การต่อสู้ทางกฎหมายระหว่างแอปเปิลกับซัมซุงคงอีกยาว โดยในวันนี้คดีจะเริ่มมีการพิจารณาในประเทศออสเตรเลียแล้ว ในขณะที่คดีอีกคดีที่เปิดขึ้นในกรุงเฮ็กที่ซัมซุงต้องการที่จะแบนไอแพ็ดและไอโฟนจากยุโรปก็กำลังเริ่มมีการฟังความเช่นกัน
ฝ่ายทีมงานกฎหมายของแอปเปิลได้ออกมาบอกว่า ซัมซุงต้องการค่าส่วย (royalty fee) 2.4% จากราคาชิปที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีไร้สาย (wireless chip) ต่อสิทธิบัตรแต่ละใบที่ถูกละเมิดโดยแอปเปิล แม้ว่า "2.4% ของราคาชิป" นี้จะฟังดูเหมือนไม่มาก เพราะมันไม่ได้เกิดจากราคาเต็มที่แอปเปิลขายสินค้าเหล่านี้ก็ตาม แต่หากมาดูจากจำนวนสินค้า iOS ทั้งหมดที่แอปเปิลเคยขายมาตลอด แล้วรวมไปถึงจำนวนสิทธิบัตรจำนวนพัน ๆ ใบที่เกี่ยวข้องกับ "การพัฒนามาตรฐานเทคโนโลยี" อย่าง 3G นี้ทำให้แอปเปิลกลัวไม่น้อยหากตนจะต้องแพ้คดี ว่าง่าย ๆ แอปเปิลได้ปลุกเสือที่นอนหลับอยู่ขึ้นมาเสียแล้ว
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ทางแอปเปิลได้อ้างว่าชิปที่แอปเปิลได้นำมาใช้นั้น เป็นชิปจากอินเทลและ Infineon ซึ่งก็เป็นบริษัทที่ถูกอินเทลซื้อไปแล้ว โดย ณ เวลานั้น มีข่าวรายงานออกมาว่า สตีฟ จ็อบส์ รู้สึกยินดีกับการเข้าซื้อครั้งนั้นของอินเทลเป็นอย่างมาก เพราะในตอนนั้นอุปกรณ์ iOS ของแอปเปิลทั้งหมดได้มีการใช้ชิปของ Infineon ซึ่งในตอนนั้นไม่ได้มีไลเซ่นส์จากซัมซุง ในขณะที่อินเทลมี
ที่น่าสนใจอีกอย่างก็คือทีมกฎหมายของแอปเปิลได้ระบุว่า ชิป Qualcomm ที่แอปเปิลได้เลือกใช้ในอุปกรณ์ที่รองรับเทคโนโลยี CDMA ที่วางขายอยู่ในปัจจุบันนั้นไม่ได้วางขายอยู่ในยุโรปในตอนนี้ และแอปเปิลยังได้กล่าวอีกว่าซัมซุงจงใจที่จะแก้ไขไลเซ่นส์สำหรับ Qualcomm ใหม่ว่าไม่ให้รวมแอปเปิล
ทั้งหมดที่กล่าวมานี้พอจะสรุปได้ว่าคำอ้างของแอปเปิลทั้งหมด แอปเปิลบอกว่าพวกเขาไม่ได้ละเมิดสิทธิบัตร เนื่องจากสิทธิบัตรทั้งหมดที่ซัมซุงกล่าวอ้างมานั้นรวมอยู่ในชิปจากอินเทลหมดแล้ว
