งานวิจัยล่าสุดจากคณะจิตวิทยามหาวิทยาลัยมิชิแกน อาจจะเป็นหลักฐานชิ้นแรกที่แสดงว่าการฝึกสมองช่วยให้เราฉลาดขึ้นได้จริง (ตอนนี้เรียกได้ว่าเป็นความเชื่อซะมากกว่าครับ เพราะไม่มีงานวิจัยรองรับ)
งานนี้เรียกว่าสร้างความตื่นเต้นได้มากพอสมควรครับ เพราะงานวิจัยที่ผ่านๆมา ไม่มีงานไหนเลยที่สามารถแสดงให้เห็นได้ว่า ผลจากการฝึกอย่างหนึ่งสามารถส่งผ่านไปยังการทดสอบอีกแบบหนึ่งได้ เช่นฝึกในแบบฝึก A ก็จะทำแบบฝึก A เก่งขึ้น แต่พอไปทำแบบฝึก B ก็ง่อยพอๆกับคนไม่เคยฝึกแบบฝึก A มาก่อน
แต่ในงานวิจัยนี้พบว่าการฝึก "ความทรงจำเฉพาะหน้า" (แบบฝึก A) สามารถส่งผลต่อการทดสอบ "ความเฉลียวฉลาดแบบยืดหยุ่น" (แบบทดสอบ B) ได้ครับ และผลทดสอบที่เพิ่มขึ้นนี้เกี่ยวข้องโดยตรงกับปริมาณการฝึกด้วย (ยิ่งฝึกเยอะยิ่งทดสอบได้คะแนนเพิ่มขึ้นเยอะ)
โดยจุดที่อาจจะทำให้งานนี้ต่างจากงานอื่นๆก่อนหน้านี้ก็คือ งานนี้ใช้แบบฝึกที่ปรับระดับความยากตามความสามารถของผู้เข้าร่วม ซึ่งอาจจะกินแรงสมองมากกว่าแบบฝึกอื่นๆที่งานวิจัยก่อนๆใช้กัน
ทั้งนี้ต้องเตือนกันไว้นิดนึงครับว่านี่พึ่งจะเป็นงานวิจัยชิ้นแรก และใช้การฝึกแค่แบบเดียว อาจจะต้องรอให้มีงานวิจัยสนับสนุนให้มากกว่านี้ก่อนถึงจะเชื่อได้ 100% ว่าการฝึกสมองช่วยให้เราฉลาดขึ้นได้จริงครับ
ที่มา: Scientific American
บทคัดย่อ: PNAS
ภาคผนวก - อธิบายคำศัพท์เฉพาะทาง: (ผมตั้งคำแปลขึ้นเองนะครับ เพราะไม่มีข้อมูลในเว็บราชบัณฑิต)
Comments
บริหารหน่วยความจำใน RAM ได้ดี
ประสิทธิภาพการประมวลผลก็ดีขึ้นเป็นธรรมดา
การฝึกก็ช่วยได้ส่วนหนึ่ง แต่คงสู้ "born to be.." ไม่ได้
ปล. ชอบโมเดลของ Baddeley ครับ ดูเป็นสัดส่วนดี
ง่ายต่อการไป implement AI
ง่ะ แล้วทฤษฎีอัจฉริยภาพหลายประการล่ะครับ ผมว่ามันสอดคล้องไปด้วยกันนะกับงานวิจัยชิ้นนี้
อันนั้นก็เป็น "ความเชื่อ" เหมือนกันครับ เพราะไม่มีหลักฐานจากการวิจัยสนับสนุนเลยซักชิ้น (เป็นแค่ทฤษฎีที่ดร.การ์ดเนอร์คิดขึ้นมาลอยๆเท่านั้น และก็มีคนคัดค้านอยู่เยอะพอสมควร)
อีกอย่างหนึ่งคือ จริงๆแล้วทฤษฎีนี้ชื่อว่า ทฤษฎี "ความเฉลียวฉลาดหลายประการ" (Muliple Intelligence หรือ MI) นะครับ ไม่ใช่ "อัจฉริยภาพ" (ผมคิดว่าที่คุณหนูดีใช้คำว่า "อัจฉริยภาพ" นี่มันดูจะเกินจริงไปหน่อย ซึ่งน่าจะทำเพื่อผลทางการตลาด เพราะคำว่าอัจฉริยะมันติดปากคนได้ง่ายกว่า)
