย่างไร? การขับเคลื่อนนโยบาย IT (ของรัฐบาลนี้) จึงจะมีประสิทธิภาพสูงสุด"
+1 คุณ narasak ตั้งในฟอรั่มได้เลยครับ
ให้ co-founder หรือ Writer เป็นคนเปิดประเด็น น่าจะได้รับความเห็นที่เป็นประโยชน์จากเพื่อนๆ สมาชิกมากกว่านะครับ
มีมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง นักศึกษาไปสมัครเข้าเรียนและเมื่อลงทะเบียนแล้ว มหาวิทยาลัยจะแจก tablet คนละเครื่องสำหรับนักศึกษาปี 1 แต่ถามว่า แจกไปทำไม ก็ให้นักศึกษามีความทันสมัย สามารถค้นคว้า และ download บทเรียน contents ต่างๆมาจาก Server ของมหาวิทยาลัยและเข้าอินเตอร์เนตได้สะดวก แต่เอาเข้าจริงๆ พบว่าระบบของมหาวิทยาลัยมีปัญหา ไม่สามารถรองรับอุปกรณ์แบบนี้ที่เข้าใช้ระบบพร้อมๆกันได้ ส่วนหนังสือเรียนก็ไม่สามารถ download มาอ่านได้อย่างจริงจัง ที่จริงแล้ว การใช้อุปกรณ์พวกนี้ให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพนั้น ต้องมีความพร้อม จึงจะต้องมีระบบและการบริการที่ดี พัฒนาสื่อการสอน สาระต่างๆ ขึ้นมา Support เช่น e-learning คลังของข้อมูล วีดีโอการเรียนการสอนที่สามารถเอามาทบทวนบทเรียนได้ Products-Services-Systems ต้องมี integration ที่สมบูรณ์ไม่เช่นนั้นก็จะมีปัญหา ไม่ได้ประโยชน์ เหมือนซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์ เฉพาะ Hardware แต่ไม่มี Software ไม่มี Internet เครือข่ายต่างๆ ก็ไม่สามารถใช้งานเครื่องได้อย่างเต็มที่ และต้องใช้งานให้เป็น ให้เต็มใประสิทธิภาพมากที่สุด
รัฐบาลเขาคิดมาดีแล้วนะครับ เดี๋ยวเขาก็พัฒนาระบบกลุ่มเมฆมาให้เด็กใช้อีก เรื่องใช้งบแบบนี้เป็นเรื่องถนัด
ผมมองว่าการแจก Tablet มันก็เหมือนกับคำสอนของพระพุทธเจ้าน่ะครับ คือ มาตรฐานเดียว ใช้ได้กับบัวทั้งสี่เหล่า แล้วแต่บุญแล้วแต่กรรมที่ทำมา ใครขวนขวาย ก็ได้ความรู้ ใครไม่ขวนขวาย เอาไปเล่นเกมส์ ก็ไม่ได้อะไร
มุมหนึ่งมันก็ดีนะครับ เหมือนกับเป็นการให้โอกาสกับเด็กหลายๆคน
อีกมุมหนึ่ง Tablet ไม่ใช่คำสอน ที่เป็นธรรม เป็นทางออก ไม่ติดกับกาล ฯลฯ
ดังนั้นผมคิดว่ามันยังมีอีกหลายทางออกให้กับปัญหา บางทีการชูประเด็นคำว่า Tablet ขึ้นมา มันไม่ได้หมายความว่า แจกแล้วทุกอย่างจบ
มันเหมือนคุณทำไก่ทอดเป็น อร่อยกว่า KFC แต่ไม่ได้หมายความว่าคุณจะขายมันได้เหมือน KFC
ผมคิดว่า มัน "พ่วง" อะไรอีกหลายๆอย่าง ทั้งการจัดการความรู้ การบริหารต้นทุนต่างๆ ฯลฯ เพื่อให้ Tablet นี้ไปข้างหน้าได้ และด้วยสถานการณ์ที่แบ่งฝักแบ่งฝ่ายอย่างนี้ ผมค่อนข้างเชื่อว่ามันจะเป็นไปได้ยาก เพราะผมคิดว่า Project นี้ ต้องการความร่วมมือจากทุกฝ่าย และเพื่อให้มันเป็นไปได้ บางทีเราอาจจะต้องคิดนอกกรอบมากกว่าการเมืองครับ
คำถามของผมคือ การส่งเสริมให้ใช้ Tablet ได้แก้ปัญหาการศึกษาไทยอย่างตรงจุดรึเปล่าครับ?