แน่นอน ซัมซุงกลับไม่เห็นตามที่แอปเปิลอ้าง แล้วบอกว่าผู้ผลิตชิ้นส่วนต่าง ๆ ที่แอปเปิลได้เลือกใช้จงใจที่จะทำให้การตรวจสอบการนำเทคโนโลยีของซัมซุงไปใช้นั้นยากขึ้นมาก และแอปเปิลก็ได้วางขายไอโฟนในเนเธอร์แลนด์ในปี 2008 ณ เวลาที่ยังไม่ได้รับอนุญาตในการเข้าถึงเทคโนโลยีเหล่านั้นอย่างถูกต้อง ในขณะที่แอปเปิลก็ได้โต้กลับว่าซัมซุงเอง ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ผลิตชิ้นส่วนสำคัญรายใหญ่ของแอปเปิลก็ผลิตชิ้นส่วนเหล่านี้ต่อไปเรื่อย ๆ ให้แอปเปิลและไม่ได้ขอให้แอปเปิลซื้อไลเซ่นส์แต่อย่างใดจนกว่าจะถึงปี 2010 เนื่องจากแอปเปิลถือว่าเป็นลูกค้าที่สำคัญของซัมซุง ณ เวลานั้น โดยยอดสั่งซื้อชิ้นส่วนจากแอปเปิลมีมูลค่าถึง 4% ของธุรกิจซัมซุงทั้งหมด
แอปเปิลเองต้องการบอกกับซัมซุงว่า เทคโนโลยี 3G ของซัมซุงควรตกอยู่ในข้อตกลง FRAND (Fair, Reasonable and Non-discriminatory Licensing Conditions) ในขณะที่ซัมซุงเองก็โต้ในกรณีอีกว่าซัมซุงเคยเสนอให้แอปเปิลเลือกที่จะซื้อไลเซ่นส์ภายในข้อตกลง FRAND แล้วครั้งหนึ่ง แต่แอปเปิลกลับโวยวายใส่
ภายในสหรัฐอเมริกาเอง เครือข่ายใหญ่อันดับหนึ่งอย่าง Verizon Wireless ได้ออกมาแสดงจุดยืนแล้วว่าพวกเขาขอเลือกที่จะเข้าข้างซัมซุง และขอให้ศาลไม่ทำการแบนการขายสินค้าของซัมซุง เนื่องจากการกระทำดังกล่าว ไม่ใช่สิ่งที่คนในสังคมต้องการ
ทั้งหมดนี้จบลงด้วยหุ้นแอปเปิลที่ตกลงมา 1.5% ในวันนี้
ถ้าจะให้ผมเดา ทั้งหมดนี้อาจจะจบลงด้วยการตกลงนอกชั้นศาลระหว่างแอปเปิลกับซัมซุงทางใดทางหนึ่ง (จำได้ไหมที่สุดท้ายแอปเปิลกับโนเกียต้องมาแบ่งปันสิทธิบัตรกันอย่างสันติ)
ที่มา - 9to5Mac
Comments
Reply ยาวอีกแน่นอนข่าวนี้
งั้นเริ่มเลยครับ
ขัดแข้งขัดขากันไปมา
ไม่แน่นะครับ อาจจะไม่อยากคุยกันทั้งหมดก็ได้ เริ่มแรกเอง apple ก็เล่นแรงอยู่ เล่นปิดไม่ให้ขายหลายประเทศอยู่ แถมงาน expo ก็ไปบอกให้เอาออกห้ามโชว์ พี่ซัมเล่นกลับแรงๆ แบบนี้ ถ้าตกลงกันนอกจอได้เม็ดเงินคงไม่ถูกหรอกครับ
ผมเชียร์ซัมซุงครับ ถึงผมจะใช้สินค้าแอปเปิ้ล แต่ผมก็ว่าแอปเปิ้ลสมควรโดนครับ
สู้กันเข้าไป จะรอดมาดูแลผู้บริโภคกันบ้างไหมเนี่ย
รักนะคะคนดีของฉัน
รวมไปถึงจำนวนสิทธิบัตรจำนวนพัน ๆ ใบที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนามาตรฐานเทคโนโลยีอย่าง 3G นี้ทำให้ใครแอปเปิลกลัวไม่น้อยหากตนจะต้องแพ้คดี
^
ไม่เข้าใจประโยคนี้ อ่านแล้วแปลกๆ ครับ
ผมแตกประโยคใหม่แล้วครับ และก็ได้ตัดคำว่า "ใคร" ที่โผล่มาจากไหนไม่รู้ออกแล้วด้วย ขอบคุณครับ
@TonsTweetings
Apple ยังจำตอนที่ตัวเองฟ้อง HTC ด้วยสิทธิบัตร '263 ได้มั้ย?
