แอปเปิลรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 2 ตามปีการเงินบริษัท 2018 (มกราคม-มีนาคม) มีรายได้รวม 61,173 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 16% จากไตรมาสเดียวกันในปีที่แล้ว และมีกำไรสุทธิ 13,822 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 25% ส่วนยอดขายในตลาดต่างประเทศ คิดเป็น 65% ของยอดขายรวม
ท่ามกลางกระแสข่าวว่า iPhone มียอดขายไม่ดีนัก แต่ซีอีโอ Tim Cook ก็แถลงว่านี่เป็นไตรมาสเดือนมีนาคมที่ดีที่สุดของแอปเปิล โดยมีรายได้เติบโตแข็งแกร่งทั้งจาก iPhone, ธุรกิจบริการ และสินค้าอุปกรณ์สวมใส่ เขายังบอกว่าลูกค้าเลือกซื้อ iPhone X มากกว่า iPhone ทุกรุ่นในแต่ละสัปดาห์ของไตรมาสที่ผ่านมา เฉกเช่นเดียวกันเมื่อไตรมาสเดือนธันวาคม นอกจากนี้รายได้ในทุกภูมิภาคก็มีการเติบโต โดยเฉพาะจีนและญี่ปุ่น ที่โตมากกว่า 20%
iPhone รวมทุกรุ่น ไตรมาสที่ผ่านขายได้ 52.217 ล้านเครื่อง เพิ่มขึ้น 3% จากปีก่อน แต่ถ้าคิดเป็นรายได้ก็เพิ่มถึง 14% ส่วน iPad ขายได้ 9.113 ล้านเครื่อง เพิ่มขึ้น 2% และรายได้เพิ่ม 6% ที่น่าสนใจคือกลุ่มธุรกิจบริการ (Apple Music, iTunes, Apple Pay ฯลฯ) มีรายได้ 9,190 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นถึง 31%
ในช่วงแถลงผลประกอบการ ยังมีประเด็นที่น่าสนใจเพิ่มเติมดังนี้
Comments
หรืออีกนัยยะของสงครามการค้า คือ ถ้าusแพ้ จีนก็แพ้ โลกก็แพ้ ...รึเปล่า
ผมว่าใช่นะ ถ้าอเมริกาล้มละลายจริง เศรษฐกิจเป๋เละกันทั้งโลกแหง จีนก็จะโดนด้วย หลังจากนั้นก็จะมีการปรับขั้วหลังฟื้นฟู
ถ้า อเมริกาล้ม จีนที่ถือพันธบัตรรัฐบาลของอเมริกาเป็นอันดับ 1 กับญี่ปุ่นที่ถือรองมาเป็นอันดับ 2 คงไม่รอดด้วยแน่ๆ และ EU ก็น่าจะดับตามเหมือนกัน
ผมก็ว่า X มันก็น่าจะขายดีสุดล่ะนะ เพราะคงไม่ค่อยมีคนเสียตัง 30k เพื่อ iphone เหมือนเดิมเพิ่มเติมแค่ชิบใหม่ เยอะเท่าไร แต่แน่นอนว่ามันก็คงยอดขายไม่สู้ เรือธงปีก่อนๆ (แต่กำไรคงเท่าเดิมเพราะราคา)
ตอบแบบ .. ไม่ตอบ -..-
my blog
หลีกเลี่ยงไม่ได้สูง ?
