หลังการพูดคุยกันมาหลายปีบริษัท Canonical ผู้ดูแล Ubuntu ลินุกซ์ดิสโทรชื่อดังก็ประกาศความร่วมมือกับ Linspire ส่งผลให้ Linspire รุ่นต่อไปจะใช้ Ubuntu เป็นฐานแทนที่ Debian ในขณะที่ทางฝั่ง Ubuntu นั้นจะได้ใช้งานระบบติดตั้งซอฟต์แวร์ Click 'n Run ของทาง Linspire ที่มีไว้เพื่อการติดตั้งไดรเวอร์ และซอฟต์แวร์ที่ไม่ได้เป็นซอฟต์แวร์โอเพนซอร์สจำนวนมาก
ปัจจุบันนี้หากผู้ใช้งาน Unbuntu ต้องการติดตั้งซอฟต์แวร์ปิด จะต้องติดตั้งผ่านทางระบบติดตั้งที่ไม่ได้รับการซัพพอร์ตจากทาง Ubuntu โดยตรง ด้วยการร่วมมือนี้ ทาง Canonical สามารถซัพพอร์ตซอฟต์แวร์ปิดที่ได้รับไลเซนส์มาอย่างถูกต้องได้
การซัพพอร์ตซอฟต์แวร์ปิดของ Linspire ทำให้ดิสโทรนี้สร้างความไม่พอใจกับชุมชนโอเพนซอร์สอยู่เนืองๆ แต่การซัพพอร์ตซอฟต์แวร์ปิดเหล่านี้ก็ทำให้ฮาร์ดแวร์จำนวนมากสามารถใช้งานกับ Linspire ได้สะดวกกว่าดิสโทรอื่นๆ
ที่มา - DesktopLinux.com
Comments
ทำแบบนี้ดีมั๊ก ๆ จะทำให้รองรับอุปกรณ์รุ่นใหม่ ๆ ได้หลากหลาย โดยเฉพาะเกมส์ ถ้าสามารถใช้การ์ดจอรุ่นใหม่ล่าสุดได้ ต่อไปคงได้มีเกมส์ทะยอยมาอยู่บน Linux มากขึ้น ปัญหาเดียวคือ เมื่อไหร่ภาษาไทยบน Linux มันจะดีกว่าที่เป็นนะ เลยยังคงต้องใช้วินโดวส์อยู่ Tahama Font นี่ยังสวยกว่า Loma เยอะ ไม่ชอบของทดแทน แต่อยากได้ที่สูสีกัน
คุณ Gmz ใช้ฟอนต์ Tahoma ใน Linux ก็ได้นี่ครับ ถ้าไม่ชอบ Loma
ติด License ครับ Microsoft อนุญาตให้ใช้ Font ได้ในวินโดวส์และ mac os เท่านั้น ไม่รวมถึง Linux
Gmz - เท่าที่ผมเข้าใจ ไลเซนส์ของ Microsoft Core Font จะระบุให้สามารถเผยแพร่ได้โดยห้ามดัดแปลงนะครับ
เทคนิคทางกฏหมายที่ลินุกซ์นำมาใช้คือเขียนตัวอ่านไฟล์ .cab ที่ไมโครซอฟท์ใช้แจกจ่ายฟอนต์ชุดนี้ แล้วแจกจ่ายไฟล์นี้เหมือนกับที่ทางไมโครซอฟท์แจกทุกประการ ไม่ได้ดัดแปลง
อาจจะดูเลี่ยงบาลีไปหน่อย แต่ถ้าว่ากันตามนั้นคงไม่ผิดจริงๆ ------ LewCPE
lewcpe.com, @wasonliw
1, Microsoft Core Font ไม่รวม Tahoma นะครับ 2, สำหรับผม บน Ubuntu 6.10 ซึ่งใช้ libfreetype ตัวใหม่ ใช้ฟอนต์ Loma โดยปรับแต่งนิดหน่อย ก็ OK นะครับ นี่ก็ใช้อยู่ตลอด
--
--