ส่วนเรื่องในข่าวนี้ผมว่าค่อนข้างจะไปทางตรงข้ามกับทฤษฎีนี้นะครับ เพราะจะค่อนไปทางทฤษฎีความเฉลียวฉลาดแบบรวม (Global Intelligence - ไม่มีการแยกเป็นสายๆแบบทฤษฎี MI) ซะมากกว่า
ปล. จะมีแฟนคลับคุณหนูดีตามมาด่าผมมั้ยเนี่ย :P
ตอนนี้เพื่อนผมเอามาปล่อยให้เล่นพอดีเกมส์ Brain Challenge ลองไปโหลดมาดูนะคับ
ผมชอบมากเลย เป็นเกมส์ฝึกสมองอ่ะ
เห็นด้วยครับ แต่เอ มันเป็นแบบฝึกเฉพาะหน้าหรือเปล่าครับ เพราะว่าผมเล่นจนคล่องแต่ว่าก็ไม่เห็นจะคิดเร็วขึ้นเท่าไหร่เลย ^^"
แหม แต่ผมว่ามันน่าจะจริงน้า ไม่งั้นอาจารย์จะสั่งการบ้านเด็กทำไมเป็นกระตั๊ก เพราะข้อสอบก็ไม่มีเหมือนการบ้านอยู่แล้ว
แต่ Methodologies ก็ยังใช้ได้เหมือนกันไม่ใ้่ช่เหรอครับ ยิ่งฝึกเยอะก็ยิ่งเข้าใจมากขึ้นนะ ผมเคยเป็น
กินอาหารเสริมพวก vit b ซิครับ ช่วยได้เยอะเลย อยากให้ลองกินกันจริงๆ
macXide กล้าคิดเพื่อโลกของความเป็นจริง - อาหารเสริมนี้ดีจริง ท่านลองกิน N-acetyl L-cysteine (NAC) ดูแล้วท่านจะเลิกหงุดหงิดกับงาน
ขอบอกไว้นิดนึงครับว่า วิตามินตัวที่มักจะเอามาโฆษณากันว่าช่วยเพิ่มพลังสมองคือ วิตามิน B12 นั้นมีส่วนช่วยในการทำงานของสมองจริงครับ... แต่ปริมาณที่จำเป็นต่อการทำงานของสมองนั้นมันน้อยมากๆ (ต่อให้ไม่ได้รับวิตามินตัวนี้เป็นอาทิตย์ก็ไม่ได้ทำให้เกิดอาการใดๆ) แถมยังพบได้ทั่วไปในอาหารประเภทเนื้อสัตว์ทุกชนิด
เรียกว่าถ้าไม่ได้บ้านอยู่ในถิ่นทุรกันดาร หรือเป็นมังสวิรัติแบบเคร่งครัดจริงๆ ก็ไม่มีความจำเป็นใดๆที่จะต้องกินวิตามินตัวนี้เสริมครับ
อีกอย่าง การกินวิตามินเข้าไปมากเกินกว่าที่ร่างกายต้องการ มันไม่ได้มีผลช่วยอะไรขึ้นมานะครับ... นอกจาก placebo effect (พูดง่ายๆคือคิดไปเองว่ากินแล้วดีขึ้น) แถมถ้ากินเยอะเกินไปมากๆจะกลายเป็นผลเสียซะด้วยซ้ำ
ถ้าแบบทดสอบมีความยากระดับเดียวกันและเนื้อหาใกล้เคียงกันก็น่าจะได้นะ แต่ถ้าคนละเรื่องกันเลยก็ไม่น่าจะมีผลส่งต่อกันมาได้
การใช้ยาประเภท acetylcysteine ควรอ่านคำเตือนให้ดีก่อนครับ
