By: lew 
on 29 November 2006 - 12:12
Tags:
ใกล้ครบรอบหนึ่งเดือนหลังการเซ็นสัญญาระหว่างโนเวลล์ ผู้ขายลินุกซ์อันดับสองของโลก ที่จับมือกับไมโครซอฟท์ไปอย่างชื่นมื่น ผลที่ได้คือเงินสดมากถึง 348 ล้านดอลลาร์ โดยหลักแล้วสัญญานี้คือการแลกสิทธิบัตรซึ่งกันและกัน ซึ่งก็มีการจ่ายเงินข้ามไปข้ามมา โดยสุดท้ายแล้วคนที่ได้เงินคือโนเวลล์
การตกลงครั้งนี้ มองครั้งแรกดูเป็นเรื่องดีกับโลกโอเพนซอร์สพอสมควร (อย่างน้อยก็ในสายตาของผม) เพราะการแลกสิทธิบัตรครั้งนี้หมายถึงโนเวลล์นั้นจะมีโอกาสหาลูกค้าระดับองค์กรได้เป็นจำนวนมาก เช่นการใช้ ASP และ Samba ในโนเวลล์ลินุกซ์ ตลอดจนการเข้าถึงไฟล์ฟอร์แมตของไมโครซอฟท์ นั้นจะอุ่นใจได้ว่าจะไม่มีปัญหากับไมโครซอฟท์แน่ๆ อย่างน้อยก็ในช่วงที่สัญญามีผลไปจนถึงปี 2012
แต่โลกโอเพนซอร์ส่วนใหญ่กลับไม่คิดเช่นนั้น โดยโครงการโอเพนซอร์สจำนวนมากแสดงท่าทีไม่พอใจต่อการตกลงครั้งนี้ โดยตัวปัญหานั้นไม่ใช่ความไม่พอใจที่ไมโครซอฟท์ทำความร่วมมือกับลินุกซ์ แต่เป็นการที่ไมโครซอฟท์ไปตกลงร่วมมือกับโนเวลล์ซึ่งเป็นเพียงหนึ่งในผู้ค้าหลายๆ รายของลินุกซ์ รวมถึงดิสโทรจำนวนมากไม่ได้ทำการค้าอย่างจริงจัง ซึ่งการตกลงในรูปแบบนี้จะเป็นการแบ่งแยกโลกซอฟต์แวร์เสรีเพื่อการค้า ออกจากซอฟต์แวร์เสรีที่ไม่ได้ทำเพื่อการค้าออกจากกันโดยสิ้นเชิง ข้อถกเถียงในจุดนี้ชัดเจนขึ้นเมื่อทางโครงการ Samba ได้ออกแถลงการอย่างเป็นทางการเรียกร้องให้โนเวลล์ถอน Samba ออกจากสัญญาดังกล่าว
ที่น่าสนใจคือ หลังการเซ็นสัญญาไม่นาน สตีฟ บอลเมอร์ก็ออกมาให้ข่าวว่าลินุกซ์นั้นละเมิดสิทธิบัตรไมโครซอฟท์ ที่งาน Asian Government Leaders Summit ที่ประเทศสิงคโปร์ นับเป็นครั้งแรกหลังจากที่ไมโครซอฟท์เคยพยายามกล่าวหาลินุกซ์ในรูปแบบเดียวเมื่อสองปีก่อน งานนี้โนเวลล์เลยตกเป็นจำเลยว่าเป็นต้นเหตุให้ไมโครซอฟท์กลับมาใช้ยุทธการโจมตีด้วยการกล่าวหาการละเมิดสิทธิบัตรอีกครั้ง จนโนเวลล์ต้องออกมาแก้ตัวพัลวันว่าตนเองนั้นไม่เห็นด้วยกับการกล่าวหาของไมโครซอฟท์
เรื่องทั้งหมดดูจะยุ่งยากขึ้นไปอีก เมื่อ Mark Shuttleworth เขียนจดหมายลงในเมลลิ่งลิสต์ของ OpenSUSE เพื่อเชิญชวนให้นักพัฒนาที่ร่วมงานกับทางโครงการ OpenSUSE เข้ามาร่วมงานกับ Ubuntu โดยให้เหตุผลว่าการเซ็นสัญญาระหว่างโนเวลล์และไมโครซอฟท์นั้น เป็นไม่เคารพแรงงานที่โปรแกรมเมอร์จำนวนนับพันได้ร่วมกันพัฒนาซอฟต์แวร์เสรีขึ้นมาเป็นเวลายาวนาน และเสนอว่า Ubuntu เป็นทางเลือกหนึ่งที่นักพัฒนาอาจจะเปลี่ยนไปร่วมงาน เช่นเดียวกับดิสโทรอื่นๆ เช่น Gentoo หรือ Debian
เรื่องการชวนนักพัฒนาออกจากโครงการ OpenSUSE เป็นเรื่องร้อนขึ้นมาทั้งที่เฉยๆ กับการเชิญชวนครั้งนี้ หรือจะเป็นการต่อว่า Mark Shuttleworth เดือดร้อนทางโครงการต้องออกมาอธิบายข้อตกลงกับไมโครซอฟท์ว่าทางโนเวลล์ยังคงเห็นความสำคัญของนักพัฒนา โดยโนเวลล์ขอให้ไมโครซอฟท์ให้คำมั่นว่าจะไม่ฟ้องเหล่านักพัฒนาอิสระ
