ปฏิเสธไม่ได้ว่าเทคโนโลยียานยนต์ปัจจุบันกำลังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการเปลี่ยนผ่านไปสู่ยุคใหม่ ซึ่งหนึ่งในนวัตกรรมที่เราเริ่มสัมผัสได้บ้างแล้วคือรถยนต์ไฟฟ้า ที่ทั้งค่ายรถอเมริกัน ยุโรปและเอเชียเริ่มเข็นกันออกสู่ตลาด
บ้านเราอาจจะยังไม่ได้รับความนิยมมากนัก แต่ในประเทศที่กำลังรณรงค์พลังงานสะอาดอย่างจีน รถยนต์ไฟฟ้าได้รับความนิยมค่อนข้างมาก และมีผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าท้องถิ่นจำนวนมาก โดยหนึ่งในแบรนด์ที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับต้นๆ คือ BYD และล่าสุดก็มีผู้นำเข้ามาขายในไทยแล้วด้วย
(อ่านเพิ่มเติมได้จากบทความ รู้จัก BYD บริษัทรถยนต์ไฟฟ้ายักษ์ใหญ่จากจีน ที่ทำมากกว่าแค่รถยนต์)
ทาง Blognone มีโอกาสได้ทดลองขับ BYD e6 รถยนต์ไฟฟ้า 100% ราวๆ 2 วัน เลยเอาประสบการณ์ใช้งานมาฝากกันครับ อย่างไรก็ตามนี่เป็นครั้งแรกที่เขียนเกี่ยวกับรถยนต์ อาจไม่เชี่ยวชาญมากนัก ถูกผิดอย่างไรขออภัยล่วงหน้า
BYD e6 จัดอยู่ในกลุ่ม MPV (Multi-Purpose Vehicle) ขนาด 5 ที่นั่ง มี 5 ประตู อาจจะด้วยจุดประสงค์ที่จะผลิตออกมาเพื่อใช้เป็นแท็กซี่เป็นหลักก็ไม่แน่ใจนัก (แต่ e6 ถูกนำไปใช้เป็นแท็กซี่มากกว่ารถยนต์ส่วนบุคคล) ทำให้ดีไซน์ของตัวรถจะค่อนข้างเทอะทะ ไม่ได้สวยหรือเด่นสะดุดตาเหมือนค่ายอื่นๆ
ภายในตัวรถค่อนข้างกว้างขวาง นั่งได้สบาย ไม่อึดอัด ยกเว้นเพียงเก้าอี้คนขับที่ไม่สามารถปรับความสูงได้ ซึ่งก็อาจจะเป็นปัญหากับคนตัวสูงๆ อยู่เหมือนกัน ส่วนพื้นที่เก็บของท้ายรถก็ค่อนข้างกว้าง แถมสามารถปรับเก้าอี้แถวหลังลงเพื่อเพิ่มพื้นที่ได้
คอนโซลกลางของตัวรถจะค่อนข้างเก่า ไม่มี Bluetooth ไม่มี USB เล่นได้แต่แผ่นซีดีหรือต่อกับสมาร์ทโฟนผ่านพอร์ท AUX เท่านั้น เช่นเดียวกับพวงมาลัยที่ไม่ได้เป็นแบบมัลติฟังก์ชัน ปุ่ม Enter กับขึ้นลง เพียงแค่ไว้ปรับ Setting จากหน้าจอตรงกลาง (ที่ตัวหนังสือเล็กมากๆ) เท่านั้น และ Cruise Control ก็ยังเป็นแบบเก่า ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลเป็นที่เข้าใจได้เพราะตัวรถเปิดตัวตั้งแต่ราวปี 2009-2010 โน่น
หน้าจอตรงกลางตอนแรกอาจจะดูรกๆ ไปหน่อย แต่ก็เข้าใจไม่ยาก ด้านซ้ายเป็นอัตราการสิ้นเปลืองหรือการใช้งานแบตเตอรีตอนเหยียบหรือปล่อยคันเร่ง ตรงกลางเป็นหน้าปัดความเร็ว ด้านขวาเป็นแบตเตอรีที่เหลือ
แน่นอนเกียร์เป็นระบบไฟฟ้า ที่คันเกียร์มีเพียงเกียร์ถอยหลัง เดินหน้าและเกียร์ว่าง ส่วนเกียร์ P เป็นปุ่มอยู่ข้างๆ เช่นเดียวกับเบรคมือเป็นปุ่มดึงขึ้น บริเวณเบาะตรงกลาง
e6 มีโหมดสำหรับการขับขี่ 2 โหมดคือ Eco และ Sport ปุ่มจะอยู่ด้านล่างสุดของคอนโซลกลาง (ตอนขับอยู่แอบกดยาก)