ครับผม 1 capsule per 1 day แต่ผมกิน 8 เม็ด per day หากเราไปรับประทาน กลูต้าไทโอนในปริมาณ เท่ากับ การฉีด ก็จะได้ acetylcysteine เท่ากับเราได้รับเยอะกว่าการกิน NAC ถูกไหมครับผม แล้วผลต่อมาคือ ไตจะมีปัญหาถูกไหมครับ หลังจากนั้นให้เราจำไว้เสมอว่า กินน้ำหลังจากการกิน NAC ในปริมาณที่เยอะขึ้น เพราะส่วนที่ได้รับเกินจะถูกขับออก ส่วนตัวแล้วผมมองว่า NAC มีประโยชน์กว่าการให้โทษ สิ่งมุ่งหวัง: ความขาว ผลการตอบรับ ค่อนข้างดี และสุดท้ายการบำรุงตับ
macXide กล้าคิดเพื่อโลกของความเป็นจริง - อาหารเสริมนี้ดีจริง ท่านลองกิน N-acetyl L-cysteine (NAC) ดูแล้วท่านจะเลิกหงุดหงิดกับงาน
กินน้ำเยอะมากไปก็ไม่ดีนะคับ ผมว่าวิธีการของคุณมันทำลายร่างกายชัดๆ
+1 ครับ...
เท่าที่ดู รู้สึกคุณ macxide จะใช้วิธีกินยาเข้าไปมากๆเกินปริมาณที่กำหนด (overdose) เพราะอยากได้ผลเยอะๆ แล้วดื่มน้ำตามมากๆเพื่อหวังจะให้่ผลข้างเคียงมันหายไป แต่จริงๆแล้วมันจะกลายเป็นผลเสียทวีคูณซะมากกว่าครับ (นอกจากผลข้างเคียงจากยา แล้วยังทำสมดุลอิเล็กโตรไลท์ในร่างกายเสียอีก)
อีกข้อนึงคือ ผลข้างเคียงของ acetylcysteine ไม่ได้เกี่ยวกับไตนะครับ แต่ไปเกี่ยวกับการทำงานของปอดและหัวใจ (กินมากเกินไปมีสิทธิ์ขาดอากาศหายใจ หรือสมองขาดออกซิเจนได้ครับ)
ปล. จะว่าไป รู้สึก comment จะเริ่มออกทะเลแล้วนะครับเนี่ย :P
ขอข้อมูลเพิ่มเติมแหล่งอ้างอิงทางวิชาการด้วยครับว่า เกี่ยวกับ ปอด และ หัวใจ.... น่าสลดใจจัง ขอเยอะๆเลยก็ได้นะครับ(ต่างประเทศ)
ติดต่อทางอีเมล์ก็ได้ครับผม macxide@live.com ขอบพระคุณมากๆครับ
macXide กล้าคิดเพื่อโลกของความเป็นจริง - อาหารเสริมนี้ดีจริง...
หันมากินผักและผลไม้ให้มากขึ้นด้วยก็ดีนะครับ
กินขนาดสูง ต่อเนื่องกันนานๆ ระวังจะเป็นแผลในกระเพาะอาหารนะครับ เพราะ NAC มันไม่ได้สลายแต่เสมหะในหลอดลม มิวคัสในกระเพาะอาหารมันก็สลายได้นะครับ
Little RX
My Twitter
หมอก็ใช้ยากลุ่มนี้กับพวกอัดพาราเข้าไปเกินขนาด คือมันใช้เป็นยาล้างพิษพาราได้ครับ
นอกนั้นผมไม่เห็นมีความจำเป็นต้องกิน
จะว่าล้างพิษก็ไม่ใช่หรอกครับ น่าจะเรียกว่าลดพิษมากกว่า เพราะการทานพาราเซตามอลเข้าไปมากๆ ทำให้เอนไซม์ที่ใช้ในการเปลี่ยนแปลงพาราเซตามอล ให้เป็นสารที่ไม่มีฤทธิ์ มันมีไม่พอ เลยต้องทาน NAC เข้าไปช่วยเพิ่มเอนไซม์นี้ให้เพียงพอกับการเปลี่ยนแปลงพาราเซตามอลครับ
Little RX
