สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า Grab ใกล้ปิดดีลเพื่อซื้อกิจการทั้งหมดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของ Uber แล้ว หลังจากที่มีข่าวก่อนหน้านี้ โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปทั้งหมดใน 1-2 สัปดาห์ข้างหน้า
ในเงื่อนไขการควบรวมนั้น Grab จะได้ตัวธุรกิจทั้งหมดของ Uber ในภูมิภาค ซึ่งสิ่งตอบแทนก็คือ Uber จะเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใน Grab ซึ่งตัวเลขจะอยู่ราว 20% ทำให้ Grab ต้องเจรจากับนักลงทุนปัจจุบันด้วยเนื่องจากต้องมีการออกหุ้นเพิ่มทุน ซึ่งหนึ่งในนักลงทุนที่เจรจาก็คือ SoftBank ที่เป็นผู้ลงทุนหลักทั้ง Grab และ Uber
ดีลนี้ถือเป็นการได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย โดย Grab เองก็จะกลายเป็นผู้นำในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ตอนนี้ให้บริการแล้วใน 178 เมือง ส่วน Uber เองก็ได้ปรับโฟกัสเน้นเฉพาะตลาดที่สามารถทำกำไรได้ดี ซึ่งสัญญาณล่าสุดจากซีอีโอ Dara Khosrowshahi นั้น ตลาดเอเชียที่เขายังสนใจคือ อินเดียและญี่ปุ่น
ที่มา: Bloomberg
Comments
ไม่เอา T_T
Coder | Designer | Thinker | Blogger
เห้ออออออออ การแข่งขันหมดไป
ส่วนตัวใช้แต่ grab
ส่วนตัวถ้าไม่โดน Uber แบนแบบงงๆ ไม่มีเหตุผล เมล์ไปก็ไม่แก้ให้นี่ผมไม่ใช้ Grab เลยครับ Uber ถ้ามีรถอยู่ในเขตยังไงก็ได้รถ แต่ Grab ถ้าอยู่ในจุดที่เขาไม่อยากมารับหรือไปที่ๆเขาไม่อยากไปกดยังไงก็ไม่มีคนรับครับ แย่กว่าเดินออกไปโบกรถแทกซี่อีก โบกรถในที่โบกยาก โบก 10-20 คันยังอาจมีรับซักคัน แต่เรียกแกรบบางช่วงเวลาเรียกให้ตายก็ไม่มีคนรับครับต่อให้มีรถในระยะเรียกก็ตาม มีรถห่างไปไม่กี่ร้อยเมตรตั้งหลายคันยังไม่มีคนรับก็มี ยังไม่พูดถึงเรื่องราคาที่ Grab คิดราคาแบบมั่วๆในหลายเส้นทาง บางที่ระยะใกล้กว่าดันแพงกว่าที่ๆระยะไกลกว่า เพราะระบบคิดจากเส้นทางที่มันคำณวนเองแต่ความจริงมีทางที่ใกล้กว่านั้นมากแต่ไม่คิดก็มี
บังเอิญเรียกแต่ grab taxi หน่ะครับ เลยไม่เคยเจอคิดราคาแปลกๆ ส่วน uber แบบรถทั่วไปก็อยากจะเรียกใช้อยู่แต่ไม่เคยได้มีโอกาสใช้สักครั้ง
grab มันเป็นเพียงแอพเรียกเท่านั้น
สันดานก็ยังแท็กซี่อยู่
ซอยลึก ส่งไกล เรียกไปเหอะ ปีนึงก็ไม่มีใครมารับ ทั้งๆที่วิ่งอยู่รอบๆเกือบ 10
ใช้โค้ดลด จ่ายเงินสดน้อย คนขับก็ไม่พอใจ คงอยากได้เงินสดไปหมุนมั๊ง
หลังๆถ้าจำเป็นต้องใช้ ตัดบัตรอย่างเดียว สะบัดตูดลงได้เลย ไม่ต้องไปคุยกับมัน
uber มีความรับผิดชอบกว่ากันมาก ระบบ คน และแอพ เรียกได้ว่าคนละชั้น
ถ้า uber ออกจาก sea ก็ซวยไป
+1
ขนาดเรียกที่ เซ็นทรัลเวิลด์ ยืนรอเกือบครึ่งชั่วโมง รับแต่ต่างชาติ
โดนแซงคิวเป็น 10 ไม่ได้ขึ้นซักที
สุดท้าย ยอมขึ้น ตุ๊กๆ กลับ
เกลียด Taxi ประเทศไทย สุดๆ ไม่ใช้บริการอีกเลย
ที่อูฯ เหมือนจะดีกว่า เพราะใช้งบmarketingอัดแคมเปญ incentive ให้คนขับมากกว่า....เคยอ่านที่เขาคุยกันในกลุ่มคนขับ ก็กลุ่มเดียวกันนั่นแหละสลับเปิด app กันบ้างก็มี ยิ่งคนเยอะ ก็ยิ่งเจอปัญหาเยอะ
โดยตัวระบบยังอยู่ไม่ได้ด้วยตัวเอง พองบmarketing หมดโปรโมชั่นหด ก็แบบที่เห็น...