อีกเรื่องหนึ่งที่เป็นที่ถกเถียงกันคือ ไม่นานหลังข้อตกลงระหว่างไมโครซอฟท์และโนเวลล์นั้น ทางโนเวลล์ก็ได้พัฒนาแพตซ์ให้กับ OpenOffice.org เพื่อให้โปรแกรม Calc สามรถรองรับ Visual Basic for Application ที่ใช้งานใน Excel ได้ดีขึ้น จุดนีทำให้เกิดข้อถกเถียงว่าโนเวลล์กำลังพยายามนำโค้ดซึ่งละเมิดสิทธิบัตรของไมโครซอฟท์มาใส่ลงในซอฟต์แวร์เสรี
เรื่องนี้ยังคงไม่มีทีท่าว่าจะจบลงง่ายๆ ประเด็นของสิทธิบัตรซอฟต์แวร์ยังคงสร้างความปวดหัวให้กับโลกโอเพนซอร์สอย่างไม่หยุดยั้ง หวังว่าเมืองไทยคงไม่มีใครเผลอไปเซ็นข้อตกลงสิทธิบัตรซอฟต์แวร์เข้าในอนาคต
Get latest news from Blognone
Follow @twitterapi
Blognone Jobs Premium
Cloudnone
- ถึงคลาวด์เคราะห์: ทำอย่างไรเมื่อบริการคลาวด์ที่ใช้ถูกยกเลิก | Cloudnone EP. 21
- รู้จักอาชีพ Site Reliability Engineer สำคัญยังไง? | Cloudnone EP. 20
- อธิบาย CrowdStrike ทางเทคนิค ทำไมถึงทำพีซีจอฟ้าเป็นล้านๆ เครื่อง | Cloudnone EP.19
- Kubernetes [Part 2] ยี่ห้อไหนดี งานไหนต้องใช้ แล้วเลือกยังไง? | Cloudnone EP.18
- สงคราม AI 2024: OpenAI ชิงปาดหน้า Google วันเดียว | Cloudnone EP.17
Comments
ราวกับว่า Microsoft นั้นเข้ามาเำืพื่อบ่อยทำลายภายในของวงการ Open Source เลยครับ
เพราะว่า Novell เป็นเจ้าที่ทำเงินได้มากพอสมควร ... กินตลาด Corporate เสียเยอะ ... Microsoft คงเลือกจัดการเจ้านี้ก่อนครับ
ถ้าจะมีอะไรที่ Microsoft หมายหัวไว้คงไม่พ้น Novell กับ Sun หรอกครับ ส่วนบรรดา Distro + นักพัฒนาอื่นๆอย่าง Ubuntu, Debien, Fedora, Redhat นั้นยังถือเป็นตลาดส่วนน้อยที่กำลังเติบโต ... ยังไม่สามารถทำอะไรได้มากนัก ( เพราะดูเหมือนมันยังไม่มีตัวตน ... เป็นแค่อากาศธาตุที่จับไปก็ไม่อยู่กับมือ ) แล้วก็ถ้า Microsoft ไล่เก็บ Open Source เจ้าเล็กๆ ไล่ไปทีละคนๆก็เหมือนรังแกเด็กให้คนเค้าด่า ... เหมือนเป็นการจุดไฟใส่ฟางครับ
อย่างน้อยเรามาดูกันดีกว่าครับว่า Vista เค้าจะขายได้มาน้อยแค่ไหน .... ถ้า Software ยุค Post Bill Gates ไม่สามารถตอบสนองความต้องการลูกค้าได้ .... ผมเชื่อว่ายังไงก็จะมีบริษัทที่ทำอะไรดีกว่าออกมาครับ
ไม่แน่ .... อาจจะเ็ป็น Distro ไหนซักตัวก็เป็นได้ครับ : )
ปล.ลองนึกดูครับถ้า SUSE ใช้ Explorer.exe เป็นอีก Shell แทน Gnome & KDE : )
ขอบคุณครับ สวัสดีครับ
:: Take minimum, Give Maximum ::
divide-and-conquer ครับ งานนี้ Novell ควรจะทิ้งขนมหวานที่ MS เอามาล่อซะ ทีม SuSE หรือ Ximian เดิม ที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่กับการตัดสินใจของผู้บริหาร ถ้ากดดันผู้บริหารตัวเองไม่ได้ ก็ควรลาออกยกทีมแบบที่ Mark เสนอ แต่ถ้าต้องถึงขั้นนั้นจริง ก็เท่ากับ MS กำจัดศัตรูใหญ่ได้ เข้าทางเขาอีก ต้องกดดันให้ผู้บริหาร Novell เคลื่อนไหวเองจะดีที่สุด
ในหลายๆ สถานการณ์ จะแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของอุดมการณ์ Free Software มากขึ้นเรื่อยๆ Open Source นั้น ควรเอาแต่ methodology มาใช้ครับ แต่หัวใจต้องขับเคลื่อนด้วย Free Software ถึงจะผ่านพ้นวิกฤตต่างๆ ได้อย่างปลอดภัย