My Twitter
รบกวนสอบถามนิดนึงครับ หลายท่านคงมองว่า NAC ไม่ได้จำเป็นในการช่วยเรื่องจุดมุ่งหมายเพื่อความขาว เพราะผลวิจัยยังไม่มีใครกล้าออกมายอมรับ แต่จริงๆแล้ว กลุ่มซิสเทอีนนี้ เป็นหนึุ่งในโมเลกูลของกลูต้าไธโอน แล้วจริงๆโครงสร้างเดียวที่ช่วยในเรื่องผิวขาวนั้นก็คือ NAC เราเลยหันมากิน NAC เพื่อการหวังผลทางเรื่องความขาว แต่เรากินไปในปริมาณที่มาก แต่ยังนับว่าน้อยกว่าการรับประทานเพื่อล้างพิษยาพาราอยู่ดี อันนี้ผมไม่เถียงนะครับผม NAC ผมลองรับประทานติดต่อกันแล้ว 2 เดือนวันละ 6-8 เม็ด พิษจากการไม่ได้หลับไม่ได้นอนมันก็หายเพราะ NAC ช่วยในเรื่องการฟื้นฟูตับจริงๆและมีแหล่งข้อมูลอ้างอิงจากหลายแหล่งว่า การได้รับกลูต้าไธโอนอย่างเดียว กลับไม่ช่วยในการสังเคราห์กลูต้าที่มาจากร่างกาย แถทยังลดระดับการผลิตกลูต้าไธโอนจากร่างกายลงด้วยซ้ำ แต่ NAC กลับช่วยในเรื่องนี้ขึ้นมา เพราะ NAC เน้นการสังเคราห์จากร่างกายจริงๆ และมีผลงานวิจัยจากเมืองนอกหลายประเดนเรื่องที่ว่า การนำเข้ามาเมืองไทยปุ๊บ จัดเป็นยาทันที เมืองนอกเค้ากินเล่นเป็นอาหารเสริมได้เลยก็ว่าได้ เพราะ NAC ที่ผมรับประทาน จัดเป็น Supplement ไม่ใช่ "ยา" เค้าได้เขียนข้างกระปุกว่ากินวันละ 1 เม็ดต่อวัน ผมกินไปเยอะ ผลตอบรับเรื่องผิวขาว ผมว่ามันดีขึ้นจริง ผมอาจจะยังไม่รู้เรื่องนี้เท่าพี่ๆ ก็ให้คำปรึกษาน้องๆด้วยก็แล้วกันครับผม ผมอยากให้มีหลายความคิดเห็น แต่ผมก็โดนกดลบอีกแล้ว เพราะการที่ผมไม่ได้ใส่แหล่งอ้างอิง หรือเชื่อถือในที่มาไม่ได้ ข่าวเรื่องกลูต้าไธโอนนั้นเคยได้อ่านกันอยู่แล้ว ว่ามันไม่ดี มันอาจจะทำให้ตาย อันนั้นคือปริมาณมากๆ แต่ผมได้ศึกษารายละเอียดนั้นอยู่แล้ว NAC ผลดีมันก็เยอะ ลองค้นหาบทความใหม่ๆใน google โดยไม่อิงจากตำราดูครับ Explorer ดี ส่วนเรื่องล้างพิษยาพาราได้ ถ้าท่านนอนดึก ตับร้อนแล้ว หากท่านไม่ลองแล้ว ท่านคงไม่มองเห็นคุณค่าของมันอีกอย่างนึงได้เลยเพราะโดยรวมเข้าใจว่า ยาตัวนี้ขบสเลด ล้างพิษยาพารา เท่านั้น แต่ว่า ทำไมไปอยู่ในกลูต้าไธโอนหละครับ แล้วทำไมเค้ากินกันทุกวันได้ อันนี้ผมว่าข้อมูลวิชาการในไทยกับเมืองนอก บิดเบือนไปเยอะ
macXide กล้าคิดเพื่อโลกของความเป็นจริง - อาหารเสริมนี้ดีจริง...
บุญรักษาครับ