ความแตกต่างที่สำคัญของสองโหมดนี้คืออัตราเร่งและอัตราการสิ้นเปลือง ถึงแม้จะไม่ต้องรอรอบเครื่อง เหยียบแล้วให้ความรู้สึกทันทีว่าแรงมา แต่โหมด Eco จะเหมาะกับการขับในเมืองมากกว่า เพราะเมื่อทำความเร็วกลางๆ (ราว 60-70 km/h) ขึ้นไป เริ่มรู้สึกได้ว่าเร่งไม่ขึ้น
ขณะที่โหมด Sport อย่างที่กล่าวไปว่าที่ต่างกันชัดเจนที่สุดคืออัตราเร่ง เหยียบแล้วมาทันที แต่ไม่ได้แรงขนาดเบาะติดหนังและรู้สึกได้ว่าช่วงล่างค่อนข้างนุ่ม ส่วนเบรคเป็น Regenerative Brake จะดึงไฟกลับเข้าแบตเตอรี (ส่วนจะดึงไปช่วงไหนอะไรยังไงนี่ไม่แน่ใจนะครับ) และเบรคค่อนข้างลึกและแตกต่างกับที่เคยขับกับรถเครื่องยนต์สันดาปที่ผ่านๆ มา (ไม่แน่ใจว่ารถไฟฟ้าที่เป็น Regen Brake รุ่นอื่นๆ เป็นยังไง เพราะไม่เคยขับ) ต้องใช้เวลาสักพักเพื่อคุ้นชินทั้งการเหยียบและระยะเบรค
แบตเตอรีของ e6 เป็นแบตเตอรีแบบ Lithium iron Phosphate (LiFePO4) ขนาด 80kWh วิ่งได้ราว 300 กิโลเมตร++ ซึ่งจากการทดลองขับจริง ผมวิ่งไป 248 กิโลเมตร แบตเหลือ 24% ด้วยอัตรานี้เทียบบัญญัติไตรยางง่ายๆ ว่า BYD e6 แบตเตอรีเต็มจะวิ่งได้ราวๆ 320 กิโลเมตร ส่วนหัวชาร์จเป็นแบบ Type 2
รถคันนี้มีโหมด Discharge มาให้ด้วย คือเราสามารถเปลี่ยนแบตเตอรีรถยนต์เป็น Powerbank ขนาด 80kWh สำหรับจ่ายไฟให้กับรถยนต์คันอื่น หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ ได้เลย แค่มีปลั๊กมาพ่วงเท่านั้น
ส่วนการชาร์จ ผมชาร์จที่สถานีของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค โครงการ PEA Volta ที่พัทยา ซึ่งหัว Type 2 เป็นกระแสสลับ กำลังไฟอยู่ที่ 42kW จากแบตเตอรีราว 50% ใช้เวลาชาร์จประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่งถึงเต็ม
กระโปรงหน้ารถของ e6 ไม่ได้โล่งและเก็บของได้แบบ Tesla ซึ่งเป็นอะไรบ้างก็จนปัญญาจะทราบได้ แต่เดาว่าตัวตรงกลางอาจเป็นหม้อแปลงไฟฟ้า
Comments
โห ฟังก์ชั่นระดับนี้ 1.9 ล้าน - - เข้าใจว่าเป็นรถไฟฟ้าแต่เก่าขนาดนี้ก็ไม่ไหว
ผมคิดว่ามัน Ok นะครับ ถ้าเข้าเกียร์ P แล้วปลดล็อคประตูแบบที่คนข้างนอกเปิดประตูได้ผมว่ามันรู้สึกไม่ค่อยปลอดภัย โดยเฉพาะเวลารถติดนานๆ นี่ผมก็เข้า P เลยครับ และการล็อครถเองตอนรถเคลื่อนที่ผมก็ว่าดีนะ
อยากรู้ว่าการเปิดแอร์ทำให้ระยะทางวิ่งสั้นลงมากไหม + อยาก Test ตอนหน้าร้อนด้วยจัง
ปิดแอร์แล้วขับในไทยนี่.....
+1 ปลดล็อครถเองนี่ไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่เหมือนกันครับ
อันนี้อาจจะกันกระจกหนีบ ?
รถติดเขาให้เข้า เอ็น แล้วดึงเบรคมือ
เข้า N แล้วดึงเบรกมือสิครับ ฮอนด้าเวลาเปลี่ยนจาก D ไป N หรือกลับกัน ไม่ต้องกดปุ่มล็อคเกียร์ด้วย
+1024
เข้าเกียร์ P ตามที่ผมเข้าใจคือจอดรถเพื่อที่จะลงจากรถครับ ประตูถึงปลดล๊อคให้อัตโนมัติ
หากติดไฟแดงนานๆเข้าเกียร์ N แล้วดึงเบรคมือครับ...