หรือ การส่งเสริมให้ใช้ Tablet เหมาะสมหรือไม่อย่างไร กับการศึกษาไทยครับ?
คนที่บอกว่าให้แจกคอมแทนอ่ะ ผมว่านะ สำหรับเด็ก ป.1 เนี่ย tablet มันใช้ง่ายกว่าคอมเยอะเลยนะ
ถ้ากลัวว่าเด็กจะเอาแต่เล่นเกม ตอน ป.1 เรียนมันก็เหมือนเล่นเกมแหละครับ สอนบวกเลขก็เอาส้มรวมกันไรงี้ ดูแอปที่พ่อๆแม่ๆใช้ในห้องชานเรือนพันทิปก็ได้
ผมว่าแม้จะดูหวือหวา เพื่อหาเสียง เรียกคะแนนนิยม แต่ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ไม่เลวนะ แต่อย่าลืม
ติดอย่างเดียว "ป.1"
สงสัยจะต้องเขียนแอปส์เล่านิทาน มานะ-มานี-ชูใจ พร้อมภาพประกอบเยอะๆละ
ถ้า infrastructure ไม่พร้อม
ทางแก้ก็มีมากมาย เช่นโหลด offline pre-install ไปก่อน
เทอมนึง update ทีนึง
ที่ไหนพร้อม ก็ออกเน็ตหาความรู้เพิ่ม
แต่ ป.1 คงไม่หวังอะไรมาก
ได้เล่น CAI ได้อ่านสารานุกรมสำหรับเด็ก
มีโปรแกรมฝึกทักษะต่าง ๆ เช่น คณิตศาสตร์ ศิลปะ ฯลฯ
ส่วนคนที่กลัวว่าจะเล่นแต่เกมส์
ถ้าไม่ให้ติดตั้งอะไรเพิ่มเลย จะเอาเกมส์ที่ไหนมาลง
อยากให้ทุกคนลองคิดดูแบบนี้
ถ้าคุณได้โปรเจค ทำ Tablet สำหรับนักเรียนระดับประถม
คุณคิดว่า Tablet หน้าตาจะเป็นอย่างไร
ทำอะไรได้ ทำอะไรไม่ได้
มีปัญหาอุปสรรคอะไร ที่ต้องแก้ไขบ้าง
แล้วจะแก้ไขอย่างไร ระยะ 1 ระยะ 2 เป็นอย่างไร
ผมคิดว่าปัญหาที่บ่น ๆ กันนั้น ทุกคนมีทางออกให้หมดแหล่ะ
แต่อย่างที่ผมบอกไปก่อนหน้า
ยังไม่มีรายละเอียดอะไรที่ชัดเจนออกมาเลย
ก็ไม่รู้จะจินตนาการหน้าตาวิธีการออกมาได้ตรงกับที่รัฐบาลคิดหรือเปล่า
เลยยังไม่อยากวิจารณ์อะไรให้มากมาย
เดี๋ยวจะกลายเป็น "ติเรือทั้งโกลน"
เพราะสิ่งที่กังวลกัน รัฐบาลอาจคิดวิธีรับมือไว้แล้วก็ได้ หรืออาจไม่มีอะไรเลยก็ได้เช่นกัน
ใครบอกให้คุณแจกคอมฯ ทุกคน ผมขอแค่ให้โรงเรียนบ้านนอกชนบทเช่นบ้านผม มีห้องคอมฯ เล็กๆ สำหรับเด็กๆ ผลัดเปลี่ยนกันใช้งานได้ครบ ผมว่าเอาแค่นี้ก็เพียงพอแล้วล่ะครับ แจก tablet สำหรับผมมองแบบอคติส่วนตัว ส่วนใหญ่คนที่เห็นด้วยก็คงเป็นเด็กนักเรียนในเมืองมาก่อนที่ไม่เคยรับรู้ความเป็นจริงของน้องๆ แถวชนบทล่ะครับ เลยคิดว่าอะไรก็ดูสวยหรูและง่ายดายไปหมด และไม่เคยรับรู้เลยว่าสภาพแวดล้อมของโรงเรียนแถวชนบทจริงๆ นั้นเป็นเช่นไร