เรื่องโบกไปไกลๆแล้วไม่ไป เจอบ่อย ต่อให้มีค่ายappเรียกรถมากแค่ไหน ถ้าคนขับดูแล้วไม่คุ้ม เช่นวิ่งข้ามเมือง30-40kmแล้วขากลับดูไม่น่าจะมีผู้โดยสาร เขาก็ไม่ยอมไปง่ายๆหรอก (ที่แรกๆยอมไปเพราะได้incentive ชดเชยมา) โลกแห่งความจริง ไม่มีใครยอมขาดทุนหรือกำไรน้อยกันง่ายๆ อันที่จริงก็มีทริก อย่างการเรียกไปจุดต่อรถที่นิยมกันเอา เรียกสองรอบ แพงขึ้นนิดหน่อย แต่โบกสิบคันก็ไปสิบคัน
แน่นอน uber มัน subsidizeให้ ถึงทำได้
ซึ่งมันเป็นหน้าที่ของผู้ให้บริการอยู่แล้ว ที่ต้องเอาเงินส่วนหนึ่ง มาชดเชยเพื่อให้บริการส่วนอื่นๆได้มาตรฐาน
โลกแห่งความจริงเขาทำกันแบบนี้ โมเดลธุรกิจพื้นๆ
ไม่ใช้เอาตัวเองลอยเหนือปัญหาแบบที่ grab ทำอยู่
หรือไม่จริง?
โมเดลธุรกิจพื้นๆแบบนี้นี่แหละครับ เขาเรียกว่าการทุ่มตลาด ที่กฎหมายหลายประเทศพยายามป้องกันอยู่
ดำเนินงานแบบขาดทุนเพื่อขจัดคู่แข่งแบบนี้ คุณแน่ใจเหรอครับว่าถ้าในอนาคต'เค้าอยากจะมีกำไร'สิ่งต่างๆที่คุณไม่ชอบจะไม่เกิดขึ้น?
ถ้าจะพูดถึงโลกแห่งความจริง ผมก็คงพูดได้ว่าไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ และทุกอย่างคงไม่ได้ดั่งใจเราไปซะทุกเรื่องครับ
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
ก็ไม่รู้ว่าการที่ Grab จะซื้อ UBER SEA นี่มันต่างจากการผูกขาดตลาด แบบที่กฎหมายหลายประเทศเขาห้ามกันมาเป็นสิบปีแล้วยังไง
ซึ่งกฎหมายการแข่งขันทางการค้าทุกที่ หัวข้อที่สำคัญที่สุดคือการการควบคุม การควบรวมกิจการ
ดีลนี้ ถ้าเป็นฝั่งยุโรป คิดว่าจะเกิดขึ้นได้ไหม?
แล้วมีอะไรการันตีว่าอนาคต Grab ไม่อยากจะมีกำไรเพิ่มขึ้น จากการทุ่มทุนซื้อ UBER
คิดแบบนี้ โลกแห่งความจริงก็คงต้องก้มหน้าทนๆไป อย่าไปเรียกร้องอะไร เขาทำให้เรียกก็บุญเท่าไหร่แล้วละมั๊ง
และก็ปล่อย Grab มันลอยตัวอยู่เหนือปัญหาต่อไปละกัน
ผมไม่เคยบอกว่า Grab ดีนี่ครับ?
