แผนการควบกิจการระหว่าง T-Mobile และ Sprint มีการคุยกันมาอย่างยาวนาน และล่มมาแล้วหลายรอบ (รอบล่าสุดคือ พ.ย. 2017) แต่ในที่สุด ทั้งสองบริษัทก็สามารถเจรจากันได้สำเร็จ (สักที)
บริษัทใหม่จะใช้ชื่อว่า T-Mobile โดย John Legere ซีอีโอของ T-Mobile จะนั่งเป็นซีอีโอของบริษัทใหม่ ส่วน Marcelo Claure ซีอีโอของ Sprint จะไม่มีตำแหน่งบริหาร แต่จะได้เป็นบอร์ดของบริษัทใหม่ ร่วมกับ Masayoshi Son ประธานและซีอีโอของ SoftBank เจ้าของปัจจุบันของ Sprint
ภายใต้โครงสร้างของบริษัทใหม่ Deutsche Telekom บริษัทแม่ของ T-Mobile จะถือหุ้น 42% และ SoftBank จะถือหุ้น 27% ส่วนที่เหลือเป็นของผู้ถือหุ้นทั่วไปในตลาดหลักทรัพย์
การควบกิจการครั้งนี้ใช้วิธีแลกหุ้นทั้งหมด (ไม่มีเงินสดเลย) โดยผู้ถือหุ้น Sprint จะได้รับหุ้น T-Mobile จำนวน 0.10256 หุ้น ทำให้มูลค่าของ Sprint ในการควบกิจการอยู่ที่ 59 พันล้านดอลลาร์ ส่วนบริษัทใหม่ที่ควบรวมเสร็จแล้วจะมีมูลค่า 146 พันล้านดอลลาร์ กระบวนการจะเสร็จสิ้นในครึ่งแรกของปี 2019
การควบกิจการระหว่าง T-Mobile และ Sprint จะทำให้การแข่งขันในตลาดมือถือสหรัฐยุค 5G เข้มข้นขึ้น เพราะรายใหญ่อย่าง Verizon และ AT&T ต้องเจอกับคู่แข่งที่สมน้ำสมเนื้อมากขึ้น ซึ่ง John Legere ก็ประกาศสงครามในแถลงการณ์ควบกิจการ ว่าบริษัทใหม่จะใช้อาวุธทุกอย่าง ทั้งเครือข่าย นวัตกรรม และราคา สู้กับรายใหญ่ทั้งสอง
ที่มา - T-Mobile
Comments
Usa , usa vs germany + japan
อาวุธอีกอย่างน่าจะเป็นฝีปาก CEO นี่แหละ
ขอความรู้หน่อยครับ การแลกหุ้นแบบนี้ผิดกฎหมายที่นู่นมั้ย กฎหมายที่นู่นต่างกับไทยยังไง ทำไมทักษิณทำถึงผิด ผิดอย่างไร เพราะอะไร
ขอบคุณครับ
ถ้าพูดถึงการโอนหุ้นให้คนรับใช้อันนั้นไม่ใช่การควบรวมกิจการแต่เป็นการลดการถือหุ้นเพื่อให้เสียภาษีน้อยลงครับ
ซึ่งผิดที่หลีกเลี่ยงการเสียภาษี แต่ถ้าหมายถึงหุ้น ปตท. ที่เค้าวิจารณ์กัน อันนั้นเพราะเป็นการแปรรูปรัฐวิสาหกิจครับ หรือความพยายามในการแปรรูป กฟผ. เพื่อเอาเข้าตลาดหุ้น ซึ่งตรงนี้หลายคนมองว่าชาติเสียผลประโยชน์เพราะหน่วยงานพวกนี้สามารถทำรายได้มหาศาลให้กับประเทศ
โดยผู้ถือหุ้น Sprint จะได้รับหุ้น T-Mobile จำนวน 0.10256 หุ้น ? อ่านแล้วงงครับ