ห้ะ หุ้นตก 1.5% ซื้อสิครับๆๆๆๆๆ
twitter.com/djnoly
สองหุ้นได้ไอโฟนเครื่องนึง - -"
ชื่อ : Not Available at this Moment (N/A)
มันอาจจะตกเพราะตลาดหุ้นก็ได้นะครับ
จ่ายๆไป เเต่อยากรู้จริงๆว่ามีเเต่เเอปเปิ้ลเท่านั้นเหรอที่ละเมิด ???
ใครละเมิดไม่รู้ แต่แอปเปิ้ลเงินเยอะสุด
คนอื่นเขาไม่ได้มาฟ้องมั่วซั่วก่อนนี่ครับ ... ที่เขาต้องงัดกันมา เพราะท่านศาสดา หาทางเล่นงานเขาก่อน
+1 ถ้าอิงเรื่องที่แอปเปิลใช้ฟ้องก็ดูเหมือนจะโดนกันถ้วนหน้าเลย
รวมถึงที่ VIA ฟ้องแอปเปิลด้วย เพียงแต่เค้าเลือกคนที่(อยาก)จะฟ้อง
เค้าเรียกฟ้องคนที่คิดว่าจะได้เงินเป็นจำนวนมากไว้ก่อนครับ
oxygen2.me, panithi's blog
Device: HP Zbook, iPad Pro, iPhone 15PM, iPhone 16+, Nothing Phone 1
สิทธิบัตรนี้มัน Weapon of mass destruction ชัดๆ
เป็นข่าวหนึ่งที่ข้อมูลค่อนข้างลึกจนเปรยๆ ว่าแอปเปิลก็ไม่ได้ขาวสะอาดไปซะหมด ..ขาวสะอาดในที่นี้หมายถึงสินค้าของตัวเองไม่ได้ละเมิดสิทธิบัตรหรือแนวคิดใคร ศาสดาเสกขึ้นมาเป็น "นวัตกรรมใหม่เอี่ยม" เป็น "ต้นแบบของสรรพสิ่งทั้งปวงบนโลกนี้" แบบที่แฟนบอยบางคนเขาคิดกัน
เอาจริงๆ ยอมรับกันเถอะว่าในโลกของสินค้าไอทีนี่ ว่ามันก็ละเมิดสิทธิบัตรกันไปหมด หรือลอกกันไปลอกกันมากันหมดล่ะ ตั้งแต่เมาส์จากซีรอกซ์, konfabulator, notification bar ฯลฯ และทุกบริษัทไม่เว้นแม้แต่ไมโครซอฟท์ หรือกูเกิล เพียงแต่ที่ผ่านมาพอโดนลอกกันก็มาโจมตีกัเบาๆ หรือกัดจิกเล็กๆ อย่างที่เคยมีเช่น "Redmond, start your copiers" ซึ่งก็ถือว่าอยู่ร่วมกันในวงการอย่างอลุ่มอล่วยมาตลอด จะมาฟ้องเป็นคดีก็ต่อเมื่อมีกรณีที่มันเกินรับได้
มาถึงแอปเปิลช่วงหลังๆ นี่แหละครับที่มา "เปลี่ยนวิถี" นี้ไปหมด ไม่แปลกใจที่หลายคนในวงการเค้าถึงวิจารณ์แอปเปิลว่าเป็น.......