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
ประเด็นสำคัญคือ ทำแล้วมันไม่รอดไงครับ เอาเงินการตลาดมาทุ่ม แล้วทำกำไรไม่ได้ ก็ต้องถอนตัว ถ้ากำไรดี เขาจะถอนทำไม คิดง่ายๆ
ตราบใดที่แก้ปัญหาไม่ตรงจุด มันก็แก้ไม่ได้แบบนี้แหละ
ใช้ uber เจอทั้งรถเหม็นบุหรี่ เจอทั้งคนขับเล่นแต่มือถือ ดูดาวแล้วเยอะด้วย สงสัยมีแต่เราที่ไม่ชอบ
สรุป กลุ่มคนขับสองเจ้านี้ พอกัน อยู่ที่ใครจะซวยเจอหรือไม่เจอ
คนขับก็กลุ่มเดียวกันแหละครับผมว่า บางคนเปิดสองแอพพร้อมกันเลยครับ
ส่วนมากผมชอบ grab มากกว่านะถือว่าความต้องการตรงกัน
จะได้ไม่ต้องลำบากใจแต่แรก บางทีกด uber จะนั่ง 1.5km
รถโดนตามมาจากอีกที่ 10km มาทีไรคนขับก็ดูหน้าเซ็งๆ
คือถ้าเรียก grab แล้วหารถยากผมระบุไห้เงินเพิ่มไปเลยจะได้หารถง่ายขึ้น
+1 ผมว่า grab ยืนยาวกว่า uber เพราะแฟร์กับคนขับมากกวว่า uber อวยลูกค้ามากไป ข้อดีคือลูกค้าเยอะกว่าแค่นั้นเอง
ผมใส่ในโน๊ตบอกเพิ่มตังให้ยังไม่มาเลยครับ หรือผมต้องให้ 2เท่าของค่าโดยสารเป็นอย่างต่ำก็ไม่รู้นะสงสัยให้น้อยไปแค่ 20-30%
เรื่องรถมาจากที่ไกล ผมว่ามันอยู่ที่คนเรียกแล้วล่ะเป็นผมผมกดทิ้งเลยนะ ถ้าเขาโทรมาผมก็จะบอกว่าพี่มารับไม่คุ้มหรอกเดี๋ยวกดยกเลิกให้ 10โล กับระยะทาง 1.5ก.ม. ผมเดินเท้าถึงก่อนรถมารับอีก ไม่รอให้เปลืองเวลาหรอกครับ จริงๆ Uber ควรให้ทั้ง คนขับและผู้โดยสารเลือกด้วยซ้ำว่าจะขอรถที่อยู่ในระยะไม่เกินกี่ ก.ม. เท่านั้น หรือจะรับ ผดส. ในระยะไม่เกินกี่ ก.ม. เท่านั้น ถ้าคนขับอยากได้ลูกค้ามากก็เพิ่มเขตรับ ผดส. เอา ชอบรับใกล้ๆก็ลดเขต และในแง่ของการแก้บัญหาแทกซี่ในประเทศไทยผมว่าวิธีแบบ Uber ดีกว่า แกรบ เยอะ วิธีของแกรบมันก็แค่เปลี่ยนจากวิทยุมาเป็น App เท่านั้นเองแถมคิดราคาแพงกว่าเดิมอีก ไม่ได้แก้ปัญหาอะไรเลย
ส่วนเรื่องราคาโดยสาร ผมอาจเอาเรตแทกซี่ปกติเป็นที่ตั้งนะว่าเรตนี้มันแฟร์แล้ว เลยว่าแกรบมันแพง (ถ้าไม่มีโปรนะ ซึ่งโปรคงหายไปแน่นอนถ้าไม่มีคู่แข่งแบบ Uber แล้ว) แต่ Uber นี่พอๆกับแทกซี่ปกติเลยอาจแพงกว่าในบางสภาพจราจร ซึ่งถ้าในมุมมองคนขับก็คงว่าแกรบดีกว่าล่ะ แต่ในมุมมอง คนนั่งแบบผมผมว่า Uber ดีกว่าอยู่ละ
เหมือนเป็นข่าวร้ายแฮะ ผมหนีจากแกร้บมาเป็นอูเบอร์ถึงแม้ว่าแกร้บจะได้เงินเยอะกว่าก็ตาม
ผูกขาดสินะแบบนี้