ลูกระเบิดที่ Mark โยนเข้าไป สะท้อนเข้าใส่ Mark บ้างเหมือนกันครับ คำตอบหนึ่ง จาก OpenSuSE ที่โจมตี Mark ว่าไปทำอะไรกับ Debian ไว้ (นัยว่าอย่ามาทำอย่างนั้นกับ OpenSuSE) ถูกอ้างถึงอย่างมากใน planet debian กลายเป็นการตอกลิ่มระหว่าง Ubuntu กับ Debian อีกครั้ง
thep - Novell รับเงินมาแล้ว ต่อให้ไมโครซอฟท์ยอมเลิกสัญญา จะทิ้งเงินสามสี้ร้อยล้านคงไม่ใช่เรื่องง่ายเท่าใหร่
ผมว่า ถ้าทีมงานลาออก แล้ว fork โปรเจคออกมาหมด น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุสำหรับปัญหานี้นะครับ
ถ้าลาออกมหด ดิสโทรอื่นๆ อาจจะไม่กล้าทำสัญญาอะไรอย่างนี้อีก ไมโครซอฟท์อาจจะยอมคุยกับ Software Freedom Law Center ในที่สุด
แต่ใน planet ubuntu เรีื่องนี้ไม่ค่อยเยอะเท่าใหร่ เห็นคุยกันเรื่อง proprietary driver กันซะมาก ------ LewCPE
lewcpe.com, @wasonliw
ผมว่ากรณีที่คุณ Mark (Shuttleworth นะ ไม่ใช่ ไพรีพ่ายฤทธิ์ ) ไปทำไว้กับ debian ไม่ใช่เรื่องน่าติเตียนแต่อย่างใด เพราะมันเป็นการสร้าง movement ให้ทาง debian อย่างหนึ่ง เพราะจุดอ่อนของ debian ที่ทาง ubuntu กำจัดไปแล้วนั้น ทาง debian ก็รู้ไม่ใช่ไม่รู้ แต่เหมือนกับว่าทำเป็นไม่ได้ยิน พอมี ubuntu ก็เลยมีการแก้ในส่วนต่าง ๆ เหล่านั้นพอสมควร (เห็นว่า deb 4 จะออกปีหน้านิ)
ส่วนกรณี Novell ผมว่าแกคงติดกับ MS เข้าไปเต็ม ๆ กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ยิ่งเรื่องเสียความน่าเชื่อถือด้วยแล้ว อูยส์........ แก้กันสามปีอาจจะไม่หาย งานนี้ก็มีแต่แฟน ๆ OpenSuSE ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในยุโรปเท่านั้นละครับที่พอจะช่วยได้ จากการสังเกตการณ์ คนแถบนี้เขาก็หันไปใช้ ubuntu debian gentoo กันเยอะแล้วเหมือนกัน ซึ่งสาเหตุมาจากเรื่องอื่น แต่ผมไม่รู้เหมือนกันว่าพอเกิดเรื่องนี้ขึ้นมา สถานการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป
BioLawCom.De
การกระทำของ Mark ก็เป็นดาบสองคมต่อ debian ครับ ด้านดีก็อย่างที่คุณ bow_der_kleine ว่าไป ด้านที่เสียก็มี คือเป็นการดูดทรัพยากรไปจาก debian (เห็นชื่อ DD ที่ ubuntu จ้างไปทำงานด้วยแล้ว.. มีแต่ตัวเป้งๆ ทั้งนั้น) ทำให้อะไรๆ ใน debian ล่าช้าไปหลายเรื่อง เรื่องที่ว่า contribute กลับให้ debian ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคน มีบ้างไม่มีบ้าง แล้วแต่โอกาส ส่วนเรื่องที่คน OpenSuSE ตอบมานั่น ก็มีมูลในเชิงลึกเหมือนกัน (เช่น เรื่องจ้าง GNOME manager ของ debian ไป)
แต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอกนะ สำหรับผม ผมยัง happy กับที่ debian เป็นอยู่ ก็มอง ubuntu เป็น debian experimental อีกที่ แล้วก็พยายามดึง resource จาก ubuntu กลับมา debian ตามแต่โอกาสที่คนตัวเล็กๆ จะทำได้ (เช่นพวก i18n)
เออ ว่าจะแค่พูดประเด็น ubuntu-debian เป็นประเด็นเสริมเฉยๆ นะนี่ ไหงยาวขนาดนี้ได้ละ
เข้ามาเก็บความรู้ครับ...