เป็นแบบนี้ โดนตอกกลับบ้างก็ดี
AGREE
Everything is a remix ครับ
ผมว่าคนส่วนใหญ่ที่ไม่ได้เชียร์ Apple อย่างไร้เหตุผล (ผมว่าอย่าง Daring Fireball ก็ยังโอเคอยู่) ก็รู้อยู่ว่ามันก็ยืมกันไปยืมกันมา เพียงแต่ Apple ทำ high-level idea ได้ดี มันไม่ใช่แค่ technology แต่เป็นแนวคิด
น่าเบื่อ Apple ไม่เคยคิดจะซื้อสินค้าค่ายนี้เลย
น่าเบื่อที่สุด
อ่านแล้วอารมณ์ประมาณผัวเมียทะเลาะกัน แล้วขุดเรื่องเก่าๆมาดราม่ามากขึ้นเรื่อยๆ -*-
งานนี้ ดูเหมือนผู้บริโภคเหนื่อยนะ ถ้าแอปเปิลแพ้จริง แอปเปิลก็แค่มาชาร์จจากราคาสินค้าตระกูล iOS ซะก็จบ
อยากให้เละทั้งคู่เลยครับ ทั้งแอปเปิ้ลทั้งซัมซุง กัดกันให้ตายไปข้าง เอาให้ซัมซุงเจ๊งแอปเปิ้ลหุ้นตก บทเรียนบริษัทขี้ลอกและบริษัทขี้คุยทั้งหลาย อันที่จริงกฎหมายสิทธิบัตรก็ควรจะถูกพิจารณาใหม่ด้วยนะครับ เล่ห์เหลี่ยมช่องทางเอาเปรียบกันมันเพิ่มขึ้นทุกวัน แต่กฎหมายรัดกุมเท่าเดิม เป็นใครใครก็ดิ้นหาเม็ดเงินครับ
สงสารซัมซุง..... เจ้าตัวมีวิธีนี้เก็บไว้แต่แรก แต่ไม่คิดจะเล่นวิธีแบบนี้
อย่างไรก็ดี ต้องยอมรับว่าท่านศาสดา เป็นผู้นำ "เทรนด์" ในทุกๆด้านจริงๆ -_-"
อุปมาได้เยี่ยมครับ :)
ตกมาแค่ 1.5% ไปดูดาวน์สิ..
May the Force Close be with you. || @nuttyi
ทำเอาวันนี้แทบบ้าเลย set ร่วงกราวซะ แถมระบบเจ๊งไปชั่วครู่อีก ล่มจมกันเป็นแถว
ไม่รู้ว่าล่มเพราะอะไรน้า
ที่สำคัญมันล่มแบบแปลกๆ รายย่อยซื้อขายกันไม่ได้ แต่ ณ ช่วงเวลาที่ระบบล่ม มีคนกวาด PTT ไป 5 ช่องรวดเลย หลังจากนั้นรีบาวขึ้นมาร่วม 40จุดก่อนปิด
โทษอะไรไม่ได้ให้โทษ "บั๊กลึกลับ"
ขอบคุณมุกจากไมโครซอฟท์ ผมจะแซวไปยันวันตาย
อันนี้มันน่าจะ วิชามาร นะครับ...
ว้ายๆๆๆ apple สุดท้ายก็แอบไปตกลงเงียบๆหลังม่านนั้นแหละเพราะต้องรักษาภาพผู้ดีของตัวเองไว้ เหมือนลูกคนรวยข้างบ้านผม บ้านรวยมากแต่ไปขโมย ipad2 เพื่อนมา โดนจับได้เพราะโปรแกรม find my iphone ยังเถียงต่อหน้าตำรวจที่เดินไปถึงหน้าบ้าน แล้วสุดท้ายต้องมาแอบคุยกันหลังไมค์กับเจ้าทุกข์ว่าอย่าเอาเรื่องขึ้นฟ้องศาล (แต่ยืนยันว่าลูกเค้าไม่ขโมยเด็ดขาด = =!! )
สงครามยังไม่จบอย่าเพิ่งนับศพทหาร แต่ตอนนี้ต่างฝ่ายต่างอ่วม แต่แอปเปิลท่าจะหนักกว่าเพราะมีคนรอคิวอีกเยอะ
Destination host unreachable!!!