รถติดเข้าเกียร์ P ถ้ามีรถมาชนท้าย เกียร์พังนะครับ
ที่ถูกคือต้องเข้า N ดึงเบรคมือ
ผมดูแล้วก็โอเคนะ สำหรับรถไฟฟ้าจีน ดูค่อนข้างดีพอสมควร
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
ราวว -> ราว
แน่ใจ -> ไม่แน่ใจ
มา -> ม้า
เพิ่งลิงก์น่าจะดี
คนขี้ลืม | คนบ้าเกม | คนเหงาๆ
แบตเตอรี => แบตเตอรี่
เบาะติดหนัง ?
บัญญัติไตรยาง => บัญญัติไตรยางศ์
ราคานี้ Hyundai Ionic เถอะครับ
หรือรอ Nissan Leaf
oxygen2.me, panithi's blog
Device: ThinkPad T480s, iPad Pro, iPhone 11 Pro Max, Pixel 6
สร้างรถเป็นแล้ว EV ซะด้วย ฮ่ะๆ
บ้านเราไม่นิยมก็เพราะหาที่ชาร์จไม่มีนี่สิ ขับไปไกลๆแบตหมดจะทำไง แถมราคาอีก
อีโค่บางรุ่นกระจกข้างก็ไฟฟ้าครับ
รอดูราคา Nissan Leaf ด้วยคน...
ขอบคุณที่นำมารีวิวครับ สนใจรุ่นนี้ ราคาสูงเกินคาดไปมาก และมีข้อสังเกตเยอะพอควร
1.แอร์เย็นไหมครับเมื่อเจอแดดแรง ๆ ของเมืองไทย
2.อยากทราบอัตราเร่ง 80-120 ครับว่าตอบสนองเป็นอย่างไรครับราว ๆ กี่วินาทีครับ
.
ต้องล็อกอินมาถามเลยครับ 55
เย็นนะครับ ผมไปพัทยาอุณหภูมิ 40 ในรถนีเปิด 24 มีแอบหนาว
ส่วนอัตราเร่งกี่วินาทีนี่หมายถึง จาก 80-120 ปะครับ ไม่ได้สังเกตขนาดนั้นเป๊ะๆ แต่จำได้ว่าตีนปลายก็ทำเร็วระดับนึงเลยนะครับในโหมด sport เทียบกับรถสันดาปอาจใกล้เคียงกันหรือด้อยกว่าหน่อย
จริงๆมันควรจะกลับกันคือ ให้มีรถไฟฟ้าจากรถถูกๆพวก eco car ก่อน ราคาไม่เกิน 3xx,xxx คนจะได้เข้าถึงได้เยอะ สถานีสร้างมาจะได้ใช้คุ้มและขยายการใช้งานอย่างรวดเร็ว แล้วค่อยๆขยับใส่เข้าไปในรุ่นใหญ่ขึ้นแพงขึ้นหรูขึ้นภายหลัง
2.4 ตัน!!! แม่จ้าววว
มีหัวปลั๊กให้เสียบชาร์ตจากไฟบ้านได้หรือเปล่านะ?
ถ้าต้องหาสถานีอย่างเดียวนี่ มีเข็นเพราะแบตหมดแน่ๆ
ไฟบ้านคือยังไงครับ ปลั๊ก 2 ขา 3 ขาไรแบบนี้อะนะครับ? ไม่มีหรอกครับยังงั้น มันมีหัวชาร์จเฉพาะ แถมแท่นชาร์จรถไฟฟ้าทีี่ติดตามบ้านมันต้องสั่งมาติดตั้งเพิ่มอยู่แล้ว ไม่รวมเดินไฟใหม่ด้วย เพราะมันต้องใช้ไฟ 3 เฟส (เฟสเดียวก้ได้ แต่ครึ่งวันเต็มอะครับ)
ถ้าใช้น้อยกว่าที่ชาร์จกลับคืนได้ก็ไม่ต้องเปลี่ยนเป็นไฟ 3 เฟส แต่เรื่องติดตั้งที่ชาร์จนี่ยังไงก็ต้องทำ และติดตั้งโดยช่างจากศูนย์ ไม่งั้นจะเป็นแบบนี้ครับ
ราคาแบบว่า เกินเอื้อมถึงจริงๆ
เบรค >> เบรก
"...ซึ่งจากการทดลองขับจริง ผมวิ่งไป 248 กิโลเมตร แบตเหลือ 24% ด้วยอัตรานี้เทียบบัญญัติไตรยางง่ายๆ ว่า BYD e6 แบตเตอรีเต็มจะวิ่งได้ราวๆ 320 กิโลเมตร..."
บัญญัติไตรยาง >> บัญญัติไตรยางค์