ผมอยากให้ iphone X มันเจ๊ง ขายไม่ออกนะบอกตรงๆ
ผมไม่ชอบราคาหนะ อยากให้ยอดขายแบบหายยับๆขายขี้หน้าไปเลย
ผมรู้สึกว่า ราคามันกระโดดมากเกินไป ยุคที่ไอโฟนออกมือถือจอสัมผัส ผมจำได้ว่าราคาก็ไม่ได้แพงกว่าชาวบ้านสักเท่าไหร่ ราคาน่าจะเท่าๆกับ BB หรือ nokia รุ่นท๊อปในเวลานั้น ดีไม่ดีอาจจะถูกกว่าด้วยซ้ำ
และต่อมาเขาออกไอแพดมา จอใหญ่ขึ้นเครื่องใหญ่ขึ้น แต่ราคากลับต่ำลงกว่าไอโฟนอีก
ผลิตภัณฑ์มันก็เลยดึงดูด แต่เมื่อไอตัวไอโฟนX เนี้ย ราคาขึ้นไปแบบนี้ผมเลยกลายเป็นกองแช่งไปเลย
และผมคิดว่า ถ้าราคาจะขนาดนี้ ต้องใส่ ลายนิ้วมือทางเลือกแบบเดิมๆ ให้มาด้วย อย่าตัดทิ้ง ให้คนใช้เลือกไปเลย
ไม่แน่นะ คนใช้อาจจะเลือกแบบเก่าก็ได้ หรืออย่างปุ่มแบบลายนิ้วมือแบบกดได้ กับแบบ haptic กดไม่ได้แบบรุ่นปัจจุบัน ผมว่า ดีไม่ดี คนก็ยังชอบแบบเดิมแบบกดได้เสียด้วยซ้ำ
ผมกลับรู้สึกว่า สิ่งที่เขาพยายามใส่เข้ามา ไม่ใช่สิ่งที่ดีผู้บริโภคต้องการจริงๆซะด้วยซ้ำ แต่กลับเป็นสิ่งที่เ่ขาต้องในฐานะผู้ผลิตต้องการเองซะมากกว่า
แอปเปิลก็ทำแบบนี้มานานแล้วนี่ครับ ใส่สิ่งที่ตัวเองอยากทำ แล้วเคลมว่าลูกค้าต้องการ
ซึ่งผลคือลูกค้า(ที่ตอนแรกก็บ่น)ดันปรับตัวให้เข้ากับสิ่งที่แอปเปิลทำไปซะอย่างงั้น
ที่แย่ที่สุดคือเจ้าอื่นๆก็หันไปทำตามแอปเปิลกันซะหมดเนี่ยแหละ
เหมือน top notch ที่เกลียดกันเกือบทุกคน แต่พอถึงเวลาก็ใช้กันได้ แถมเจ้าอื่นดันหันมาทำเหมือนกันซะงั้น
อ..
ติ่ง หน้าจอหลายๆ เจ้าเดินตามละ ผมละแอบขำ ฮ่าๆ
ขำตอนหน้าจอใหญ่ขึ้น กับ Apple Pen (cil) บ้างมั้ยครับ
มันจะขำกว่าถ้าทุกเจ้าทำตามแล้วรุ่นหน้าแอปเปิลเลิกทำเนี่ยแหละครับ
คือของดีๆจะทำตามก็ไม่เท่าไหร่ แต่ไอ้แบบนี้ไม่รู้จะทำตามกันทำไม
จอแหว่งเจ้าอื่นก็เริ่มแหว่งตามด้วยนะ ฮาา
Apple เขาทำ product มาดี
การตลาดเขาก็ดีครับ เขาเจาะคนรู้ทาง
Technical จ๋าๆ หรือ ไม่มี PC ก็ยังได้ครับ
เกิดอะไรขึ้น เดินไป 0 เอาเงินจ่าย
ตูม จบทุกปัญหา ยี่ห้ออื่นไม่มีนะครับ
ช่วงแรกๆ ลง app กันตามตู้มาบุญครอง
ด้วยซ้ำก็ผ่านกันมาแล้ว
ถ้าแช่งกันจริงจัง สมัยก่อนกว่าจะใช้
smart phone ได้แทบตาย ไอ้ช่วง
pocket PC กับ palm pilot หน่ะ
ผมก็สาบแช่งให้มันเจ๊งทุกวัน เครื่อง O2
3 หมื่นกว่าบาท batt หมด data หาย
ยังนึกอยู่ว่า ทนใช้ไปได้ยังไง ?
ถ้าทำดีๆ Apple ไม่ได้เกิดหลอก อันนี้พูดจริง
Nokia ซิมเบี้ยนสมัยก่อนด้วยครับ เขาบอกกันเลย 5800 คือ iPhone Killer แต่ก็ไปถึงฝั่ง ยุคนั้น iPhone ยังทำอะไรไม่ได้เยอะแต่ แค่ UI ทัชลื่นไหลมากก
ยก i7 ให้แฟน แฟนบ่นอุบ เรื่องปุ่ม home
แต่บ่นอยู่แค่สองวัน
ขายดีโคตรๆ จนลดกำลังผลิตแทบไม่ทัน
ดูจากเพื่อนๆ มีไม่ถึง 1 % ที่ใช้ iPhone X ดูแล้วไม่น่าจะขายดีเลย