งานนี้อ่วมกันหมด ไมโครซอฟย์/โนเกีย สบาย อยู่วงนอกนั่งนับเงินไป
เรื่องนี้ยาวแน่ครับ ซัมซุงกัดไม่ปล่อยแน่นอน ยังไงคนเอเชียเหมือนกันผมขอเข้าข้างซัมซุงครับ ขอให้ชนะสักครั้งนะ แฟนบอยไมโครซอฟจะได้มีเรื่องกัดแอปเปิ้ลอร่อยๆเพิ่มอีกเรื่อง อิอิ
อย่าลืมสิทธิบัตร Nortel ที่ 6 พันธมิตรร่วมกันถืออยู่
ถ้า android มีส่วนแบ่งการตลาดมากพอ google อาจเลือกที่จะทำระบบ internet บนมือถือใหม่ และจดเป็นของตัวเอง โดยหลีกเสี่ยงสิทธิบัตรของ Nortel ก็ได้
ที่สำคัญ google ก็มี moto ที่อาจทำให้ เสางอก browser หายได้
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
รุมกันเข้าไปเยอะๆ เอาให้เกือบล้มละลายเหมือนแต่ก่อนได้เลยก็ดี
55
เดี๋ยวต้องดูศาลว่าจะตัดสินอย่างไร ถ้าละเมิดก็คือละเมิดครับก็ต้องว่ากันไปตามกฎหมาย
That is the way things are.
S3 จะขอแจมด้วยอีกราย เอเชียรวมพลังครับ
http://www.tcmagazine.com/tcm/news/misc/40871/s3-graphics-targets-apple-two-more-lawsuits
ผมว่าสงครามสิทธิบัตร จะก่อปัญหาให้กับผู้ถือสิทธิบัตรเข้าซักวัน เพราะระบบสิทธิบัตรคงต้องถูกรื้อมาจัดระเบีนบแน่ๆ เพราะว่าตอนนี้บริษัทต่างๆใช้สิทธิบัตรที่ตนมีอยู่ กีดกันคนอื่นออกจากการแข่งขันอย่างเสรี ทั้งที่หลายครั้งเจ้าของสิทธิบัตรไม่เคยใช้ประโยชน์จากมันเลย หรือหลายบริษัทใช้เงินเพื่อให้ได้มาซึ่งสิทธิบัตรที่คู่แข่งต้องการ เพื่อเขี่ยคู่แข่งออกไป ไม่ต่างกับ 10 กว่าปีที่แล้วที่หลายบริษัททำทุกวธีทางที่จะกันคนอื่นออกจากการแข่งขัน จนลืมว่าแทบทุกประเทศมีกฏเพื่อให้การแข่งขันยุติธรรม พอรู้ตัวอีกทีก็ผูกขาดตลาดไปแล้ว ก็โดนลงโทษไปตามระเบียบ เห็นได้ว่าบริษัทที่เล่นเรื่องสิทธิบัตรจนออกนอกหน้าแทบจะไม่เคยเจ็บหนักจากคดีผูกขาดเลย
ความจริงผมก็เค้าใจนะว่าเป็นกลยุทธ์ทางธุรกิจ เพราะผมก็เรียนมาอย่างนี้ เราต้องสร้างกำแพงไม่ให้คนอื่นเข้ามา เราต้องล็อกลูกค้าให้อยู่กับเราให้ไปไหนไม่ได้ เมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมา ผมสอบเกี่ยวกับธุรกิจ ผมก็เลือกการกีดกันมาใช้ตอบในข้อสอบกลยุทธ์เช่นกัน เพราะมันทรงประสิทธิภาพ เพราะไม่ต้องทำของดีอะไรมาก แค่ขายอยู่เจ้าเดียว ไม่ชนะให้รู้ไป
แต่ผมไม่ชอบสถานะการพวกนี้เลย เพราะผมเสียผลประโยชน์ในฐานะผู้บริโภค
ปล. คนเรามันก็เป็นซะอย่างนี้
ซัมซุงเท่ห์มากๆ ฮะ
เอาใจช่วยคนเอเชียด้วยกันฮะ
เกาหลีนี่สุดยอดแล้ว
เอา Kyuktooki อัดผลไม้แหว่งให้ยับไปเลย